20071227 วิพากษ์ Sunderland VS Man UTD
เดอะ รีเทิร์น ออฟ รูน แอนด์ เดอะ แก๊งค์
สวัสดีครับผม วันนี้สำหรับแฟนผีแดงอย่างเราๆท่านๆทั้งหลาย ก็คงเป็นวันที่สุขสมหวังมากพอสมควร การแข่งขันในโปรแกรมมหาโหดแกมวิบากปลายปีนี้ สองนัดจากสี่นัดผ่านไป แมนฯ ยูไนเต็ดเก็บได้หกแต้มเต็มๆ เช่นเดียวกับลิเวอร์พูล ในขณะที่อาร์เซนอล และเชลซี เกิดสะดุด เก็บได้แค่สี่แต้ม ทำให้ตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงอย่างเต็มตัวซักที น่าจะเป็นครั้งแรกของฤดูกาลนี้เลยนะครับ ที่เป็นจ่าฝูงด้วยเกมที่เตะเท่ากันจริงๆ แต่ก็อย่าเพิ่งดีใจกันเกินไปนะครับ อย่าลืมว่า เสาร์นี้ เราต้องออกไปเยือนอีกนัด และเป็นการไปเยือนทีมที่ผูกปีอัดเราได้แทบตลอดอย่างเวสต์แฮม ยูไนเต็ด เอาล่ะครับ เกมหน้าก็ว่ากันคราวหน้า วันนี้ เรามาดื่มด่ำกับความสำเร็จที่ทีมรักหยิบยื่นให้เป็นของขวัญคริสต์มาสกันดีกว่าครับ
วันนี้ คงไม่มีอะไรให้พูดถึงมากเท่าไหร่ เกี่ยวกับเกมเมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากซันเดอร์แลนด์ของ รอย คีน อดีตเด็กป๋า เหมือนจะออกรบแบบกั๊กๆ จะหนักก็ไม่หนัก จะไล่ก็ไม่สุด จะรับก็ไม่แน่น คือคล้ายๆกับกล้าๆกลัวๆ เลยทำให้เกร็งๆกันไปหมด และสุดท้าย ทำให้ผู้มาเยือน เก็บสามแต้มออกไปแบบไม่ช้ำเท่าไหร่นัก
มาดูกันนิดนึงครับ ว่าบ๊อกซิ่งเดย์ปีนี้ ท่านเซอร์มีการโรเตชั่นกันชนิดที่ทำเอาผมใจหายแว้บบบบบ ตอนเห็นรายชื่อนักเตะกันเลยทีเดียวครับ
รูนี่ย์ ซาฮา
นานี่ เฟล็ทเชอร์ คาร์ริค โรนัลโด้
โอเช วิดิช ริโอ บราวน์
คุสแซ็ค
สำรองที่กะเอาไว้ว่าจะปล่อยลงมาพลิกเกมได้แก่ เตเวซ และเอวร่า
ส่วนสำรองที่กะเอาไว้ว่าจะปล่อยลงมาเพื่อพักตัวหลัก ได้แก่ ปิเก้, ตี๋ปาร์ค และ ฮีตัน ซึ่งเป็นโกล์
จะเห็นได้ว่าท่านเซอร์บังอาจดร็อปตัวหลักไว้บานเบียงอีกแล้ว ไม่ว่า อันแดร์สัน, กิ๊กส์, เตเวซ, เอวร่า ในขณะที่ น้าซาร์ น่าจะยังไม่กล้าเสี่ยงให้ลง หลังเพิ่งเจ็บโคนขาหนีบ เช่นเดียวกับ ฮาร์จัง ที่เพิ่งสลัดอาการบาดเจ็บออกไปได้ แต่ป๋าก็ยังให้พักต่อไป เพื่อเก็บความสดเอาไว้บดเกมหน้ารึเปล่าก็ไม่ทราบ ทำให้ในนัดนี้ ถือได้ว่า ยูไนเต็ดขาดตัวหลัก ไปถึง สี่ห้าตัว เลยทีเดียวครับ แล้วจะไม่ให้ผมใจหายวาบได้อย่างไร เมื่อต้องออกมาเยือนทีมที่กำลังหลังพิงฝา แถมรู้ไส้รู้พุงยูไนเต็ดดีมากอย่างทีมของรอย คีน
เมื่อเกมเริ่ม สิ่งที่ผมกลัวก็เป็นจริง ซันเดอร์แลนด์นั้น ตั้งเกมรุก โหมบุกกระหน่ำตั้งแต่แรกเลยทีเดียว ยูไนเต็ดนั้น เวลาที่โรเตชั่นแบบนี้ มักจะต้องการเวลาสักพักในเกมเพื่อเรียกความเข้าอกเข้าใจระหว่างกัน ก่อนจะตั้งหลักได้ และเหตุนี้เอง ทำให้สิบนาทีแรก เป็นเกมรุกของเจ้าบ้านอย่างหนักหน่วง แผงกองหลังยูไนเต็ดต้องทำงานหนักตลอดเวลา แถมกองกลางก็ต้องวิ่งไล่บอลกันแทบทุกจังหวะ จนเมื่อผ่านสิบนาทีไปแล้วนั่นแหละ ที่ยูไนเต็ดเริ่มจะตั้งเกมได้ และเซ็ตเกมรุกอย่างเป็นระบบขึ้นทางปีกเป็นส่วนใหญ่
โรนัลโด้ ก่อกวนเกมทางกราบซันเดอร์แลนด์ได้เป็นอย่างดี และซาฮา กับรูนี่ย์ ก็มีพื้นที่ค่อนข้างมากในเกมนี้ ทำให้ทั้งคู่สร้างความอันตรายได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนนานี่ก็ยังคงตั้งอกตั้งใจเกินไปในครึ่งแรก ทำให้ออกอาการฝืนๆเกร็งๆเหมือนเดิม แต่ยูไนเต็ดมาสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในเกมนี้จากโรนัลโด้แทบตลอด จากการตะบันฟรีคิก ที่เกมนี้เข้ากรอบทุกลูก ครับ อ่านไม่ผิดหรอก และผมก็เขียนไม่ผิดด้วย เข้ากรอบทุกลูกจริงๆครับ แถมเป็นการเข้ากรอบแบบน่ากลัวสุดๆ เพราะกอร์ดอน ไม่กล้าที่จะปัดด้วย แต่เลือกทุบออกมาตลอด น่าจะเป็นเพราะการยิงของโด้ ที่ทำให้ลูกส่ายจนกอร์ดอนไม่แน่ใจที่จะเลือกปัดครับ
จากการปั่นป่วนเกมของโรนัลโด้, ซาฮา และรูนี่ย์ รวมทั้งการเติมเกมของคาร์ริคขึ้นมาเป็นครั้งคราว ทำให้ซันเดอร์แลนด์ ไม่กล้าเดินเกมรุกอีกเลย ได้แต่ไล่บอล และหาโอกาสสวนกลับเป็นระยะๆ แต่ไม่สามารถสร้างความหวาดเสียวได้มากเท่าไหร่นัก แต่จากจังหวะโต้กลับของยูไนเต็ด บราวน์แทงบอลทะลุช่องให้รูนี่ย์หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิงสวนเคร็ก กอร์ดอน ในนาทีที่ยี่สิบ เป็นประตูขึ้นนำให้ยูไนเต็ดได้สำเร็จ และถือเป็นประตูแรกของเจ้าหมูรูน หลังคัมแบ๊คกลับมาจากการบาดเจ็บครั้งล่าสุดเลยทีเดียว
หลังจากนั้น ยูไนเต็ดก็ครองเกมได้แทบตลอด และมาสบโอกาสจากลูกสวนเร็วอีกครั้ง เมื่อรูนี่ย์ควบบอลขึ้นมาทางกราบซ้าย ก่อนจะล็อคดึงจังหวะหนีตัวประกบแล้วโยนเข้าไปหน้ากรอบที่มีซาฮาโฉบเข้ามาชาร์จเป็นประตูที่สองได้สำเร็จเมื่อผ่านไปครึ่งชั่วโมง จากนั้น เกมของซันเดอร์แลนด์ก็ดูจะหมดพิษสงไปดื้อๆ ทำให้ยูไนเต็ดครองเกมได้อย่างเบ็ดเสร็จในเวลาที่เหลือ เร่งและผ่อนเกมตามจังหวะ ตามโอกาสที่มี จนมาสบโอกาสอีกครั้ง เมื่อได้ฟรีคิกหน้ากรอบโทษในนาทีสุดท้าย และเป็นโรนัลโด้ ที่ตะบันเข้าไปอย่างสวยงาม ทำให้โรนัลโด้ ทะยานหนีในอันดับดาวซัลโวเป็น 12 ประตูเข้าไปแล้ว และก็หมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรกในที่สุด
เมื่อเปิดเกมครึ่งหลัง รอย คีน มีการปรับตำแหน่งเล็กน้อย เพื่อเน้นเกมด้านข้างมากขึ้น และเปิดพื้นที่ให้กองหน้าอย่าง โจนส์ ได้มีพื้นที่มากขึ้น แต่ก็เหมือนเดิม เกมของซันเดอร์แลนด์ออกลูกกั๊กเกินไป เกร็งเกินไป ดูเหมือนจะกลัวว่าจะเสียเพิ่ม จนทำให้รุกก็ไม่เต็มที่ รับก็ไม่เหนียวแน่น เพรสซิ่งก็ไม่ถึงตัวไม่ถึงบอล อีกทั้งขาดลูกหนัก ลูกฉาบฉวย ทำให้ยูไนเต็ดสามารถขึงเกมรับได้อย่างไม่ยากเย็นนัก หากจำไม่ผิด ซันเดอร์แลนด์มีโอกาสยิงให้คุสแซ็คได้เซฟไม่ถึงสามครั้งด้วยซ้ำไปนะครับ ทั้งเกมเก้าสิบนาทีเนี่ย ในขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อเห็นรูปเกมฝั่งตรงข้ามเป็นเช่นนี้ ก็เปลี่ยนมาเล่นประคองเกม คอนโทรลบอลแทน และหาโอกาสเข้าทำตามแต่จังหวะจะเอื้อเท่านั้น
และยูไนเต็ดก็เริ่มการเปลี่ยนตัวเพื่อพักตัวหลักอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 57 ด้วยการส่งตี๋ปาร์คลงมาแทนโรนัลโด้ ที่ถูกย่ำเข้าไปที่เท้า ท่านเซอร์น่าจะกังวลพอสมควร เลยรีบดึงสตาร์โปรตุกีสออกมาพักในทันที จากนั้น ในช่วงสิบห้านาทีสุดท้าย ก็ส่งปิเก้ลงมายืนเซ็นเตอร์แทนวิดิช และก็ถือว่า เราเหลือตัวหลักอยู่ในสนามเพียงแค่ ริโอ, บราวน์ (ถ้าจะนับกัน), คาร์ริค และ รูนี่ย์เท่านั้น
เมื่อโรนัลโด้ออกไปให้ตี๋ปาร์คลงมาแทนนั้น ดูเหมือนว่า นานี่จะมีอิสระ และกล้าเล่นมากขึ้น ทำให้เริ่มเห็นว่าเขาสามารถเค้นฟอร์มออกมาได้ดีกว่าตอนเล่นร่วมกับปีกอย่างกิ๊กส์ หรือ โรนัลโด้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเพราะซันเดอร์แลนด์เปิดพื้นที่ให้เล่นมากเกินไปประการหนึ่ง หรืออีกประการหนึ่งก็คือการที่นานี่ไม่ต้องตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของ กิ๊กส์ และ โรนัลโด้ ทำให้ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องเกร็ง เล่นได้อย่างสบายใจ นั่นก็เป็นไปได้เช่นกัน เพราะเมื่อนานี่โยกย้ายฝั่งสนามเดินเกมได้ตามอิสระสลับกับปาร์ค ทั้งคู่ก็แสดงให้เห็นว่าสามารถเล่นและปั่นป่วนฝ่ายตรงข้ามได้ดีพอดูเลยครับ นานี่ดูมั่นใจขั้นเยอะ ส่วนอาตี๋ของเรา นัดนี้แสดงให้เห็นว่าสมบูรณ์เต็มที่แล้วครับ
และนานี่นั้น ก็มาช่วยให้ได้จุดโทษปิดท้ายเกมก่อนหมดเวลาห้านาที เมื่อวิ่งเบียดคอลลินส์เข้าไปชิงเอาบอลในกรอบ แต่ถูกคอลลินส์ผลักล้มลงไป และเพื่อเป็นการเรียกความมั่นใจกลับมา ซาฮาก็ได้โอกาสยิงจุดโทษและก็ไม่พลาด เป็นประตูที่สองของเขาในเกมนี้ และน่าจะเป็นเกมที่ดีของเขาเกมหนึ่ง ทั้งในแง่การเข้าทำ และการเคลื่อนที่ รวมทั้งจังหวะในการเล่น ที่ดูจะเข้าขากับรูนี่ย์มากขึ้นอีกสเต็ปหนึ่ง
สำหรับเกมนี้ จากทีแรกที่คิดว่าจะเป็นเกมหนัก เกมแรง เพราะคีนนั้นหลังชนฝา และต้องการแต้มอย่างที่สุด แต่กลับกลายเป็นว่า คีนไม่ได้วางแผนมาเพื่อการนั้น แต่เลือกที่จะเน้นการคุมจังหวะเกม และเน้นการต่อบอลเข้าทำมากกว่า โดยสิ่งที่เน้นเป็นอันดับแรกคือความแน่นอนในการต่อบอล นั่นเองที่ทำให้ยูไนเต็ดเล่นง่าย เพราะท่านเซอร์วางกองกลางเป็นคาร์ริค และตัวไล่บอลเป็นเฟล็ทเชอร์ ซึ่งคู่นี้นั้น หากเจอเกมหนักอย่างเกมกับทอฟฟี่ล่ะก็ ผมว่าดูไม่จืดแน่ๆ แต่เมื่อคีนวางแพลนนิ่งมาแบบนี้ คู่กลางของเราก็เล่นง่ายขึ้น
การต่อบอล การถ่ายบอลของซันเดอร์แลนด์ ยังไม่รวดเร็ว และแม่นยำเพียงพอที่จะฉีกการไล่ประกบจากกองกลางและกองหลังของยูไนเต็ด ทำให้ไม่สามารถเซ็ตบอลเข้าไปจนถึงพื้นที่อันตรายได้มากเท่าที่ควร และมักจะเสียบอลให้โดนโต้กลับอยู่เรื่อยๆอีกต่างหาก อีกทั้งแดนกลางและหลังของซันเดอร์แลนด์ ก็ขาดลูกหนักในการไล่สกัดและแย่งบอล ทำให้กลางและหน้าของยูไนเต็ดสามารถเล่นได้ง่าย ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังเรื่องจะถูกเสียบเมื่อไหร่ ซึ่งทำให้ช่องว่างระหว่างเกมของทั้งสองฝั่งยิ่งถ่างออกไปอีก
ผมเองค่อนข้างเห็นใจคีนไม่น้อย ที่ต้องมาเจอกับเจ้านายเก่าในช่วงนี้ ในช่วงที่ต้องการสามแต้มอย่างที่สุดทั้งสองทีม แต่ข้อแตกต่างคือ ยูไนเต็ดมีตัวเลือกลงสนามมากกว่า มีความสดมากกว่า ส่วนคีนนั้น ต้องคิดถึงเกมหน้าด้วย และไม่ใช่แค่เกมเดียว มันหมายถึงสองเกมในสามสี่วันด้วยซ้ำ ยิ่งทำให้ทีมเล็กๆที่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้น ต้องคิดหนักมากขึ้นไปอีก เพราะอะไรครับ นั่นก็เพราะหากคีนวางแพลนนิ่งเกมหนักเต็มพิกัด โอกาสชนะคว้าสามแต้มจะมากขึ้นเกินครึ่งรึเปล่า ก็คงไม่ใช่ เพราะท่านเซอร์เองก็คงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ดังจะเห็นจากตัวสำรองอย่างเตเวซ และเอวร่า ก็อยู่ข้างสนามรอเปลี่ยนเกมอยู่แล้ว
ดังนั้น ไม่ว่าคีนจะปรับเกมมาให้หนักอย่างไร เลือกแพลนนิ่งมาสู้ มาตีโต้แท็คติคท่านเซอร์อย่างไร อาวุธหนักของยูไนเต็ดก็พร้อมจะถูกส่งลงมาแก้เกมของคีนเมื่อนั้น และสุดท้ายคีนเองกลับเลือกที่จะปล่อยเกมนี้ไป หลังจากโดนนำไปสองประตูตั้งแต่ครึ่งแรกครับ เพราะเท่าที่เราเห็น ซันเดอร์แลนดืไม่ได้แสดงให้เห็นเลยว่า พวกเขาตั้งใจจะคัมแบ๊คในเกม หรือแม้แต่พยายามจะหยุดยั้งการครองเกมของยูไนเต็ด
เกมของยูไนเต็ดเมื่อคืนนี้ ก็เป็นเกมที่ไม่ถือว่าหนักเท่าไหร่ แต่น่าจะถือเป็นเกมที่มีประโยชน์ต่อนักเตะหลายๆรายในการเรียกความฟิต เรียกความมั่นใจ และเรียกจังหวะเดิมๆของตัวให้กลับมาให้ได้เร็วขึ้น นักเตะอย่างซาฮา, เฟล็ทเชอร์, ปิเก้, ปาร์ค หรือแม้แต่ โอเช ต่างต้องการลงสนามบ้าง และนัดนี้ ก็เป็นนัดที่ดี สำหรับนักเตะเหล่านั้นครับ โรนัลโด้ และรูนี่ย์ เล่นดีมากซะจนผมยกให้เป็นแมนฯ คู่กันเลย ส่วนโอเชนั้น เลืนได้ดี ทั้งๆที่ไม่ค่อยได้ลงสนาม แต่ก็ต่อสัญญาไปแล้วนะ ได้ยินไหม น้องบราวน์จ๋า..... อย่ายึกยักเลยนะครับ
สำหรับแมนฯ ยูไนเต็ด เอง สามแต้มจากนัดนี้ ถือเป็นสามแต้มที่ทำให้กระชุ่มกระชวยขึ้นมาอีกนิด แต่ของขวัญจริงๆที่แฟนๆยูไนเต็ดชื่นใจมากกว่านั้น ก็คือการได้เห็นทีมรักของตัว ขึ้นไปสูดอากาศบริสุทธิ์บนหัวตารางอย่างเป็นทางการนั่นเองครับ และก็หวังว่า จะทำได้ตลอดรอดฝั่งด้วยนะครับ สำหรับโปรแกรมอีกสองนัดฉลองปีใหม่ที่เหลือสำหรับสี่ทีมลุ้นแชมป์ จะเป็นดังนี้ครับ
ยูไนเต็ด 19 นัด 45 คะแนน
ไปเยือนเวสต์แฮมวันที่ 29 และ รับมือเบอร์มิงแฮมวันที่ 1
อาร์เซนอล 19 นัด 44 คะแนน
ไปเยือนเอฟเวอร์ตันวันที่ 29 และ รับมือเวสต์แฮมวันที่ 1
เชลซี 19 นัด 38 คะแนน
รับมือนิวคาสเซิลวันที่ 29 และ ไปเยือนฟูแล่มวันที่ 1
ลิเวอร์พูล 18 นัด 36 คะแนน
ไปเยือนแมนฯ ซิตี้วันที่ 30 และ รับมือวีแกนวันที่ 2
ดูแล้วโอกาสที่ยูไนเต็ดจะทำได้สำเร็จก็มีไม่น้อยเช่นกัน เพราะนัดหน้าถึงจะเป็นงานช้างในการยกพลขึ้นอัพตันปาร์ค แต่ ขุนพลปืนใหญ่ ก็ต้องยกพลไปกูดิสัน ปาร์คเช่นกัน โอกาสเสียแต้มของทั้งคู่ ผมว่ายังมีพอๆกัน ส่วนนัดขึ้นปีใหม่ ทั้งสองทีมคงพลาดยาก ดังนั้น จ่าฝูงจะถูกวัดกันอีกที ว่าจะเปลี่ยนมือหรือไม่ ในวันเสาร์นี้ครับ ส่วนเชลซี ได้งานง่ายหน่อย เมื่อนิวคาสเซิ่ลในตอนนี้ ยังไม่เข้าที่เข้าทางเอาซะเลย ส่วนการเยือนฟูแล่ม ไม่น่าพลาดอยู่แล้ว แต่ลิเวอร์พูลกับการไปเยือนซิตี้ ออฟแมนเชสเตอร์ ที่ชนะรวดในลีก อันนี้น่าหวาดเสียวครับ ต้องจับตาดูกันเลยทีเดียว ว่า ซิตี้จะพ่ายในบ้านให้ลิเวอร์พูลเป็นครั้งแรกของฤดูกาลในลีกหรือไม่
แล้วมาพบกันอีกครั้ง หลังวันปีใหม่ กับบทวิพากษ์สองนัดรวดนะครับ
สงบใจ
| Create Date : 27 ธันวาคม 2550 |
| Last Update : 27 ธันวาคม 2550 10:02:02 น. |
|
3 comments
|
| Counter : 523 Pageviews. |
 |
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
ขอ แอด บล๊อก ไว้ดูเล่น ด้วยนะครับ