เมื่อท่านกลัวในสิ่งใด อวิชชา จะยิ่งโจมตีในจุดนั้น ทำให้ท่านยิ่งเป็นทุกข์ - มุมมือใหม่
ในชีวิตคน ๆ หนึ่ง จะมีสิ่งทีตนเองกลัวอยู่ในจิตใจ มากบ้างน้อยบ้าง แต่ก็จะมีอยู่เสมอ เช่นบางคนกลัวผี เมื่อเขาเห็นอะไรในความมืด เขาจะคิดว่าเป็นผีทันที นักปฏิบัติบางท่าน กลัวว่าจะลบหลู่ครูบาอาจารย์ ก็จะยิ่งมีความคิดในเรื่องการลบหลู่ครูบาอาจารย์โผล่ขึ้นมาในสมองบ่อย ๆ ท่านที่เข้ามาอ่าน ก็คงรู้ตนเองดีครับว่า ตนเองมีอะไรกลัวอยู่ในจิตใจ ที่เป็นดังนี้ เพราะนี่คือจุดอ่อนในจิตใจของท่านเอง ที่อวิชชามันปรุงขึ้นมาแล้วออกมาในรูปแบบของความคิด เมื่อปุถุชนผู้ไม่เคยได้เห็นความคิดของตนเอง ก็จะหลงเชื่อในความคิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในความคิดนั้นคือความจริง เมื่อตนเข้าใจว่านี่คือความจริง เรื่องเหล่านี้ก็จะยิ่งทำให้เกิดการกลัวขึ้นมา เมื่อกลัวขึ้นมาก็เป็นทุกข์ ยิ่งกลัวมาก ยิ่งทุกข์มาก เมื่อท่านได้ลงมือฝึกฝน การเจริญสัมมาสติ จนจิตรู้แยกตัวออกจากขันธ์ 5 ได้ และ ท่านได้เห็นความคิดปรุงแต่งที่มันเกิดขึ้นมาเองได้แล้ว จิตรู้ จะเห็นได้ว่า อันว่าความคิด ซึ่งก็คือ สังขารขันธ์ ในขันธ์ 5 มันไม่เที่ยง มันเกิดขึ้นเอง แล้วมันตั้งอยู่ แล้วมันดับไปเอง นี่คือธรรมชาติของมัน เมื่อจิตรู้ได้เห็นความคิดปรุงแต่งที่เป็นไตรลักษณ์บ่อย ๆ ก็จะเป็นปัญญาให้แก่ท่านได้ว่า ขันธ์ 5 มันไม่ใช่เรา มันไม่ใช่ตัวตนของเรา มันไม่เที่ยง มันเป็นอนัตตา ซึ่งจะสอดคล้องกับในพระไตรปิฏกที่มีการกล่าวถึงความไม่ใช่ตัวตนของขันธ์ 5 เมื่อจิตรู้ได้เห็นและเข้าใจดังนั้น การยึดติดที่เกิดขึ้นที่เคยกลัว ความกลัวก็จะหายไปได้ เมื่ออวิชชาปรุงแต่งเรื่องที่เคยกลัวอีก นักปฏิบัติก็จะเข้าใจและไม่กลัวเหมือนดังแต่ก่อน แต่ว่า เมื่อท่านยังเป็นมือใหม่ จิตรู้ยังไม่มีประสิทธิภาพที่จะเห็นความคิดได้ ผมก็ขอแนะนำให้ท่านได้เปิดอ่านในพระไตรปิฏก อันเป็นคำสอนของพระพุทธองค์ก่อน ขอให้เปิดอ่านในตอนที่พระพุทธองค์สอนปัญจวัคคีย์ ท่านจะเห็นว่า ในคำสอนนั้น ขันธ์ 5 เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เมื่อไม่เที่ยง มันก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา แล้วท่านจะสบายใจมากขึ้นในความกลัวที่เกิดขึ้นในจิตใจท่าน เส้นทางการปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์ มักมีเรื่องราวให้ต้องผจญมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้ง ๆ ที่เรื่องที่ต้องผจญไม่เคยเกิดเลย ในสมัยที่ไม่ได้ลงมือปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์ แต่สิ่งเหล่านี้ ก็คือทางผ่าน มันเหมือนหน่วยกิจในมหาวิทยาลัยที่ต้องผ่านให้ได้ จึงจะมีสิทธิรับปริญญาบัตรจากพระพุทธเจ้า
Create Date : 26 มกราคม 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:20:20 น.
1 comments
Counter : 1057 Pageviews.
โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:18:22:52 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [? ]
หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน.... จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ... บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ ** ****** บทความต่าง ๆ ใน blog นี้ ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ****
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog
ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com
หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน