Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
28 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
20100128 วิพากษ์ MAN UNITED vs CITY in carling cup semi 2 leg

It’s the wonder… wonderful world


สวัสดีครับ ผมข่มตานอนไม่หลับเอาซะเลยตั้งแต่ฟุตบอลเกมเมื่อคืนจบไป เท่ากับว่า ผมตื่นนอนมาตั้งแต่เกือบๆตีสาม ดูบอลจนจบแล้วดันข่มตานอนไม่หลับ ก็เลยคว้าคอมพ์มาเล่น NFS Carbon ฆ่าเวลาซะงั้น สาเหตุก็คงเป็นเพราะยังตะลึงกับผลงานทะลักจุดแตก ทะลุเข้ารอบชิงฯ ของทีมปิศาจแดงอยู่นั่นเองครับ อารมณ์ตอนนั้นประมาณเพลงที่จั่วหัวกระทู้ไว้นั่นแหละ เอาล่ะ จะได้ไม่เป็นการเยิ่นเย้อ เพราะเสร็จจากกระทู้นี่แล้ว ผมต้องรีบออกไปปฏิบัติภารกิจนอกออฟฟิศซะด้วย เรามาเริ่มเลยนะครับ

การจัดทัพนัดนี้ ทั้งสองทีมแทบไม่เปลี่ยนแปลงมุมมองและแนวทางการเลือกผู้เล่นจากนัดที่เจอกันเมื่อสัปดาห์ก่อนเท่าไหร่นัก โดยถ้าจะว่าไปแล้ว ท่านเซอร์ก็ยังพยายามจัดผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนาม หลังจากได้ตัวหลักกลับมาเพิ่มเติมจากนัดก่อนได้อีกสองสามคน ทำให้นัดนี้สามารถส่งชุดใหญ่เกือบเต็มที่ลงสนามได้เลย และยังเน้นผลงานกลางสนามเหมือนเคย นัดนี้วางหมากเป็น 4-5-1 อีกครั้ง โดยให้น้าซาร์เฝ้าเสา แผงแบ๊คโฟร์มีราฟาเอล ดา ซิลวา, ริโอ เฟอร์ดินานด์, จอนนี่ เอแวนส์, และ ปาทริซ เอวร่า กองกลางวันนี้ส่งตัวกลางสามคนเหมือนนัดก่อน แต่เลือก สโคลส์-คาร์ริค-เฟล็ทเชอร์ มายืน ตัวริมเส้นยังคงเป็นกิ๊กส์ทางซ้าย แต่ปรับเอานานี่ที่กำลังดีวันดีคืนมายืนขวา หน้าเป้าเป็นรูนี่ย์ ซึ่งในรายละเอียดตามเกมอาจปรับเป็น 4-3-3 ดันปีกสองข้างขึ้นหน้าเต็มที่ หรือ 4-1-4-1 โดยห้อยกลางรับที่สลับสับเปลี่ยนกันระหว่างกลางสามตัวจริงนั้น เอาไว้หน้าแผงหลัง แล้วดันกลางอีกสองตัวขึ้นเติมเกมบุกร่วมกับปีกสองข้าง แต่นัดนี้ กำลังสำรองที่คอยเปลี่ยนเกมยังมี เบิร์บ, โอเว่น, วาเลนเซีย และวิดิช ก็ถือว่าทัพเราเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆนะครับ และขอบอกหน่อย ว่าหน้าเดี่ยววันนี้เล่นคู่ปีกเป็นหน้าสามได้มันมาก ไม่ใช่เน้นหน้าเดี่ยวเหมือนเคย

ส่วนทางฝั่งผู้มาเยือนอย่างซิตี้ หรือจะเรียกว่าขาใหญ่ข้างบ้าน ที่ก็กำลังไล่เก็บเลเวลมากขึ้นเรื่อยๆตามกำลังทรัพย์ของเจ้าของ, กำลังฝีเท้าของนักเตะในทีม และสติปัญญาของโค้ชผู้มุ่งมั่นอย่าง โรแบร์โต้ มันชินี่ ก็ยังคงหลักการเหมือนนัดก่อนหน้าที่เจอกัน นั่นคือ จัดสูตรการเล่น 4-3-3 โดยเน้นไปที่การใช้ปีกตัวจี๊ดเข้าทะลวงฟูลแบ๊คสองข้างของแมนฯ ยูไนเต็ด ประกอบกับให้กองกลางสามคนเน้นไปที่ความแข็งแกร่งและเหนียวแน่น มากกว่าจะเลือกพวกกลางตัวรุก เพียงแต่นัดนี้มันชินี่น่าจะมั่นใจในแผงแบ๊คโฟร์ชุดนี้มากขึ้น จึงไม่ค่อยเห็นการสลับตำแหน่งในแผงหลังบ่อยๆระหว่างเกมเหมือนในเลกแรก ดังนั้นเราจะเห็นหน้าตาทัพนักเตะของมันชินี่มี เชย์ กิฟเว่นเฝ้าเสา แผงหลังประกอบไปด้วยไมกาห์ ริชาร์ดส์, เดดริคต์ โบยาต้า, แวงซ็องต์ ก็องปานี และฆาเบียร์ การ์ริโด้ กลางสามตัวมี ไนเจล เด ย็องก์, แกเร็ธ แบร์รี่ และ พาโบล ซาบาเลต้า แนวรุกสามตัวเหมือนเดิม มี SWP, คาร์ลอส เตเวซ และเคร็ก เบลลามี่

เริ่มเกม เหมือนป๋าจะก๊อปปี้การบ้านเกมที่แล้วมาส่ง คือเน้นให้กองกลางพยายามคุมเกมและคอนโทรลรูปเกมตรงกลางให้ได้ ก่อนจะวางบอลยาวออกปีกเร็ว และเน้นการเปิดให้กองหน้าเข้าทำ ช่วงแรกๆนี่เห็นเลยว่ารูปเกมของเราค่อนข้างเร็วและฉาบฉวย ไม่ใช่เร็วและแน่นอนนะครับ อันนี้คนละอย่างกัน คือช่วงแรกๆเนี่ย เรายังตั้งรูปเกมกันไม่ติดนัก แต่พยายามโหมให้กิ๊กส์ และนานี่ได้บอลเร็ว โจมตีเร็ว เปิดหาหรือชิ่งกับรูนี่ย์เร็ว น่าจะเพื่อปลดล็อกประตูแรกให้ได้เร็วๆ เพื่อคลายความกดดันและให้สกอร์รวมกลับมาเท่ากันก่อน ช่วงแรกนี่เราจึงเสียบอลค่อนข้างบ่อยจากการพยายามออกบอลเร็ว จนหลายครั้งมันเร็วเกินกว่าจะปรับสปีดตัวเองทัน เพราะมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ผมเข้าใจนะครับ ท่านเซอร์เองก็คงอ่านใจมันชินี่ไว้ก่อน ว่าในมุมมองของซิตี้แล้ว การมาเยือนโรงละครของคู่อริร่วมเมืองพร้อมตุนสกอร์เอาไว้จากเลกแรก มีแต่ได้เปรียบ ขอแค่พยายามตื๊อไปก่อน ยื้อให้ได้นานที่สุด สุดท้ายความกดดันก็จะอยู่ที่ตัวนักเตะเจ้าบ้านเองนั่นแหละ และหลายครั้ง ที่นักเตะเจ้าบ้านในปีนี้ พอยิงประตูไม่ได้นานๆเข้า สุดท้ายก็ตื้อและตันไปเฉยๆจนจบเกม ซึ่งเราเห็นกันไปหลายนัดแล้ว

