รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
28 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
ชักกะเย่อ

เมื่อจิตรู้ของท่านเกิดแล้ว จะเกิดการชักกะเย่อขึ้นเสมอ เมื่อจิตตสังขารเกิดขึ้น ดังภาพสมมุติ เพื่อให้ท่านเห็นภาพและเข้าใจได้ดีขึ้น



หมายเหตุ รูปเดิมได้หายไปจาก blog จึงใส่รูปลงอีกครั้ง 27 May 2016
รูปจึงมัว ๆ ไม่ชัดเจน


ถ้าท่านยังฝึกไม่ดีพอ จิตรู้ ยังไม่ตั้งมั่นดีพอ จิตรู้ จะถูกพลังของจิตตสังขารลากเข้าไปเป็นพวกอย่างรวดเร็ว ทำให้ จิตรู้ หายไป และจิตตสังขารจะคงอยู่แทนที่ ทำให้ท่านตกเป็นทาสของจิตตสังขารไปทันที

ถ้าท่านฝึกมาดีแล้ว จิตรู้ ตั้งมั่นดีแล้ว เมื่อ จิตตสังขารเกิดขึ้น ความตั้งมั่นของ จิตรู้ จะมั่นคงดังภูผา จิตตสังขาร ไม่อาจดึงไปเป็นพวกได้ เมื่อจิตตสังขารไม่อาจสู้ความตั้งมั่นแห่งจิตรู้ได้ จิตตสังขาร ก็จะเสื่อมสลายลงไป และ จิตรู้ เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของจิตตสังขาร

เมื่อ จิตรู้ ตั้งมั่นอย่างมั่นคงมาก ๆ จิตรู้ เห็นไตรลักษณ์ของ จิตตสังขาร มาแล้ว อย่างโชกโชน จิตรู้ มีปัญญาเกิดขึ้น เข้าใจแล้วว่า จิตตสังขาร คือ สิ่งหลอกลวง จิตรู้ เข้าใจดีแล้ว แรงยึดติด หรือ เส้นเชือกที่จิตตสังขารใช้เพื่อดึงจิตรู้ให้เป็นพวก ก็จะขาดสะบั้นลง จิตรู้ เห็นการขาดของเส้นเชือกนี จิตรู้ จะเข้าใจแล้วว่า บัดนี้ ปลอดภัยแล้ว จิตตสังขาร ไม่อาจมาทำร้ายได้อีกแล้ว
จิตรู้ จะคงเด่นอยู่ อย่างสงบ ผ่องใส เปรียบเหมือนกับ เจ้าของบ้านที่อาศับอยู่ในบ้านตนเอง และ รู้ว่า บ้านตนเองนั้นปลอดภัยเป็นที่สุด ไม่อาจมีสัตว์ร้าย หรือ ภัยอันตรายใด ๆ จะย่ำกลายมาได้เลย

ท่านจะเห็นว่า การปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์ตามที่พระพุทธองค์ทรงประทานให้แก่ชาวพุทธนั้น คือ การเจริญสติสัปมชัญญะ จนกระทั้งกำลังความตั้งมั่นแห่งจิตรู้มากขึ้นเท่านั้นจึงจะทำให้การพ้นทุกข์เกิดขึ้นจริง


การกำจัดกิเลสอย่างถาวร จะมีได้ด้วยวิธีนี้เท่านั้น ไม่มีทางอื่นอีก
การปฏิบัติธรรมเพื่อเข้าถึงธรรม จึงไม่ใช่การทำให้จิตนิ่งประดุจก้อนศิลา
หรือ ทำให้จิตว่าง ดังที่หลาย ๆ คนเข้าใจกัน

แต่จิตที่นิ่ง จิตที่ว่างนั้น และการกำจัดกิเลส เป็นผลจะมาได้จากการเจริญสติสัมปชัญญะจนตั้งมั่นแล้ว (ไม่ใช่ไปทำมันขึ้นมาเอง) ถ้าท่านเดินอย่างถูกทาง (นี่คือ สัมมาทิฐฐิ ) ท่านจะถึงเป้าหมายในเวลาไม่นานนัก ถ้าท่านเดินผิดแต่แรก ( นี่คือ มิจฉาทิฐฐิ ) เดินให้ตายก็ไม่ถึงเป้าหมาย






Create Date : 28 กรกฎาคม 2552
Last Update : 27 พฤษภาคม 2559 10:46:13 น. 7 comments
Counter : 3975 Pageviews.

 
ท่านนมสิการครับ
ผมขอถามนะครับว่า
จิตตสังขารนั้น ใช่จิตที่ส่งออกไปรับอารมณ์ใช่ไหมครับ
เมื่อจิตรู้ ก็คือจิตที่ไม่ส่งออกนอก รู้อยู่ที่จิตรู้เท่านั้นใช่ไหมครับ

เผอิญผมยังไม่ได้อ่านตั้งแต่ต้น
เลยไม่รู้ว่าท่านได้แนะนำวิธีให้จิตตั้งมั่นไว้ไหมครับ

ตัณหาที่ยึดเหนี่ยวอยู่นั้น ใช่ธรรมารมณ์ที่อยู่ภายนอกหรือภายในครับ

ธรรมภูต


โดย: ในความฝันของใครสักคน วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:59:06 น.  

 
น่าคิดๆ




โดย: Opey วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:04:54 น.  

 
จิตตสังขาร ผมหมายถึง จิตที่ถูกปรุงแต่งเพราะมีการสัผผัสกับอารมณ์ เช่น อาการดีใจ เสียใจ โกรธ เป็นต้น

จิตรู้ คือ จิตที่เป็นผู้รู้ รู้อยู่ที่จิตรู้นี่ จิตรู้นี่จะเป็นอุเบกขา แต่ว่าจะตั้งมั่นหรือไม่ ขึ้นกับกำลังของสติสัมปชัญญะ ที่ผู้ฝึกฝนฝึกมาดีมากน้อยแค่ไหน

ตัณหาไม่ไม่ธรรมารมณ์ แต่จะมีลักษณะของพลังงานอย่างหนึ่งที่เป็นแรงดึงที่เกิดขึ้นเมื่อธรรมารมณ์เกิดขึ้น แรงดึงนี้ จะดึงจิตรู้ให้แนบชิดติดกับธรรมารมณ์จนเป็นเนื้อเดียวกับธรรมารมณ์ เมื่ออาการที่จิตรู้ถูกดึงไปแล้ว คน ๆ นี้ก็สูญเสียความรู้สึกตัว จิตจะกลายเป็นจิตที่เป็นโมหะ

ที่ผมอธิบายข้างต้น อาจไม่ตรงตามหลักพระอภิธรรม แต่จะเป็นอาการที่ผู้ปฏิบัติจะเห็นได้ว่าเป็นอย่างนั้น

การพัฒนาการของจิตรู้ ผมได้แนะนำใน blog ว่าให้เริ่มจากกายานุปัสสนาสติปัฐาน ผมได้แนะนำการฝึกกายานุปัสสนาไว้ในหัวข้อเรื่อง ตัวอย่างการรู้กาย
การฝึกกายานุปัสสนาสติปัฏฐานอย่างต่อเนื่อง จะมีผลให้จิตรู้ เกิดขึ้น ( จิตรู้ เกิด หมายถึง จิตแยกตัวออกจากอารมณ์ที่จิตไปรู้ได้ โดยผู้ฝึกฝนจะเห็นการแยกตัวออกเป็น 2 ส่วนคือ มีจิตรู้ และ สิ่งที่จิตไปรู้เข้า ) และเมื่อฝึกกายานุปัสสนาสติปัฏฐานต่อไปอีก จิตรู้ ที่เกิดแล้ว จะตั้งมั่นขึ้น และยิ่งฝึกกายานุปัสสนาสติปัฏฐานมากขึ้นเท่าใด จิตรู้ที่เกิดแล้ว ก็ยิ่งตั้งมั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ

แนะนำใหอ่านหัวข้อเพิ่มเติมคือ
-จิตรู้ 2 แบบ
-กายานุปัสสนา ทิ้งไม่ได้เลย ถ้าฐานไม่มั่นคง
-ถ้าจิตรู้ไม่เกิด ไม่เห็นไตรลักษณ์ทีแท้จริง


โดย: นมสิการ วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:09:04 น.  

 
ขอแสดงความคิดเห็นสักเล็กน้อย สำหรับเราเป็นดังนี้
จิตรู้ คือ จิตเดิมแท้
จิตสังขาร คือ อารมณ์ของใจต่างๆ (ดีใจ-เสียใจ-น้อยใจ-ถูกใจ-ไม่ถูกใจ-ซึ้งใจ-ช้ำใจ-เศร้าใจ-หดหู่ใจ-เหงาใจ-ฯลฯ)ที่ถูกปรุงให้เกิดขึ้น-จากความคิด(สมอง-ประมวลผลจาก ตา หู จมูก ลิ้น กายสัมผัส)
ธรรม คือ การต่อสู้ระหว่าง จิต กับ ธาตุใจ ที่จะทำหน้าที่ควบคุม สมองและร่างกาย
ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป
มีสติ อดทน พยายาม อดทน พยายาม มีสติ พยายาม มีสติ อดทน
สาธุ อนุโมธามิ


โดย: ตามพันธสัญญา IP: 119.46.43.78 วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:26:31 น.  

 
คุณ ตามพันธสัญญา กล่าวได้ดีแล้ว สาธุ สาธุ


โดย: นมสิการ วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:14:39 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:19:34:43 น.  

 
เรื่องทีเกี่ยวเนื่องกัน
.
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=namasikarn&month=31-07-2010&group=8&gblog=75
.
ชื่อเรื่อง สัมมาสมาธิ คือ จิตตั้งมั่น ไม่ใช่ไปทำจิตให้นิ่ง ฉบับชาวบ้านอ่าน


โดย: นมสิการ วันที่: 16 กันยายน 2561 เวลา:17:57:46 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.