รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
2 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 

กุญแจภาวนา ถ้าเข้าใจ ก็จะไปได้ดี

ผมจะนำเสนอเรื่องกุญแจภาวนาแก่ท่าน ขอให้ท่านศึกษาให้ดี ถ้าท่านเข้าใจ ท่านจะภาวนาได้ดี และจะหายสงสัยในเรื่องการภาวนาไปได้มาก
ท่านที่จะมาพบผม ให้ผมเป็นซานตาครอส ก็ขอให้ศึกษาเรื่องนี้ก่อนครับ ขอให้อ่านหลาย ๆ รอบ ทำความเข้าใจ ถ้ามีอะไรสงสัย อ่านเท่าใดก็ไม่รู้เรื่อง ก็ขอให้ถามตอนพบกัน



จากภาพ คือปรมัตถ์ธรรมทั้ง 4 อันเป็นเรื่องที่มีอธิบายอยู่ในพระอภิธรรม อันเป็นสภาวะแห่งความจริง ผมขอเรียนท่านให้ทราบว่า เมื่อท่านภาวนาได้ดี ท่านจะเห็นสภาวะธรรมทั้ง 4 นี้ครบทุกสภาวธรรม ไม่ใช่เห็นเพียงลมหายใจ หรือ เห็นเพียงจิต หรือ เห็นเพียงเวทนา ถ้าท่านเห็นไม่ครบทั้ง 4 ท่านยังต้องภาวนาให้มากขึ้นอย่างถูกต้อง

การที่จะเห็นสภาวะปรมัตถ์ธรรมทั้ง 4 ได้นั้น ท่านต้องมีการพัฒนา .จิตรู้. (วงกลมสีเขียว) ให้จิตรู้มีกำลัง มีความตั้งมั่น เมื่อจิตรู้ มีกำลัง มีความตั้งมั่นมากเท่าใด จิตรู้ ก็จะเห็นสภาวะปรมัตถ์ธรรมได้เอง

ขอให้ท่านดูภาพอีกครั้ง
ถ้าท่านเริ่มภาวนาใหม่ หรือกำลังภาวนาอยู่ แต่ยังไม่นานนัก
>>>ท่านจะไม่มีวันเห็นสภาวะนิพพาน
>>>ท่านจะไม่มีวันเห็นสภาวะเจตสิก
>>>แต่สิ่งที่ท่านจะเห็นได้ก็คือสภาวะรูปครับ

เมื่อท่านเห็นสภาวะรูปได้ ท่านต้องเอาสภาวะรูปมาฝึกฝน เพื่อให้ จิตรู้ มีกำลัง มีความตั้งมั่นก่อน การฝึกฝนก็คือ การให้.จิตรู้. ได้รู้สึกถึงสภาวะรูปบ่อย ๆ ยิ่งบ่อยยิ่งดี ดังนั้น ท่านต้องฝึกมาก ๆ ให้จิตรู้ รู้สึกได้ถึงสภาวะรูปมาก ๆ นั้นเอง

ทีนี้ก็มาดูสภาวะรูปครั้ง ดังในภาพ
สภาวะรูปมี สิ่งที่ตาเห็น สิ่งที่หูได้ยิน สิ่งที่ลิ้นรู้สึกถึงรส สิ่งทีจมูกได้กลิ่น สิ่งที่กายรู้สึกถึงได้ (ซึ่งมี ความรู้สึกของการกระทบสัมผัส รู้สึกถึงการสั่นไหว รู้สึกถึงอาการเจ็บปวด เมื่อยขบของกาย เป็นต้น )
ท่านจะเห็นว่า สภาวะรูปนั้น สิ่งที่ง่ายทีสุดและมีประสิทธิภาพอย่างดีมาก ๆ ก็คือ การให้จิตรู้รับรู้ความรู้สึกของกายนั้นเองครับ เพราะว่า มันมีตลอดเวลาที่ท่านตื่นอยู่นั่นเอง ดังนั้น จิตรู้ จะสัมผัสสภาวะปรมัตถ์ของรูปอยู่ตลอดเวลา ( ไม่ใช่สัมผัสได้เฉพาะตอนนั่งสมาธิเท่านั้น ขอให้ทำความเข้าใจให้ถูกต้องด้วยครับ ถ้าสัมผัสได้เฉพาะตอนนั่งสมาธิ ท่านก็ยังต้องฝึกฝนอีกมาก ๆ มากจริง ๆ ครับ ) เมื่อจิตรู้สัมผัสสภาวะปรมัตถ์ธรรมของรูปอยู่เนือง ๆ อย่างถูกต้อง คือ การสัมผัสพร้อมด้วยความรู้สึกตัว ที่ไม่เพ่งจ้อง จิตรู้ก็จะมีการค่อย ๆพัฒนากำลังขึ้นมาเองทีละนิด ทีละนิด ครับ

กุญแจอยู่ที่ตรงนี้เองครับ >> ให้จิตรู้สัมผัสสภาวะปรมัตถ์ธรรมของรูปอย่างรู้สึกตัว ที่ไม่เพ่งจ้อง อยู่เนือง ๆ

ทีนี้มาถึงว่าจะใช้สภาวะปรมัตถ์ธรรมของรูป ตัวไหนในการฝึกฝน อันนี้ก็แล้วแต่ท่านนะครับ ถ้าท่านจะเริ่มที่ลมหายใจ ก็ได้ แต่ผมว่าจะยากไปสักหน่อย เพราะลมหายใจมันจะเบามาก ถ้าท่านเพิ่งเริ่ม จิตรู้ อ่อนมากครับ จิตรู้อาจไม่สามารถรับรู้ลมหายใจได้ เมื่อรับรู้ไม่ได้ ท่านก็จะไปจ้องลมเอา ดังที่มีคำสอนกันหลาย ๆที่ว่า ให้เอาจิตไปวางไว้ที่ปลายจมูก อย่างนี้ก็จบเห๋ ครับ เพราะนั่นคือการเพ่งจ้องลมไปแล้ว
ท่านอาจใช้การเดินจงกรม คือ การเดินพร้อมด้วยความรู้สึกตัว อย่างนี้ก็ใช้ได้ หรือ อื่น ๆ ก็แล้วแต่ หรือ จะดูได้จากเรื่องใน blog ที่ผมเขียนไว้ที่
ตัวอย่างการฝึกเพือการรู้กาย //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=05-2009&date=30&group=1&gblog=20

เมื่อท่านเลือกสภาวะปรมัตถ์ของรูปในการฝึกได้แล้ว ท่านก็ลงมือฝึกไปครับ ฝึกมาก ๆ ฝีกบ่อยๆ ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก ตอนนี้ ขอให้ท่านฝึกอย่างเดียว ไม่ต้องไปสงสัยอะไร ไม่ต้องไปอยากรู้อะไร เมื่อฝึกไปมาก ๆ เข้า จิตรู้ ก็จะค่อย ๆ มีกำลัง มีความตั้งมั่นขึ้นมาเองทีละนิดอย่างช้า ๆ ( เน้นครับ อย่างช้า ๆ เพราะมันจะช้าจริง ๆ ช้ามาก ๆ ไม่ทันใจครับ )

เมื่อจิตรู้มีกำลัง มีความตั้งมั่น ทีนี้ จิตรู้ จะเกิดการแยกตัวออกมาจาก เจตสิก ( จิตปรุงแต่ง ที่เป็นวงกลมอีกวงหนึ่งในรูป ) ถ้าจิตรู้ไม่มีกำลังพอ จิตรู้จะผสมรวมกับเจตสิกไม่แยกตัวออกมา เมื่อเกิดจิตปรุงแต่งขึ้นมาแล้ว

>>ถ้า จิตรู้ ไม่แยกตัวออกมา จิตรู้ ก็จะไม่เห็น เจตสิก (จิตปรุงแต่ง )
>>ถ้า จิตรู้ แยกตัวออกมา ก็จะเห็น เจตสิก (จิตปรุงแต่ง)

ถ้าท่านเพิ่งเห็นจิตปรุงแต่งได้ใหม่ ๆ ตอนนี้จะมีการชักกะเย่อกันขึ้นครับ
เพราะจิตรู้ อาจถูกจิตปรุงแต่งดูดกลับเข้าไปได้ง่าย ๆ เมื่อเกิดจิตปรุงแต่งขึ้น ขอให้อ่านเรื่อง //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=07-2009&date=28&group=1&gblog=68

ถึงแม้ว่า จิตรู้จะแยกตัวออกมาแล้ว ท่านก็ยังต้องฝึกการรับรู้สภาวะปรมัตถ์ธรรมของรูปต่อไปอีกครับ อย่าได้หยุดเด็ดขาด ท่านต้องฝึกไปเรื่อย จนกว่า ท่านจะเป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านจึงจะหยุดฝึกได้ ท่านอย่าไปรังเกียจมัน เพราะได้ยินคำสอนจากบางครูอาจารย์ที่ว่า รูปมันหยาบ สู้ดูจิตไม่ได้ มันละเอียดกว่า

เมื่อจิตรู้ของท่านมีกำลังดี เห็น สภาวะธรรมปรมัตถ์ของเจตสิกได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ต่อไป จิตรู้ จะเกิด ญาณ. หยั่งรู้ ที่สามารถไปรับรู้สภาวะนิพพานได้ครับ สภาวะนิพพาน เป็นสภาวะจิตที่นิ่งสงบ ไม่มีกิเลส ไม่มีอาการพอใจ ไม่พอใจ มันจะนิ่ง มันจะว่าง ๆ ไม่มีอะไร แต่รู้ได้ด้วยญาณ
ท่านอาจเคยได้ยินคนพูดกันบ่อย ๆ ว่า นั่งสมาธิให้จิตนิ่ง
การนั่งสมาธิให้จิตนิ่งนี้ ถ้าเป็นการกดทับให้นิ่ง มันจะไม่ใช่นิพพาน เพราะสภาวะจิตนิ่งแบบนิพพานนี้ มันนิ่งของมันอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ไม่ต้องไปกดมันให้นิ่ง ถ้าท่านเห็นมันได้ มันจะปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ ไม่ต้องนั่งสมาธิก็เห็นได้ ท่านกินข้าว เดินไปซื้อของ พูดคุยกับใคร ก็เห็นมันนิ่งได้อยู่บ่อย ๆ ครับ ถ้าท่านฝึกจนเห็นมันได้ตลอดเวลาทีตื่นอยู่ มันไม่หายไปเลย นั่นคือ ท่านเป็นพระอรหันต์แล้วครับ

ท่านจะเห็นว่า การเข้าสู่ปรมัตถ์ธรรมแห่งความจริงของธรรมชาตินั้น มันจะมาได้ด้วยแบบนี้ ถ้าท่านเข้าใจสภาวะธรรมปรมัตถ์ ท่านจะเข้าใจได้ว่า มันจะถึงสภาวะแบบนี้ได้ครบได้อย่างไร

เมื่อท่านอ่านแล้ว ท่านคงมองภาพออก ว่า เส้นทางแห่งการสิ้นทุกข์นั้น ภาพรวมเป็นอย่างไร ผมมอบกุญแจภาวนาให้ท่านแล้ว ท่านเพียงหยิบกุญแจดอกนี้ แล้วก็ไขมันเท่านั้น แม่กุญแจก็จะหลุดออก จิตท่านก็จะเป็นอิสระจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน แล้วท่านก็จะสิ้นทุกข์ตามหลักการแห่งพุทธศาสนา ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประกาศสั่งสอนให้พุทธบริษัทได้เดินตามทางแห่งอริยมรรค

พระคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมาพุทธเจ้ายิ่งใหญ่ทีสุดสำหรับชีวิตมนุษย์ก็ด้วยเหตุนี้ครับ การดำเนินทางแห่งพุทธ เพียงแค่การให้ทาน การบริจาคเงิน สิ่งของ การรักษาศีล ก็ดีอยู่ แต่ยังไม่ได้เดินตามทางแห่งมรรคที่พระศาสดาได้สั่งสอนไว้ พุทธบริษัทโปรดพิจารณาด้วยปัญญาของท่านเถิด





 

Create Date : 02 ธันวาคม 2552
7 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:59:54 น.
Counter : 4400 Pageviews.

 


....สาธุค่ะ

 

โดย: คนดีคนเก่ง 2 ธันวาคม 2552 22:36:05 น.  

 

หนูวี ผมยังมีปรับปรุงบางอย่างก่อนที่หนูวีจะมาอ่านครับ แนะนำให้อ่านใหม่อีกรอบครับ เพราะผมได้ปรับปรุงข้อเขียนแล้ว

 

โดย: นมสิการ 2 ธันวาคม 2552 22:45:49 น.  

 

เข้ามาอ่านตามอ่านค่ะ

 

โดย: Artagold 2 ธันวาคม 2552 22:49:28 น.  

 

 

โดย: Artagold 2 ธันวาคม 2552 22:49:42 น.  

 

อ.คะอ่านแล้วค่ะ เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่จะอ่านให้หลายรอบค่ะ

 

โดย: มังคุดม่วง 4 ธันวาคม 2552 23:30:06 น.  

 

อาจเข้าใจยากสักหน่อยครับในเรื่องนี้

 

โดย: นมสิการ 5 ธันวาคม 2552 5:09:06 น.  

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 19:00:25 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.