Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
4 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
20110404 วิพากษ์ Westham VS Man. UNITED

สงบใจ...วิพากษ์ ขวากหนามยังมากมาย เพื่อตะกายถึงฝั่งฝัน


สวัสดีปีใหม่ไทยล่วงหน้าครับทุกๆท่าน หลังจากที่เราได้พบกันครั้งล่าสุดไปเมื่อช่วงปีใหม่สากล ผลงานของยูไนเต็ดทีมรักเราก็ยังคงน้ำลายเหนียวคอกันเรื่อยๆ มีแค่ไม่กี่นัดที่เดินหน้าฆ่าคู่ต่อสู้ได้แบบที่แฟนๆนอนชมพร้อมละเลียดฟองเบียร์อย่างมีความสุข แต่กลับเป็นว่าแฟนๆต้องลุ้นกันเบียร์แทบหกซะมากกว่า แถมยังเสียสถิติไร้พ่ายในลีกไปอย่างสุดชอกช้ำแบบสองนัดรวดซะอีก เล่นเอาใจคอผมเริ่มไม่ค่อยดี กลัวว่าจะหลุดโค้งตกเหวไปดื้อๆซะแล้ว แต่สุดท้าย ยูไนเต็ดเราก็คัมแบ๊คกลับมาได้เสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนๆผีแดงอย่างเราๆท่านๆคุ้นชินกันมานาน แล้วก็หวังว่าการคัมแบ๊คกลับมาคราวนี้ จะยังรักษาโมเมนตัมการเป็นจ่าฝูงของเราต่อไปให้ได้จนจบฤดูกาลนะครับ


มาพบกันในคราวนี้ ผมเองก็คงไม่ได้ลงลึกในแม็ทช์การแข่งอะไรมากนัก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมานั้น มีอะไรเกิดขึ้นมากมายเหลือเกินในระยะเวลาที่ผมไม่ได้เข้ามาวิพากษ์ ไม่ว่าจะเป็นการคัมแบ๊คพลิกนรกหลายนัด เกมจืดชืดเป็นต้มจืดโรงพยาบาล เกมที่ออกแนวดราม่าแทบหัวใจวายตาย หรือจะเป็นเกมที่พ่ายแพ้แบบหมดรูปก็มีเช่นกัน ดังนั้นในวันนี้ ผมจึงจะขออนุญาตเน้นไปที่ภาพรวมของผลงานของยูไนเต็ดตั้งแต่ช่วงมกราคม-เมษายนนี้ก็แล้วกันครับ เพื่อจะได้เห็นภาพกว้างๆเกี่ยวกับฟอร์มในช่วงที่ผ่านมา แล้วจะเสริมด้วยเกมระหว่างเวสต์แฮมกับยูไนเต็ดที่เพิ่งผ่านพ้นไปหมาดๆให้สักเล็กน้อย พอแก้กระสัยก็แล้วกันนะครับ


เปิดหัวช่วงปีใหม่สากลที่ผ่านมา ฟอร์มของยูไนเต็ดยังคงแรงต่อเนื่องมาเรื่อยๆ ทั้งในเอฟ เอ คัพ ที่ชนะลิเวอร์พูล, เซาธ์แธมป์ตัน รวมทั้งการส่งทีมพิกลพิการเอาชนะอาร์เซน่อล จนได้ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศรอชนช้างกับเพื่อนบ้านสีฟ้า ส่วนในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกนั้น ก็เดินทางผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้เป็นที่เรียบร้อย ด้วยการส่งทีมชุดที่เน้นผลการแข่งขันไปยันเสมออดีตยักษ์ใหญ่ฝรั่งเศสอย่างโอลิมปิก มาร์กเซย์ ถึงสต๊าด เวลโลโดรม แบบโนสกอร์ ต่อด้วยเกมเปิดบ้านเชือดนิ่มๆ โอแอ็มในเลกที่สองไปด้วยสกอร์จุ๋มจิ๋ม 2:1 ที่ทำเอาหัวใจคนเชียร์จะวายตายในช่วงท้ายๆ และนั่นคือสาเหตุหลักสำคัญที่ส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงต่อผลงานในบอลลีกของเรา ก็เนื่องจากการกรำศึกหนักติดๆกันไม่ได้เว้นให้หายใจหายคอ ทำเอานักเตะสลับหน้ากันล้าและป่วยหน้าแข้งตลอดเวลา เรียกว่าลิสต์กันไม่หวาดไม่ไหวกันเลยทีเดียว


สิ่งเหล่านั้น ทำให้การจัดทัพของเซอร์อเล็กซ์ในช่วงกุมภาพันธ์-มีนาคม เป็นไปแบบขัดใจกองเชียร์แต่ได้ใจกองแช่งเป็นอย่างมาก และฟอร์มที่ออกมาก็ต้องบอกว่า บางนัดเข้าเป้า บางนัดก็เข้ารกเข้าพง ซึ่งผมขอเรียกว่าเป็นการจัดทัพแบบแก้ปัญหาเฉพาะหน้านัดต่อนัดก็แล้วกัน แต่สิ่งที่น่าปวดหัวมากกว่านั้นก็คือการต้องพะวงเกมต่อไปนั่นเองครับ เช่นเกมเยือนวีแกนที่ได้ฟอร์มและผลการแข่งตามต้องการ แต่ต้องต่อด้วยการออกไปเยือนเชลซีในอีกสามวันให้หลัง ทั้งๆที่ฟอร์มดีแต่ดันแพ้กลับมาแบบค้างคาใจนิดหน่อย จากนั้นอีกสามสี่วันก็ต้องออกไปเยือนลิเวอร์พูลอีก ซึ่งคราวนี้เต็มๆครับ แพ้แบบไม่ต้องสรรหาคำแก้ตัวใดๆ จากนั้นก็ยังมีคิวรับมืออาร์เซน่อลในเอฟ เอ คัพ ตามด้วยเลกที่สองกับโอแอ็มที่ต้องชนะให้ได้สถานเดียว เรียกได้ว่า เป็นเดือนแห่งมรสุมชัดๆสำหรับยูไนเต็ด แต่การที่ป๋าพานาวาสีแดงลำนี้ผ่านพ้นมรสุมดังกล่าวมาได้แบบยังอยู่ในเส้นทางทุกถ้วย ผมก็ถือว่าป๋าบริหารจัดการทุกๆอย่างได้เยี่ยมยอดแล้วครับ ถึงแม้จะมีชนหินโสโครกบ้างอะไรบ้าง แต่เรือลำนี้ก็ยังอยู่ในเส้นทางอยู่ดี


หลังจากหลุดออกมาจากช่วงมรสุมเกมโหดได้ ก็คงต้องขอชื่นชมสปิริตนักสู้ในหัวใจของเหล่าเร้ดอาร์มี่ทุกผู้ทุกคนทั้งที่ลงและไม่ได้ลงสนาม ที่ไม่ได้สติแตกหรือฟอร์มรูดหายไปตามเสียงนกหวีดยาวที่แอนฟิลด์ เพราะหลังจากที่เราพ่ายแพ้มาสองเกมติดต่อกัน ก็ทำให้แต้มต่อในลีกที่เคยนำห่างนั้นกลายเป็นถูกลูกทีมเวนเกอร์ไต่มาหายใจรดต้นคอ ถูกลูกทีมอันเชล็อตติและมันชินี่เปิดสงครามจิตวิทยาเข้าใส่ผ่านทางสื่อเป็นระลอกๆ เรียกว่าพ้นแผ่นดินไหวมาก็เจออาฟเตอร์ช็อคเรื่อยๆก็ไม่ผิด ไหนจะนักเตะบาดเจ็บและโดนแบนรวมๆกันอีกค่อนทีม ทำให้เกมเอฟ เอ คัพ กับอาร์เซน่อลถูกจับตามองเป็นพิเศษ เมื่ออาการบาดเจ็บประดังเข้ามา ก็ทำให้ป๋าต้องส่งกองหลังอาชีพลงสนามในเกมนี้ถึงเจ็ดคน โดยยืนแผงแบ๊คโฟร์สี่คน เป็นมิดฟิลด์อีกสามคน เรียกว่าจัดทัพแบบไม่เกรงใจใครแล้ว ซึ่งผลการแข่งขันก็เป็นที่ทราบกันดีว่าลูกทีมท่านเซอร์สามารถหักปากกาเซียนในสนามได้อย่างหมดจด ด้วยการอาศัยความเด็ดขาดกว่าในจังหวะจบสกอร์ และความเหนียวหนึบๆของน้าซาร์ ผ่านทีมอาร์เซน่อลไปได้แบบไม่น่าเชื่อ นัดนี้เองที่ทำให้โมเมนตัมที่ดูเหมือนจะเหวี่ยงหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ได้บินกลับมาอยู่ในร่องในรอยอีกครั้ง ที่เหลือก็เพียงแค่รักษามันไว้ให้อยู่กับเราให้นานที่สุดเท่านั้นเอง


จากนั้นก็เป็นคิวของโอลิมปิก มาร์กเซย์ ที่ป๋าต้องจัดหนักเพราะเลกแรกไปเสมอเขาแบบโนสกอร์ที่ฝรั่งเศส ทำให้เลกที่สองนี้พลาดไม่ได้เลย จึงจัดบราวน์ลงคู่สมอลลิ่ง//ฮ่าฮ่าฮ่า นัดนี้เป็นอีกนัดที่ป๋าจับชิชาลงคู่กับรูน และชิชาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อซัดคนเดียวสองประตู ก่อนบราวน์จะซัดเพิ่มอีกเม็ดแต่ดันยิงผิดฝั่ง ส่งผลให้กองเชียร์ได้บริหารหัวใจเล็กๆช่วงท้ายก่อนจะชนะผ่านเข้ารอบไปได้ในที่สุด ซึ่งชัยชนะและการผ่านเข้ารอบนี้ ก็ช่วยเป็นแรงกระตุ้นที่ดี ที่ทำให้โมเมนตัมของฟอร์มการเล่น เริ่มที่จะยืนระยะกลับมาได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนเกมต่อมาก็เป็นเกมที่อึดอัด ตื้อตัน และหงุดหงิดหัวใจเป็นที่ยิ่ง เมื่อเปิดบ้านรับโบลตัน แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยจนล่วงเข้าสู่นาทีที่ 86 พระเอกตัวจริงถึงได้โผล่มายิง เบอร์บาตอฟถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนชิชาตั้งแต่พักครึ่ง และต้องรอจนเอแวนส์เข้าปะทะบวกกันกับโฮลเด้นจนได้ออกไปอาบน้ำก่อนเพื่อน แต่ยูไนเต็ดก็ไม่ยอมตาย ลุกขึ้นมานวดโบลตันต่อจนเบิร์บมายิงซ้ำลูกกระฉอกของยัสเคไลเน่น จากการป้องกันลูกยิงไกลของนานี่ ทำให้ยูไนเต็ดรักษาบัลลังก์จ่าฝูงได้ต่อไป พร้อมยืดแต้มนำห่างออกไปอีกครั้ง หลังจากอาร์เซน่อลทำได้แค่เสมอกับเวสต์บรอมวิชไป 2:2


ตัดกลับมาสู่เกมล่าสุด ที่ยูไนเต็ดต้องออกไปเยือนโบลีน กราวนด์ หรือที่รู้จักกันในชื่ออัพตัน พาร์ค ตามที่ตั้งของสนาม ซึ่งเป็นถิ่นของขุนค้อนเวสต์แฮม ถิ่นที่มักทำให้เราเจ็บแสบได้เสมอแทบทุกครั้งที่มาเยือนนั่นเอง เกมนี้ท่านเซอร์ดร็อปผู้เล่นกำลังหลักหลายราย เตรียมไว้ทำศึกแชมเปี้ยนส์ลีกกับเชลซีกลางสัปดาห์ ส่วนน้าซาร์ก็เจ็บโคนขาหนีบ (คาดว่าน่าจะหายทันเกมวันพุธ) ทำให้โอกาสตกมาเป็นของคุสแซ็ค แผงหลังได้วิดิชกลับมาคู่สมอลลิ่ง แบ๊คซ้ายยังเป็นเอวร่า ขวาฟาบิโอ ใช้มิดฟิลด์ห้าคน ได้แก่ กิ๊บสัน-คาร์ริค-กิ๊กส์-พาร์ค-วาเลนเซีย ทิ้งหน้าเป้าคือรูนี่ย์ไว้คนเดียว รูปเกมก็ไม่มีอะไรมาก เวสต์แฮมถึงจะเล่นในบ้านแต่ก็รัดกุมใช้ได้ เป็นจ่าฝูงซะอีกที่เปิดเกมรุกเข้าใส่ตั้งแต่แรก และครองเกมเอาไว้ได้แทบทั้งหมด แต่การที่มีแค่หน้าเป้าคนเดียว แถมรูนี่ย์เองช่วงหลังก็ปรับตัวลงมาเล่นคล้ายๆกับหน้าต่ำหรือบางทีเป็นกลางรุกไปซะงั้น ทำให้นักเตะเวสต์แฮมสามารถเล่นเพรสซิ่งดันเกมขึ้นสูงได้ พาร์คและวาเลนเซียก็ไม่ใช่พวกที่จะเล่นชิงไลน์กองหลัง ทำให้หลังเวสต์แฮมไม่ต้องพะวงเรื่องการถูกจ่ายตัดหลังมากนัก ที่จ่าฝูงทำได้ดีที่สุดก็คือวูบวาบออกปีก แต่ปีกสองข้างก็ทำได้แค่โยนกลับมากลาง เนื่องจากไม่ใช่สไตล์ชงเองกินเอง


ถึงแม้เกมจะเป็นของจ่าฝูง แต่การที่จังหวะสุดท้ายไม่สามารถสร้างสรรค์โอกาสได้มากนัก ทำให้เวสต์แฮมยิ่งได้ใจ เล่นไปเล่นมาเจ้าบ้านก็ค่อยๆมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งการที่มีเด็มบ้า บา กับคาร์ลตัน โคล กดดันเซ็นเตอร์เราอยู่นั้น ยิ่งทำให้เกมเคานท์เตอร์ของเจ้าถิ่นอันตรายน่ากลัวมากขึ้นทุกๆนาที ยิ่งทีมเยือนเริ่มหมดมุขในการเข้าทำ เจ้าถิ่นก็ยิ่งสวนกลับแต่ละดอกได้น้ำได้เนื้อมากขึ้น ซึ่งเกมนี้คาร์ลตัน โคลเองก็แผลงฤทธิ์ได้เต็มๆทำเอาวิดิชเสียผู้เสียคนไปไม่น้อย เวสต์แฮมนั้นมาได้จุดโทษก่อนจากช็อตแฮนด์บอลของเอวร่า จากนั้นโคลก็เรียกจุดโทษที่สองจากวิดิชได้ เมื่อพยายามพาบอลเข้ากรอบเขตโทษจากฝั่งซ้าย วิดิชยื่นขาสกัดโดนเท้าโคล ก้ำกึ่งมากๆว่าในหรือนอกเขต แต่เมื่อได้ยินนกหวีดยาวก็มั่นใจได้เลยว่าจุดโทษแฮ๋มและ ซึ่ง มาร์ค โนเบิ้ลจัดการสอยทั้งสองลูกเข้าไปอย่างสวยงาม ทำให้เจ้าถิ่นนำห่าง 2:0 ในครึ่งแรก และยังมีช็อตที่วิดิชรอดใบแดงจากการเหนี่ยวโคลในจังหวะกำลังหลุดเดี่ยวอีก ทั้งหมดนี้ผมยังไม่เห็นเลยว่า ในครึ่งหลังเราจะกลับมาได้อย่างไร แต่ผมเชื่อเพียงแค่ว่าจากฟอร์มโดยรวมในครึ่งแรกนั้น ถ้าป๋าแก้เกมในจังหวะเข้าทำได้ผล อย่างน้อยเราก็น่าจะต้องคลำประตูได้บ้างแหละน่า ไม่กลับบ้านแบบตีนบอดแน่ๆครับ


เข้าสู่ครึ่งหลัง ชิชาถูกส่งลงมาแทนเอวร่า และถอยกิ๊กส์ลงไปเล่นแบ๊คซ้ายแทน เป็นการแก้เกมที่สุโค่ยมากดอกแรกของป๋า เกมของเวสต์แฮมนั้นตลอดทั้งครึ่งแรกเดินเกมด้วยปีกน้อยมากโดยเฉพาะฝั่งเอวร่า จะอาศัยวางยาวให้กองหน้าซะมากกว่า ประกอบกับการถอยกิ๊กส์ลงต่ำนั้นก็จะได้ทักษะในการพาบอลไปกับตัวและการเปิดบอลยาวจากหลังของกิ๊กส์มาช่วยเป็นทางเลือกในการขึ้นเกมจากหลัง จัดการปรับกลางมาเป็นสองคน ปีกสองคน ทำให้เกมรุกดูจะมีมิติมากขึ้น แผงหลังเวสต์แฮมเริ่มจะถอยร่นลงไปยืนต่ำ เนื่องจากมีชิชาที่จ้องจะชิงไลน์ตัดหลังมายืนค้ำอยู่อีกคน เมื่อหลังยืนต่ำมากขึ้นพื้นที่ตรงกลางก็เริ่มเปิดมากขึ้น ชิชากับรูนี่ย์จึงมีพื้นที่เล่นและต่อบอลกับปีกสองข้างมากขึ้นเรื่อยๆ ยูไนเต็ดเริ่มที่จะหาจังหวะเข้าทำได้ลงตัวขึ้นเรื่อยๆแล้ว แต่เมื่อยังยิงคืนไม่ได้ ป๋าก็ขยับหมากอีกครั้ง ส่งเบอร์บาตอฟลงมาแทนพาร์ค ชี ซอง เพื่อช่วยพักบอลในแดนหน้า และดึงตัวผู้เล่นของเวสต์แฮมมาไว้กับตนมากขึ้น เบอร์บาตอฟทำจุดนี้ได้ดีมากๆ แต่จุดเปลี่ยนก็มาเกิดขึ้นเอาตอนที่เบอร์บาลงมาพอดีนั่นแหละ ยูไนเต็ดมาได้ฟรีคิกหน้ากรอบและรูนี่ย์ก็ปั่นเข้าไปอย่างสุดสวยในนาทีที่ 65 ซึ่งพอเสียประตูไปแกรนท์ก็เลือกที่จะเปลี่ยนเอาปิกิยอนลงมาแทนโคล ซึ่งนั่นทำให้งานของวิดิชเบาลงบานตะเกียง


เมื่อมีตัวพักบอลและดึงผู้เล่นเพิ่มขึ้น รูนี่ย์ก็มีพื้นที่ให้เล่นมากยิ่งขึ้น และการจ่ายยัดเข้ากลางของวาเลนเซียในนาทีที่ 73 ก็ทำให้แฟนทีมเยือนได้เฮ รูนี่ย์จับบอลได้ก่อนจะลากเลาะหน้ากรอบและตวัดยิงหักข้อด้วยอีขวาส่งบอลพุ่งผ่านกรีนเข้าไปได้สำเร็จ หลังจากนั้น โมเมนตัมเหวี่ยงกลับมาสู่ทีมเยือนเต็มๆ ฟาบิโอลุยขึ้นมาในกรอบก่อนจะพยายามโยนกลับเข้ามาติดแขนอัพสัน กรรมการ ลี เมสันเป่าให้ทีมเยือนได้จุดโทษบ้าง เป็นรูนี่ย์ที่ปรี่เข้ามาแปเรียดๆเข้าไปในนาทีที่ 79 จังหวะนั้นแกรนท์ไม่มีทางเลือกแล้ว จึงส่งโอบินน่า และร็อบบี้ คีน ลงมาแทนโอนีล กับ โนเบิ้ล แต่เกมของเวสต์แฮมก็เสียจังหวะไปหมดแล้ว ไม่สามารถเคานท์เตอร์สวยๆได้อีก กลับเป็นทีมเยือนที่สร้างโอกาสได้เรื่อยๆ จนในนาทีที่ 84 เบิร์บได้บอลหน้ากรอบก่อนจะจ่ายออกซ้ายให้กิ๊กส์เติมขึ้นมาลากเข้าหากรอบประตูแล้วกดเต็มข้อ บอลพุ่งแฉลบขากองหลังสองคนผ่านการป้องกันของกรีนหลุดไปถึงเสาสองที่ชิชาริโต้จมูกไวกว่าเพื่อน ปราดเข้าสไลด์บอลตุงตาข่ายเป็นประตูที่สี่ ส่งให้ทีมเยือนยิงแซงรวดเดียวสี่ลูก คว้าสามแต้มกลับโอลด์แทรฟฟอร์ดได้สำเร็จ


ผลจากการเก็บชัยชนะในนัดนี้ นัดที่พลิกนรกกลับมาแซงได้ นัดที่แข่งก่อนคู่แข่งทั้งหลาย ย่อมส่งผลกระทบหลายชิ่งแน่นอน หนึ่งล่ะคือความมั่นอกมั่นใจที่เพิ่มพูนมากขึ้นของเหล่าแข้งอสูร สองคือการรักษาโมเมนตัมเอาไว้กับทีมได้ต่อเนื่อง สามคือการกดดันคู่ต่อสู้ที่กำลังจะลงเตะให้ท้อถอย ผมยอมรับเลยว่าการพลิกแซงแบบนี้มันช่วยถล่มความมั่นใจคู่แข่งได้มากมายทีเดียว ลองคิดเทียบดูหากเราเล่นแบบม้วนเดียวจบคว้าชัยชนะไปได้ คู่แข่งก็คงมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เราเอาชนะทีมหนีตายทีมหนึ่ง แต่นี่เป็นการที่คู่แข่งเริ่มได้ใจเมื่อเห็นเราเพลี่ยงพล้ำ แต่สุดท้ายแล้วกลับต้องมาเห็นภาพเราเร่งแซงคว้าสามแต้มแบบนี้ มันย่อมทำให้คู่แข่งเซ็งและเหนื่อยหน่ายใจมากกว่าปกติ ยิ่งเมื่อเห็นผลการแข่งที่ตามมาเป็นพรวนแบบเข้าทาง ยิ่งทำให้พลพรรคอสูรแดงมั่นใจมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อยู่ที่ตัวพวกเขาเองนั่นแหละ ที่จะรักษาฟอร์มรักษาโมเมนตัมนี้เอาไว้ได้นานแค่ไหน เพียงพอจะทวงบัลลังก์แชมป์กลับมาหรือไม่


สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งในเกมและก่อนเกม ก็ต้องบอกว่าเป็นเพราะเกมกลางสัปดาห์กับเชลซีนั่นแหละ ที่ทำให้ป๋าต้องพักผู้เล่นบางคนไว้ แล้วส่งชุดผสมลงมาเล่นในเกมนี้ การที่เวสต์แฮมกำลังดิ้นรนหนีตกชั้นบวกกับผู้เล่นที่เข้ามาในช่วงมกราคมกำลังทำผลงานได้ดี จึงไม่น่าแปลกใจที่เวสต์แฮมจะเล่นงานยูไนเต็ดได้อย่างนี้ในครึ่งแรก แต่เมื่อเฟอร์กี้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ถือว่ายังโชคดี ที่บนม้านั่งสำรองเรายังมีตัวพลิกเกมดีๆรอให้ใช้งานอยู่ การเอาชิชาริโต้ลงมาค้ำ ช่วยให้แผงหลังเจ้าถิ่นต้องพะวงการเล่นชิงจังหวะ เมื่อมีตัววางบอลอย่างกิ๊กส์ และคาร์ริค รวมทั้งรูนี่ย์ที่พยายามดึงตัวเองลงต่ำพาตัวประกอบลอยตามมาแล้วให้ชิชาวิ่งสวนมีไลน์ขึ้นไปรับลูกพาส เมื่อแผงหลังเริ่มเปิดพื้นที่เปิดช่องออกมา แต่ยังไม่มากพอจะเป็นจุดอ่อนให้เจาะถึงประตู เฟอร์กี้จึงส่งเบิร์บลงมาเก็บบอลและดึงตัวประกบเพิ่มอีก การมีเบิร์บพักบอลและเก็บบอลไว้กับตัว ทำให้ยูไนเต็ดมีเวลาตั้งแนวรุกและหาช่องว่างเจาะได้มากขึ้น เบิร์บเก็บบอลได้ พาบอลไปสองสามจังหวะ ล็อกสองสามครั้ง แค่นี้ก็ดึงผู้เล่นเวสต์แฮมมาได้แล้วอย่างน้อยสองคน บางจังหวะได้ถึงสามคน เมื่อเขาจะคายบอลต่อ บรรดาแนวรุกคนอื่นก็ว่างจากการประกบ นี่ทำให้เราสามารถกดดันเจ้าบ้านได้เต็มๆจนทำให้แซงชนะได้สำเร็จนั่นเอง


ตัวแปรที่ช่วยให้ทีมเอาตัวรอดมาได้หลายต่อหลายนัด มันก็มีผสมปนเปกันไป แต่หลักๆคือสายตาของแมวมองและความมั่นใจของท่านเซอร์ในช่วงปิดซีซั่นที่ผ่านมา อันหนึ่งก็คือสมอลลิ่ง ใครจะไปคิดว่าในขวบปีแรกของเขากับต้นสังกัดใหม่ เขาจะกลายเป็นตัวเลือกแรกรองจากสองผู้ยิ่งใหญ่ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ สามารถเล่นได้นิ่ง แน่นอน และเก๋าเรียกพ่อได้ขนาดนี้ ถือเป็นเสาหลักค้ำจุนแผงหลังในยามขาดแคลนตัวเลือกแรกๆได้อย่างสุดยอด อันดับถัดมาก็คือรูนี่ย์ และเบอร์บาตอฟ หลังจากรูนมีเรื่องคาวโลกีย์และฟอร์มตกกลับมาจากบอลโลก รวมทั้งก่อคดีงามหน้าแฟนๆด้วยการประกาศย้ายทีม ฟอร์มของเจ้าตัวก็ดับอนาถมาโดยตลอด เฟอร์กี้จึงเลิกทดลองกับรูนี่ย์ แต่จับเจ้าตัวดร็อปข้างสนามจนคดีจบ แล้วก็ยัดลงตำแหน่งหน้าต่ำกึ่งๆกลางรุก เพราะอยู่ข้างหน้าแล้วมันไม่ยิง ยิงก็ไม่ค่อยเข้า พร้อมกับสลับเบิร์บไปเป็นตัวเป้าแทน ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จอย่างไม่คาดคิด ความขยันและอึดถึกแข็งแกร่งของรูนี่ย์ สร้างปัญหาหนักอกให้กลางรับและกองหลังคู่ต่อสู้ ทำให้เบอร์บาตอฟมีเวลา มีพื้นที่ มีโอกาสที่จะร่ายพู่กันสร้างผลงานอาร์ตๆได้มากที่สุดแล้วนับตั้งแต่ย้ายเข้ามาในแคมป์โรงละครแห่งนี้ จนบัดนี้ยิงยี่สิบลูกในลีกไปเรียบร้อย ส่วนน้องหมูก็เริ่มคืนวิญญาณเพชฌฆาตมาเรื่อยๆ นับว่าเป็นการสลักหมากกลที่เยี่ยมยุทธ์อีกครั้งของท่านเซอร์


แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือชิชาริโต้เอฟเฟคท์ การเซ็นสัญญากับถั่วน้อยนับเป็นดีลออฟเดอะซีซั่นก็ว่าได้ ผมไม่เชื่อว่าดีลนี้ท่านเซอร์ต้องการแค่กองหน้าอะไหล่คนหนึ่ง แต่ผมมองว่าท่านเซอร์ต้องการกองหน้าในสไตล์ฟ็อกซ์อินเดอะบ๊อกซ์มาใช้งาน สิ่งที่ขาดหายไปตั้งแต่ขาดยุคคู่หูนิฬกาลยอร์ค-โคล ถึงแม้จะมีรุดผ่านเข้ามาแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทำให้ระบบของแนวรุกต้องปรับเยอะมากเสียจนเมื่อวันที่รุดออกไปนั้น กว่าที่จะปรับกลับมาเข้าที่ได้อีกก็เป็นปีๆ การเห็นโอเว่นเซ็นสัญญาเข้ามาปีก่อนทำให้ผมเริ่มสงสัยว่าป๋าต้องการอะไรจากเซนต์ไมเคิ่ล แต่พอโอเว่นยังออดๆแอดๆแล้วป๋าไปหนีบถั่วน้อยกลับมาจึงเริ่มเข้าใจมากขึ้น ว่าป๋าต้องการกองหน้าสไตล์นี้เป็นอีกทางเลือกในการจัดแนวรุกครับ โอเว่นและถั่วน้อยมีอะไรคล้ายๆกันนั่นคือจมูกไว หาตำแหน่งเก่ง ชิงไลน์กองหลังเยี่ยม ฝีเท้าจัด และยิงคม การได้ถั่วน้อยเข้าสู่ทีมในวัยขนาดนี้ย่อมหมายถึงโอกาสที่เขาจะพัฒนาสกิลที่เขามีให้เข้ากับรูปแบบของทีมมากขึ้นก็มีมากตามไปด้วย ตรงนี้จะไม่เหมือนรุดกับโอเว่นที่วัยของเขาทำให้ปรับตัวกับทีมค่อนข้างยากแล้ว เราจะเห็นได้ว่า ถั่วน้อยในวันนี้มีทุกอย่างที่โอเว่นในวันนั้นมี แต่สิ่งที่ถั่วน้อยมีมากกว่าโอเว่นแล้วก็คือ ถั่วเล่นท่ายากได้ครับ //ฮ่าฮ่าฮ่า บอกตรงๆนะ ผมเฝ้ารอที่จะเห็นถั่วน้อยพัฒนาขึ้นมาเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของฝีเท้าโอเว่นกับมุมมองในเกมของโซลชาร์ครับ ผมว่าจะเป็นอะไรที่...เพอร์เฟคท์มากๆ


เมื่อเหลียวไปมองตารางการแข่งขัน ก็ต้องยอมรับความจริงว่า สถานการณ์ในเวลานี้ถึงแม้จะดูดี มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมาก แต่ก็ยังประมาทไม่ได้แม้แต่น้อย การพลาดเพียงสองแม็ทช์ ก็อาจทำให้เรามือเปล่าได้เลยในซีซั่นนี้ หากมันเกิดขึ้นกับเราแบบพอดิบพอดีในแบบที่เกิดกับการ์เซน่อล สิ่งที่เราต้องบริหารจัดการในเวลานี้ก็คือ การจัดทัพนักเตะแบบนัดต่อนัดให้เหมาะสมกับเกมการเล่นและอาการบาดเจ็บของนักเตะที่ประสบอยู่ในเวลานี้ ผมไม่แน่ใจว่า เฟล็ทเชอร์, อันแดร์สัน, ราฟาเอล, ริโอ, โอเช จะได้กลับมาเป็นตัวเลือกของเซอร์อเล็กซ์เมื่อไหร่ ไหนจะเป็นเรื่องการโรเตชั่นนักเตะนัดต่อนัดเพื่อคงสภาพความสดและความฟิตของทุกๆคน หลีกเลี่ยงอาการล้าและเจ็บพร้อมๆไปกับการรักษาฟอร์มของนักเตะแต่ละรายที่เล่นมั่งนั่งมั่งให้อยู่ในฟอร์มที่ดีไปจนจบซีซั่น ไหนจะยังมีเรื่องของการรักษาสมาธิให้จดจ่อกับเกมปัจจุบัน ซึ่งเราค่อนข้างมีปัญหาพอสมควรเวลามีเกมใหญ่ๆรออยู่ข้างหน้าทำให้เกมปัจจุบันไม่ค่อยมุ่งมั่น ต้องรอให้ป๋าเปิดร้านเป่าผมตอนพักครึ่งเรียกสติสตังกันตลอด นี่แหละคือปัญหาของเราที่ต้องแก้ไขและบริหารจัดการให้ดีที่สุดในเวลานี้ครับ


ส่วนทีมอันดับสอง อาร์เซน่อล ก็เป็นอย่างที่ผมบอกมาตลอด นั่นคือนโยบายของสโมสรเองที่เปรียบเสมือนตัวตัดกำลังของทีมตัวเองให้ประสบความสำเร็จได้ยากเย็นขึ้น โอเคว่าวิธีการเล่นและรูปแบบของทีมนั้นสวยงามติดอันดับต้นๆของโลก แต่มันคงไม่มีประโยชน์หากไม่ประสบความสำเร็จ อาร์เซน่อลนั้นขาดความเด็ดขาดเฉียบคมและการประคับประคองตัวเองในสถานการณ์ล่อแหลมครับ ซึ่งนั่นมันส่งผลมาจากการขาดแคลนนักเตะที่คอยเชื่อมระหว่างเจนเนอเรชั่นต่างๆ สิ่งที่ผมบอกไปทั้งความเด็ดขาดเฉียบคมและการประคองตัวนั้น มันคือสิ่งที่ช่วยแยกนักเตะระดับอองรีออกมาจากเบนด์ทเนอร์ แยกโอเวอร์มาร์สออกจากวัลคอตต์ แยกวิเอร่าออกมาจากวิลเชียร์ แยกเปอตีต์ออกจากเชส และแม้แต่แยกอดัมส์ออกจากตูเร่ (ที่ตอนนี้ไปเรือใบน่ะ) สิ่งที่อาร์เซน่อลขาดไปคือการรักษานักเตะเวิลด์คลาส ที่ผมเชื่อว่าถึงแม้ทุกๆคนที่ถูกปล่อยไปจะเริ่มสูงวัยมากขึ้น แต่หลายคนในนั้นยังสามารถประคองตัวเองเล่นให้อาร์เซน่อลได้เกินยี่สิบนัดต่อซีซั่น สามารถประคองรุ่นน้องได้ เป็นศูนย์รวมกำลังใจให้ทีมในสถานการณ์ล่อแหลมได้ และที่สำคัญคือเป็นตัวที่ช่วยให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำได้ ก็ต้องทำให้ได้” ขึ้นมาครับ ตอนนี้ สิ่งที่อาร์เซน่อลต้องทำสำหรับการที่เหลือถ้วยเดียวให้ลุ้นนี้ ก็คือต้องเคี่ยวเข็ญบรรดาแข้งกระทงที่มีอยู่ ให้รวบรวมสภาพจิตใจความมุ่งมั่นและแรงกระหายออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อเก็บสามแต้มจากทุกๆนัดและไปลุ้นกับยูไนเต็ดในนัดที่ต้องเจอกัน นั่นแหละครับ


ส่วนทีมอันดับสามในตอนนี้ แมนฯ ซิตี้ หลังจากเปลี่ยนโค้ชเป็นมันชินี่ได้ปีฝ่าๆ แรงกดดันจากฟ่อนธนบัตรก็เริ่มสำแดง อิทธิฤทธิ์ออกมาให้เห็น ฟอร์มของลูกทีมมันโช่ในนัดที่ “คลิ๊ก” สามารถเอาชนะได้ทุกทีม แต่ในนัดที่ “ออฟ” ก็แพ้ได้ทุกทีมเช่นกัน ปัญหาคือ นัดที่ออฟมันดันมีเยอะสิครับ และสาเหตุหลักก็คือ มันชินี่ยังไม่สามารถควานหาสูตรการเล่นที่ลงตัวและยืดหยุ่นพอจะสลับนักเตะลงทำหน้าที่ในรูปแบบการโรเตชั่นได้เลย ทำให้ฟอร์มของทีมไม่ค่อยนิ่ง ยังไม่คงเส้นคงวาพอที่จะยืนระยะลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัว และเป็นแรงกดดันที่ส่งผลให้เกิดข้อที่สองก็คือการเพลย์เซฟเกินไปของมันโช่ ทั้งที่มีแนวรุกและมิดฟิลด์ที่น่าจะดีที่สุดในประเทศด้วยซ้ำ แต่หลายๆนัดโดยเฉพาะเมื่อเจอกับบิ๊กทีม มันโช่กลับเน้นผลการแข่งมากเกินไปจนเสียโอกาสที่จะเก็บสามแต้มได้ ส่วนประเด็นสุดท้ายคือการบริหารจัดการซูเปอร์สตาร์ในทีมทั้งหลาย ที่มันโช่ต้องรับศึกหนักหลายด้านทั้งจากนักเตะเองและเอเย่นต์ตัวแสบที่คอยกวนน้ำให้ขุ่นอยู่ตลอด มันชินี่ต้องรีบหาระบบหาสูตรการเล่นที่เหมาะสมลงตัวยืดหยุ่นพอจะปรับเปลี่ยนตามศักยภาพของนักเตะที่มีทั้งตัวจริงและสำรอง เพื่อให้ได้ทีมที่เล่นได้ในฟอร์มคงที่มากขึ้น เพลย์เซฟให้น้อยลงและกล้าเสี่ยงมากขึ้น เชื่อมั่นในแนวรุกของตัวเองมากกว่านี้ เพราะชนะ 1 แพ้ 1 มีค่ามากกว่าการเสมอ 2 นัด และที่สำคัญ กำราบนักเตะให้อยู่ในโอวาท รู้จักเชือดไก่ให้ลิงดูบ้าง เพื่อรักษาทีมสปิริตและทีมเวิร์คเอาไว้


มาถึงเชลซี ทีมที่แรงที่สุดเมื่อเริ่มฤดูกาลขึ้นมา แต่กลับแผ่วไปอย่างน่าเกลียดในช่วงพฤศจิกายนต่อเนื่องธันวาคม ไม่มีใครทราบที่มาที่ไปแน่ชัดของอาการดาวน์ครั้งนี้ แม้แต่อันเชล็อตติเองก็เถอะ จะว่าเป็นอาการบาดเจ็บรึแต่ทุกปีก็มีคนเจ็บ มีปีที่เสียนักเตะไปแอฟฯ เนชั่นส์ แต่ก็สามารถคว้าแชมป์มาได้ ซึ่งหลายๆฝ่ายคาดการณ์กันว่าเป็นเพราะการถ่ายเลือดเร็วเกินไป การผ่องถ่ายนักเตะเกิดขึ้นแบบไม่สมดุล ทำให้ตัวสำรองไม่สามารถทดแทนตัวจริงได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่เซ็นเตอร์เริ่มมีอาการเจ็บบ้าง ฟอร์มหลุดบ้าง ทำให้ทีมมีอาการแกว่งอย่างเห็นได้ชัด แต่หลังจากที่เริ่มค่อยๆตั้งหลักประคับประคองตัวเอง แก้ปัญหาหาสาเหตุทีละเปลาะๆ ฟอร์มก็เริ่มดีขึ้น แต่จะทันกลับมาแซงจ่าฝูงหรือเปล่าก็ยังเป็นคำถามที่น่าสนใจ การเติมดาวิด ลุยซ์เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุดมากๆ แต่การซื้อตอร์เรสผมว่าเป็นการซื้ออนาคตมากกว่า เพราะปัญหาของเชลซีในวันที่ซื้อตอร์เรสนั้นไม่ได้อยู่ที่กองหน้า แต่อยู่ที่กลางกับหลังเป็นจุดใหญ่กว่าเยอะ ผมเชื่อว่าสถานการณ์ของเชลซีในวันนี้กลับมาเข้าที่เข้าทางแล้ว สิ่งที่อันเช่ต้องทำก็มีเพียงแค่การกระตุ้นนักเตะให้สู้ยิบตาทุกนัด อย่าให้เหมือนเกมเยือนสโต๊ค ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาความหวังในการเก็บโทรฟี่ไว้ที่ตู้ตัวเองต่อไป อย่าลืมว่าหนึ่งนัดในนั้นคือการเจอจ่าฝูงเสียด้วย


