รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
4 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
การปฏิบัีติธรรมนั้น ไม่ต้องไปสนใจว่ามันคืออะไร -มุมมือใหม่

ในการปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์นั้น เมื่อท่านได้หมั่นฝึกฝน สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ไปเรื่อย ๆ
เมื่อ .จิตรู้.เกิดการแยกตัวออกมาแล้ว จะมีปรากฏการณ์เกิดขี้น ก็คือ
มี .จิตรู้. และ .สิ่งที่ถูกจิตรู้ไปรู้เข้า.

*** ขอท่านอย่าได้สนใจในสิ่งที่ปรากฏขึ้น ว่าสิ่งที่ปรากฏนั้นคืออะไร ท่านเพียงรับรู้เท่านั้นเป็นพอ

ถ้าว่ากันตามตำรา .สิ่งที่ถูกรู้. ตำราจะเรียกว่า .รูป. และ จิตที่ไปรู้.รูป. ตำราจะเรียกว่า .นาม. ถ้าท่านได้ยินคนพูดกันว่า .รูปนาม. คืออย่างนี้เองครับ

เมื่อท่านหมั่นฝึกฝนสัมมาสติ สัมมาสมธิ ท่านสามารถสังเกตปรากฏการณ์ของ .รูปนาม.ได้
การสังเกตปรากฏการณ์ของรูป ก็คล้าย ๆ กับการชำเลืองมองแบบไม่ตั้งใจจะมอง
แต่ไม่ใช่การไปจ้องครับ การสังเกต ท่านสามารถกระทำได้เป็นพัก ๆ
ไม่จำเป็นต้องไปสังเกตตลอดเวลา

เมื่อท่านสังเกตอาการของรูปนาม และเห็นได้แล้ว ท่านไม่ต้องไปสนใจว่า มันจะเรียกชื่อว่าอะไร
ท่านจะสังเกตเห็นได้เองว่า .รูป. ที่ปรากฏขึ้นนั้น มันปรากฏขึ้นแล้วก็หายไป ปรากฏ แล้วก็หายไป
เป็นอย่างนี้เรื่อยๆ นี่คือ การไม่เที่ยงแท้ ของ รูป (ภาษาพระ เรียกว่า การเป็นไตรลักษณ์ )
ถ้าวันนี้ ท่านสังเกต แล้วไม่เห็นไตรลักษณ์ของรูป ก็ไม่เป็นไร วันหน้าสังเกตใหม่
ไม่ต้องถึงกับเอาเป็นเอาตายว่าจะต้องเห็นไตรลักษณ์ให้ได้เลยนะครับ
ท่านควรฝึกอย่างสบาย ๆ ไม่เครียดจะดีกว่า
ถ้าท่านหมั่นฝึกและเฝ้าสังเกตเป็นระยะ ท่านจะเห็นได้อย่างแน่นอนทีสุด

เมื่อท่านเห็นไตรลักษณ์ของ .รูป. แล้ว ถ้าท่านฝึกต่อไป และสังเกตต่อไป
ท่านจะพบว่า สิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้นทางการรับรู้ของระบบประสาท เช่น ตาเห็นภาพ
หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายได้สัมผัส จิตใจนึกคิด ล้วนเป็นอาการเดียวกัน คือ
.รูป. ทั้งสิ้น มันจะเกิด วูปไปวูปมา คือ เกิดแล้วหาย เกิดแล้วหาย มันจะเกิดอย่างถี่ยิบ
ขอท่านอย่าได้ไปสนใจเลยว่า สิ่งที่เกิดมันคืออะไร มาจากไหน ขอเพียงให้ .จิตรู้. ( หรือ นาม ) รู้เห็นปรากฏการณ์อันเป็นไตรลักษณ์ของ .รูป.ก็พอแล้ว

อนึ่ง นิสัยอย่างหนึ่งของผู้ฝึกใหม่ มักมีความสงสัย อยากรู้อยากทราบว่า นี่คืออะไร ถูกหรือไม่
และอาจเที่ยวไปถามคำถามในเวปบอร์ด แล้วก็อาจจะมีผู้รู้มากมาตอบว่า
ท่านปฏิบัติผิดแล้ว ต้องดูจิตซิ ถึงจะถูก หรือ ต้องดูผุ้รู้ซิ ถึงจะถูก หรือว่า ต้องเห็นผู้รู้เป็นไตรลักษณ์ซิ ถึงจะถูก
เรืองนี้ ผมขอเรียนให้ท่านทราบว่า สิ่งที่เขาตอบนั้น มันไม่ใช่เวลาของท่าน
ที่เป็นมือใหม่ในตอนนี้ครับ เมื่อท่านเรียนอยู่ ป.1 กำลังเรียนวิธีบวกเลข แต่
เด็ก ป.1 อีกคน เคยได้เห็นได้ยินพ่อเขาอธิบายเรือง calculus
แล้วก็มาอวดปัญญาโดยบอกว่า
บวกเลขนี้ไม่ถูก ยังใช้ไม่ได้ ต้อง calculus ซิเท่านั้นถึงจะใช้ประโยชน์ได้จริง
อย่างไรอย่างนั้นเลย

ขอท่านมือใหม่ ได้ระมัดระวังคำตอบประเภทนี้ด้วยให้จงหนัก เพราะสิ่งเหล่านี้ จะทำให้ท่านสับสน
เอง และเมื่อสับสน ก็จะสงสัยเพิ่ม
ยิ่งเป็นอุปสรรคต่อการเจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติเป็นอย่างมาก

ส่วนมากในการฝึกฝน สติปัฏฐาน 4 สำนักฝึกต่าง ๆ มักใช้ อาการของกาย เป็น .รูป.
หรือ อย่างที่ผมเขียนไว้ในเรื่อง ตัวอย่างการฝึกเพื่อการรู้กาย นี่ผมก็ใช้
อาการของกาย เป็น.รูป.เช่นกัน
เมื่อท่านมือใหม่ รู้จัก .รูป. อันเป็นอาการของกายได้แล้ว
เมื่อท่านฝึกได้ดี ต่อไป เมื่อเกิดอาการของจิตใจ ท่านจะเห็นได้เองว่า
.รูป.อันเป็นอาการของ จิตใจ นั้น มันจะเหมือนกับ .รูป.ของอาการของกายมาก

ดังนั้น การที่ท่านฝึก .จิตรู้. ให้รู้เห็น รูป อันเป็นอาการของกาย
ก็เท่ากับท่านฝึกจิตรู้ ให้เห็น รูป ที่เป็นอาการของจิตใจ

เมื่อ จิตรู้ เห้น รูป อันเป็นอาการของจิตใจได้ ก็จะเห็นไตรลักษณ์
ของอาการของ จิตใจ
เมื่อ จิตรู้ เห็นอาการไตรลักษณ์ ของจิตใจได้บ่อย ๆ
จิตรู้ ก็จะเกิดสัมมาทิฐิ เห็นได้ว่า อาการจิตใจ มันไม่เที่ยง มันไม่ใช่ตัวตน มันไม่ใช่เรา
นี่คือ สัมมาทิฐิ เบื้องต้นที่ จิตรู้ จะเห็นและเข้าใจครับ

สำหรับท่านที่อ่านตำรา และมีคำแปล สัมมาทิฐิ ที่กล่้าวไว้ว่า
สัมมาทิฐิ คือ การรู้ว่าบุญบาปมี อะไรทำนองนั้น
เรื่องนี้ ผมไม่ขอวิจารณ์ครับ
แต่ผมจะเรียนให้ท่านทราบว่า
สัมมาทิฐิ ในองค์มรรค เพื่อการพ้นทุกข์อย่างแท้จริง
คือ การรู้เห็นเข้าใจ ด้วยจิตรู้ ว่า ตัวตนที่แท้ของเรามันไม่มี สิ่งที่เห้นอยู่นั้น มันไม่ใช่
ตัวตนของเราครับ

เมืี่อ จิตรู้ ได้รู้เห็นมีสัมมาทิฐิ ก็จะเกิดการปล่อยวางการยึดติดใน .รูป.
เมื่อเิกิดการปล่อยวางใน .รูป. ได้ ทุกข์ทางใจ ก็จะยุดลงได้
ขบวนการเกิดขององค์มรรคเพื่อการพ้นทุกข์ มันจะเดินมาแบบนี้เองครับ

ท่านคงมองออกในขบวนการแห่งการดับทุกข์นะครับ

**********************

เมื่อท่านเริ่มเดินเป็นแล้ว ท่านจะเดินไปไหนเองก็ได้
แต่ถ้าท่านยังเดินไม่เป็น ท่านต้องหัดเดินก่อนครับ







Create Date : 04 มกราคม 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:28:21 น. 1 comments
Counter : 912 Pageviews.

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:18:39:04 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.