Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
28 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
20090128 วิพากษ์ WEST BROMWICH ALBIAN vs MAN. UNITED

ส่งสาส์นเตือนอย่างเป็นทางการ


อรุณสวัสดิ์ครับ มาพบกันหลังจากวืดไปหนึ่งนัด เนื่องจากไม่มีถ่ายทอดสดเอฟ เอ คัพ ผมจึงต้องนอนกอดเอฟเอ็มแทน//หยอกเย้า ทำให้ไม่สามารถรับใช้ทุกๆท่านด้วยการวิเคราะห์เกมได้เหมือนเคย หวังว่าคงไม่ว่ากันครับ

นัดนี้ก็เกือบพลาดไปเช่นกัน เมื่อตั้งทีวีให้เปิดมาปลุกผม กลับพบแต่ภาพรีวิวอะไรก็ไม่ทราบ ไม่ยักใช่เกมแข่งดังคาดไว้ เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนสเปอร์สก็เริ่มเตะไปแล้ว ชักหงุดหงิด จึงคว้าเอฟเอ็มมานอนกอดอีกที เผื่อว่าจะเป็นที่พี่ทุยแกมั่วซั่วเอง โชคดีครับ ที่เอฟเอ็มบอกว่า เกมเลื่อนครึ่งชั่วโมงจากปัญหาการจราจร ทำให้ผมตั้งตารอต่อไป ก็แล้วทำไมพี่ทุยไม่โชว์ข้อความแสดงเหตุผลก็ไม่ทราบนะครับ นี่หากไม่กอดเอฟเอ็มไว้ ผมคงหงุดหงิด ปิดทีวีนอนต่อไปแล้วนะเนี่ย



ก่อนเกมนี้ น่าสนใจมากครับ เมื่อทั้งสองทีมมีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บค่อนทีม โดยเฉพาะแผงหลังที่พิการยกแผงเหมือนๆกัน ผมจึงค่อนข้างมั่นใจว่า ด้วยเกมรุกที่เรายังมีอาวุธหนักมากกว่า น่าจะยืดอายุจ่าฝูงต่อไปได้ไม่ยาก และเมื่อลงสนามมา ก็มีเซอร์ไพรส์เล็กๆ เมื่อทั้งสองทีม ต่างเข็นนักเตะเดี้ยงลงสนามมาได้ทีมละคนสองคน โดยที่ยูไนเต็ด ได้ริโอ มาประจำการคู่วิดิช และได้พาร์ค มาลากริมเส้นได้ ส่วน แบ๊กกี้ส์ ก็จัดซุยเวอร์ลุนด์ลงสนามได้เช่นกัน นัดนี้ ผมเดาเอาว่า เพราะสถิติสามเกมล่าสุดในบ้านของแบ๊กกี้ส์น่ากลัวเหลือเกิน เก็บชัยคว้าสามแต้มมารวด ทำให้ท่านเซอร์เองคงไม่ไว้ใจที่จะให้เด็กๆมายืนหลังกันทั้งแผง รอลุ้นลูกบอมบ์จากแบ๊กกี้ส์หรอก นั่นทำให้เราเห็นริโอ ที่ดูออกเลยว่ายังไม่เต็มถังเท่าไหร่ แต่ต้องลงมายืนในเกมนี้

ผู้รักษาประตูยังเป็นน้าซาร์ ที่จ่อทำลายสถิติคลีนชีตของปีเตอร์ เช็ค ในนาทีที่ 84 ของเกมนี้ แผงหลังได้ริโอ จับคู่กับวิดิชตรงกลาง มีเนวิลล์ ชิดขวา (ชอบด้วย เพราะเป็นฝั่งถนัด) และโอเชียทางซ้าย แผงกองกลางเลือกกิ๊กส์ กับคาร์ริค มีโรนัโด้ทางซ้ายและพาร์ค ทางขวา ส่วนคู่กองหน้าใช้เตเวซกับดิมี่

ในขณะที่แบ๊กกี้ส์เอง ไม่สามารถเข็นกรีนนิ่ง อดีตปีกปิศาจที่ผันมาเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางลงสนามให้ทีมได้ แต่ได้ เจย์ ซิมป์สัน และ ฟอร์ตูเน่ ลงยืนล่าตาข่าย รวมทั้งสามารถเข็นโรมัน เบ็ดน่าร์ มานั่งข้างสนามได้ด้วย



เริ่มเกม แบ๊กกี้ส์พยายามเร่งเกมเร็วเข้าใส่ทันที ต่างกับทางผู้มาเยือนที่พยายามตั้งเกมของตัวเองให้ได้ก่อน แต่ยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก ยูไนเต็ดพยายามดึงเกมตรงกลางไว้ด้วยการคอนโทรลบอลกับพื้น แต่แบ๊กกี้ส์เองพยายามไล่บอลตรงกลางด้วยการบีบพื้นที่เร็ว และออกบอลขึ้นหน้าเร็วตลอด ทั้งคู่มีจังหวะหวาดเสียวพอๆกันในช่วงสิบนาทีแรกที่ยูไนเต็ดยังตั้งหลักไม่ได้ คาร์ริคพยายามคอนโทรลเกมมากเกินไปจนจ่ายเสียหลายจังหวะ ในขณะที่กิ๊กส์เองก็หาบอลไม่ค่อยเจอในช่วงแรก ทำให้แบ๊กกี้ส์สามารถตั้งเกมรุกกดดันยูไนเต็ดได้นานพอสมควร และก็ต้องขอบคุณคาร์ริคที่สกัดจากเส้นประตูมาได้ รวมทั้งริโอ กับวิดิช ที่หยุดยั้งจังหวะสุดท้ายของซิมป์สัน และฟอร์ตูเน่ได้ตลอด เล่นเอาผมนี่หายใจไม่ทั่วท้องจริงๆ และนึกเลยว่า ถ้าเป็นแกรี่ยืนกลาง เฟล็ทช์ หรือเอ็คเคอร์สลี่ย์ยืนฟูลแบ๊คกับโอเชีย นี่งานเข้าแน่ๆครับ

แบ๊กกี้ส์เล่นบอลไดเร็คต์เป็นส่วนใหญ่ และดูเหมือนพยายามขึ้นลงเป็นแผง ไม่ได้เล่นแพ็คเกมรับลึกตั้งกำแพงสองชั้นเหมือนทีมเล็กทีมอื่นๆ ช่วงแรกจึงกดดันได้ดีพอสมควร เจย์ ซิมป์สัน และฟอร์ตูเน่ ได้บอลบ่อยมาก และกดดันแผงหลังเราได้มากทีเดียว แต่ เมื่อผ่านไปสักพัก พอคาร์ริคและกิ๊กส์สามารถตั้งหลัก และเริ่มเล่นเกมที่ตนเองถนัดได้ เกมของแบ๊กกี้ส์ก็เริ่มลดความอันตรายลงไป และค่อยๆเฝดเอาท์ ไปเรื่อยๆ ยูไนเต็ดที่หวุดหวิด จะได้มาหลายครั้งจากดิมี่ จากพาร์ค ก็มาได้ในที่สุด จากการเล่นชิ่งหนึ่งสองของเบอร์บาตอฟและคาร์ริค ซึ่งบอลก็หลุดขึ้นหน้าได้พร้อมดิมี่ที่หลุดไปพร้อมๆกันก่อนจะยิงสวนลอดขาสก๊อตต์ คาร์สันเข้าไปได้สำเร็จในนาทีที่ 22




จากนั้น ยูไนเต็ดก็คอนโทรลเกมได้ทุกอย่างแล้ว จังหวะสวนของแบ๊กกี้ส์ แทบไม่หลงเหลือความน่ากลัวมากนัก กลับเป็นยูไนเต็ด ที่ครองบอลได้มากกว่าเยอะ และสร้างโอกาสเข้าทำได้เรื่อยๆ จุดเปลี่ยนของเกมมาถึงเมื่อนาทีที่ 40 ปาร์คปราดเข้าไปสไลด์เอาบอลทางกราบขวาในแดนตัวเอง พอดิบพอดีกับที่ พอล โรบินสัน กัปตันทีมแบ๊กกี้ส์วิ่งเข้ามาเสียบเต็มๆ ซึ่งจากภาพช้าก็พอดูออกว่า โรบินสันไม่ได้ตั้งใจจะโดดเปิดปุ่มยันใส่เท่าไหร่ แต่จากอีกมุมมองที่ว่า พาร์คนั้น นอนสไลด์มาแต่ไกล แต่โรบินสันกลับยังวิ่งมาใส่ไม่มียั้ง นั่นอาจเป็นเหตุผลที่สไตล์ควักแดงให้แบบไดเร็คต์ครับ ซึ่งผมก็ยังคิดว่า โหดร้ายไปหน่อย ซึ่งโรบันสันเพิ่งฟาล์วเป็นครั้งแรก จังหวะนี้ ในมุมมองผม ถ้าเป็นภาษาของ ดร. บางคน คงเป็นเหลืองแก่ๆครับ

หลังจากจังหวะนี้ ยูไนเต็ดก็ฉวยความได้เปรียบ กดประตูที่สองได้สำเร็จ จากฟรีคิกทางกรอบโทษด้านขวา กิ๊กส์เปิดเข้ามากลางปากประตู คาร์สันโดดขึ้นคว้าไว้ได้ แต่ลูกกลับหลุดมือในจังหวะลงพื้น ทำให้เตเวซที่รออยู่พอดี ตวัดยิงเข้าไปได้ง่ายๆในนาทีสุดท้าย ซึ่งดูจากภาพช้า ที่คาร์สันฟ้องว่าถูกกระแทกข้อศอกนั้น วิดิชกลับไม่ได้อยู่ในจุดที่จะกระแทกได้ครับ กลับเป็นเปเล่ที่ยืนค้ำอยู่ซะมากกว่า หากคาร์สันจะโดนใคร ก็คงเป็นเปเล่แหละครับ ค่อนข้างชัดเจนว่าวิดิชไม่มีส่วนถูกตัวคาร์สัน เกมในครึ่งแรกถึงแม้ยูไนเต็ดจะครองบอลบุกมากกว่าก็ตาม แต่ก็ดูออกว่าไม่ได้เร่งเกมเร็วเท่าไหร่ เป็นการบุกตามจังหวะการคอนโทรลเกมมากกว่าครับ



เข้าสู่ครึ่งหลัง แบ๊กกี้ส์เปลี่ยนตัวก่อน ส่งมาเร็ก เช็ค กองหลัง ลงมาแทน ฟอร์ตูเน่ ที่เป็นกองหน้า นั่นยิ่งทำให้เกมรุกของแบ๊กกี้ส์ ลดความอันตรายลงไปครับ แมนฯยูฯเริ่มผ่อนเกมลงอีกครั้ง เมื่อมีประตูนำตุนสองลูกกับตัวผู้เล่นมากกว่า แบ๊กกี้ส์เองก็ยังพยายามบุกสวนเช่นกัน และการขึ้นลงเป็นแผงของแบ๊กกี้ส์นี่เอง ที่เปิดพื้นที่ เปิดช่องว่างในเกมมากเหลือเกิน ตั้งแต่ครึ่งแรกแล้ว ยิ่งคนเหลือน้อยกว่ายิ่งเห็นได้ชัดมากขึ้นครับ ยูไนเต็ดมีพื้นที่เล่นมากจริงๆ เตเวซ, เบอร์บาตอฟ สอดประสานกันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ พาร์คและโรนัลโด้ ได้ดริฟท์ริมเส้นบ่อยครั้งขึ้น ในขณะที่กิ๊กส์ก็ได้ลากจี้บ่อยๆ การผ่อนเกมลงของยูไนเต็ดตรงนี้ มีส่วนให้แบ๊กกี้ส์ดันเกมสูงขึ้น และแผงกลางเราถอยร่นตัวเองลงมาช่วยแผงหลังมากขึ้น แนวรุกเราจึงมีพื้นที่วิ่งมากมาย อาจจะแปลกนะครับ ที่เราเล่นต่ำลง แต่กลับบุกได้น้ำได้เนื้อมากขึ้นจากแนวรุกที่มีพื้นที่มากมายนั่นเอง

เมื่อเกมผ่านชั่วโมงแรกมา วิดิชก็บวกลูกที่สามได้สำเร็จ กิ๊กส์เปิดลูกเตะมุมฝั่งขวาเข้ามากลางประตู เป็นจุดนัดพบที่วิดิชวิ่งแทรกตัวจากจุดเตะลูกโทษเข้ามาโหม่งเต็มๆ ส่งลูกผ่านแสกหน้าคาร์สันเข้าไปง่ายๆ เกมยิ่งเล่นไป ยูไนเต็ดยิ่งคุมเกมได้ดีขึ้น โมวเบรย์เปลี่ยนสองตัวรวด ส่งเบ็ดนาร์ลงมาแทนซิมป์สัน มอร์ริสันแทน ซุยเวอร์ลุนด์ แต่ยูไนเต็ดก็มาบวกลูกที่สี่ได้ในนาทีที่ 65 เมื่อกิ๊กส์ได้บอลจากเตเวซ ก่อนจะลากจี้ขึ้นไปทางซ้ายของกรอบโทษ และป้ายกลับมาทางขวาสั้นๆชนิดที่ไม่ได้มองด้วยซ้ำ แต่เหมือนรู้กันครับ โรนัลโด้วิ่งแซงแผงหลังเวสต์บรอมฯ เข้ามายิงสวนคาร์สันเข้าไปได้ ส่งให้ยูไนเต็ดออกนำห่างสุดกู่สี่เม็ด


จากนั้น ยูไนเต็ดเปลี่ยนสองคนรวดตามมา ส่งบราวน์ (เซอร์ไพรส์อีกคน) ลงมาแทนริโอ ที่สภาพดูจะไม่เต็มที่เท่าไหร่ และส่งเอ็คเคอร์สลี่ย์ ลงมาแทน เนวิลล์ ชิดขวา จากตรงนี้ ผมเห็นเลยว่า ริโอไม่ฟิตพอจะเล่นเต็มเกมแน่ๆ จากสภาพที่ได้ดูผ่านหน้าจอ เราพบว่า ริโอยืนปักหลักในแผงหลังอย่างเดียว ไม่ดันเกม ไม่ลอยสูง ไม่ออกแอ็คชั่นในเกมรุกเลย ผิดวิสัยริโอที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างมาก การเปิดเกมจากหลังในเกมนี้ ริโอปล่อยให้วิดิชจัดการเป็นส่วนใหญ่ โดยตัวเองจะวิ่งเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และก็ดูยังฝืนๆอยู่ด้วยในเวลาต้องวิ่งเร็วๆ แต่กระนั้นก็ยังสามารถสกัดกั้นลูกอันตรายจากเท้าคู่ต่อสู้ไปหลายลูกเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าเกมขาดชัวร์ ท่านเซอร์จึงต้องถอดมาเก็บไว้ครับ เดี๋ยวจะเจ็บไปมากกว่านี้ รวมทั้งแกรี่เองด้วย ที่เล่นมาหลายเกมติดต่อกัน ก็ต้องได้พักบ้าง

หลังจากนั้น ยูไนเต็ดมาได้ประตูเพิ่มอีก เมื่อจังหวะโต้กลับ เตเวซทิ้งบอลไปให้เบอร์บาตอฟ ที่ยืนช็คไลน์ตัวเองอยู่ประมาณกลางสนามด้านขวา เบอร์บาตอฟเก็บบอลได้ ก่อนจะควบพาบอลขึ้นหน้า และจ่ายทะลุให้โรนัลโด้ที่เช็คไลน์อยู่เช่นกัน ทำให้โรนัลโด้ได้ยิงสวนตัวคาร์สันอีกครั้ง เป็นสกอร์ที่ห้าของเกมนี้ หลังจากนั้น ท่านเซอร์ก็ส่งโทซิชลงมาแทนเบอร์บาตอฟที่อ่วมได้ที่พอดีจากการโดนเตะไปหลายดอก ซึ่งโทซิชเองยังได้บอลน้อยไปหน่อย จนไม่สามารถประเมินอะไรได้มากนัก จบเกมลงไปด้วยสกอร์ท่วมท้น ส่งให้ยูไนเต็ดทะยานนำต่อไป แถมด้วยสถิติคลีนชีตติดต่อกันที่ 11 นัด และ ผลต่างประตูได้-เสียสูงสุดร่วมกับเชลซี เป็นสาส์นเตือนทีมลุ้นแชมป์ทั้งหลายครับ ว่าปิศาจแดงมาแล้ว เครื่องกำลังติดแล้วนะ



จบเกมลงไป ก็ถือเป็นเกมที่น่ายินดีครับ ที่ริโอ, บราวน์, พาร์ค สามารถลงสนามได้ในเกมนี้ ทำให้มั่นใจได้ว่า กำลังพลของเรา กำลังทยอยกลับมาจากเตียงพยาบาลกันแล้ว ถึงแม้ริโอจะไม่ฟิตเท่าไหร่ แต่ทางบอลยังไว้ใจได้ ทำได้ดีมากๆ มีนักเตะของเราหลายคนที่ถูกอัดหนักๆจากเกมนี้ เช่นโรนัลโด้, พาร์ค หรือเบอร์บาตอฟ แต่โดยรวม ก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากนัก ผมคงต้องตามข่าวจากเว็บสโมสรอีกทีเพื่อความแน่นอน เกมหน้าที่เราจะรับมือทอฟฟี่ อย่างน้อยเราก็มีตัวเลือกมากขึ้นครับ แดนกลางยังเปรี๊ยะ แดนหน้าน่าห่วงหน่อย แต่โรนัลโด้ยังถูกดันไปเล่นแทนได้ แผงหลังยังน่าห่วงมากกว่า เมื่อตัวเลือกยังมีจำกัดจำเขี่ย ก็ต้องรอลุ้นกันต่อไป

วันนี้ ผมคงขอจบห้วนๆนะครับ พอดีได้รับโทรศัพท์จากที่บ้านตอนนี้เองครับ บอกว่าคุณลุงเสียเมื่อเช้า เป็นคุณลุงที่สนิทกันมาก เมื่อวันอาทิตย์ยังพาน้องภีมไปรับแต๊ะเอีย ยังรวมญาติพี่น้องถ่ายรูปกันอยู่เลย ท่านมาพักที่บ้านพ่อแม่ผมช่วงตรุษจีนนี้ และเมื่อเช้าคุณแม่ไม่เห็นท่านลงมา จึงไปปลุกท่าน ก็พบว่าตัวแข็งไปแล้ว
ผมเองยังช็อคไม่หาย เพราะยังคุยกันอยู่เมื่อวันอาทิตย์นี่เอง สำหรับวันนี้ ผมขอจบก่อนนะครับ เอาไว้ผมจะเข้ามาอีกทีภายหลัง

สวัสดีครับ




Create Date : 28 มกราคม 2552
Last Update : 28 มกราคม 2552 9:44:00 น. 0 comments
Counter : 782 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.