การที่ผมนำเอาปัญหาของทีมท็อปโฟร์ในมุมมองของผมมานำเสนอ นั่นก็เพราะผมเชื่อมั่นว่า มันจะเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ทีมแต่ละทีมประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวในช่วงที่เหลืออยู่ของฤดูกาลนี้ครับ หากยูไนเต็ดบริหารจัดการปัญหาแข้งเจ็บและรักษาฟอร์มให้คงที่ได้ ก็ไม่ต้องห่วงว่าแชมป์ลีกจะหลุดมือ กลับกัน หากยูไนเต็ดทำไม่ได้ แล้วมีทีมใดทีมหนึ่งในอีกสามทีมที่แก้ไขปัญหาตัวเองได้ ก็ต้องดูว่าทีมนั้นๆจะทำได้ดีพอจนสามารถแซงหน้ายูไนเต็ดและดีพอจะแซงคู่แข่งอีกสองทีมเพื่อคว้าแชมป์ลีกไปแทนได้หรือเปล่า ส่วนแชมป์บอลถ้วยอีกสองถ้วยที่เหลือ ผมให้ถือเป็นโบนัสแล้วแต่บุญญาวาสนาครับ ไอ้อยากได้น่ะก็อยากได้อยู่ แต่ขึ้นชื่อว่าบอลถ้วยแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้ การจะถึงแชมป์บอลถ้วยมันต้องพร้อมไปด้วยฝีมือ, โชค, ดวง, ดุลยพินิจกรรมการ ทุกอย่างมันต้องมาแบบพร้อมหน้าครับ จึงจะทำได้ครบอย่างที่หวัง


แต่สำหรับผมแล้ว ซีซั่นนี้มันระทึกเกินบรรยายไปแล้วครับ การออกสตาร์ทที่กระท่อนกระแท่น นักเตะบาดเจ็บเป็นหางว่าว ฟอร์มนอกบ้านอุบาทว์ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา แต่ยังอุตส่าห์กล้าๆคืบคลานมานั่งบนหัวตารางได้หน้าตาเฉย ตอนนี้ถ้าจะให้นึกว่าเพราะอะไรกันแน่ ผมยังยืนยันคำตอบเดิมครับ นั่นก็คือเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เท่านั้น คนๆนี้เท่านั้น ที่สร้างยูไนเต็ดในปีนี้ให้ก้าวมาได้จนถึงขนาดนี้ ความเชื่อมั่น ความศรัทธา ที่แกมีต่อสโมสร ที่มีต่อลูกทีม ช่วยให้การเสี่ยงจัดทีม เสี่ยงแก้เกมหลายๆครั้งในปีนี้ของแก ลงเอยด้วยความสำเร็จมากกว่าล้มเหลว ความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ ความศรัทธา ที่ลูกทีมมีต่อสโมสร ที่มีต่อโค้ชของพวกเขา ช่วยรีดศักยภาพและความสามารถให้ฉายออกมาบนพื้นสนามได้อย่างไม่เคยมีลิมิต ความรัก ความเชื่อ ความศรัทธา ที่บรรดาแฟนๆมีต่อสโมสร มีต่อเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และมีต่อบรรดานักเตะ คือกำลังใจ คือแรงผลักดันที่ช่วยให้สโมสรยืนหยัดอยู่ได้ ช่วยให้เฟอร์กี้สร้างเจนเนอเรชั่นดีๆใหม่ๆขึ้นมาเรื่อยๆ และเป็นพลังที่ช่วยขับให้บรรดานักเตะสร้างปาฏิหารย์พลิกนรกเกมแล้วเกมเล่าเพื่อตามล่าหาความสำเร็จ...อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย


แล้วคุณล่ะ... เชื่อไหม

สงบใจ



Create Date : 04 เมษายน 2554
Last Update : 4 เมษายน 2554 16:22:21 น. 4 comments
Counter : 809 Pageviews.

 


โดย: sbobet (loveyoupantip ) วันที่: 9 สิงหาคม 2554 เวลา:4:09:26 น.  

 


โดย: sbobet (loveyoupantip ) วันที่: 10 สิงหาคม 2554 เวลา:22:29:28 น.  

 
แวะมาเยี่ยมชมค่ะทางเข้าSBOBET


โดย: register (sbobet ) วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:3:10:52 น.  

 
แวะอ่านทางเข้าsbobet


โดย: register (sbobet ) วันที่: 27 สิงหาคม 2554 เวลา:5:04:08 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.