รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
19 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ถูกหรือไม่ในการปฏิบัติ - มุมมือใหม่

คำถามมีว่า
...รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ถูกหรือไม่ในการปฏิบัติ เช่น กำลังหั่นผัก ก็รู้ว่ากำลังหั่นผัก กำัลังเดิน ก็รู้ว่ากำลังเดิน กำลังนั่งก็รู้ว่ากำลังนั่ง และอื่น ๆ อีก เป็นต้น ...

คำถามนี้เป็นคำถามที่ดีและละเอียดอ่อนมากครับ และ เป็นสิ่งที่พาคนฝึกใหม่หลงเข้าป่าไปมากต่อมาก จากที่ผมได้อยู่ในแวดวงกรรมฐานมานาน ผมพบว่า มีหลายสำนัก หลายอาจารย์ที่สอนกันอย่างในคำถามทุกประการ โดยการยกนำเอาพระไตรปิฏก สติปัฏฐานสูตร หมวดกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ในเรื่อง อิริยาบทบรรพ มาเป็นข้ออ้างอิง

ผมเขียนอย่างนี้ ไม่ได้หมายความว่า ผมกำลังโต้แย้งคำสอน โต้แย้งพระไตรปิฏก ผมไม่ได้โต้แย้งครับ ผมเห็นด้วยทุกประการ แต่ผมกำลังจะบอกท่านมือใหม่ว่า ถ้าท่านเข้าใจเรื่องนี้ไม่ตรง ท่านจะปฏิบัติผิดทันทีครับ

มันจะผิดเหมือนกับ superman ที่ใส่กางเกงในไว้ข้างนอก แต่คนทั่วไปใส่กางเกงในไว้ข้างใน ถ้าดูตามเสื้อผ้า มีครบเหมือนกัน คือ มีทั้งกางเกงในและกางเกงนอก แต่ผิดที่ sequence ของการใส่กางเกงครับ

ขอให้ท่านมือใหม่ ลองดูอย่างนี้ก่อนก็ได้ครับ
ถ้าท่านมือใหม่หั่นผักอยู่ และรู้ว่ากำลังหั่นผัก ท่านมือใหม่จะหั่นผักไม่ได้ดีเลย เพราะมันไม่เป็นธรรมชาติครับ เช่นเดียวกัน ถ้าคุณมือใหม่กำลังเดิน แล้วรู้ว่ากำลังเดิน คุณมือใหม่จะเดินอย่างไม่เป็นธรรมชาติและจะมีการเกร็งขึ้นทันที

ขอให้คุณมือใหม่โปรดเข้าใจด้วยครับ การปฏิบัติธรรม ถ้าต้องไปทำอะไรที่ผิดธรรมชาติของคุณแล้วละก็ มันไม่ใช่ทางที่ตรงแน่นอนครับ

ผมจะขอกล่าวในแง่การปฏิบัติให้คุณมือใหม่ได้เห็นภาพครับ
ถ้าคุณมือใหม่กำลังทำอะไรอยู่ เช่น หั่นผัก เดิน อาบน้ำ ขอให้ทำด้วยความรู้สึกตัวก็พอครับ .... ไม่ต้องเกินเลยไปที่ว่า ... ให้รู้ว่า กำลังหั่นผัก ให้รู้ว่ากำลังเดิน ให้รู้ว่ากำลังอาบน้ำ นี่เกินเลยไปแล้ว มันไม่เป็นธรรมชาติเลยครบ และจะกลายเป็นพยายามที่จะไปจ้องการกระทำนั้นๆ อยู่

ทีนี้ คุณมือใหม่ก็อาจสงสัยต่อไปแล้ว ถ้ามันไม่เป็นธรรมชาติ แล้วทำไมในพระไตรปิฏก หรือ สำนักต่าง ๆ สอนกันอย่างนั้นละ
เรื่องนี้ ผมจะบอกคุณมือใหม่ว่า เมื่อคุณมือใหม่ฝึกฝนอยู่ ให้ฝึกฝนอย่างเป็นธรมชาติก็พอครับ แต่เมื่อคุณมือใหม่ฝึกฝนอย่างเป็นธรรมชาติไปมาก ๆ เข้า จะมีขบวนการเกิดขึ้นทางจิตใจ กล่าวคือ จิตรู้ เขาจะมีกำลังและแยกตัวออกมาจากสิ่งทีถูกรู้ ซึ่งอาการแยกตัวนี้ในตอนนี้คุณมือใหม่ยังไม่เกิดอาการนี้ขึ้นครับ

ทีนี้พอจิตรู้เขาแยกตัวออกมาได้จากสิ่งที่ถูกรู้แล้ว เจ้าจิตรู้นี้แหละครับ บางครั้ง (เป็นบางครั้งครับ ไม่ใช่เป็นทุกครั้ง ) เขาจะไปจ้องดูการกระทำของร่างกายเอง โดยที่คุณมือใหม่ไม่ได้สั่งเลย เมือร่างกายคุณมือใหม่ทำอะไร เช่น กำลังหั่นผัก กำลังเดิน กำลังนั่ง กำลังอาบน้ำอยุ่ จิตรู้นี้จะไปจ้องมองการกระทำของร่างกายเองโดยอัตโนมัติ ซึงการที่จิตรู้เขาดำเนินไปเองเช่นนี้ ก็จะตรงกับสิ่งทีกล่าวในคำสอน และในพระไตรปิฏครับที่ว่า เมื่อทำอะไรอยู่ให้รู้ว่ากำลังทำสิ่งนั้น ๆ อยู่
เมื่อจิตรู้ เขาดำเนินการรู้เอง โดยที่คุณมือใหม่ไม่ได้ต้องการ ไม่ได้สั่ง มันจะเป็นธรรมชาติของจิตรู้เอง

ผมแนะนำให้อ่านเรื่องนี้เพิ่มเติม
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=03-2010&date=04&group=5&gblog=79

คุณมือใหม่พอจะมองภาพออกนะครับว่า การปฏิบัตินั้นควรดำเนินอย่างไร
จึงจะไปได้ดีและตรงทาง

ถ้าปฏิบัติไม่ตรงโดยขาดความเข้าใจ คุณมือใหม่ก็จะเป็น superman ทันทีครับทีใส่กางเกงในกลับอยู่ข้างนอกไปเสียแล้ว

**********************************

***บทความท้ายบท***

มานะ คำ ๆ นี้ในภาษาไทยและภาษาธรรม มีความหมายต่างกัน
ความหมายในภาษาไทย ผมคงไม่ต้องกล่าวถึง
แต่ในภาษาธรรม นั้นจะหมายถึง การถือดี การอวดดี ว่าเก่งกว่า รู้มากกว่าคนอื่น

ในจิตใจของผู้ปฏิบัติธรรม เมื่อเขาได้ปฏิบัติและได้เห็นผลอะไรบางอย่าง เขามักจะบอกคนอื่นให้รู้ อาการบอกคนอื่นให้รู้จะมีอยู่ลักษณะ
++อย่างหนึ่งคือ การบอกแบบมีมานะ บอกในลักษณะของการอวดดี พยายามแสดงว่า ตนเองเจ๋งกว่าคนอื่นอยู่
++และอีกลักษณะหนึ่ง คือ บอกด้วยความเมตตา อยากให้คนอื่นได้รู้ ได้เข้าใจในธรรม เพื่อให้เขาจะได้พ้นทุกข์เหมือนตนบ้าง

ในฐานะผู้ฟัง ก็อาจไม่เข้าใจว่า คนที่กำลังบอกธรรมนั้น เขาบอกแบบมีมานะ หรือ บอกแบบมีเมตตา นั่นไม่สำคัญเท่ากับคนที่กำลังบอกครับว่า เขารู้ตัวเองหรือเปล่าว่า เขานั้นเป็นแบบใด

ท่านที่กำลังปฏิบัติธรรมอยู่ โปรดสังเกตตัวเองสักนิดในเรื่องนี้ จะเป็นประโยชน์แก่ตัวเองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ ถ้าเกิด มานะ ขึ้นในจิตใจ
ถ้าตัวเองไม่รู้ว่ากำลังเกิดอยู่ มันก็จะเป็นอุปสรรคกางกั้นความเจริญก้าวหน้าในทางธรรมได้ครับ

แต่ถ้าท่านเจนโลกพอ ท่านก็พอจะอ่านออกว่า ใครเกิด มานะ แล้ว
แต่ว่า ถ้าคิดเมตตาบอกเขาแล้วละก็ ต้องเผื่อทำใจไว้ด้วย เพราะคนที่ติด มานะ มักเชื่อว่า ตนเองเจ๋งกว่าเขาอยู่แล้ว เขาจะไม่ฟังใครหรอกครับ เพราะเขาเชื่อว่า เขาดีกว่าท่านนั้นเอง



Create Date : 19 เมษายน 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:10:37 น. 1 comments
Counter : 1409 Pageviews.

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:18:16:17 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.