รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
รู้ธรรมเห็นธรรม คือ เห็นอะไร

ผมได้กล่าวถึง การฝึกกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน + สติ เป็นอย่างไร + ความรู้สึกตัวเป็นอย่างไร ไว้ในหลาย ๆ บทความของ blog ของผมนี้ พร้อมกับได้เชิญชวนท่านให้เข้าร่วมการฝึกฝนการปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์

ถ้าท่านได้ลงมือฝึกฝนมาระยะหนึ่งแล้ว ท่านอาจสัมผัสกับกายานุปัสสนาสติปัฏฐานแล้ว ท่านอาจรู้จักลักษณะของสติ รู้จักลักษณะของความรู้สึกตัวแล้ว

ในบทความนี้ ผมจะได้นำท่านให้เข้าใจว่า เมื่อท่านลงมือฝึกฝนตามที่ผมแนะนำไว้ ท่านจะรู้ธรรมเห็นธรรม แล้วธรรมที่ท่านรู้คืออะไร แล้วธรรมที่รู้จะนำพาท่านไปสู่การพ้นทุกข์ได้อย่างไร

เมื่อท่านลงมือฝึกตามวิธีการที่ถูกต้อง ไม่ว่าจากสำนักไหน อาจารย์องค์ใด ธรรมที่ท่านจะรู้เพื่อนำไปสู่การพ้นทุกข์ ก็คือ ท่านจะรู้จึกสิ่งหนึ่ง ซึ่งผมจะเรียกมันว่า .ความรู้สึก. ครับ

เมื่อท่านฝึกลูบแขนดังที่ผมเขียนไว้ในเรื่อง ตัวอย่างการฝึกเพื่อการรู้กาย ท่านย่อมรู้สึกได้ถึงการสัมผัสเมื่อมีการลูบ รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของแขน
นี่เป็นความรู้สึกที่ท่านสัมผัสได้ ถ้าท่านสังเกตดี ๆ ความรู้สึก นี่คืออาการอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อท่านสัมผัส

เมื่อท่านฝึกฝนจน .จิตรู้. เกิด ท่านจะรู้สึกได้ถึงพลังงานที่วูบขึ้นมาจากความคิด จากอารมณ์จิตที่แปรปรวน

เมื่อตาท่านมองเห็นภาพ ท่านจะรู้สึกถึงอะไรสักอย่างที่เกิดขึ้นจากการเห็น

และอื่น ๆ อีกหลาย ๆ อย่างความรู้สึกที่เกิดขึ้น เมื่อท่านสัมผัสถึงโดยผ่านทางระบบประสาทของร่างกาย คือ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางจิตใจ

ความรู้สึกที่สัมผัสได้นี่แหละครับ คือ ธรรม
เมื่อท่านรู้ความรู้สึก นั่นคือ ท่านรู้ธรรม แล้ว
แต่ว่า ท่านอาจยังไม่ประจักษ์แจ้งว่า นี่คือธรรม เพราะปัญญายังไม่เกิดขึ้น ( ซึ่งเปรียบเหมือนกับว่า มีคนเอาธนบัตรปลอมและจริงผสมกันมาให้ท่านดู แต่ไม่บอกวิธีดูว่า ของปลอมต่างจากของจริงอย่างไร ท่านย่อมไม่รู้ว่า ธนบัตรใบใดจริง ใบใดปลอม แต่ท่านได้สัมผัสมันแล้ว )

ตอนนี้ ผมขอให้ท่านหลับตา แล้วให้เอามือไปหยิบจับอะไรก็ได้สักอย่างหนึ่ง ท่านสังเกตได้ไหมว่า เมื่อท่านหลับตา และมือไปจับสัมผัสสิ่งของ จะมีความรู้สึกเกิดขึ้นแว๊บหนึ่งเมื่อตอนเริ่มสัมผัส
นั่นแหละครับ ธรรม ที่เกิดขึ้นและท่านไปรู้มันแล้ว

ท่านอาจจะบ่นออกมาดัง ๆ ว่า นมสิการ เพี้ยนไปแล้ว ใคร ๆ ก็รู้แบบนี้ มันจะเป็นธรรมได้อย่างไร

เรื่องนี้ ผมไม่ขอโต้แย้งท่าน แต่ผมจะบอกว่า ให้ท่านหมั่นสังเกต อะไรที่มันแว๊บ ๆ นี่แหละครับตอนเริ่มสัมผัสอะไรเข้า และที่ง่ายที่สุด ก็คือ การใช้มือจับสิ่งของ หรือ ลูบไล้แขนขา หรือ อื่น ๆ อะไรก็ได้ตามแต่ทีท่านถนัด แต่ว่า ท่านต้องสัมผัสแล้วหยุดสัมผัส แล้วเริ่มสัมผัสใหม่ แล้วขอให้ท่านสังเกตอะไรแว๊บ ๆ นี่ไปเรื่อย ๆ

ผมจะไม่เฉลยให้ท่านว่า มันเป็นอะไร แต่ผมบอกได้ว่า สิ่งแว๊บ ๆ นี่คือธรรม ไม่ผิดแน่นอน เมื่อท่านสัมผัสแว๊บๆ นี่มาก ๆ บ่อย ๆ ท่านจะเข้าใจมันได้เอง

เมื่อท่านเข้าใจอะไรที่แว๊บ ๆ นี้แล้ว ท่านจะเข้าใจอีกระดับหนึ่งขึ้นมาของธรรม การเข้าใจอันนี้ จะเป็นปัญญาทางพุทธศาสนา อันจะนำท่านเข้าสู่ทางพ้นทุกข์ได้ มันจะไม่เหมือนการหยุดทุกข์ด้วย .จิตรู้. ดังที่ผมเขียนไว้ในบทความก่อน ๆ หน้านี้ เพราะนั่นยังเป็นการหยุดทุกข์โดยใช้สัมมาสมาธิ

อะไรแว๊บ ๆ นี้เมื่อท่านเข้าใจมัน ท่านจะเข้าใจได้เลยว่า ชีวิตนี้ทำไมไม่ใช่ตัวตน ท่านจะเข้าใจได้เลยว่า กิเลส นั้นมันเป็นเพียงมายาไม่ใช่ของจริง (ท่านจะเลิกสนใจกับกิเลสไปเลย ) เมื่อท่านเข้าไปอ่านกระทู้ในห้องศาสนา ท่านก็จะเห็นอะไรแปลก ๆ ออกไปจากเดิมไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ท่านจะเข้าใจอะไรแว๊บ ๆ นี้ ท่านจะเข้าใจเลยว่า ที่ท่านหรือหลาย ๆ ท่านหมั่นรักษาศีล นั้นที่แท้มันเป็นอะไรกันแน่ ( รู้แล้วก็เงียบ ๆ ไว้คนเดียว อย่าพูดมากไป เดี๋ยวจะโดนยึดอมยิ้มการเป็นสมาชิกของ pantip ) ท่านจะเข้าใจได้เลยว่า คำสอนอาจารย์ใด สอนตรง หรือ สอนอ้อม หรือ สอนผิดทาง ( เช่นกัน รู้แล้วก็เงียบ ๆ ไว้ เพราะอาจโดนลูกศิษย์มาตามถล่ม ตามขู่ ตามทำร้าย ตามราวีไม่หยุด )

และที่สำคัญ ชีวิตท่านไม่อาจตกต่ำได้อีกต่อไป

ผมบอกใบ้ให้ได้เพียงเท่านี้ครับ เพราะสิ่งที่แว๊บ ๆ นั้น มันอธิบายยากทีเดียว ไม่รู้จะเขียนให้เข้าใจได้อย่างไร เอาเป็นว่า ขอให้ท่านสังเกต อะไรแว๊บ ๆ อย่างที่ผมเล่ามาก็แล้วกัน

เมื่อท่านเข้าใจในอะไรแว๊บๆ แล้ว และท่านยังฝีกฝนต่อไปอีก ท่านจะได้พบกับสิ่งหนึ่ง ที่ผมไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไร และไม่รู้จะเปรียบได้กับอะไร แต่มันมีลักษณะเหมือนเป็นอะไรที่นิ่ง ๆ อยู่ เมื่อท่านเห็นมันได้ครั้งเดียว ท่านจะห็นมันได้เสมอๆ ตลอดไป ถ้าตราบใดทีท่านยังรู้สึกตัวอยู่ (ท่านยังมีการเผลอตัวอยู่เสมอ แต่เป็นการเผลอตัวที่เกิดขึ้นสั้น ๆ เป็นขณะ ๆ ไป ไม่ได้เผลอตัวยาว ๆ แบบมือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาฝึกฝน )
ดูภาพประกอบครับ


เมื่อท่านมาถึงตรงนี้ ท่านจะห็นธรรมได้ 2 อย่างเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน
สิ่งหนึ่งก็คือ อะไรที่มันอยู่นิ่ง ๆ และ สิ่งหนึ่งก็คือ อะไรที่มันแปรเปลี่ยนแว๊บ ๆ มันะจะเกิดขึ้นตลอดเวลา เมื่อท่านเห็นมันอยู่แบบนี ไม่มีอารมณ์กิเลสใด ๆ จะเข้ามาในจิตใจท่านได้เลย จนบางครั้ง รู้สึกว่า อารมณ์กิเลสมันได้หายไปจากจิตใจท่านเสียแล้ว แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจ มันอาจหลบในก็ได้ครับ
เรื่องนี้ ผมไม่ขอยืนยัน เพราะผมก็ยังไม่ถึงที่สุดแห่งการพ้นทุกข์นั้นเอง

เมื่อท่านพบธรรมแล้ว ท่านก็คงเลิกอ่าน blog ของผมอีกเช่นกัน เพราะมันเป็นเรื่องที่ไร้สาระสำหรับท่านไปแล้ว และเมื่อนั้น เป้าหมายแห่ง blog นี้ก็สมบูรณ์แล้วในการนำพาใครก็ได้ที่ตั้งใจจริงเข้าสู่เส้นทางแห่งพุทธศานาได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าจะมีเพียง 1 คนก็บรรลุเป้าหมายแล้ว

..............
บทความต่อเนื่อง แนะนำอ่านเรื่อง
มาดูดอกไม้ไฟกันเถอะ
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=namasikarn&month=09-10-2009&group=1&gblog=106


Create Date : 08 ตุลาคม 2552
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:06:22 น. 12 comments
Counter : 2830 Pageviews.

 



โดย: ทิวาจรดราตรี วันที่: 8 ตุลาคม 2552 เวลา:20:17:43 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

ขอบคุณที่ชี้แนะค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:0:24:18 น.  

 
ตอนนี้ยังไม่แว้บครับ เพราะมัวแต่ฟุ้ง เผลอคิด
จิตมันพากษ์ พอรู้ว่าจิตพากษ์ ก็รู้ว่ากำลังอยู่ในห้วงความคิด พอรู้ว่าอยู่ในห้วงความคิด ก็รู้สึกตัว แต่รู้สึกเหมือนความคิดมันซ้อนอยู่อีกชั้นหนึ่ง ความคิดที่มันพากษ์ว่า เออ!ออกจากความคิดเสียที หารู้ไม่ว่าัมันคิดซ้อนๆอีกชั้นหนึ่ง มันเข้ามาทุกๆวินาที ..แม้แต่ตอนพิมพ์อยู่นี่ก็เหมือนกัน

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ


โดย: virut IP: 172.16.21.104, 119.46.99.2 วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:8:45:47 น.  

 
ขอบคุณค่ะ

อนุโมทนาค่ะ

โอ..ได้เจอคุณทิวาฯ ที่นี่ด้วย สบายดีนะคะ


โดย: kaoim IP: 110.49.143.72 วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:10:26:46 น.  

 
สัมผัสด้วยมือนี่ไม่ทราบค่ะ แต่ถ้าเป็นการมองเห็นอะไรจิตปรุงความคิดเนี่ยจะรู้สึกเร็วมาก มันวับๆๆๆ

เมื่อเช้าเดินไปปากซอยไปซื้อของ มองเห็นสิ่งต่างๆ ข้างทาง ดอกไม้ รถ หรือป้าย มันเห็นว่า แค่ตามองเห็นความคิดมันปรุงทันทีแค่เปลี่ยนไปมองอย่างอื่นเดี๋ยวมันก็เปลี่ยนความคิดไปเรื่องอื่น คล้ายๆ กับว่าเราจมอยู่กับห้วงคำนึง และความคิดใหม่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ อยู่ตลอดเวลา แล้วตัวตนจริงๆ มันอยู่ตรงไหน



โดย: kaoim IP: 110.49.143.72 วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:10:42:28 น.  

 
ขอบคุณสำหรับบทความที่เขียนขึ้นมาเป็นวิทยาทานนี้
จะลองนำไปฝึกอย่างตั้งใจดู
ได้ผลอย่างไรจะรายงานให้ทราบ


โดย: บัว IP: 118.174.18.155 วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:12:41:12 น.  

 
ตอบ คุณ virut
พอรู้ว่าคิดอยู่ นี่ก็มีสติเกิดแล้วครับ มันก็เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งเหมือนกัน ทำใจให้สบายครับ อย่าได้กังวลกับอาการนี้ครับ
เมื่อฝึกฝน อาการนี้ ย่อมเกิดกับทุกคน มันเป็นทางผ่านและประสบการณ์เฉพาะตนเอง
ถ้ายังหมั่นเพียรการฝึกฝน ก็ย่อมมีการพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ ครับ


โดย: นมสิการ วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:12:53:14 น.  

 
ตอบ คุณ kaoim
การเห็นอย่างนั้นในชีวิตประจำวัน เป็นสิ่งที่ดีครับ
บ่งบอกได้ถึงการรู้ธรรมชาติมากขึ้นที่มันจะเป็นอย่างนี้ของมันเอง ถ้าไม่เกิดซิครับ จิตที่นิ่ง ๆ ไม่ปรุง นี่แสดงว่า มีอะไรไปกดมันเข้าแล้ว

ตัวตนอย่าไปหามันเลยครับ


โดย: นมสิการ วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:12:55:39 น.  

 
คุณ kaoim ผมเป็นแบบเดียวกับคุณเลย แค่มองเห็นต้นไม้ขณะเดินจงกรม หรือแค่มองเห็นหมา จิตมันก็คิดกับสิ่งนั้นทันที ถือว่าเป็นประสปการณ์ใหม่ๆครับ


โดย: virut IP: 172.16.21.104, 119.46.99.2 วันที่: 12 ตุลาคม 2552 เวลา:9:01:25 น.  

 
เคยคิดพยายามเป็นช่วง ๆ ค่ะ
กรรมหนัก ขัดแข้งขัดขา ไม่ให้มีโอกาสอยู่เรื่อย เฮ้อ+

มองเห็นทางสายเอกอยู่เบื้องหน้าไม่อาจเดิน
เพียงแต่หวังซักวัน คงได้เดินรอยตามสายทางธรรม
เตรียมเป็นเสบียงกรังไว้เลี้ยงตัว ยามเดินทางไกล

แม้ยังไม่อาจเดิน แต่ไม่เคยละสายตาจากทางสายเอก
ร่วมอนุโมทนากับเจ้าของ Blog ด้วยค่ะ


โดย: JinnyTent วันที่: 13 ตุลาคม 2552 เวลา:16:31:36 น.  

 


โดย: นมสิการ วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:18:56:39 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:19:13:07 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.