อิทธิปาฏิหาริย์ กับ คุณธรรมและความดีงามของจิตใจ
สาเหตุที่ความเชื่อในเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์มีความสำคัญน้อยกว่าคุณธรรมและความดีงามของจิตใจ
ในความเชื่อของแต่ละศาสนานั้นมักจะหลีกหนีไม่พ้นเรื่องราวของปาฏิหาริย์ต่างๆ ทั้งของบุคคลผู้เป็นศาสดาหรือสาวกก็ตาม เรื่องราวบางอย่างก็เป็นสิ่งที่ยากต่อการพิสูจน์หาความจริง
ในบางยุคบางสมัยตัวบุคคลผู้เป็นสาวกในแต่ละศาสนานี้ ก็มีบางคนใช้เรื่องราวของอำนาจอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ เหล่านี้ มาเป็นอำนาจโดยอาศัยอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อความศรัทธาของบุคคลทั่วไป ซึ่งบางกรณีก็มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง ใช้อำนาจทางการศาสนาความเชื่อความศรัทธานี้ ลงโทษหรือทำร้ายบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์ต่อตนเอง หรือ อาศัยการกล่าวร้ายป้ายสี บุคคลที่ไม่เป็นที่พอใจของตน ด้วยอำนาจของกิเลสตัณหาส่วนบุคคล หรืออาจจะเป็นการทำร้ายผู้คนโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เพราะการขาดปัญญารู้เห็นในสิ่งที่ถูกที่ชอบอันสมควร
เช่น กรณีของการตามล่าแม่มด การเผาทั้งเป็น หรือ ความเชื่อในเรื่องการทรงเจ้าเข้าผี การรักษาโรคด้วยความเชื่อที่ว่าบุคคลถูกผีเข้า เรื่องผีปอป ผีกระสือ ฯลฯ เป็นต้น
สำหรับพระพุทธศาสนานี้ พระพุทธเจ้าทรงแบ่งเรื่องราวของปาฏิหาริย์ออกเป็น 3 อย่างด้วยกันคือ
1. อิทธิปาฏิหาริย์ เช่น การเหาะเหินดินอากาศ การเดินทะลุกำแพง การย่นระยะทาง ฯลฯ ซึ่งในปัจจุบันนี้แทบจะหาบุคคลที่แสดงฤทธิ์ประเภทเหล่านี้ได้น้อยมาก แต่ก็มีบุคคลบางกลุ่มบางพวกที่มีโอกาสได้ค้นพบกับเรื่องราวและมีประสบการณ์กับเรื่องดังกล่าว ให้เป็นประจักษ์พยานว่า ปาฏิหาริย์ชนิดนี้ยังคงมีอยู่จริง
2. อาเทสนาปาฏิหาริย์ คือ การหยั่งรู้วาระจิต รู้กระบวนการของอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของบุคคลอื่นว่าเป็นอย่างไร
3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือ คำสอนในหลักธรรม การปฏิบัติของพระพุทธเจ้า ที่เมื่อบุคคลรับนำไปปฏิบัติแล้วสามารถเห็นผล บังเกิดผลได้จริงตามสิ่งที่พระองค์ทรงแสดง มุ่งเน้นในเรื่องของการทำจิตใจให้ดีงามและบริสุทธิ์ ปราศจากกิเลสตัณหา ปาฏิหาริย์ทั้ง 3 อย่างนี้ พระพุทธเจ้าทรงยกย่อง อนุสาสนีปาฏิหาริย์ และไม่ทรงยกย่อง อิทธิปาฏิหาริย์ และ อาเทสนาปาฏิหาริย์
ในความเห็นของข้าพเจ้าแล้ว ได้รับรู้มาว่า การจะแสดงปาฏิหาริย์หรือฤทธิ์จำพวกอภิญญาต่างๆได้นั้น โดยพื้นฐานแล้ว บุคคลนั้นจะต้องได้สมาธิได้ฌานก่อน แล้วจึงอาศัยจิตที่มีกำลังของสมาธินั้นโน้มน้อมไปเพื่อการหยั่งรู้หรือการแสดงฤทธิ์ต่างๆ ซึ่งการรับรู้นั้นก็จะละเอียดแม่นยำแตกต่างกันไปตามกำลังของสมาธิและความบริสุทธิ์ของจิตใจ รวมทั้งข้อจำกัดบางประการด้วย
ยกตัวอย่างเช่น หากให้คน 10 คนเดินเข้าไปในห้องๆ หนึ่งแล้วดูสิ่งของลักษณะของห้องนั้นแล้วออกมาเล่าให้คนที่อยู่ภายนอกฟังว่ามีอะไรบ้าง ทั้ง 10 คนอาจจะออกมาเล่าถึงสิ่งของและลักษณะของห้องแตกต่างกันไป อาจมีทั้งสิ่งที่เหมือนกันและไม่เหมือนกัน น้อยคนนักที่จะสามารถจดจำและสังเกตรายละเอียดของสิ่งของรวมถึงสภาพของห้องนั้นได้ครบถ้วนทุกรายละเอียด การหยั่งรู้จำพวก เรื่องราวในอดีต เรื่องราวในอนาคต กฎแห่งกรรม อดีตชาติของตนเองหรือบุคคลอื่นนั้น ก็เช่นเดียวกัน
