จิตมีหน้าที่รับความรู้สึกและนึกคิด การไปห้ามไม่ให้จิตคิด เป็นการแทรกแซงหน้ามี่ของจิต - มุมมือใหม่
ท่านผู้อ่านที่สงสัยว่า ทำไมผมจึงไม่เห็นด้วยกับการทำสมาธินั่งนิ่ง ผมขอชี้แจงให้ท่านทราบว่า ผมไม่ใช่ไม่เห็นด้วยกับการทำสมาธินั่งนิ่ง แต่การทำสมาธินั่งนิ่งมี 2 ลักษณะ คือ
1. แบบนั่งนิ่งตัวแข็ง กดจิตให้นิ่ง ถ้าเป็นแบบนี้ผมไม่เห็นด้วย เพราะนั่นคือสมาธิแบบฤาษี หรือ บางอาจารย์เรียกว่า สมาธิหัวตอ คือ กดจิตจนนิ่งที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย สมาธิแบบนี้มันอันตราย ถ้าไม่มีอาจารย์ผู้รู้จริง (ผมเน้นว่า ผู้รู้จริงไม่ใช่รู้แค่อ่านตำรามาสอนใคร ) คอยกำกับดูแล แต่ถ้ามีอาจารย์ผู้รู้จริง คอยกำกับดูแล ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ท่านสามารถจะลองดูก็ได้
2.แต่ถ้านั่งนิ่งเป็นสมาธิแบบสัมมาสติ สมาสมาธิ ทีใช้อิริยาบทนั่ง ผมก็มีเขียนไว้ให้ท่านศึกษาที่เรื่อง การเจริญวิปัสสนาในอิริยาบทนั่งนิ่ง อ่านได้ที่ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=08-2009&date=23&group=1&gblog=78
ในธรรมชาติของจิตนั้น จะรู้ความรู้สึกและนึกคิด นี่คือหน้าที่ของจิตที่จะกระทำงานของเขาเอง นักปฏิบัติต้องปล่อยให้จิตทำงานตามหน้าที่ของเขา โดยให้มีสัมมาสติ เป็นตัวควบคุม ไม่ให้จิตเตลิดจนเกินขอบเขตของเขาไป การฝึกสัมมาสติ ก็เพื่อสิ่งนี้เองครับ
ในขณะการแห่งความรู้แจ้งเพื่อการดับทุกข์ตามแนวพุทธศาสนานั้น ก็เพื่อรู้ในขันธ์ 5 นักปฏิบัติต้องปล่อยจิตทำงานให้เป็นอิสระ คือ ให้รู้ความรุ้สึกและรู้การนึกคิด นี่คือกุญแจหลัก เมื่อนักปฏิบัติ ฝึกการควบคุมจิต ให้เขาอยู่ในกรอบแห่งขันธ์ 5 ก็เป็นปัญญาให้แก่จิตให้รู้เรื่องขันธ์ 5 อยู่เนือง ๆ สำหรับท่านที่ไม่ได้ฝึกจิต จิตจะไม่อยู่ในกรอบแห่งขันธ์ 5 แต่จะแส่ไปหาเรื่องภายนอกอยู่เสมอ นี่คือสิ่งที่เรียกกันว่า การส่งจิตออกนอก ครับ (การส่งจิตออกนอก เป็นเหตุให้จิตไม่รู้แจ้ง )
เมื่อจิตอยู่ในกรอบของสัมมาสติ ที่เฝ้ารู้ความจริงแห่งขันธ์ 5 อันเป็นปัญญาสะสมในเบื้องต้นอยู่เนือง ๆ เมื่อการรู้สุกงอม จิตจะมีขบวนการอีกอย่าง จิตจะโผล่งธรรมออกมาเอง เป็นการรู้แจ้งจริง ๆ ของจิตอีกครั้ง จิตจะเข้าใจขันธ์ 5 อันเนื่องจากการโผล่งตัวนั้น และเกิดการปล่อยวางตามลำดับในขันธ์ 5
ปรกติขันธ์ 5 เป็นทุกข์ ถ้าจิตไปยึดขันธ์ 5 ท่านก็จะรู้สึกทุกข์ด้วยเพราะการยึดติดนั้น แต่ถ้าจิตปล่อยวางขันธ์ 5 ท่านจะไม่รู้สึกทุกข์ไปกับขันธ์ 5 แต่จิตจะเห็นอาการทุกข์ของขันธ์ 5 เป็นไตรลักษณ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเอง
ถ้าท่านอ่านขบวนการเกิดแห่งปัญญา ท่านคงมองออกว่า ทำไมผมจึงไม่สนับสนุน สมาธินั่งนิ่งตัวแข็ง นอกจากจะอันตรายต่อนักปฏิบัติที่ทำให้เป็นบ้าได้ง่าย ถ้าไร้ผู้ควบคุมผู้รู้จริงดูแลแล้ว มันยังไม่ใช่หนทางแห่งการรู้แจ้งด้วยครับ ในพระไตรปิฏก ก็มีการกล่าวถึง เจ้าชายสิทธัตถะ ที่ไปเรียนวิชากับดาบส และรู้ว่า นี่ไม่ใช่ทางแห่งการพ้นทุกข์ที่แท้จริง และได้ทรงค้นพบทางแห่งการรู้แจ้ง ดังที่มีอยู่ในอริยสัจจ์ 4 แล้ว เราในฐานะชาวพุทธ ก็สมควรจะเดินตามรอยพระศาสดาในเรื่องนี้ด้วย
ท่านคงเข้าใจในคำอธิบายนะครับ
แนะนำอ่านเพิ่มเติม นักปฏิบัติอย่าคิดมากกับคำว่า .ตัณหา. แล้วท่านจะยิ่งทุกข์ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=12-2009&date=20&group=5&gblog=44
Create Date : 26 ธันวาคม 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:29:18 น. |
Counter : 1090 Pageviews. |
|
|
|
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog
ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com
หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน