ทำไมผมสอนแต่กายานุปัสสนา ไม่สอนการดูเวทนา ไม่สอนการดูจิต ไม่สอนการดูธรรม แล้วจะครบสูตรได้อย่างไร
ถ้าท่านติดตามอ่านบทความของผมในบล๊อกนี้และมีความสงสัยว่า ทำไมผมสอนแต่กายานุปัสสนา ไม่สอนการดูเวทนา ไม่สอนการดูจิต ไม่สอนการดูธรรม แล้วจะครบสูตรของสติปัฏฐาน 4 ได้อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ ผมขออธิบายดังนี้
สิ่งที่ผมอธิบายการฝึกฝนการลูบแขนอันเป็นกายานุปัสสนาสติปัฏฐานนั้น ก็เพราะว่า การฝึกกายานุปัสสนาสติปัฏฐานเพื่อให้ท่านเกิด สติสัมปชัญญะ ก่อน เป็นสิ่งทีฝึกได้ง่ายสำหรับคนส่วนใหญ๋ ใคร ๆ ก็ฝึกได้ ไม่ต้องรู้อะไรมาก ฝึก ๆ เข้าไปนั้นแหละ แล้ว สติสัมปชัญญะของท่านก็จะเกิดได้เอง แต่มีข้อแม้ว่า ต้องฝึกอย่างถูกต้อง และต้องฝึกบ่อย ๆ สมำเสมอเท่านั้นเอง
เมือสติสัมปชัญญะของเท่านเกิดแล้ว และท่านยังฝึกต่อไปอีกอย่างสม่ำเสมอ ต่อไป จิตรู้ ของเท่านจะเกิดขึ้น เมื่อฝึกต่อไปอีก จิตรู้ ที่เกิดจะตั้งมั่นมากขึ้น ปรากฏการรู้ได้นานขึ้น ซึ่งเมื่อถึงตอนนี้แล้ว สิ่งที่เรียกว่า กายานุปัสสนา เวทนานุปัสสนา จิตตานุปัสสนา ธรรมานุปัสสนา ก็จะเห็นได้เองด้วย .จิตรู้. อันเป็นครบทั้ง 4 สูตรของสติปัฏฐาน 4 นั่นเอง
แต่ถ้าจิตรู้ ยังไม่เกิด ยังไม่ตั้งมั่น ไม่มีทางเลยที่การปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 จะครบถ้วนอย่างแท้จริง
สำหรับท่านที่ฝึกมาในแนวอื่น ถ้าการฝึกของท่านก่อให้เกิดความตั้งมั่นแห่งจิตรู้ ก็ใช้ได้ทั้งสิ้น แต่ถ้าท่านฝึกมาเนินนาน แล้ว ยังไม่รู้เลยว่า จิตรู้ เกิดนี่เป็นอย่างไร ท่านสมควรจะมองการฝึกของท่านเสียใหม่ เพราะค่อนข้างแน่นอนครับว่า มันจะไม่ตรงทางตามที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ซะแล้วครับ
Create Date : 03 กรกฎาคม 2552 |
|
9 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:59:48 น. |
Counter : 2906 Pageviews. |
|
|
|
หลายๆคน ยังแยกไม่ออกเลยค่ะว่า จิตที่ปรกติและจิตที่พวกเขาคุ้นเคยน่ะ มันเหมือนหรือต่างกันอย่างไร อันนี้คือจุดอ่อนของนักภาวนาที่เิริ่มจากการดูจิตเลย