ที่สำคัญคือญาณหยั่งรู้จำพวกนี้นั้นมีโอกาสสูงที่การรู้การเห็นจะสามารถคลาดเคลื่อนไปได้ หากจิตของผู้รู้ผู้เห็นนั้นยังไม่บริสุทธิ์ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว เพราะในขณะของการเห็นนั้น หากจิตกระเพื่อมแม้เพียงนิดเดียว ก็อาจทำให้สิ่งที่เห็นคลาดเคลื่อนบิดเบือนไปได้แล้ว อุปมาเหมือน ผิวของน้ำที่นิ่งสนิท หากมีใบไม้หรือสำลีตกลงไป ก็อาจทำให้ผิวของน้ำกระเพื่อม ทำให้ภาพเงาบนผิวของน้ำถูกบิดเบือนไปได้
หรือ ฤทธิ์จำพวกอิทธิปาฏิหาริย์ เหาะเหินดินอากาศก็เช่นเดียวกัน ในทางพระพุทธศาสนานั้นก็มีตัวอย่างที่ไม่ดีอยู่แล้วนั่นคือ พระเทวทัต ที่ใช้ฤทธิ์เพื่อหลอกลวงทำให้พระเจ้าอชาตศัตรูเกรงกลัวปนเลื่อมใสศรัทธาในอำนาจของฤทธิ์นั้น ที่สุดแล้วดังคำพังเพยที่ว่า คบคนพาลพาลพาไปหาผิด ก็ส่งผลให้พระเจ้าอชาตศัตรูต้องกระทำปิตุฆาต มีอันต้องเสื่อมจากมรรคผลที่ท่านควรจะได้ไปในที่สุด
(ภายหลังพระเจ้าอชาตศัตรูมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าและได้ฟังธรรม หลังฟังธรรมจบ พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า หากพระเจ้าอชาตศัตรูไม่ได้กระทำปิตุฆาตแล้วไซร์ ท่านก็จะได้สำเร็จมรรคผลบรรลุเป็นพระโสดาบันบุคคลมีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดาในขณะนั้นเลย แต่เนื่องจากท่านได้กระทำปิตุฆาตอันเป็นอนันตริยกรรม เป็นกรรมที่ขัดขวางมรรคผลนิพพานไปแล้ว จึงทำให้ท่านไม่ได้บรรลุมรรคผล แต่ในภายหลังท่านก็ดำรงตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมอันดี ทำนุบำรุงดูแลพระภิกษุสงฆ์สาวก รวมถึงช่วยอำนวยความสะดวกเป็นประธานฝ่ายฆราวาสในการทำสังคายนาครั้งที่ 1 ที่มีพระมหากัสสปะเป็นประธาน จึงทำให้ช่วยลดหย่อนวิบากกรรมของท่านไปได้ส่วนหนึ่ง)
ส่วนผู้ใดแม้จะไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อันใด แต่ตั้งใจประพฤติตนอยู่ในศีลในธรรม มีจิตใจที่ดีงาม มีคุณธรรมสูง มีสัมมาทิฏฐิ เชื่อในเรื่องบาปบุญคุณโทษ บุญกุศลรวมถึงเทวดาที่ดีมีอานุภาพมากย่อมคอยตามช่วยเหลือคุ้มครองปกปักรักษาบุคคลเหล่านั้นเอง การเป็นคนดีประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรมอยู่นั้น จึงมีแต่ผลดีไม่มีผลเสีย แต่หากบุคคลใดเมื่อมุ่งเน้นในเรื่องความดีงามของจิตใจเป็นหลักสำคัญแล้ว จะเกิดมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ หรือ มีอำนาจจิตใดๆ เกิดขึ้นมาบ้าง ก็จะเป็นเหมือนกับผลพลอยได้ หรือ เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับในการช่วยเหลือบุคคลที่เป็นคนดี ช่วยทำให้บุคคลที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ มีจิตใจไม่ดีไม่งาม ได้หันมากลับตัวกลับใจเป็นคนดีมีสัมมาทิฏฐิได้
ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างการแสดงฤทธิ์ของพระพุทธเจ้า ที่โดยส่วนใหญ่แล้ว พระองค์จะแสดงฤทธิ์หรือใช้ให้สาวกท่านใดแสดงฤทธิ์ก็เมื่อทรงเล็งเห็นแล้วว่า มีบุคคลที่มีอุปนิสัยที่จะได้บรรลุมรรคผลอยู่ หลังจากผู้คนเหล่านั้นมีจิตเลื่อมใสศรัทธาจากการเห็นการแสดงฤทธิ์ของพระองค์หรือสาวกแล้ว ก็จะมีจิตอ่อนสลวย อ่อนโยน มีกำลังแห่งความเลื่อมใสศรัทธา อันเป็นจิตที่เหมาะสำหรับการรับฟังพระธรรมเทศนาเพื่อยังจิตให้ดำเนินไปสู่มรรคผลต่อไป
โดย พระชาญวิทย์ ธมฺมวโร ที่มา www.thammatipo.com
Create Date : 19 เมษายน 2553 |
|
70 comments |
Last Update : 19 เมษายน 2553 20:52:54 น. |
Counter : 1311 Pageviews. |
|
|
|
คนตรีเพราะสุดหัวใจเลยค่ะพี่
ขอบคุณค่ะ