มือใหม่สงสัยในการปฏิบัติแนวหลวงพ่อเทียน
เพิ่งจะฝึกปฎิบัติธรรม ไม่นานเองค่ะ ไม่เคยฝึกแบบใดมาก่อน แต่มาเริ่มแนวหลวงพ่อเทียนค่ะ มีข้อสงสัยไม่เข้าใจในการปฎิบัติค่ะ จึงขอสอบถามค่ะ ข้อ 1 การฝึกสร้างจังหวะ14 ท่า ควรทำแบบช้าๆ คือค่อยๆยกมือ จะทำให้เกิดความรู้สึกตัวดีกว่าหรือไม่คะ ข้อ2 การเจริญสติในชีวิตประจำวัน ข้อนี้ไม่ค่อยเข้าใจค่ะ เช่นถ้าล้างมือ ให้รู้สึกถึงอาการเย็นๆที่น้ำถูกมือ หรือว่า ให้รู้ว่ามือเรากำลังเคลื่อนไปมาคะ ต้องขอรบกวนด้วยนะคะ ไม่เข้าใจจริงๆค่ะ ..................................... ก่อนอื่น ผมขอบอกก่อนว่า ผมเองก็ใช้แนวทางของหลวงพ่อเทียนในการฝึกฝนมาก่อน และได้เคยสอบถามพระและผู้รู้ในสายหลวงพ่อเทียนหลาย ๆท่าน ถึงแนวทางการปฏิบัติ และผมพบว่า ในการสอบถามมานั้น ผมได้รับคำตอบที่หลากหลายจนสับสนไปหมด ไม่อาจสรุปได้ว่า การปฏิบัตินั้นควรเป็นแบบใด ดังนั้น ผมเองจึงได้ทดลองผิดทดลองถูกด้วยตนเองในการฝึกฝนแนวทางหลวงพ่อเทียนนี้ เสียเวลานานพอสมควร ผมจึงขอแสดงความเห็นให้คุณมือใหม่แนวทางหลวงพ่อเทียนพิจารณาดังนี้ ซึ่งถ้าคุณมือใหม่ไปถามผู้ที่ฝึกในแนวนี้มาเหมือนกัน อาจได้รับคำตอบที่ต่างออกไปจากผม เหมือนดังที่ผมได้รับคำตอบต่าง ๆ หลากหลายมาแล้ว ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสายหลวงพ่อเทียนเช่นเดียวกัน มาดูความเห็นของผมได้เลยครับ ........................... การฝึกตามแนวหลวงพ่อเทียนนั้น ผมจะแบ่งไว้เป็น 2 ระดับครับ ระดับแรก คือ พวกมือใหม่ ที่ไม่เคยฝึกการเจริญสติสัมปชัญญะมาก่อน มือใหม่มักกำลังสัมมาสติอ่อนมาก ซึ่ง คุณมือใหม่ ก็จะอยู่ในพวกนี้ อีกพวกหนึ่ง คือ พวกมือเก่า ที่ผ่านการเจริญสัมมาสติในแนวหลวงพ่อเทียนมานานแล้วเป็นปี ๆ และมีกำลังสัมมาสติสัมมาสมาธิที่ค่อนข้างดีแล้ว ซึ่งในบทความนี้ ผมจะเขียนให้แต่เฉพาะแบบแรกคือสำหรับพวกมือใหม่เท่านั้นครับ แต่ถ้าคุณมือใหม่ได้ฝึกฝนตามที่ผมเขียนไปแล้วเป็นเวลานาน เช่นตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป คุณมือใหม่อาจพลิกแพลงเองตามความถนัดของคุณเอง แต่ถ้ายังเป็นมือใหม่อยู่ ผมแนะนำว่าให้เดินตามที่ผมจะเขียนบอกต่อไปนี้ครับ ....................... ตอบคำถามข้อ 1 การเจริญสติในแนวหลวงพ่อเทียนสำหรับมือใหม่ จุดประสงค์มี 2 อย่างครับ คือ 1. การฝึกให้มีความเคยชินกับการรู้สึกตัวที่เป็นธรรมชาติ 2. การฝึกกำลังการรับรู้แห่งสติ ให้มีความสามารถในการรับรู้การสัมผัสผ่านทางระบบประสาทได้ไวขึ้น คุณมือใหม่ต้องจำจุดประสงค์นี้ให้แม่น ๆ ว่า มี 2 อย่างนะครับ แล้วการฝึกเคลื่อนมือ จึงให้สอดคล้องกับการความต้องการทั้ง 2 อย่าง สำหรับมือใหม่ แล้ว เพื่อให้เกิดความเคนชินกับความรู้สึกตัว การเคลื่อนมือ ให้กระทำอย่าง .