รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
24 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 

ดูอาการของจิต เป็นขั้นต้นของการดูจิต ดู 2 อย่างนี้ไม่เหมือนกัน

ตามที่มีการสอนกันเรื่องดูจิตอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน รวมไปถึง จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน นั้น ที่กล่าวโดยย่อว่า จิตมีราคะ ก็ให้รู้ว่าจิตมีราคะ จิตมีโทสะ ก็ให้รู้ว่าจิตมีโทสะ จิตมีโมหะ ก็ให้รู้ว่า จิตมีโมหะ และ อื่น ๆ นั้น

อาการ โลภะ ราคะ โทสะ โมหะ ล้วนเป็นอาการของจิต ที่ยังไม่ใช่ .ตัวจิต.
ถ้าจะว่ากัน สิ่งที่สอนกัน ก็คือให้ตามรู้ ตามดู อาการของจิต ยังไม่ใช่การดูจิตอย่างแท้จริง

ดังทีัี่ผมได้เขียนไว้ในหลาย ๆ ที่ใน blog ว่า การรู้ การเห็น อาการต่าง ๆ ของขันธ์ 5
นั้น ต้องเป็นการรู้ การเห็น ด้วย .จิตรู้. จึงจะได้ผลแห่งการปฏิบัติสติปัฏฐาน 4

แต่ถ้าถึงแม้ว่า สิ่งที่สอนกัน คือ การดูอาการของจิต (ที่ยังไม่ใช่จิต)
แต่อาการของจิต ก็คือ จิตตสังขาร อันเป็น 1 ในขันธ์ 5
เมื่อผู้ปฏิบัติดูอาการของจิตเหล่านี้ด้วย .จิตรู้. ย่อมเป็นการปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์เช่นกัน
ดังนั้นไม่ต้องไปตกใจว่า สิ่งที่สอนกันยังไม่ใช่การดูจิตอย่างแท้จริง

การดูอาการของจิต ด้วยจิตรู้ นั้นเป็นขั้นต้น ๆ ของการปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์ครับ

ทีนี้ ท่านอาจสงสัยว่า แล้วการดูจิตจริง ๆ เป็นเช่นไร
ขอให้อ่านต่อไปครับ

เมื่อผู้ปฏิบัติมีความเพียร เฝ้าตามรู้ตามดูอาการของจิต ซึ่งเป็นไตรลักษณ์ อันเป็นการปฏิบัติในขั้นต้นไปมาก ๆ เข้า ก็จะเป็นปัญญาสะสมให้กับ .จิตรู้.

เมื่อ .จิตรู้. ได้สะสมปัญญามาก ๆ เข้า จะเกิดการปล่อยวางในขันธ์ 5 ขึ้น
อาการปล่อยวางในขันธ์ 5 นั้น ถ้าจะเปรียบให้เห็นอย่างโลก ๆ ก็เหมือนคำที่ว่า
.ตัดหางปล่อยวัด. ครับ หมายความว่า จิตรู้ ไม่ให้ความสำคััญใด ๆ อีกในขันธ์ 5
ถึงแม้จิตรู้จะเห็นอาการต่างๆ ของขันธ์ 5 แต่ไม่ให้ความสำคัญ ไม่จับยึดขันธ์ 5 อีก
เมื่อ จิตรู้ เกิดอาการตัดหางปล่อยวัดใน ขันธ์ 5 แล้ว ผู้ปฏิบัติจะเกิดอีกอาการหนึ่งเกิดขึ้นในจิตใจ นั้นก็คือ จิตรู้ จะอยู่กับตัว จิตรู้ เอง จิตรู้ จะไม่วิ่งไปแส่หาขันธ์ 5 อีก
เมื่อ .จิตรู้. อยู่กับตัว จิตรู้ เอง จิตรู้ เขาก็จะเห็นอาการต่าง ๆ ของตัว .จิตรู้. เอง
อันเป็นการดูจิต จริง ๆ ( ขอให้เข้าใจความหมายของคำว่า ดูจิต ก่อนว่า ทีแท้ ดูจิตนั้น ไม่ได้ดูจริงๆ แต่เพราะ จิตรู้ มันอยู่ที่เดียวกันกับจิต ก็จะเห็นจิต เหมือนกับคำว่า ดู นั้นเอง )

การดูจิต ของจิตรู้ เป็นการดูตัวเองของ จิต ที่จิตรู้เห็นเอง ตามธรรมชาติ ไม่ได้จงใจหรือตั้งใจดูเลย ที่เกิดการดูตัวจิตเองอย่างนี้ได้ ก็เพราะจิตมันทิ้งขันธ์ 5 แล้ว จึงหดกลับตัวมันเอง เข้าไปอยู่ในตัวเอง ( อาจเข้าใจยากหน่อยในสภาวะธรรมที่เขียนนี้ ถ้าท่านไม่เห็นด้วยตนเอง )

เมื่อจิตรู้ ดูจิตเอง ก็จะเห็นสภาวะธรรมของตัวจิตอย่างแท้จริง

สภาวะอาการของจิตนั้น ก็จะมี อาการรู้ที่ปรากฏอยู่อย่างถี่ยิบ รู้ที่เป็นความว่าง รู้ที่ไร้ตัวตน

เมื่อ ผมเห็น จิตรู้ เขาดูจิต เอง ทำให้ผมเข้าใจคำสอนของพระวัดป่าที่ว่า ให้ดูผู้รู้ ว่านี่คือการดูจิตนี่เอง และทำให้ผมเข้าใจคำสอนของครูอาจารย์รุ่นเก่า ๆ ที่ว่า ให้อยู่กับรู้ ก็คือ
การดูตัวจิตนี่เอง เป็นคำที่ใช้ต่างกัน แต่เป็นสิ่งเดียวกัน
นอกจากนี้ ผมยังเข้าใจอีกว่า ถ้าท่านเป็นมือใหม่ ท่านจะไม่มีทางดูจิตได้ นอกจากดูอาการของจิต จนกว่า จิตเขาจะทิ้งขันธ์เสียก่อน แล้วต่อมาท่านจึงจะดูจิต เห็นจิตได้เองครับ
เช่นเดียวกันกับคำสอนที่ว่า ให้ดูผู้รู้เช่นเดียวกัน ..

บทความนี้อาจอ่านแล้วเข้าใจยากสักหน่อย เพราะมันเป็นสภาวะธรรมล้วน ๆ
แต่คิดว่า อาจเป็นประโยชน์แก่ท่านสักวันหนึ่ง






 

Create Date : 24 ธันวาคม 2552
1 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:29:40 น.
Counter : 1148 Pageviews.

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 18:40:34 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.