รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
25 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
คำถามเรื่องการปฏิบัติธรรม ของคุณมือใหม่ ไม่ล๊อกอิน

คุณมือใหม่ ไม่ล๊อกอิน เขียนเข้ามาถามว่า..

พักนี้หนูไม่ค่อยได้เข้ามาตอนแรกหนูกะว่า จะเข้ามาแล้วตามอ่านบล็อกเก่า ๆ ที่หนูยังไม่ได้อ่าน
แต่หนูรู้สึกแบบ 55 ไม่ทันใจ ขอเขียนขอบอกก่อน
.............
สืบเนื่องจากที่หนูนั่งสมาธิ แล้วก็สวดมนต์นะคะ
คือหนูตั้งใจว่า การนั่งสมาธิสวดมนต์
1 จะช่วยให้หนู มีบุญคือ มีโชคลาภ ประมาณนั้น ว่ากันตรงๆ ไปเลย
2 เผื่อว่าจะทำให้หนู เป็นคนอารมณ์เย็น ขึ้น ไม่ใจร้อน ไม่ขี้โมโห

ส่วนนิพพาน อะไรเนี่ย หู้ย ห่างไกลความคิด รู้สึกว่า ไกลเกินตัวไป คงถึงยาก

ทีนี้ หนูก็รู้มาบ้างว่า การนั่งสมาธิ สวดมนต์ คือจะเป็นทางให้เกิดปัญญาขึ้น
ซึ่งหนูเอง ก็คิดว่า มันน่าจะเป็นปัญญา ที่สามารถ ช่วยให้เรารู้ว่า
ปัญหาชีวิตเราคืออะไรควรแก้อย่างไร ซึ่ง เมื่อทำไป คือ ก็ต้องบอกว่า
ทำตามที่หนูเคยติดต่ออาจารย์ มาหน่ะค่ะ อาจารย์คงจำได้ หนู
ก็รู้สึกเอง ว่า หนูเริ่มคือ ปล่อยวาง คือหนูเข้าใจเองนะว่าปล่อยวาง
(ปล่อยวาง ของหนู นะคะอาจไม่ใช่ปล่อยวาง ของผู้มีความรู้)
อย่างตอนนั่งสมาธิ หนูก็แว็บๆ ไปคิดถึง เรื่องเพื่อนที่ทำงานที่ก่อปัญหาให้หนู
แล้วหนูก็ เฮ้ย พอ ๆ หยุดๆ แล้วก็คิดเอง ว่า ช่างๆ อโหสิกรรมไม่คิด ไม่คิด
มันก็แบบ หยุด ๆ มาลูบแขนต่อ
ลูบไป แบบ โอ้ย เมือยว้อย หนูก็หยุด มาดูท้องตัวเอง แล้วก็แว็บ
เออ เนอะ เดี๋ยวเข้าบล็อก บอกอาจารย์ ดีกว่า เนี่ยเดี๋ยวจะพิมพ์
งั้น งี้ โง้น แล้ว ก็ คิดอีก ว่า เอ้ย นี่เราไม่อยู่กะปัจจุบัน
ตอนนี้เรานั่งสมาธินะ แต่บางทีก็รู้สึกว่า มันนิ่งๆ อยู่
แล้วหนูก็จะสวดมนต์ต่อ ก็อย่างที่เคยเล่าไว้นะคะ ว่า พอสวดมนต์ไป
อ้อ เปิดบทสวดมนต์ดูด้วย บางทีเนี่ย ใจมันคิดไปถึงไหนไม่รู้
แบบประมาณว่า ปากก็ ปาวๆๆๆๆ ใจก็คิดไป รู้ตัวอีกที เฮ้ย
ถึงบรรทัดไหนวะเนี่ย ประมาณนี้เลย แต่ก็คื่อ
จำที่อาจารย์บอกได้ว่า ถ้าจะคิดก็คิดไป พอหลังๆ ไอ่ที่คิดๆ ก็เริ่มห่างๆ ออก
ทีนี้ ช่วงนี้ เริ่มมีแบบ ขี้เกียจวุ้ย จากที่นาฬิกา เคยปลุก
แล้วก็ลุกมาอาบน้ำ แต่งตัว นั่งสมาธิ เริ่มมีแบบ
โอ้ย ทำเยอะแล้ว พอแล้ว ไม่เห็นได้ตังค์ซะทีฟระ ซื้อหวย
ก็ไม่ถูก 55 บอกกันตรงๆ แบบนี้เลย แล้วก็มาคิด นั่น
แน่ มาร มาร แน่ๆ คือตัวเรานี่แหละ พอจะทำดี แล้วขัดขวางตัวเอง
ก็พยายาม ทำไป ทำไป จนช่วงนี้ จะเกิดอาการ
พอจะทำแล้วขี้เกียจ แต่ก็ทำ พอทำแล้ว เช่น ตั้งเวลาว่า
จะสมาธิ อ้อ สมาธิของหนู ไม่ใช่นั่งหลับตา ขัดสมาธินะคะ คือ
นั่งมันไปเฉยๆ นี่หล่ะ อยากลูบแขนก็ลูบ อยากดูท้องก็ดู
เผลอคิดอะไร ก็คิด อยากคิดอะไรแบบตั้งใจ ก็คิด
แล้วมันก็เกิดอาการแบบ อยู่ดีดี มันก็เหมือนไม่รู้จะคิดอะไรอ่ะ
แล้วช่วงนั้นหล่ะ มันจะแบบ บอกไม่ถูกแหะ แล้วก็อยากนั่งอย่างนั้น ต่อไปสักพักประมาณนี้
คือทั้งหมดที่เล่ามา ก็อยากจะทราบ ว่า ทำถูกต้องบ้างหรือเปล่า อ่ะค่ะ

แต่สิ่งหนึ่ง ที่รู้สึกว่า ไม่อยากทำแล้วคือ ทำไม หนูวิปอ่ะค่ะ
แบบว่า วิป โกรธอ่ะค่ะ มันเร็วมาก แต่ ที่ก็รู้สึกว่า
จะเรียกว่าดีหรือเปล่าก็ไม่รู้คือ รู้ ค่ะ รู้ว่า โกรธ เร็วขึ้น
แต่บางที โกรธ เร็วขึ้น แบบว่า โกรธปุบ ปากไปเลย เนี่ย
เมื่อไร มันจะแบบ ว่า ไม่โกรธอ่ะ แหะ ความจริง ก็รู้อยู่หรอกค่ะ ว่า ฝึกไปเรื่อย ๆ

หลังจากที่หนูร่ายไปยาวมากๆ แล้วก็ตามไปคลิ๊กนั้น คลิ๊กนี้ อันไหน
อ่านเข้าใจก็ตั้งใจอ่าน อันไหน อ่านแล้วงง ก็เลยผ่านไป ก็ให้คิดว่า
หากอะไรที่ ทำแล้วเกิดอะไร สิ่งที่ดีที่สุดคือ เฉยๆ
กับมันอย่าไปยึดติด ว่านี่ผิด นั่น ผิด นี่ดี นี่ไม่ดี ให้ ปล่อยๆ ว่างๆ หรือเปล่าคะ
................

จากคำถาม ผมพอสรุปในสิ่งที่ถามได้ดังนี้
1. ทีนั่งสมาธิ สวดมนต์ เพื่อต้องการจะได้โชคลาภ เช่นถูกหวย และ ต้องการเป็นคนใจเย็นขึ้น
จะเป็นไปได้หรือไม่

>> เรื่องโชคลาภ เช่นถูกหวย ผมก็ไม่ทราบครับว่าเป็นไปได้หรือไม่ ไม่ขอแสดงความเห็นครับ
สำหรับเรื่อง ต้องการเป็นคนใจเย็นขึ้น เรื่องนี้ ก็พอเป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับว่า การนั่งสมาธิและสวดมนต์นั้น
คุณมือใหม่ ปฏิบัติแล้วเสริมให้มีสัมมาสติ สัมมาสมาธิ หรือ ไม่ ถ้าเป็นการเสริม ก็ช่วยได้
ถ้าไม่เป็นการเสริม ก็ช่วยไม่ได้ครับ

2. การนั่งสมาธิ สวดมนต์ คือจะเป็นทางให้เกิดปัญญาขึ้น
ซึ่งหนูเอง ก็คิดว่า มันน่าจะเป็นปัญญา ที่สามารถ ช่วยให้เรารู้ว่า
ปัญหาชีวิตเราคืออะไรควรแก้อย่างไร

>> ปัญญามี 2 แบบครับ คือ ปัญญาทางโลก ใช้แก้ปัญหาทางโลก เช่น
มีปัญหาในเรื่องงานในที่ทำงาน ก็ต้องใช้ปัญญาทางโลกแก้ใข

อีกแบบ คือ ปัญญาทางธรรม ซึ่งทางพระเรียกว่า ปัญญาญาณ
ปัญญาญาณ นี้จะเกิดจาก การเจริญสัมมาสติ สัมมาสมาธิ อย่างถูกวิธี
และต่อเนื่อง ปัญญาญาณ เมื่อเกิดแล้ว จะส่งผลให้ผู้ปฏิบัติลดการยึดติด
ในอารมณ์ต่าง ๆ ทีเกิดขึ้นในจิตใจตนเอง เช่น คุณมือใหม่ ไม่อยากโกรธ
เมื่อปัญญาญาณเกิดแล้ว คุณมือใหม่จะปล่อยวางอารมณ์นี้ได้อย่างง่ายดาย
ทำให้ชีวิตลดความทุกข์ใจต่าง ๆ ลงไปได้เพราะการปล่อยวางด้วยปัญญาญาณนี้

สำหรับการแก้ปัญหาทางโลก คุณมือใหม่ เคยเกิดอาการนี้ไหมครับ
ที่อยู่ดี ๆ ก็มีความคิดแว๊บโผล่เข้ามา มันเป็นความคิดที่ใช้แก้ปัญหาทางโลกได้
ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ คิดแทบแย่ แต่คิดเท่าใดก็คิดไม่ได้สักที

ในขบวนการทำงานของจิตใจ เมื่อมีปัญหาอยู่ ถึงแม้เราจะไม่ได้คิดแก้ปัญหานั้นเลย
แต่จิตใจก็ยังคงทำงานแก้ปัญหาอยู่โดยที่เราไม่ทราบ มันเป็นการทำงานทีซอนเล้น
เป็นธรรมชาติของมันเอง ต่อเมื่อ ในขณะที่เรากำลังจิตใจสบาย หรือ กำลังสวดมนต์ หรือ
กำลังนั่งสมาธิ อยู่ คุณมือใหม่ คงสังเกตตัวเองได้ว่า ในเวลานั้น คุณมือใหม่จะมีความคิดโน่น
ความคิดนี่โผล่เข้ามาเสมอ ๆ นั่นแหละครับ ในความคิดทีมันโผล่เข้ามานั้นแหละ มันอาจมีความคิด
ทีเป็นทางแก้ปัญหาทางโลกได้

**** นักปฏิบัติธรรมมือใหม่ ขณะที่กำลังสวดมนต์หรือนั่งสมาธิอยู่ แล้วมีความคิดโผล่มา
เรื่อย ๆ นักปฏิบัติธรรมมือใหม่ มักเข้าใจว่า อย่างนี้จิตใจไม่เป็นสมาธิ จึงเป็นแบบนี้ ผมไปสอนคนหลายคน
พอผมจะอธิบายให้ฟังอีกอย่างหนึ่งที่ต่างออกไปว่าไม่ใช่อย่างที่เขาเข้าใจกัน
พวกมือใหม่ก็จะไม่เห็นด้วยกับผม ไม่ยอมรับ ก็แล้วแต่เขาจะพิจารณาก็แล้วกัน
ผมไม่บังคับว่าเขาต้องเชื่อผม แต่ผมจะบอกให้คุณมือใหม่ฟังว่า...
เมื่อเราสวดมนต์ หรือ นั่งสมาธิ หรือ ทำอะไรอยู่ก็แล้วแต่ แล้วมีความคิดมันโผล่เข้ามาแทรกเสมอ ๆ นั้น
มันเป็นธรรมชาติของจิตใจครับ มันต้องเป็นอย่างนี้ แต่คนมักจะต้องการให้มันนิ่ง ไม่มีอะไรโผล่มา
นี่เป็นคือความอยาก อันเป็นตัณหาในจิตใจของเขาโดยทีเขาไม่รู้เลย
เมื่อธรรมชาติมันไม่สนองความอยากของเขา เพราะใจมันไม่นิ่ง
ก็เกิดการไม่พอใจขึ้นมา กลับมาโทษตัวเองที่ไม่มีสมาธิเสียนี่

เราต้องฉลาดในการปฏิบัติ ... อ่านดี ๆ ครับ
เมื่อเราสวดมนต์ หรือ นั่งสมาธิ อาการจิตใจเผลอไป หรือ มีความคิดโผล่เข้ามาแทรก นี่ล้วนเป็นสภาวะธรรม
ที่เป็นธรรมชาติแท้ของมันครับ ธรรมชาติกำลังแสดงความไม่เที่ยงของจิตปรุงแต่งให้เราเห็นแล้ว
แต่เรากลับไปไม่รู้จักเสียนี่ คุณมือใหม่ สังเกตใหมครับ ก่อนที่ความคิดจะโผล่มา มันไม่มีความคิดใช่ใหมครับ
แล้วพอความคิดมันโผล่มาแล้ว พอเรารู้ตัว มันก็หายไปเอง ใช่ใหมครับ นี่แหละครับ ปัญญาทางพุทธศาสนาละ
ปัญญาทีรู้เอง เห็นเองว่า จิตตสังขาร (ความคิดเป็นจิตตสังขารอย่างหนึ่ง ) มันไม่เที่ยง
มันเป็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันไม่ใช่ตัวตน (เพราะมัน จู่ ๆ ก็โผล่มา เมื่อโผล่มาแล้ว ก็หายไปโดยไม่ร่ำลา )
เราต้องเห็นแบบนี้บ่อย ๆ ครับ ยิ่งเห็นมาก ยิ่งดี เมื่อเห็นมาก ๆ มันจะเป็นปัญญาสะสมในจิตใจ
ทำให้เกิดปัญญาญาณต่อไปในอนาคต
อันว่า ความโกรธ ที่คุณมือใหม่ ต้องการปรับปรุง มันก็เป็นจิตตสังขารเช่นกัน เมื่อจิตใจส่วนลึกเข้าใจความเป็นไตรลักษณ์
ของจิตตสังขารได้ มันก็เข้าใจความโกรธได้เช่นกัน แล้วเมื่อจิตใจเกิดการปล่อยวาง คุณมือใหม่ก็จะเห็นเองในตอนนั้น
ว่า การเข้าใจจิตตสังขารแล้ว มันไม่ทุกข์ได้อย่างไร
แต่ว่า มันต้องใช้เวลาพอสมควรในการเกิดการปล่อยวางจิตตสังขาร
อาจเป็น 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 5 ปี หรือ มากกว่า แล้วแต่บุคคลครับ แต่ผมกล้ายึนยันว่า เป็นไปได้แน่นอนครับ

ทีนี้มาถึงเวลาปฏิบัติ เมื่อคุณมือใหม่สวดมนต์ นั่งสมาธิ แล้วมีอาการความคิดโผล่ขึ้นมา สังเกตดี ๆ ว่า
ความคิดที่โผล่มานั้น มันเป็นความคิดที่ใช้แก้ปัญหาทางโลกได้หรือไม่ ถ้าใช้ได้ ให้รีบนำกระดาษมาจดไว้ทันที
อย่าได้ช้า แม้เพียงครึ่งนาที ก็อาจช้าไปแล้ว
เพราะถ้าช้า เกิดลืมไป ความคิดนี้จะไม่มาอีกเลย และ คิดอย่างไร ก็จะคิดไม่ออกด้วยครับ แต่ถ้าความคิดที่
โผล่เข้ามาเป็นเรื่องราวที่ไร้สาระ ไม่มีประโยชน์ เมื่อมันโผล่มา เมื่อรู้แล้ว อย่าไปสนใจมัน ปัดมันทิ้งไป อย่าไปคิดมันต่อ
อย่าอารมณ์เสียทีมันโผล่มา แล้วก็ดำเนินการสวดมนต์ นั่งสมาธิต่อไปอีก เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พอความคิดโผล่มาอีก ก็ปฏิบัติอย่างเดิมอีกดังที่อธิบายไว้แล้วข้างต้น

คุณมือใหม่คงพอมองออกและเข้าใจนะครับ ธรรมชาตินะของดีทั้งนั้น
พวกไม่รู้เรื่องต่างหากที่เอาแต่ตามใจกิเลส ตัณหาในใจตนเองที่ไม่ชอบมัน
ใจอยากจะละกิเลสด้วยการสวดมนต์ นั่งสมาธิ แต่กลับไปเพาะเลี้ยงกิเลสให้ใจมันมันอ้วนขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

3. อย่างตอนนั่งสมาธิ หนูก็แว็บๆ ไปคิดถึง เรื่องเพื่อนที่ทำงานที่ก่อปัญหาให้หนู
แล้วหนูก็ เฮ้ย พอ ๆ หยุดๆ แล้วก็คิดเอง ว่า ช่างๆ อโหสิกรรมไม่คิด ไม่คิด
มันก็แบบ หยุด ๆ มาลูบแขนต่อ
ลูบไป แบบ โอ้ย เมือยว้อย หนูก็หยุด มาดูท้องตัวเอง แล้วก็แว็บ
เออ เนอะ เดี๋ยวเข้าบล็อก บอกอาจารย์ ดีกว่า เนี่ยเดี๋ยวจะพิมพ์
งั้น งี้ โง้น แล้ว ก็ คิดอีก ว่า เอ้ย นี่เราไม่อยู่กะปัจจุบัน

>> การปฏิบัติเกี่ยวกับความคิด ผมได้อธิบายมาแล้วในข้อ 2 ขอให้อ่านอีกครั้ง ถ้าไม่เข้าใจครับ
สิ่งที่ผมตจะตอบในข้อนี้ ก็คือ คำว่า .นี่เราไม่อยู่กะปัจจุบัน. ครับ
คำว่า อยู่กับปัจจุบัน หมายความว่า ไม่คิดถึงเรื่องในอดีต ไม่นึกถึงเรืองที่ยังมาไม่ถึง ครับ
เมื่อคุณมือใหม่เล่ามา นั้นคุณมือใหม่เกิดเปลี่ยนใจบ่อย ๆ ไม่ใช่หมายความว่า ไม่อยู่กับปัจจุบันนะครับ
ถ้าคุณมือใหม่ รู้ตัวเองว่า ต้องการเปลี่ยนไปทำโน้น ทำนี่ ไม่ได้คิดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้ว และก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องที่ยังมาไม่ถึง
นี่ละครับ คุณอยู่กับปัจจุบันแล้ว ขอให้เข้าใจเสียใหม่ครับ

คุณมือใหม่สังเกตตัวเองใหมครับ เมื่อคุณมือใหม่ เกิดเมื่อยมือ รู้สึกไหมครับที่เมื่อยมือ ต้องรู้สึกแน่ มิฉะนั้น
คงไม่เลิกลูบแขน นี่คืออยู่กะปัจจุบันแล้ว

การอยู่กับปัจจุบัน ไม่ได้หมายความว่า ต้องทำอย่างเดียว เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นไม่ได้
การอยู่กับปัจจุบัน เปลี่ยนไปทำโน่นได้ ทำนี่ได้ เพียงแต่ขอให้รู้ตัวอยู่ อย่าไปคิดเรื่องที่ผ่านมาแล้ว
อย่าไปคิดเรื่องที่ยังมาไม่ถึง เท่านี้เองครับ ปรับความเข้าใจใหม่ ก็จะสบายใจขึ้นว่า ปฏิบัติไม่ผิด

4.ตอนนี้เรานั่งสมาธินะ แต่บางทีก็รู้สึกว่า มันนิ่งๆ อยู่

>> ที่ว่านิ่ง ๆ นี่ นิ่งนานหรือ นิ่งไม่นาน ถ้านิ่งนาน แสดงว่า คุณไปกดข่มจิตใจไว้
ไม่ให้มันคิด แต่ถ้า นิ่งไม่นาน แล้วก็คิด อย่างนี้ดีครับ ให้ไปอ่านข้อ 2 อีกคร้ง ถ้าไม่เข้าใจ
ว่าทำไมมันดี

ผมก็ไม่เข้าใจ นักปฏิบัติธรรมทำไมเชื่อกันว่า นั่งสมาธิต้องทำให้นิ่ง ๆ เข้าไว้
คนยังไมตายนะครับ ใจนิ่งไม่ได้ครับ มันต้องคิดโน่น คิดนี่เสมอ นี่คือธรรมชาติ
การปฏิบัติที่ผิดธรรมชาติ ไม่ใช่ทางแห่งการพ้นทุกข์ครับ ยิ่งทุกข์หนักไปอีกครับ

5. ทีนี้ ช่วงนี้ เริ่มมีแบบ ขี้เกียจวุ้ย จากที่นาฬิกา เคยปลุก
แล้วก็ลุกมาอาบน้ำ แต่งตัว นั่งสมาธิ เริ่มมีแบบ
โอ้ย ทำเยอะแล้ว พอแล้ว

>> การนั่งสมาธิ เป็นการฝึกในรูปแบบ มันจะเป็นตัวเร่งให้สัมมาสติ สัมมาสมาธิ มั่นคงได้เร็วขึ้น
แต่ทั้งนี้ ในชีวิตประจำวัน เราก็ต้องดำรงค์ชีวิตอยู่ ทำอะไรก็ตามให้มีความรู้สึกตัวเสมอ ๆ นี่เป็นการปฏิบัติ
นอกรูปแบบ ทั้งในรูปแบบ และ นอกรูปแบบ มันจะเกื้อกูลกันเองไปมา

ถ้าเราฝึกในรูปแบบ แต่ไม่ปฏิบัตินอกรูปแบบ อย่างนี้ก็ขาดไปส่วนหนึ่ง
ถ้าเราไม่ฝึกในรูปแบบ แต่ฝึกนอกรูปแบบ พวกใหม่ ๆ จะฝึกนอกรูปแบบได้ยาก เพราะไม่คุ้นเคย
ดังนั้น ต้องใช้ในรูปแบบช่วยก่อน ถ้าจิตใจเรื่องเข้าใจและเชื่องบ้างแล้ว จะไม่ฝึกในรูปแบบก็ไม่เป็นไร
แต่นอกรูปแบบทิ้งไม่ได้ครับ
ในชิวิตประจำวัน ฝึกนอกรูปแบบได้ตลอด เช่น อาบน้ำ ก็ให้อาบแบบรู้สึกตัว
เวลาซักผ้า ก็ซักแบบรู้สึกตัว กวาดบ้าน ถูบ้าน รดน้ำต้นไม้ ก็ให้ทำแบบรู้สึกตัวไปด้วย
เวลารู้สึกตัว มันจะสบาย ๆ ไม่เครียด ทำเรื่อย ๆ มันเป็นการฝึกทีดีมาก
คุณมือใหม่ อาจมองไม่ออกว่าฝึกอย่างไร ผมจะบอกว่า เมื่อคุณทำอะไรในชีวิตประจำวันด้วย
ความรู้สึกตัวที่สบาย ๆ ไม่เครียด จิตใจส่วนลึก ที่เรามองไม่เห็น มันรู้ของมันเองครับ เราไม่ต้องไปรู้
กะมันด้วย มันจะทำงานเองแบบ silent mode ทีเดียว

6. ก็พยายาม ทำไป ทำไป จนช่วงนี้ จะเกิดอาการ
พอจะทำแล้วขี้เกียจ แต่ก็ทำ พอทำแล้ว เช่น ตั้งเวลาว่า
จะสมาธิ อ้อ สมาธิของหนู ไม่ใช่นั่งหลับตา ขัดสมาธินะคะ คือ
นั่งมันไปเฉยๆ นี่หล่ะ อยากลูบแขนก็ลูบ อยากดูท้องก็ดู
เผลอคิดอะไร ก็คิด อยากคิดอะไรแบบตั้งใจ ก็คิด
แล้วมันก็เกิดอาการแบบ อยู่ดีดี มันก็เหมือนไม่รู้จะคิดอะไรอ่ะ
แล้วช่วงนั้นหล่ะ มันจะแบบ บอกไม่ถูกแหะ แล้วก็อยากนั่งอย่างนั้น ต่อไปสักพักประมาณนี้
คือทั้งหมดที่เล่ามา ก็อยากจะทราบ ว่า ทำถูกต้องบ้างหรือเปล่า อ่ะค่ะ

>> ทีเล่ามา ถ้ารู้สึกตัวอยู่ ก็ใช้ได้ครับ การฝึกเราเปลี่ยนรูปแบบได้
ไม่อยู่ในรูปแบบก็ได้ ขอเพียงรู้สึกตัว ใช้ได้ทั้งนั้น
เมื่ออยู่ดี ๆ มันไม่รู้จะคิดอะไร จิตมันเงียบใช่ใหมครับ มันวังเวงเหมือนอยู่คนเดียวในโลกใช่ใหมครับ
ก็ขอให้เพียงรู้ว่า มันเกิดขึ้น อย่าไปหาชื่อมันเลยครับ ผมก็ไม่รู้ว่า มันชื่ออะไร ผมก็เป็นบ่อย
ให้เข้าใจว่า มันก็เป็นสภาวุะทางจิตอย่างหนึ่งที่ไปพบเข้าก็เท่านั้น อย่าไปติดใจ คิดถึงมัน
มันจะมาก็ช่าง ไม่มาก็ช่าง ขอให้รู้สึกตัวอยู่เสมอ ๆ เข้าไว้

7. แต่สิ่งหนึ่ง ที่รู้สึกว่า ไม่อยากทำแล้วคือ ทำไม หนูวิปอ่ะค่ะ
แบบว่า วิป โกรธอ่ะค่ะ มันเร็วมาก แต่ ที่ก็รู้สึกว่า
จะเรียกว่าดีหรือเปล่าก็ไม่รู้คือ รู้ ค่ะ รู้ว่า โกรธ เร็วขึ้น
แต่บางที โกรธ เร็วขึ้น แบบว่า โกรธปุบ ปากไปเลย เนี่ย
เมื่อไร มันจะแบบ ว่า ไม่โกรธอ่ะ แหะ ความจริง ก็รู้อยู่หรอกค่ะ ว่า ฝึกไปเรื่อย ๆ

>> ความโกรธ ไม่มีใครต้องการหรอกครับ ผมเข้าใจดี แต่ว่า มันก็จะมาเสนอหน้าเสมอ ๆ
ถ้าคุณต้องการจะหยุดมันได้เร็ว คุณสมควรอย่าทิ้งการฝึกในรูปแบบครับ
ลองเข้าไปอ่านใน blog ใหม่ ผมมี update การฝึกในรูปแบบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมีคนถามมา
ผมเห็นว่าดี ผมก็ใส่เพิ่มเข้าไปเรื่อยๆ

การฝึกในรูปแบบเสมอ จะช่วยให้เราเคยชินเพื่อสนับสนุนการฝึกนอกรูปแบบ อันเป็นชีวิตประจำวัน
เมื่อคุณฝึกด้วยความรู้สึกตัวเสมอ ๆ ไม่นาน จิตรู้ เขาจะเกิด แยกตัวออกมา พอจิตรู้เกิดแล้ว จิตรู้เขาจะเห็น
พลังงานที่โผล่มา ที่เราเรียกกันว่าโกรธ แล้วพลังงานนี้ เมื่อจิตรู้เห็น มันจะหยุดและสลายไปโดยเร็วได้
ใหม่ๆ อาจสลายช้าหน่อย แต่ยิ่งจิตรู้มีพลัง มันจะสลายได้เร็วมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้ง พอมันจะโกรธ
จิตรู้จะเห็นได้ตั้งแต่พลังงานโกรธเป็นพลังงานเล็กๆ แล้วมันก็จะสลายไป เมื่อคุณฝึกมาถึงตรงนี้ได้
ความโกรธ ก็ไร้น้ำยาต่อจิตใจของคุณไปแล้วครับ

จริง ๆ แล้วความโกรธ เป็นอารมณ์ที่จะหยุดได้ก่อนอารมณ์อื่น ๆ ทั้งหมด จะพูดง่าย ๆก็คือ
ในกิเลสทั้งหมด ความโกรธ นี่กระจอกสุดกว่าเพื่อนครับ

7. หลังจากที่หนูร่ายไปยาวมากๆ แล้วก็ตามไปคลิ๊กนั้น คลิ๊กนี้ อันไหน
อ่านเข้าใจก็ตั้งใจอ่าน อันไหน อ่านแล้วงง ก็เลยผ่านไป ก็ให้คิดว่า
หากอะไรที่ ทำแล้วเกิดอะไร สิ่งที่ดีที่สุดคือ เฉยๆ
กับมันอย่าไปยึดติด ว่านี่ผิด นั่น ผิด นี่ดี นี่ไม่ดี ให้ ปล่อยๆ ว่างๆ หรือเปล่าคะ

>> การปฏิบัตินั้น จริง ๆ ไม่ต้องรู้อะไรมาก ให้เข้าใจคำว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออย่างไรเท่านั้น
และก็ฝึกฝนสัมมาสติ สัมมาสมาธิ จนตั้งมั่น แล้ว มันก็จะทำงานของมันเอง
แต่ที่ผมเขียนเรื่องโน้น เรื่องนี่ จริง ๆ ไม่ต้องอ่านก็ได้ครับ เพราะผมเห็นว่า คนปัจจุบัน
มีการศีกษาสูงขึ้น การได้รับรู้ข้อมูลเพิ่มเติมจะช่วยให้เข้าใจอะไรได้ดีขึ้น ผมจึงเขียนขึ้นมา
และบางอย่าง ในตำราก็ไม่ม่บอกไว้ ผมก็เขียนไว้ เพื่อใครที่ปฏิบัติไปพบเข้า จะได้เข้าใจว่ามันเป็นอย่างไร

สรุปง่าย ๆ การปฏิบัติก็คือการทำอะไรในขณะที่มีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกตัว ครับ

****
แนะนำอ่านเพิ่มเติม
ตัวอย่างการฝึกเพือการรู้กาย
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=05-2009&date=30&group=1&gblog=20

การเจริญวิปัสสนาในอิริยาบทนั่งนิ่ง
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=08-2009&date=23&group=1&gblog=78

ลักษณะของสัมมาสมาธิฉบับชาวบ้านอ่าน//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=08-2009&date=26&group=1&gblog=80

ความรู้สึกตัว ฉบับชาวบ้านอ่าน

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=06-2009&date=24&group=1&gblog=43

สติ ในความเห็นของผม
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=06-2009&date=24&group=1&gblog=42








Create Date : 25 ตุลาคม 2552
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:33:50 น. 5 comments
Counter : 1051 Pageviews.

 
แนะนำอ่านเรื่องนี้ด้วยครับ

ขอบคุณ กิเลส ที่โผล่มาให้เห็น -มุมปัญญา
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=10-2009&date=14&group=5&gblog=2


โดย: นมสิการ วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:20:30:16 น.  

 
*สรุปง่าย ๆ การปฏิบัติก็คือการทำอะไรในขณะที่มีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกตัว ครับ

ขอบคุนมากคับ..
_/\\_


โดย: ล้อลม IP: 115.67.151.225 วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:11:57:04 น.  

 
ผมมึนหัวบ่อยมากช่วงนนี้ ไม่รู้เป็นอะไร คิดว่าน่าจะเพ่ง แต่ผมก็ไม่ได้เพ่งนะ บางครั้งนั่งขยับมือใจลอยยังมึนหัวเลย มึนแล้วก็เบลอๆ แก้ไม่ตกซักที


โดย: virut IP: 172.16.21.104, 119.46.99.100 วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:13:03:52 น.  

 
แก้มึนหัว
ให้ลองดูดังนี้
1 ให้มองไกล ๆ แต่ไม่จ้องอะไร มองไปอย่างนั้นแหละ ไม่มีจุดมุ่งหมายที่จะมองอะไร
2 การฝึกนั้น ให้เหมือนคนไม่รู้เรื่องอะไรเลย เหมือนเด็กทารก ที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย ให้เคลื่อนมือด้วยเพียงรู้สึกตัว ที่สบาย ๆ ไม่ต้องอยากรู้อะไร เพราะเมื่อเราอยู่ในสภาวะที่รู้สึกตัว กลไกจิตมันทำงานของมันอยู่แล้ว โดยที่เราจะไม่รู้เรื่องนี้ด้วยว่า จิต มีการทำงานอยู่


โดย: นมสิการ วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:13:34:21 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:18:56:24 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.