ช้า. แต่ไม่ถึงกับช้ามากแบบ slow motion และ เมื่อเคลื่อนมือ แล้ว ให้. หยุด. เป็นจังหวะสักครู่หนึ่ง แล้วเคลื่อนต่ออย่าง.ช้า. และ .หยุด. อย่างนี้สลับกันไปมา คือ เคลื่อนช้า - หยุด - เคลื่อนช้า - หยุด ที่ว่า เคลื่อนช้า นั้น ก็คือ ให้ช้ากว่าความเป็นปรกติของตัวเองสักเล็กน้อย แต่ถ้าช้ามาก จะเกิดการเกร็งขึ้น ซึ่งไม่ดีครับถ้าเกิดการเกร็ง การเคลื่อน ควรช้าแต่ไม่ถึงกับเป็นการเกร็งเด็ดขาด การเคลื่อนมือต้องสบาย ๆ เพียงรู้สึกตัว แล้ว เคลื่อนมือช้า ๆ สบาย ๆ - แล้วหยุด แล้วเคลื่อนช้า ๆ สบาย ๆ แล้วหยุด อย่าลืมนะครับ อย่าเกร็ง และต้องสบาย จึงจะใช้ได้ ไม่ต้องสนใจว่าจะต้องรู้อย่างโน้นอย่างนี้ เพราะเมือ่เราเคลื่อนมือด้วยความรู้สึกตัว เราจะรับรู้ได้เอง โดยไม่ต้องการที่จะรู้ เลย เพราะการทำงานอันเป็นธรรมชาติของจิตใจนั้นเองทีเป็นแบบนี้ เช่น ตาก็มองเห็น หูก็ได้ยิน ถ้ามาลมมากระทบกาย ก็รู้สึกได้ ในขณะทีมือเคลื่อนไปบนหน้าอก ก็รู้สึกถึงการสัมผัสของฝ่ามือกับเสื้อผ้าที่หน้าอกได้ แต่คุณมือใหม่ ถ้ากำลังสติอ่อนมาก อาจไม่รับรู้อาการเคลื่อนการไหวของมือในขณะที่กำลังเคลื่อน ซึ่งจุดนี้ ไม่ต้องกังวลใจว่ารับรู้การเคลื่อนไม่ได้ ต่อเมื่อฝึกไปเรื่อย ๆ กำลังการรับรู้ด้วยสติ จะดีขึ้นและจะรับรู้อาการเคลื่อน การไหวของมือในขณะที่เคลื่อนได้เอง และก็ อย่าไปจ้องมือนะครับ ตาให้มองไปไกล ๆ แต่ไม่ต้องจ้องมองอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่มองไกล ๆ เหมือนเราชมวิวทิวทัศน์อย่างสบายอารมณ์ ถ้าเราฝึกแบบนี้แล้ว รู้สึกได้อย่างที่ผมบอก คือ สบาย ๆ ไม่เครียด ไม่เกร็ง ตามองเห็น หูได้ยิน กายรู้สึกถึงลมมากระทบ หรือ รู้สึกถึงมือที่มาสัมผัสที่บริเวณหน้าอก ก็แสดงว่าใช้ได้ครับ ทีนี้ก็ให้ขยันฝึกแบบนี้ไปเรือ่ย ๆ ไม่ต้องหวังอะไร ไม่ต้องไปคิดอะไร ฝึกไปเรื่อย ๆ อีกอย่าง ให้ระวังคนอื่นที่มาแนะนำว่า ควรอย่างโน้น ควรอย่างนี้ ซิ จะทำให้คุณไขว่เขวได้ (เพราะพวกแนะนำ อาจเป็นมือเก่า ที่เขาไม่เคลื่อนมือช้า ๆ แบบนี้ และ ถ้าเป็นมือใหม่ ก็พยายามจะบอกว่า ให้รู้อย่างโน้น รู้อย่างนี้ ถึงจะถูกต้อง ซึ่งผมเห็นว่าไม่ใช่แบบที่ว่าจะต้องรู้แน่นอนครับ แต่ควรเป็นว่า ให้รู้ได้เอง เพราะการมีความรู้สึกตัว และก็ระวัง พวกบอกว่า ให้รู้กายล้วน ๆ ซึ่งผมก็ไม่เชื่อครับว่า ต้องรู้กายล้วน ๆ เกร็ดปลีกย่อยมีมาก สรุปก็คือ ฟังมาก จะเขว และก็จะสับสน จนปฏิบัติไม่ถูกครับ) คุณมือใหม่อ่านตรงไหน ไม่เข้าใจ ให้ถามมาเพิ่มได้ เพราะการฝึกเริ่มแรกนี่สำคัญมาก ถ้าไม่เข้าใจ ฝึกผิด จะเสียเวลาไปเปล่า ๆ ครับ ตอบคำถามข้อ 2. การมีสติในชีวิตประจำวัน ถ้าให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ก็คือ การทำอะไร พร้อมดัวยความรู้สึกตัว ครับ เช่น เมื่อเราล้างมือ เราล้างด้วยความรู้สึกตัว เพราะเมื่อรู้สึกตัว เมื่อมีการกระทบสัมผัส ก็จะรู้ได้เอง เช่น น้ำมาถูกมือ ความเย็นของน้ำ การสัมผัสของมือ เมื่อถูไปมา เป็นต้น แต่ขอให้รู้สึกได้เองครับ รู้สึกได้แต่ไหน ก็แค่นั้น ไม่ต้องพยายามที่จะรู้สึกให้ได้มาก ๆ เพราะจะไม่เป็นธรรมชาติ ข้อสังเกตอย่างหนึ่งของมือใหม่ เวลามีสติในชีวิตประจำวันก็คือ มักจะเผลอ และรู้สึกตัว สลับไปมา แต่จะเผลอมากกว่า รู้สึกตัว ซึ่งไม่เป็นไร ครับ แต่ขอให้รู้สึกตัวอย่างเป็นธรรมชาติเข้าไว้ เมื่อเราฝึกตามรูปแบบในข้อ 1 มาก ๆเข้า เราจะเริ่มรู้สึกตัวได้นานขึ้น ได้บ่อยขึ้น ซึ่งจะส่งผลเองในการมีสติในชีวิตประจำวัน สำหรับการฝึกในชีวิตประจำวัน ผมแนะนำให้อ่านเรื่อง คุณยายข้างบ้านฝึกวิปัสสนา-มุมมือใหม่//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=11-2009&date=01&group=5&gblog=12 ........................... แนะนำอ่านเพิ่มเติม สติ ในความเห็นของผม//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=06-2009&date=24&group=1&gblog=42 ลักษณะของสัมมาสมาธิฉบับชาวบ้านอ่าน//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=08-2009&date=26&group=1&gblog=80 รู้สึกว่าขณะนี้หยุด รู้สึกว่าขณะนี้มีอะไรที่มันไหว - มุมมือใหม่//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=10-2009&date=13&group=5&gblog=1 เคร็ดลับการฝึกกรรมฐานเคลื่อนไหว - มุมมือใหม่//www.bloggang.com/mainblog.php?id=namasikarn&month=27-10-2009&group=5&gblog=10
Create Date : 07 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:01:07 น.
2 comments
Counter : 1332 Pageviews.
โดย: benyapa IP: 68.183.49.153 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:1:10:22 น.
โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:19:01:30 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [? ]
หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน.... จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ... บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ ** ****** บทความต่าง ๆ ใน blog นี้ ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ****