ปฏิบัติธรรมอย่างไร ไม่ให้เป็นบ้า
การปฏิบัติธรรมแบบพุทธนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่มีทางเป็นบ้า แต่ที่เป็นบ้า เพราะไม่ถูกต้องที่ไม่ใช่แบบพุทธ
ที่เป็นบ้า เขาปฏิบัติกันอย่างไร
ในความเป็นปุถุชน จะมีความเชื่ออย่างหนึ่งเสมอ ก็คือ สิ่งที่เห็นด้วยตา สิ่งที่ได้ยินด้วยหู สิ่งที่สัมผัสได้ทุกอย่าง นั้นคือความเป็นจริง นี่คือสาเหตุที่ทำให้ปุถุชน พอนอนหลับแล้วฝัน ก็มักจะทึกทักเอาว่า ความฝันนั้นเป็นเรื่องจริงที่จะเกิดขึ้นตามฝันอย่างแน่นอน
ความเชื่ออีกอย่างหนึ่งของคนไทย ที่มักเชื่อว่า การปฏิบัติธรรมแบบพุทธนั้น คือ การนั่งสมาธิหลับตาให้ตัวนิ่งแข็ง ยิ่งวันไหน นั่งแล้วตัวยิ่งนิ่งแข็ง กลับคิดว่านั่งได้ดี ถึงกลับมาเขียนกระทู้แจกบุญกับคนอื่นอีก นี่คือความเชื่อที่ฝังหัวในคนไทยเกือบทั้งประเทศ
การนั่งสมาธิเพื่อให้ตัวนิ่งแข็ง จะต้องกระทำด้วยการกดข่มจิตอย่างมาก ไม่ให้จิตไปรับรู้อะไรเลย เมื่อกดข่มจิตอย่างหนัก จิตจะนิ่งไม่ไหวติง แต่จิตที่นิ่งอย่างนี้ คือ จิตที่นิ่งด้วย .โมหะ. ครับท่าน ไม่ใช่บุญ แต่เป็นมิจฉาทิฐิสมาธิ ที่พวกฤาษีในสมัยพุทธกาลเขาฝึกกัน และเจ้าชายสิทธัตถะก็เคยไปเรียนกับดาบส 2 คนและได้รู้แล้วว่า สมาธิแบบนี้ไม่ใช่ทางแห่งการพ้นทุกข์ ซึ่งมีกล่าวไว้ในพุทธประวัติแล้ว แต่เหตุไฉนคนไทยกลับไปหลงเชื่อว่าสมาธิแบบนิ่งตัวแข็งนี้คือ สมาธิแบบพุทธที่พระพุทธเจ้าสอน
ด้วยความเป็นปุถุชน เมื่อจิตถูกกดให้นิ่งสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ตาม ไม่มีทางที่จิตจะนิ่งได้ตลอด ด้วยความเป้นไตรลักษณ์ จิตจะเกิดการปรุงแต่ง สร้างเป้นนิมิตขึ้นมาให้ผู้ทำสมาธิได้เห็น ถ้าเป็นนิมิตที่ดี เช่นเห็นนางฟ้า เห็นสวรรค์ ก็จะเกิดโลภะ เกิดความอยากที่จะได้ไปอยู่ที่นั้น อยากที่จะได้เห็นนาน ๆ ถ้านิมิตหายไป ก็จะเกิดเสียดาย เกิดทุกข์ตามมาที่นิมิตทีต้องการหายไปแล้ว ยิ่งถ้านิมิตหายเพราะคนอื่นมาทำให้เสียสมาธิ ก็จะเกิดอาการโกรธคน ๆ นั้นทันที
ถ้านิมิตที่เกิดเป็นนิมิตที่ไม่ดี เช่นเห็นภาพนรก เห็นภาพยักษ์ หรือ เห็นอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดการกลัวขึ้นมา ก็มักจะทำให้สดุ้งตกใจกลัว บางรายตกใจมาก รีบออกจากสมาธิโดยเร็ว หรือ บางรายก็ลุกขึ้นและวิ่งหนีอย่างเร็ว ซึ่งอาการนี้ บางอาจารย์จะเรียกว่า กรรมฐานแตก ก็คือกลัวจนเป็นบ้าไปแล้วครับ
ส่วนพวกที่เห็นนิมิตดี ก็จะเฝ้าฝันต้องการเห็นอีก บางรายก็พร่ำเพ้อถึงแต่นิมิตนั้น จิตใจไม่อยู่กะเนื้อกะตัว นี่ก็จะกลายเป็นบ้าในไม่ช้าเช่นกัน
ผมไม่ปฏิเสธกรรมฐานนั่งที่เป็นแบบพุทธเพื่อการพ้นทุกข์ ท่านั่งเป็นท่าที่ดีท่าหนึ่ง แต่ผู้ปฏิบัติต้องเข้าใจว่า การนั่งอย่างไร จึงจะเป็นแบบพุทธ ที่ไม่เกิดอันตรายต่อผู้ปฏิบัติ นั่งแบบใดเป็นแบบฤาษี ที่จะเป็นอันตรายถ้าไม่มีครูอาจารย์คอยควบคุมอย่างใกล้ชิด
นี่คือเหตุผลหนี่ง ที่ใน blog ของผม จะไม่นำกรรมฐานนั่งนิ่งมา กล่าวถึง ยกเว้นเรื่องเดียวที่ผมเขียนถึง ก็คือ .การเจริญวิปัสสนาในอิริยาบทนั่งนิ่ง. //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=08-2009&date=23&group=1&gblog=78 เพราะผมทราบดีว่า กรรมฐานนั่งนิ่ง ถ้าไม่มีครูอาจารย์ดูแลอย่างใกล้ชิด โอกาสที่ผู้ปฏิบัติที่ไปฝึกเองจะกลายเป็นบ้า เป็นไปได้อย่างง่าย ๆ ครับ ดังนั้น ใน blog ของผมจึงเป็นกรรมฐานเคลื่อนไหว ที่ลืมตาปฏิบัติ ซึ่งผมมั่นใจว่า ใครที่เดินตามใน blog ของผมจะไม่ต้องไปพบกับจิตหลอนอันเป็นนิมิตอย่างแน่นอน
การแก้กรรมฐานแตก เป็นสิ่งทียากลำบากมาก ผู้แก้ต้องรู้จริง ๆ ถ้าไปหาคนที่ไม่รู้จริง จะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่ ดังนั้น ถ้าท่านเป็นผู้หนึ่งที่ไร้ครูอาจารย์ควบคุม การทำกรรมฐานควรคิดให้ดี ถ้าเกิดพลาดพลั้งไปแล้ว จะแก้ยากหรือหาคนมาช่วยแก้ไม่ได้เลย
>>>>>>>>>>>
จากภาพเป็นภาพสมมุติของปรมัตถ์ธรรมทั้ง 4 หมุ่ ส่วนที่แปรปรวน ไม่มีนิ่ง คือ รูปปรมัตถ์ และ เจตสิก (วงกลมสีฟ้า) ส่วนที่นิ่ง ไม่แปรปรวน คือ จิต(ธรรมชาติที่รู้อารมณ์) และ นิพพาน ( วงกลมสีเหลือง )
ในปุถุชน จะไม่เห็น จิต ไม่เห็นนิพพาน จึงไม่เห็นส่วนที่นิ่งทีแท้จริง แต่การทำมิจฉาสมาธิ จะไปกด รูปปรมัตถ์ และ กด เจตสิก ให้นิ่ง ซึ่งเป็นการขัดแย้งกับความเป็นจริงตามธรรมชาติทีว่า รูปปรมัตถ์ และ เจตสิก จะแปรปรวน ไม่นิ่ง (ส่วนนี้คือไตรลักษณ์ )
ยิ่งไปกดรูปปรมัตถ์ให้นิ่ง กดเจตสิก ให้นิ่ง ก็เป็นการปิดบังปัญญาไม่ให้เห็นสัจจธรรมแท้แห่งธรรมชาติ
การปฏิบัติตามแนวพุทธ ก็เพื่อการเห็น การเข้าใจในสัจจธรรมแห่งธรรมชาติ เมื่อปฏิบัติแล้วไปปิดบังธรรมชาติแท้ ก็ไม่ใช่วิถีทางแห่งพุทธศาสนา
>>>>>>>>
Blog เรื่องนี้จะไม่ให้ comment เพราะผมทราบดีว่า คนที่ชื่นชอบกรรมฐานนั่งนิ่งตัวแข็ง เขาจะไม่เห็นด้วย ผมไม่อยากต่อความยาวกับใครครับ
การเป็นบ้า.... กันไว้ดีกว่าแก้ แย่แล้วจะแก้ไม่ทัน ครับท่าน
Create Date : 11 ธันวาคม 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:30:37 น. |
Counter : 2448 Pageviews. |
|
|
|
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog
ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com
หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน