เจ็บแล้วจำ ก็ไม่อยากเจ็บอีก
เมื่อท่านเคยเจ็บสิ่งใดอย่างแท้จริง ก็จะเกิดความรู้สึกที่เข็ดขยาด ไม่เอาสิ่งนั้นอีก แต่ถ้ายังไม่เจ็บอย่างแท้จริง ก็มักพ่ายแพ้แก่กิเลส หวนกลับมาเอาอีก ผมเคยได้ยินมา ไม่รู้จริงหรือไม่ว่า เมื่อหญิงท้องแรกจะคลอดบุตร จะเจ็บมาก ถึงกับด่าสามีและปากก็จะว่า จะไม่ท้องอีกแล้ว แต่เวลาผ่านไปไม่นาน ก็กลับมาท้องอีกเป็นท้องที่ 2 จนได้ ท่านที่ทำงานในโรงพยาบาลน่าจะรู้เรื่องนี้ดี นี่คือการเจ็บที่ยังไม่ถึงใจครับ ในการปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์นั้น เมื่อ .จิตรู้ . แยกตัวออกมาจากสิ่งที่ถูกรู้ และ .จิตรู้ เห็นอาการของจิตที่เป็นทุกข์ได้ และ เห็นอาการของจิตที่ไม่ทุกข์ได้ 2 อย่างนี้สลับไปสลับมามาก ๆ ก็จะเกิดความรู้สึกอย่างหนึ่งว่า การไหวตัวของจิต หรือ ที่เรียกว่า จิตเป็นทุกข์ เป็นสิ่งที่ไม่พีงปรารถนาเพราะมันเป็นทุกข์จริง ๆ เมื่อจิตเกิดความรู้สึกได้อย่างนี้ จิตก็จะไม่ต้องการอาการไหวตัวของจิตอีก เมื่อจิตไม่ต้องการอาการไหวตัวอีก ความอยากต่าง ๆ ที่ทำให้จิตไหวตัว ก็หดหายไปทันที นี่เพราะจิตเจ็บตัวแล้วจำแล้วครับ ความอยากก็ไม่ใช่ ความไม่อยากก็ไม่ใช นี่คือตัวความรู้สึกที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่อธิบายเป็นคำพูดได้ยากลำบากพอสมควร เพียงรู้แต่ว่า มีหน้าที่ก็ทำไปตามหน้าทีของความเป็นคน แต่ไม่ใช่ทำด้วยความอยาก หรือ ความไม่อยาก เมื่อผู้ปฏิบัติเห็น อาการของจิตที่นิ่งสงบ ไม่ไหวตัวเป็นอย่างดี ก็จะเห็นอาการไหวตัวของจิตได้ว่องไวมาก นิดๆ หน่อย ที่จิตไหวก็เห็นได้แล้ว ความมีสัมมาสติ สัมมาสมธิ ก็คือ การเดินเข้ามาถึงจุดนี้ และควบคุมจิตได้ด้วยสัมมาสติ หยุดการไหวตัวของจิตทันทีที่เกิดขึ้นและได้เห็นการไหวนั้น ๆ นี่คือ ข้อ 2 ในอริยสัจจ์ 4 ที่ละ ตัณหา ให้ละ มันจะละของมันเอง ด้วยเห็นโทษภัยแห่งทุกข์ อันเป็นสิ่งที่ทำให้จิตไหวตัว
Create Date : 07 มกราคม 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:27:59 น.
1 comments
Counter : 880 Pageviews.
โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:18:38:35 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [? ]
หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน.... จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ... บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ ** ****** บทความต่าง ๆ ใน blog นี้ ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ****
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog
ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com
หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน