Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
5 กันยายน 2550
 
All Blogs
 
this is our defensive line T_T

สวัสดีครับ ขออนุญาตนอกรอบกันอีกครั้ง

พอดีอู้งานกำลังได้ที่ฮะเมื่อวานนี้ เลยเขียนกระทู้วิพากษ์เตรียมไว้โพสวันนี้ครับ
จะขอว่าถึงเรื่องที่มีคนเรียกร้องกันนะครับ นั่นก็คือ Defensive Line ของเรา
แหม... ไม่ต้องงง ยืมศัพท์แสง NFL มาใช้ครับ เห็นว่ามันเท่ดี

ว่ากันเลยนะครับ


หากจะกล่าวกันถึงแนวรับของแมนยูไนเต็ดแล้ว ส่วนใหญ่ คนมักจะพูดถึงเป็นตัวๆไป โดยเฉพาะคู่เซ็นเตอร์ ที่มักจะจับกันตายตัวเป็นคู่คู่แล้วแต่ยุคสมัย แต่ในบางทีม ตัวหลักของแนวรับนี่เป็นแผงแบ๊กโฟร์อมตะเลยนะครับ เช่นของอาร์เซนอล( ลี ดิ๊กซัน, ไนเจล วินเทอร์เบิร์น, โทนี่ อดัมส์ และ สตีฟ โบลด์) แต่ของแมนยูเรา คนกลับไม่ค่อยนึกถึงแบ๊คโฟร์ทั้งชุดเท่าไหร่ แต่มักจะเป็นเซ็นเตอร์ที่เป็นที่กล่าวขวัญ น่าจะเป็นเพราะแผงสี่คนของเรา ไม่มีช่วงไหน ที่จะยืนระยะพร้อมเพรียงต่อเนื่องได้หลายๆปีพร้อมๆกัน จะมีโด่งดังเป็นพลุแตกก็ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของโลกนี่แหละครับ ที่ได้สร้างชื่อให้แนวรับของเราพากันโด่งดังขึ้นมาในยุคนั้น ผมได้เคยวิพากษ์ไปแล้วว่าชุดที่พิสูจน์ตัวเองว่าดีที่สุดคือชุดปี 99 (ชุดปัจจุบันรอพิสูจน์อยู่นะ ยังไม่นับ) มีชไมเคิล, แกรี่, เออร์วิน, สตัม, ยอห์นเซ่น


แต่คู่เซ็นเตอร์ที่ดีที่สุดของเราอีกคู่หนึ่ง ในความคิดผม ผมชอบคู่แกรี่ พัลลิสเตอร์ กับ สตีฟ บรู๊ซ แฮะ ผมชอบที่ทั้งคู่เป็นนักเตะที่ไม่ได้มาจากต่างประเทศ ถือเป็นคู่เซ็นเตอร์ที่เป็นอังกฤษแท้ๆเลยทีเดียวครับ ถึงแม้บรู๊ซจะไม่เคยติดธงก็ตาม เมื่อจับคู่กับแกรี่ เนวิลล์ และเดนนิส เออร์วิน ผมว่าเป็นแผงหลังที่ดูดีทีเดียว และเป็นจุดเริ่มต้นที่แผงหลังยุคถัดๆมานั้น ต้องเรียนรู้เป็นแม่แบบเลยครับ ในการก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ แฟนแมนยูไนเต็ดรุ่ลายครามหลายๆราย ยังยกย่องทั้งคู่ให้เป็นคู่ท่ดีทีสุดในประวัติศาสตร์สโมสรด้วยซ้ำ หากเทียบว่า สตัม กับยอห์นเซ่น ไม่ได้ยืนระยะนานนัก พัลลี่ กับบรู๊ซซี่ นั้น ลูกกลางอากาศเก็บกินได้เรียบ ส่วนลูกบนพื้นก็ใช่ย่อย สามารถดัก และซ้อนเก็บกวาดได้ดีไม่แพ้สตัมกับยอห์นเซ่นเลย ซึ่งเมื่อสตัมกับยอห์นเซ่นขึ้นมาทดแทน ทั้งคู่ก็ทำได้ดีมาก แถมยังมีดีกว่าในเรื่องของสปีดในการไล่กวดกองหน้าที่เร็วขึ้นกว่าคู่เดิมซะอีก ทั้งสองคู่ที่ว่ามา เมื่อผนึกกำลังกับชไมเคิลแล้ว ทำให้เรามักจะติดหนึ่งในสามทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีกอยู่เสมอๆ


หลังจากชุดนั้น แมนยูไนเต็ด แทบไม่เคยเจอคู่เซ็นเตอร์ที่ดูดีมีชาติตระกูลพอจะยืนระยะยาวๆได้อีกเลย ไม่ว่าจะเป็น เฮนนิ่ง เบิร์ก, เดวิด เมย์, บล็องก์ (มาถึงก็แก่แล้ว), ฟิล เนวิลล์ก็เคย, หรือแม้แต่เด็กปั้นอย่างบราวน์เองก็เถอะ ยังคงผีเข้าผีออกอยู่เรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับว่าจับคู่กับใคร หากจับกับผู้ดีไฮโซ บราวน์ก็จะมีสง่าราศี เล่นได้ดีตามไปด้วย แต่หากจับคู่กับซิลแวสตร์ หรือ โอเช หรือแม้แต่ที่เคยจับคู่กับไฮน์เซ่ ล่ะก็ โอ... พระเจ้า เราจะได้ยินเสียงอุทานนี้ออกมาจากปากแฟนๆแมนยูตั้งแต่เริ่มเกมจนจบเกมครับ ก็คิดดูเอาเอง ว่าอุทานทำไมกันนะครับ

ว่ากันถึงอดีตกันมาพอแล้ว มาถึงชุดปัจจุบันกันบ้างครับ

ผู้รักษาประตู

หลังจากชไมเคิลเดินจากไป ก็ดูว่ามีแค่น้าซาร์เท่านั้น ที่พอจะฝากผีฝากไข้ได้ในระยะยาว(ตลอดทั้งฤดูกาลนะ ไม่ใช่ยาวแบบห้าปีเจ็ดปี) ตัวเลือกก่อนหน้าน้าซาร์นั้น ได้กดปุ่มทำลายตัวเองไปเป็นที่เรียบร้อยทั้งหมด ไม่ว่า บอสนิช, ตาอิบี้, คาร์โรลล์, ฮาวเวิร์ด หรือบาร์กเตซ แต่อย่าลืมว่า น้าซาร์เองอายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ไอ้จะให้มายืนระยะอีกสามสี่ปีนี่เลิกหวังได้เลย จากที่ดูสองนัดล่าสุด แกเริ่มชกบอลมากขึ้นแล้วครับ ออกมาชกทิ้งตลอด การชกบอลออกไปนี่แสดงให้เห็นถึงการหลีกเลี่ยงการปะทะนะครับ หากจะเข้ามารับบอลก็คือต้องโถมมาทั้งตัว เอาตัวบล็อกทางคู่ต่อสู้ เอาลูกเข้าซองให้ได้ แต่ถ้าออกมาชก อันนี้ก็ไม่ต้องถึงกับปะทะกับกองหน้าอย่างเต็มที่เท่าไหร่ ผมสังเกตมาสองสามนัดแล้ว และก็เริ่มกังวลว่าสภาพร่างกายน้าซาร์เอง อาจจะเริ่มออกอาการบ้างแล้วครับถึงได้พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าปะทะเท่าที่ทำได้ สังเกตสิครับ เดี๋ยวนี้ออกมาตัดลูกครอส จะชกอย่างเดียวเลย ดูๆไป เริ่มคล้าย วากาชิมัตสึเข้าไปทุกที

แล้วตัวตายตัวแทนของน้าซาร์ล่ะครับ ตอนนี้เราก็ได้เซ็นสัญญาเอาคุสแซ็คมาร่วมทีมอย่างถาวรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุสแซ็คนี่ ดูจากโอกาสที่ได้รับเมื่อปีที่แล้ว ผมว่าเขาทำผลงานได้เข้าตาดีมากนะครับ อาจจะเป็นถึงจอมเซฟลูกโทษก็ได้ และการที่สโมสรต้องเซ็นเขามาอย่างถาวรหลังจากสิ้นสุดสัญญายืมตัวเมื่อฤดูกาลที่แล้วนั้น ก็เพราะอาการบาดเจ็บยาวของผู้รักษาประตูดาวรุ่งของเรานั่นเอง ที่โชว์ฟอร์มได้ดีเหลือหลายจากการถูกส่งให้วัตฟอร์ดยืมตัวไปเล่น จนกลายเป็นแคนดิเดตทีมชาติอีกคนไปแล้ว แต่ฟอสเตอร์กลับโชคร้ายต้องมาบาดเจ็บ ละก็ยังไม่ทราบว่าจะกลับมาได้เมื่อไหร่ และการที่ฟอสเตอร์บาดเจ็บยาวนี้เองครับ ที่ทำให้แผนการดันดาวรุ่งผู้นี้ ขึ้นมาเป็นมือสองรองจาก ฟาน เดอร์ ซาร์ เป็นอันต้องพับแผนไป และกลายเป็นเซ็นสัญญาคว้าตัวคุสแซ็คเข้ามาร่วมทีมเพิ่มอีกคนครับ

เรื่องผู้รักษาประตู ผมว่าเรายังไม่น่าเป็นห่วงครับ ทั้งตัวจริงตัวสำรอง และกองหนุนที่มีอยู่ ผมว่ายืนระยะได้สบายๆ ไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก นอกเสียจากว่า จะเกิดวิกฤติซ้อนวิกฤติ แบบที่เชลซีเจอเมื่อปีที่แล้วค่อยว่ากัน



คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ

เมื่อปีที่แล้ว หลังจากริโอ กับวิดิช โชว์ฟอร์มหักปากกาเซียนทั้งปวง พาแมนยูไนเต็ดโลดแล่นอยู่เหนือตารางด้วยสถิติเสียประตูน้อยที่สุด ทุกคนต่างก็ดีอกดีใจว่าในที่สุด การตามหาคู่หูดูโอเซ็นเตอร์แบ๊คของเรา ได้สิ้นสุดลงเสียที จนทั้งสองคนเริ่มมาทยอยบาดเจ็บช่วงในปลายๆฤดูกาล ทำให้อัตราการเสียประตูเพิ่มมากขึ้น และทำให้เราสังเกตได้ว่า ขุมกำลังสำรองทดแทนในตำแหน่งนี้ มันช่างอ่อนด้อยเสียเหลือเกิน เมื่อเทียบกับคู่ตัวจริง และหลังจากที่ริโอกับวิดิชกลับมาจากอาการบาดเจ็บ ทั้งคู่กลับลืมฟอร์มสุดยอดไว้ในโรงพยาบาล พกกลับมาแค่ฟอร์มดีในระดับหนึ่งเท่านั้น กับเซนส์ในการอ่านบอลที่ยังคงฝากฝังได้ ซึ่งวิดิชยังคงมีอาการหลุดให้เห็นอยู่ประปราย แต่ยังดีที่เขาแข็งแกร่งพอจะเบียดคู่ต่อสู้ได้ ไม่งั้นจะแย่กว่านี้ ส่วนริโอ ก็ไม่รู้จะติดแอ๊กไปถึงไหน ยิ่งตอนที่วิดิชยังไม่เข้าที่ ก็ยิ่งไม่รู้จะแอ๊กไปทำไม จนบางครั้งเหมือนติดลูกประมาทไปซะด้วยซ้ำนะครับ ก็ได้แต่หวังว่า ทั้งคู่จะไปค้นหาฟอร์มสุดยอดกลับมาให้ได้โดยเร็ววัน และเล่นอย่างมีวินัย มีสมาธิมากขึ้นครับ

มาดูกำลังสำรองที่จะทดแทนเซ็นเตอร์ตัวจริงกันบ้างครับ

บราวน์นั้น ผมว่าไม่สามารถยืนระยะเป็นตัวความหวังได้เลยนะครับ เพราะเราไม่รู้เลยว่า เมื่อไหร่เขาจะผีเข้า เมื่อไหร่เขาจะผีออก เพราะมันจะไม่เป็นช่วงเหมือนคนอื่น คนอื่นเขาจะมีช่วงพีค ช่วงเล่นดี ช่วงฟอร์มหลุด ที่ทำให้โค้ชพอสังเกตและเลือกใช้งานหรือเลือกดร็อปได้ แต่บราวน์ มันพีคเป็นนัดๆไป วันนี้เล่นดีสุดๆ พรุ่งนี้อาจเหวอสุดๆได้เหมือนกัน คิดแล้วก็เหนื่อยแทน เฟอร์กูสัน กับ ฟาน เดอร์ ซาร์ หลือเกิน และอีกอย่างหนึ่ง ตอนนี้ บราวน์กลายเป็นตัวแทนของแกรี่ ในตำแหน่งแบ๊คขวาไปซะแล้วครับ แต่ถ้าแกรี่หายเจ็บ บราวน์อาจจะกลับมาเป็นสำรองเซ็นเตอร์อีกครั้งก็ได้

เมื่อจะหวังพึ่งพาบราวน์ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ไม่ได้ แล้วคนอื่นล่ะครับ ไฮน์เซ่ก็ไปซะแล้ว มามองที่เหลือกัน ซิลแวสตร์ เป็นแบ๊กซ้ายสำรองเอวร่าก็มีเสียวพออยู่แล้ว แต่ถ้าต้องมายืนเซ็นเตอร์นี่เสียวสยองโลกเลยนะครับ ตั้งแต่หายเจ็บมาจากสองสามปีที่แล้ว แกยังตามหาฟอร์มแกไม่เจอเลยครับ จากที่เหนียวแน่น แข็งแกร่ง ตอนซื้อมาใหม่ๆ ตอนนี้กลายเป็นหลุดบ่อยๆ เหวอบ่อยๆ ซะงั้น ที่สำคัญ เช่นเดียวกับบราวน์ทางฝั่งขวาครับ ผมมองว่า โอกาสของซิลแวสตร์นั้น น่าจะอยู่ที่ฝั่งซ้ายมากกว่า โดยการเป็นสำรองของเอวร่าครับ

ปิเก้ จากการโชว์ฟอร์มได้ดีให้กับ เรอัล ซาราโกซ่า ในการยืมตัวที่ผ่านมา ดูเหมือนแฟนๆปีศาจแดงจะเริ่มฝากความหวังกับเขาไว้มากขึ้น อีกทั้งเมื่อไฮน์เซ่ไม่อยู่ในทีม เขาก็น่าจะได้รับโอกาสมากขึ้นเช่นกัน และประสบการณ์ในการเล่นที่สเปน น่าจะทำให้เขาสามารถต่อกรกับบรรดากองหน้าสไตล์ยุโรปได้ดีไม่น้อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับเฟอร์กี้ด้วย ว่าเห็นปิเก้เป็นตัวเลือกอันดับที่เท่าไหร่ รองลงมาจากใคร

อีแวนส์ เขาผ่านการลงเล่นในรูปแบบยืมตัวเช่นกันให้กับ รอยัล อันทเวิร์ป และซันเดอร์แลนด์ของรอย คีน ซึ่งอีแวนส์โชว์ฟอร์มได้ดีมากที่ สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ และทำให้ คีน ต้องการซื้อตัวอีแวนส์ หรือไม่ก็ ยืมตัวต่อไป แต่สุดท้าย เฟอร์กี้ก็เก็บอีแวนส์ไว้เป็นกองหนุนของทีมในที่สุด ซึ่งเราก็ได้แต่หวังว่าอีแวนส์จะได้รับโอกาสมากขึ้นในปีนี้ เฉกเช่นเดียวกับปิเก้ ไม่งั้น เราคงได้เห็น ปิเก้ หรือ อีแวนส์ เดินตามรอยรอสซี่ในไม่ช้าครับ


ฟูลแบ๊ค

แกรี่ เริ่มโรยราลงไป และเจ็บถี่ขึ้น แต่ละครั้งนานมากขึ้น ทำให้ภาระต้องเป็นของบราวน์ที่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งตรงนี้ เขาน่าจะทำได้ดีกว่าการเป็นเซ็นเตอร์นะครับ และที่ผ่านมา เขาก็แสดงให้เห็นว่า การยืนเป็นแบ๊คขวา เขาทำได้ดีพอดูเลยทีเดียว แต่การเติมเกมรุกนี่ อย่าพูดถึง เติมได้ครับ แต่เติมไปไหนไม่รู้นะ แถมลงไม่ทันอีกต่างหาก บราวน์คงต้องถูกเคี่ยวอีกเยอะ หากจะมารับตำแหน่งนี้เป็นตัวทดแทนแกรี่ และเติมเกมรุกได้ในระดับที่แกรี่เคยทำครับ และสุดท้าย หากแกรี่ต้องอำลาสนามไป อาจจะเป็นบราวน์นี่แหละที่ได้ขึ้นมาแทน... เฮ้อ เก่งขึ้นเร็วๆนะเฮีย

ส่วนเอวร่า ของเขาน่าจะการันตีตัวจริงได้ร้อยเปอร์เซนต์แล้ว ยิ่งไม่มีไฮน์เซ่คอยเบียดด้วย งานยิ่งง่าย เอวร่ามีความเร็วสูง ทักษะดี และคล่อง เปิดบอลใช้ได้ แถมยิงได้จากแถวสองด้วย แต่ที่ผมว่าควรพัฒนามากขึ้น ก็คือ การเข้าสกัดคู่ต่อสู้ และการยืนตำแหน่งของตัวเอง ที่หลายครั้งทำให้พวกเราหวาดเสียวอยู่บ่อยๆกับการหลงตำแหน่ง หรือลงไม่ทัน อีกทั้งสกัดเสียฟาล์วบ่อยเกินไปด้วย

ตัวสำรองในตอนนี้สำหรับฟูลแบ๊กนั้น ที่มีคือซิลแวสตร์ทางฝั่งซ้ายอย่างที่พูดไป ที่กำลังหาฟอร์มตัวเองอยู่สองสามปีแล้วก็ยังหาไม่เจอ ก็คงเป็นอะไหล่ทดแทนทางซ้ายนั่นแหละครับ ถัดมาคือบราวน์ ซึ่งน่าจะเป็นตัวแทนทางฝั่งขวาของแกรี่ในตอนนี้ เพราะประจำตรงนี้มาตลอดตั้งแต่แกรี่เจ็บไป ซึ่งผมคิดว่า ทั้งบราวน์กับซิลแวสตร์นั้น ทำได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่ถึงกับจะฝากความหวังได้เหมือนที่เอวร่า กับ แกรี่ทำได้หรอกครับ ซึ่งทั้งคู่ก็คงต้องถูกเคี่ยวกันต่อไปจากทีมงานสโมสร

อีกคนหนึ่งที่มีลุ้น และเคยทำผลงานได้ดีก็คือ ฟิล บาร์ดสลี่ย์ เขาเคยลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับทีมชุดใหญ่มาหลายต่อหลายนัดทดแทนแกรี่ครับ แต่ผมก็ไม่ทราบว่า ไปยังไงมายังไง สุดท้ายกลับเป็นบราวน์ ที่ได้โอกาสมากกว่าในตำแหน่งนี้ หากให้ผมคาดการณ์ ก็คงเป็นเพราะประสบการณ์ล้วนๆ นั่นก็คือ บราวน์ได้ลงเล่นให้แมนยูไนเต็ดชุดใหญ่มาเกือบๆสิบปีแล้ว ทั้งสำรอง ทั้งตัวจริง จึงน่าจะทำให้เฟอร์กูสันไว้วางใจเขามากกว่าบาร์ดสลี่ย์ แต่อย่างไรเสีย ผมก็อยากเห็นบาร์ดสลี่ย์ได้รับโอกาสเช่นกันครับ ฝีไม้ลายมือที่เคยเห็นเขาลงเล่นก็ถือว่าแข็งแกร่งเหนียวแน่นใช้ได้

ดังนั้น ตอนนี้ ไลน์อัพตัวจริงจึงยังคงเป็น

เอวร่า วิดิช ริโอ แกรี่

โดยมีตัวสำรองฟูลแบ๊กคือ ซิลแวสตร์, บราวน์ และ บาร์ดสลี่ย์
ส่วนตัวสำรองเซ็นเตอร์คือ (บราวน์), ปิเก้ และอีแวนส์
และอย่าลืมครับ สำรองของทุกตำแหน่ง จอห์น โอเช

แนวรับโดยรวม

ในปีนี้ เมื่อเราหันมาเล่นบอลบนพื้น เน้นการต่อบอล และมีมิดฟิลด์ตัวรับอย่างเต็มตัว นั่นทำให้งานของแผงหลังเราดูง่ายขึ้นทันที บอลมาไม่ค่อยถึงสักเท่าไหร่ แต่ แต่ แต่ อย่าลืมครับ ว่าที่ผ่านมา เราเล่นกดเขาอยู่ข้างเดียวอย่างนั้น แล้วบอลจะมาถึงตอนไหนล่ะครับ ครั้นพอบอลจะมาถึง ยังมีฮาร์กรีฟส์ สกรีนอีกคน ช้าลงไปอีก ดังนั้น ที่ว่ามานี่มันภาพลวงตาชัดๆเลยครับ อย่าไปหลงติดกับมันเข้าเชียว เดี๋ยวจะลืมตัว คิดไปว่าหลังเราแข็งแกร่งเสียเต็มประดา

แต่ผมอยากให้มองดูบ้างว่า หากเราเจอการสวนกลับเร็วแบบจริงๆจังๆ โดยนักเตะที่มีความคล่องตัวสูง และสปีดรวดเร็ว เราจะเอาตัวรอดได้ไหม การเล่นติดประมาทของกองหลังของเราหลายๆครั้ง มันจะลงเอยแบบโชคดีทุกครั้งหรือไม่ครับ โจวานนี่ ทำไมมีโอกาสยิงโล่งๆขนาดนั้น อีกทั้งเราเสียประตูให้ปอร์ทสมัธอย่างไร และการที่ทั้งสองทีมมีโอกาสยิงในเกมน้อยมาก แต่กลับได้หนึ่งแต้มสามแต้มจากทั้งสองเกมที่เรายิงไปร่วมๆครึ่งร้อยครั้ง แต่กลับได้แค่แต้มเดียว ทั้งสองลูกที่เสียไป ไม่ใช่ว่าหลังเราสู้หน้าเขาไม่ได้ แต่เป็นการประมาทครับ ประมาทจริงๆ และเมื่อไรที่ประมาท ก็ทำใจไว้ได้เลย ว่าถูกลงโทษแน่ๆ ขึ้นอยู่กับว่าคู่ต่อสู้จะฉวยไว้ได้ไหม เท่านั้น

และผมกำลังจะบอกว่า กองหลังเราไม่เคยกลัวการบอมบ์ครับ แต่จะกลัวมากกับการเจอคู่ต่อสู้ที่เร็ว, แข็งแกร่งและคล่อง อย่างกาก้า หรือซีดอร์ฟ และหากยังจำกันได้ มิเกลกับดร็อกบา และมาลูด้า ทำอะไรกับเราไว้ครับ นั่นล่ะที่เป็นจุดอ่อนของแผงหลังของเรา การต้องมาดวลกับนักเตะที่เร็วและคล่องคราใด หลังเราจะเสียเปรียบ และมีหลุดให้เห็นทุกที เพราะอะไรครับ เพราะเราดันเกมบุกกันตลอดเวลา แบ๊คก็เติมขึ้นสูงอยู่บ่อยๆ หากฮาร์กรีฟส์ยังปักหลักอยู่ตรงกลางก็ยังดีพอชลอเกมสวนกลับได้บ้าง แต่เมื่อไหรที่ฮาร์จังขึ้นเติมด้วยแล้วโดนสวน ตอนนั้นล่ะครับ พรวดเดียวถึงกรอบเราทันที นี่ยังดีนะครับ ที่ว่าที่ผ่านมาเรายังไม่โดนสวนเร็วแบบเต็มๆเท่าไหร่ แต่ขนาดไม่โดนเต็มๆเท่าไหร่ ยังเสียไปสองลูกนะเนี่ย

แต่ลองดูสามนัดต่อไปนี้สิครับ คือ เยือนเอฟเวอร์ตันที่มีอาร์เตต้า, เอ เจ, ยาคูบู, เคฮิลล์ เยือนลิสบอนที่เป็นบอลยุโรป เน้นแท็คติคเต็มตัว และความคล่องตัวสูง และการรับมือเชลซี ที่มีดร็อกบา, มาลูด้า, โจ โคล, มิเกล, ร. ฟิลลิปส์ ฟุตบอลพวกนี้ ความเร็วสูงทั้งนั้น และแต่ละตัวก็คล่องใช่ย่อยซะที่ไหน แถมแข็งแกร่งมาก เบียดไม่ค่อยอยู่ หากเราไม่วางแผนรับมือดีๆล่ะก็ ผมว่าหนักแน่ๆครับ ยิ่งถ้าหากเรามัวแต่หลงกับการเล่นห้านัดเสียแค่สองลูก ทั้งๆที่เป็นภาพลวงตา ส่วนภาพจริงเราไม่ได้มองกันเลยครับ ว่าสองลูกที่เสียไปน่ะ มันมาจากการยิงแค่กี่ครั้งเอง ซึ่งตรงนี้ต้องแก้ไขครับ หากใจเย็น เราคงต้องแพ้อีกนัดสองนัดจึงรู้ตัว ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ เฟอร์กี้ต้องรีบเคี่ยวตั้งแต่ตอนนี้ครับ

แล้วเราจะรับมืออย่างไร นึกถึงโรม่าสิครับ นัดแรกที่ชนะเราสองหนึ่ง โรม่าทำอย่างไร ก็คือครองบอลไว้ให้มากที่สุด มีสมาธิตลอด แต่ไม่ต้องบุกแบบโหมเต็มทีมแบบตะบี้ตะบัน อันจะทำให้หลังลอยแล้วโดนสวนเร็วได้ง่าย แผงหลังต้องมีวินัยสูงครับ ไม่ประมาท ไม่เสี่ยง ไม่ก่อความผิดพลาดแบบเด็กประถม และการเติมเกมรุก ต้องลงให้ทัน ไล่บอลให้สุด ปีกต้องช่วยประคองและชลอเกมเมื่อแบ๊คเราเติมแล้วโดนสวน ฮาร์กรีฟส์เองต้องสกรีนเกมรุกคู่ต่อสู้ให้ได้มากที่สุด ชลอความเร็วในการสวนกลับของคู่ต่อสู้ให้ได้นานที่สุด

ที่สำคัญครับ อย่าหลงตำแหน่ง และอย่าทับกันเอง ซึ่งโรม่าในวันนั้น พลาดแค่ครั้งเดียว ที่สมาธิหลุดจนเผลอเติมเกมแล้วหลังลอยโดนรูนี่ย์หลุดเข้าไปซัด แต่หลังจากนั้น โรม่าก็ไม่พลาดอีกเลย (แต่มาตกม้าตายเอานัดที่สอง) นี่ผมไม่อยากยกตัวอย่างสิ่งที่มิลานทำในแผงหลังนะครับ โดยเฉพาะนัดที่ซานซีโร่ แผงหลังเขายืนคุมพื้นที่ได้ดีมาก ไม่มีหลุดเลย มีสมาธิตลอดทั้งเกม เราต้องทำเช่นนั้นครับ ไม่ใช่ด้านแท็คติคนะ แต่หมายถึงระเบียบวินัยและสมาธิครับ ต้องนิ่งจริงๆเท่านั้น

สรุปก็คือ วินัยในการเล่น อย่างเดียวเลยครับ เล่นตามแผนที่สั่งมา อย่าลืมตัว(เอวร่า) อย่าเผลอ(บราวน์) อย่าประมาท(ริโอ) และอย่าเหวอ(วิดิช) หากทำได้ตามนี้ โอกาสเสียประตูของเราจะน้อยลงเยอะครับ ที่สำคัญ ยิงประตูให้ได้ด้วยนะครับ จะดีมากเลย

ผมสรุปเช่นนี้ แต่อย่าคิดว่าเป็นเรื่องง่ายนะครับ การทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดเนี่ยแหละยากมาก ตลอดเกมสี่สิบห้านาทีต่อครึ่งการเล่น ส่วนใหญ่มักจะเกิดอาการเผลอตัวเผลอใจ ออกไปนอกลู่นอกทางอยู่แทบทั้งนั้นแหละครับ แต่หากมาออกอาการเช่นนี้กับ อาร์เตต้า กับเอเจ กับดร็อกบา หรือมาลูด้า หรือไม่ก็พวกโปรตุกีส ผมว่าไม่มีโอกาสแก้ตัวเลยนะครับ โดนแน่ๆ เพราะฉะนั้น สิ่งเดียวที่จะช่วยได้ในตอนนี้ก็คือวินัยในการเล่นครับ



และขอให้ทำกันได้ด้วยนะครับ

สวัสดีครับ





Create Date : 05 กันยายน 2550
Last Update : 5 กันยายน 2550 13:05:20 น. 0 comments
Counter : 506 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.