แต่เกมนี้มันแตกต่างกันออกไปกว่าเกมก่อนๆครับ อาจจะเพราะเราเริ่มได้ตัวหลักกลับมาเสริมทีมมากขึ้นเรื่อยๆหนึ่ง อาจจะเพราะฟอร์มในช่วงหลังๆเริ่มที่จะดีขึ้นตามลำดับหนึ่ง และอาจจะเพราะนักเตะอย่างนานี่ ที่พัฒนาฟอร์มได้ดีขึ้นในช่วงเดือนนี้จนกลายเป็นทางเลือกอีกทางให้เราได้ในที่สุด โดยเฉพาะไอ้เรื่องพะวงแผงหลังนี่แหละครับ ตั้งแต่ได้แผงหลังทยอยกลับมาพร้อมๆกับน้าซาร์ นี่ทำให้กองกลางเราสามารถเล่นได้ตามธรรมชาติมากขึ้น ตรงนี้แหละครับที่ทำให้มันต่างไปจากเกมแรกที่บราวน์จับกับเอแวนส์ข้างหลัง เมื่อหลังมั่นคง กลางสบายใจ เราก็เล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น และเมื่ออย่างยิ่งกลางของซิตี้เองยืนกันต่ำอีกแล้ว ทำให้เราสามารถดันกองกลางขึ้นไปเล่นสูงได้คราวละสองคน แล้วห้อยตัวสุดท้ายไว้ตัดเกมบริเวณกลางสนามอีกตัวก่อนจะทะลักมาถึงกองหลัง รวมทั้งเมื่อเกมนี้ป๋าสั่งมาดิบดีว่า บุกแม่มเลย นักเตะทั้งทีมก็เลยกางตำราบุกกันเอามันได้ตลอดจริงๆ

ซิตี้เองวางกำลังพลหลักไว้หน้ากรอบตัวเองค่อนมาทางเกือบกลางสนามเพื่อคุมพื้นที่ และเพรสซิ่งไล่บอลจากบรรดานักเตะยูไนเต็ด ซึ่งช่วงแรกก็ทำงานกันได้ดี ช่วยกดดันไล่จนนักเตะยูไนเต็ดที่พยายามเล่นเร็วไปนิด ต้องทำบอลเสียเรื่อยๆ แล้วซิตี้ก็อาศัยจังหวะสวนกลับขึ้นเกมเร็วโดยริมเส้นสองข้าง การเปิดบอลก็ทำได้ดีเกินคาด เปิดมาหน้ากรอบแต่ละครั้งมีลุ้นตลอด เล่นเอาผมล่ะหลังเย็นวาบๆทุกครั้งไป ร้อนถึงน้าซาร์ต้องออกแรงเซฟไปก็หลายครั้ง เกมนี้ทำให้ผมนับถือหัวใจเจ้าหนูราฟาเอลจริงๆ ที่แม้จะเป็นผู้ทำผิดพลาดในเกมก่อนจนนำมาสู่ประตูตีเสมอ และผลลัพธ์ที่เปลี่ยนไปของเกมก่อน แต่เนื่องจากตัวที่เร็วพอจะจับเบลลามี่ก็ไม่มีให้เลือกลงมาใช้ ราฟาเอลจึงต้องแข็งใจลงมาทำหน้าที่อีกครั้ง และเขาก็ทำได้ดีมากๆ ถึงแม้จะมีหลุด มีพรวด มีกะจังหวะผิดไปหลายครั้ง แต่ช็อตที่สะกดความเร็วของเบลลามี่ได้ก็มีให้เห็นมากเช่นกัน ถ้าว่ากันตามเว็บของสกาย ถึงเจ้าหนูจะได้คะแนนน้อยกว่าตัวจริงคนอื่นของเรา แต่คะแนนอยู่ในเรต 7.4 นะครับ เอาเป็นว่า เล่นเอาเบลลามี่อารมณ์เดือดก็แล้วกัน

ทีนี้ เกมผ่านไปเรื่อยๆ ยูไนเต็ดก็เริ่มกลับมาเน้นคอนโทรลเกมตามรูปแบบที่คุ้นเคย ลดสปีดเกมลงมาอยู่ในระดับเดิมๆ โดยรูปแบบโจมตีหลักยังอยู่ที่การวางบอลขวางสนามออกปีกเร็ว และ ให้รูนี่ย์ยืนค้ำสูงส่ายรับบอลซ้ายขวาจากการเปิดครอสบ้าง, เล่นสั้นหน้ากรอบบ้าง, หันหลังป้ายบอลให้กลางทะลุเข้าไปบ้าง เรียกได้ว่ามาแผนนี้ก็ทำให้เซ็นเตอร์ของซิตี้ปวดหัวเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่ารูนี่ย์จะเลือกเล่นแต่ละช็อตอย่างไร เอวร่ากับกิ๊กส์ก็สวนริชาร์ดส์มาได้สวยๆเรื่อยๆ นานี่เองก็ป่วนการ์ริโด้ให้ต้องถ่างอยู่ข้างนอกตลอดเวลา ส่วนคาร์ริค, สโคลส์ และเฟล็ทช์นั้นก็สลับกันสอดทะลุเข้าเล่นในกรอบกันอุตลุต ซึ่งการประสานงานในหลายๆจังหวะถึงแม้ว่าจะยังไม่เนียน และยังมีผิดพลาดเหมือนยังไม่เข้าอกเข้าใจกันบ้าง แต่หลายช็อตก็สวยงามจนได้ลุ้นสกอร์ก็มี เพียงแต่ว่ายังทำได้ไม่ดีพอเท่านั้นเอง ส่วนข้างหน้าของซิตี้ก็มีเตเวซและเบลลามี่ ที่พล่านไล่บอลและทำเกมรุกกดดันกองหลังเราได้เรื่อยๆตามจังหวะสวนกลับ

เมื่อจบครึ่งแรกไป ผมเองก็ยังหวั่นๆว่า ถ้าล่วงเลยไปถึงนาทีที่ 60-70 แล้วยังยิงไม่ได้ งานนี้ก็น่าเป็นห่วงมากๆ เพราะมันจะทำให้ยิ่งลนและกดดันมากขึ้น ยิ่งซิตี้มีจังหวะสวนจากการยิงเต็มข้อของริชาร์ดส์ และตอร์ปิโดบกของเตเวซที่น้าซาร์ต้องงัดฟอร์มเทพออกมาปัดป้องแล้วนั้น ผมเองยิ่งหงุดหงิด แต่แล้วจุดพลิกของเกมก็เกิดขึ้น เมื่อลูกเตะมุมของซิตี้ทางมุมธงฝั่งซ้าย เบลลามี่เดินไปตั้งลูกแต่กลับโดนเหรียญปาลงมาใส่ศีรษะ ตามด้วยขวดเบียร์ลงมาข้างๆตัว เล่นเอาเจ้าตัวล้มลงไปนอนกุมหัวอยู่พักหนึ่ง ร้อนถึงน้าซาร์ต้องออกมาโวยคนดูพร้อมกับพยายามเก็บหลักฐานออกจากสนาม(รวมทั้งจากมือเว็บบ์) และน้าซาร์ก็ไปยืนขวางบังเบลลามี่ที่นอนอยู่ ซึ่งเท่ากับว่าหลังจากนั้น ถ้าใครจะปาลงมาก็มีโอกาสที่จะโดนน้าซาร์แทน นับว่านี่คือการปกป้องเพื่อนร่วมอาชีพที่น่ายกย่องมากๆ แม้จะเป็นคู่อริและกำลังอยู่ระหว่างต่อสู้ขับเคี่ยวกันอยู่ก็ตาม ผมขอยกย่องสปิริตตรงนี้ของน้าซาร์มากๆ และขอประณามการกระทำที่ไม่ยั้งคิดของแฟนๆอันธพาลบางคน ที่สร้างภาพพจน์แย่ๆในวงการลูกหนัง แม้จะบอกว่าเกมก่อนเอวร่าก็โดนไฟแช็คปาใส่ตัว แต่มันก็ไม่ได้ทำให้การกระทำวันนี้นี้กลายเป็นสิ่งที่ถูกต้อขึ้นมาแต่อย่างใด ขอประณามครับ และขอให้แบนมันผู้นั้นออกไปจากสนามตลอดชีวิตเลยยิ่งดี

ทำไมผมถึงมองว่าเหตุการณ์นั้นเป็นจุดเปลี่ยน เพราะจังหวะนั้นโมเมนตัมของซิตี้กำลังมาเลยครับ พอเกิดเรื่องก็กลายเป็นว่าซิตี้ไม่สามารถฉวยโอกาสจากลูกเตะมุมนั้นได้เลย แถมโดนสวนออกมาจนเสียประตูด้วย บอลจากลูกคอร์เนอร์ถูกเคลียร์และถ่ายออกมาถึงรูนี่ย์ที่กลางสนาม หมูอวกาศดึงจังหวะและตัวประกบแป๊บนึง ก่อนจะวางบอลขึ้นหน้าเร็วให้กิ๊กส์ที่วิ่งพรวดขึ้นหน้าแซงตัวประกบไปไกล กิ๊กส์พาบอลไปสุดเส้นหลบกิฟเว่นออกไปทางขวา แต่สุดเส้นหลังไปแล้ว กิ๊กส์ดึงจังหวะสองสามทีไหลย้อนให้นานี่ที่เติมเข้ามา นานี่ดันพาตัวเองมาถูกคุมสามสี่ตัวในกรอบแล้วพลิกไม่ได้ ก่อนจะถูกแซะบอลออกไป คาร์ริคอยู่ตรงนั้นพอดีจึงเข้ามาป้ายบอลออกมานอกกรอบ สโคลส์เติมมาซัดเรียดแฉลบขากองหลังนิดหนึ่งก่อนจะพุ่งเบียดเสาสองเข้าไปอย่างสวยงามให้เจ้าบ้านขึ้นนำได้สำเร็จในนาทีที่ 52 เท่ากับว่าปลดล็อกได้สำเร็จในที่สุด และทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 2:2

หลังจากนั้น เกมก็ถูกครองโดยเจ้าบ้านอย่างเป็นรูปธรรม การ์ริโด้ลำพังไม่สามารถหยุดยั้งนานี่ได้ ต้องให้ซาบาเลต้าบ้าง เบลลามี่บ้าง หลายครั้งเป็นก็องปานี ที่ต้องมาซ้อน มารอง มาช่วยรุม ถึงจะเอาอยู่ ปัญหาตอนนี้ของนานี่จึงมีเพียงว่า เขาจะเลือกเล่นอย่างไรในแต่ละสถานการณ์ ซึ่งเราเห็นแล้วว่า เขาเลือกที่จะเล่นเป็นทีมมากขึ้น และเริ่มทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ออกบอลเร็ว มีชิ่ง และมีวิ่งดึงกองหลังให้เห็นบ่อยๆ แต่ของมันเพิ่งเริ่มครับ หลายครั้งเพื่อนยังไม่คุ้น เลยไม่เข้ามาช่วย ต้องรอให้เข้าที่เข้าทางกว่านี้อีกซักหน่อย อ้อ...เกมนี้ราฟาเอลก็เติมน้อยลงพอสมควร เพราะถูกเบลลามี่กดไว้นี่แหละ ถึงจะพลาดบ้าง แต่ราฟาเอลนี่ก็เล่นงานเบลลามี่จนต้องงัดลูกตุกติกมาใช้บ่อยมากๆ เว็บบ์ก็เห็นหลายครั้ง แต่เบลเลอร์กลับไม่โดนอะไรเลย เป็น สโคลส์, เตเวซ, นานี่ ซะอีก ที่พลาดจังๆก็โดนเหลืองไปทันทีซะงั้น ผมว่าเว็บบ์ทำดีมาทั้งเกมนะ จะมาพลาดก็ตรงเบลเลอร์นี่แหละ ที่ทำให้อารมณ์ร่วมของเกมมันปะทุคุกรุ่นขึ้นมาเรื่อยๆ จนมาทะลักเอาในช็อตที่เฟล็ทช์งัดกับไมกาห์นั่นแหละ ดีที่สุดท้ายเว็บบ์แกคุมสถานการณ์อยู่ ไม่งั้นก็เดาไม่ถูกเหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น (ถึงแม้ช็อตริโอกับเตเวซในกรอบมันจะเป็นอีกเคสหนึ่งก็เถอะ แต่ผมมองว่าความชัดเจนของแต่ละช็อตของเบลลามี่มันจะแจ้งกว่าเยอะ)

ซิตี้ เปลี่ยนตัว ถอดเอาการ์ริโด้ออก แล้วเติมไอร์แลนด์ลงมา น่าจะถอยซาบาลงไปยืนแบ๊คแทน การเอาไอร์แลนด์มานี่ก็เท่ากับซิตี้จะเพิ่มออปชั่นในเกมรุกตรงกลางสนามเพิ่มขึ้นแล้วนะครับ หลังจากพึ่งพาแต่ริมเส้นมาตลอดร้อยห้าสิบนาทีที่ผ่านมา แต่กลายเป็นยูไนเต็ดที่มาได้ประตูที่สองหลังจากนั้นไม่นาน เมื่อนานี่ได้บอลหลุดสวนมาทางขวาของกรอบ ก่อนที่เฟล็ทเชอร์จะสอดเติมเข้าในกรอบพร้อมกวักมือขอบอลหยอยๆ นานี่ชิพให้ทันที ก๋องพักอกแต่เหลี่ยมยิงเหลี่ยมพลิกถูกปิดหมดแล้ว จึงคายบอลไหลออกมาให้คาร์ริคที่ตามเข้ามาได้แปเน้นๆจากทางขวา เสียบโคนเสาสองอีกครั้ง เป็นประตูที่พลิกสถานการณ์ให้เจ้าบ้านกลายเป็นฝ่ายเข้ารอบได้สำเร็จถ้าจบที่เวลานี้ ตอนนี้เสียงเชียร์และอารมณ์ร่วมของแฟนๆกระหึ่มโรงละครมากๆ และทำให้มันชินี่ต้องขยับตัวอีกครั้งในซุ้มข้างสนาม และแก้เกมด้วยการส่งอเดบายอร์ลงมาแทน SWP ที่วันนี้โชว์ไม่ออกเอาซะเลย เพราะบอลไม่มาทางนี้มากนัก ป๋าขยับแบบช็อคสายตาแฟนๆด้วยการส่งเทพน้ำตาลลงมาแทนราฟาเอล (ซะงั้น) โดยเป็นการเปลี่ยนตามตำแหน่ง

เปลี่ยนปุ๊บ ฮาปั๊บครับท่านผู้ชม แต่ไม่ใช่ความผิดบราวน์หรอกนะครับที่เสียประตูนี้ ผมว่าประตูนี้ควรให้เครดิตเบลลามี่กับเตเวซเต็มๆมากกว่าจะโทษแนวรับเจ้าบ้านนะครับ เตเวซได้บอลในจังหวะสวนกลับ ก่อนจะป้ายออกทางซ้ายให้เบลลามี่ ระยะยังห่างหน้ากรอบอยู่เยอะเลยนะ บราวน์ยืนตำแหน่งนั้นก็จึงไม่ผิดอะไรในสายตาผม ตัวคุมเบลลามี่อีกตัวยืนบังไลน์จ่ายเข้ากลาง บราวน์เข้ามาปิดทางตัวที่จะสอดหลังและไลน์วิ่งของเบลลามี่ เหลือทางเดียวคือเบลลามี่ต้องโยนจากตรงนั้นแหละ และเจ้าตัวก็โยนจริงๆนั่นแหละ เพราะมีทั้งเตเวซและอเดที่สอดเข้าไปรอในจุดนัดพบ บอลจากเท้าเบลลามี่นี่เหมาะเหม็งจริงๆครับ และต้องชมเตเวซที่เร็วได้ใจ จากจังหวะแรกที่ริโอตามคุมมาอยู่ ริโอสลัดหนีมาเสาแรกเพื่อคุมพื้นที่แทนในขณะที่เตเวซหนีออกไปทางเสาสอง แล้วในเสี้ยววินาทีที่บอลจะมาถึงหัวของริโอ เตเวซก็กลับลำพุ่งเข้ามาปาดหน้าเค้กหัวริโอ หันข้างสะกิดบอลเปลี่ยนทางเข้าเสาแรกชนิดงงกันทั้งสนาม ไม่รู้นะ ในมุมมองผมนี่ริโอซวยครับ เพราะแยกออกมาจากเตเวซตั้งแต่หน้ากรอบแล้ว และตรงนั้นควรเป็นหน้าที่ของตัวที่สองที่จะต้องเข้ามาคุมแทน (เหมือนจะเป็นเฟล็ทช์ ที่ถูกเตเวซวิ่งแซงตอนฉีกออกจากริโอ แล้วเขาไม่ยอมตามมา) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมว่าเครดิตประตูนี้ ควรให้สองผู้เล่นซิตี้ มากกว่าจะโทษแนวรับเราครับ

พอเสียประตูนี้ที่ทำให้ผลรวมต้องกลับมาต่อเวลาอีกนั้น เจ้าบ้านดูช็อคไปเล็กๆ แต่กลับมาได้เร็ว โหมเข้าใส่ทีมเยือนอีกเป็นชุดๆ ป๋าถอดนานี่ออกช่วงนาทีท้ายแล้วแทนด้วยวาเลนเซีย ตอนนั้นคงคิดถึงช่วงต่อเวลาแล้วมั้ง แต่หลังจากที่โหมอย่างต่อเนื่องก็มาได้ประตูชัยในที่สุด เมื่อได้บุกจนซิตี้ถอยร่นไปกองหน้าประตูและเราได้เตะมุมเป็นชุดๆ นาทีที่ 91 กิ๊กส์เล่นเตะมุมสั้นกับวาเลนเซีย ก่อนกิ๊กส์จะได้โอกาสเปิดโค้งสวยมาหน้ากรอบ ไม่มีใครเลยที่ยืนประกบรูนี่ย์ หมูบินเลยโดดเทคง่ายๆ ส่งบอลเข้าก้นตาข่ายต่อหน้าต่อตากิฟเว่นชนิดกองหลังซิตี้กุมหัวไปตามๆกันและลูกนี้ก็เท่ากับหมดโอกาสที่ซิตี้จะแก้ตัวได้ และต้องพ่ายตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งๆที่โอกาสทำประตูขึ้นนำในเกมนี้มีไม่ต่ำกว่าสองครั้ง เมื่อรวมกับที่เจ้าบ้านเองพลาดหมูหกง่ายๆหน้าประตูซิตี้สองครั้งเหมือนกันจากรูนี่ย์ และคาร์ริค ที่ยิงเข้าง่ายกว่ายิงออกนั่นแหละแต่จบเกมแบบนี้ก็ต้องยอมรับในจิตใจของนักเตะอสูรทุกคนที่ร่วมกันสู้จนได้ผลลัพธ์ที่ต้องการในที่สุดครับ

ผู้เล่นที่เด่นที่สุดในเกมนี้ก็คงไม่พ้น เวย์น รูนี่ย์ ที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในแนวรุกของเราในตอนนี้ไปแล้ว การขยับตัวเองขึ้นสูงกว่าเดิมเล็กน้อยในช่วงหลังๆ ประกอบกับการที่แผงกลางเริ่มทำงานได้มากขึ้น เป็นส่วนผสมที่ทำให้แนวรุกของเราจัดจ้านขึ้นในช่วงสามสี่นัดหลังๆมานี้ครับ อย่างนัดนี้ รูนี่ย์คนเดียวก็ป่วนคู่เซ็นเตอร์ซิตี้ได้สุดๆแล้วตั้งแต่ต้นเกมยันท้ายเกม อีกส่วนหนึ่งก็เพราะการที่ป๋าเน้นมากกับแท็คติคการออกบอลเร็วขึ้นหน้าให้ปีกสองข้าง เราเห็นตลอดเกมเลยครับ ทั้งจากสามตัวกลาง และจากคู่เซ็นเตอร์ ที่พาเหรดกันวางบอลเจาะยางคู่ฟูลแบ๊คซิตี้ตลอดเก้าสิบนาทีจนอ่วม แท็คติคนี้นับว่าเป็นตาต่อตา ฟันต่อฟันก็ว่าได้ครับ หลังจากนัดแรกเราโดนเล่นงานแบบนี้เหมือนกัน มานัดนี้ก็วางคืนเอาบ้างแถมได้ผลเสียด้วย กิ๊กส์ กับเอวร่าทางซ้าย กดจนฟอร์มของ SWP หายไปเลย เพราะมัวแต่พล่านกับเกมรับช่วยไมกาห์นั่นแหละ ส่วนอีกฝั่งการ์ริโด้ก็ง่วนกับนานี่จนซาบาและเบลเลอร์ต้องมาร่วมวง นั่นคือสิ่งที่แท็คติคนี้ต้องการให้เกิด

หลังจากนั้น เมื่อกดฟูลแบ๊คให้อยู่ห่างเซ็นเตอร์ได้ตลอดแล้ว รูนี่ย์ก็มีหน้าที่เป็นตัวฟรี รอเข้าฮอสบ้าง ถอยมารับบอลหน้ากรอบบ้าง ซึ่งเป็นการเปิดพื้นที่ดึงกองหลังออกมาให้กลางเติมเข้าไปแทนนั่นเองครับ เราจึงเห็นว่าเกมนี้พื้นที่ในแผงหลังซิตี้มีให้เล่นเยอะจริงๆ แล้วเราก็ใช้มันเป็นประโยชน์ได้จริงๆด้วย สองลูกแรกเห็นได้เป็นอย่างดี ทั้งเฟล็ทช์ ทั้งคาร์ริคทำไมไปอยู่ในจุดที่ควรเป็นกองหน้าเท่านั้นที่ยืนอยู่ แถมคนยิงก็ยังเป็นกองกลางอีกต่างหาก ทำไมพื้นที่มันเปิดขนาดนั้น เพราะรูนี่ย์ถ่างมันออกมาให้ไงครับ ส่วนลูกที่สามนั่นผมมองว่าซิตี้หลุดตำแหน่งไปเองเพราะดันตำแหน่งกันขึ้นมาจากลูกคอร์เนอร์สั้นคงหวังกับการเล่นกับดักล้ำหน้าหรือไม่ก็ผวากันออกมาคุมพื้นที่หน้ากรอบมากกว่า ซึ่งพอไม่ล้ำหน้า ก็กลายเป็นรูนี่ย์ว่างโล่งๆไปเลย ส่วนกองกลางวันนี้ทำงานกันได้ดีแล้วครับ คุมจังหวะ เติม ถอย รุก รับ ค่อนข้างสมดุลกลมกลืนไหลลื่นกันดี ส่วนแผงหลังก็ทำงานได้ตามเป้า ลูกที่เสียไปต้องชมเขามากกว่าว่าเรา ทางด้านซิตี้เองผมมองว่ามาเน้นรับมากเกินไปหน่อย หากวางแท็คติคเน้นการสวนกลับมากกว่านี้ ผมก็ว่าน่าจะได้ลุ้นมากขึ้นนะ

หลังจากเกมนี้ หวังว่าเราจะยังคงรักษาแพสชั่นนี้เอาไว้ได้ อย่างน้อยก็ในนัดที่จะเจออาร์เซน่อล และแอสตัน วิลล่า นั่นแหละครับ ที่สำคัญคือเรามาลุ้นริโอ ให้รอดตัวจากการฟาดปากเฟแกนกันก่อนนะ

แล้วมาลุ้นกันครับ

สงบใจ



Create Date : 28 มกราคม 2553
Last Update : 28 มกราคม 2553 10:46:43 น. 0 comments
Counter : 522 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.