รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
19 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
ขบวนการเกิดทุกข์ และ ดับทุกข์ ฉบับชาวบ้านอ่าน


จากภาพเป็นขบวนการเกิดทุกข์ทางใจขึ้น มาดูขบวนการครับ

A เป็นการทำงานของระบบประสาทของร่างกาย เช่น ตาเห็นภาพ หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รับรส กายได้รับการสัมผัส ใจมีการนึกคิดถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นมา การทำงานนี้จะเกิดเมื่อมีเหตุเกิดขึ้น เช่น สมมุติว่า เรากำลังนั่งทำงานอยู่ดีๆ ก็มีโทรศัพท์จากเพื่อนมาบอกว่า เห็นแฟนของเรากำลังเดินควงคู่กับคนอื่นอย่างมีความสุขที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ขบวนการรับรู้เรื่องทำงานแล้ว

B เมื่อหูได้ยินเรื่องแฟนจากทางโทรศัพท์ ก็จะเกิดความคิดขึ้นมาทันที
เมื่อคิด ก็จะมีขบวนการเข้าเสริมการคิด ที่ตำราเรียกกันว่า อวิชชา (ที่จริง ๆ คืออะไรก็ไม่รู้ แต่มันมาทำให้เกิดการคิดปรุงแต่งขึ้นมา )

C เมื่อมีการคิดด้วยการเสริมพลังจากอวิชชา ก็จะเกิดอาการพอใจ ไม่พอใจขึ้นมาทันที นี่คือทุกข์เกิดแล้ว ถ้าไม่พอใจ ใจก็จะกระวนกระวายใจ ไม่เป็นสุข ไม่เป็นอันทำงาน หน้าตาบูดบึ้ง พูดจาไม่มีน้ำเสียงที่น่าฟัง ใจสั่น มือสั่น หน้าแดง และอื่น ๆ ตามมา ที่สำคัญคือ
สาร อะเดนาลีน (อะเดนาลีน ที่สารที่หลังในต่อมไร้ท่อที่ทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปรกติและเป็นผลเสียแก่ร่างกาย ) เกิดการหลังภายในร่างกายโดยที่ควบคุมไม่ได้เลย

ผู้ที่ไม่ได้ฝึกฝน สัมมาสติ จนเกิดสัมมาสมาธิ เขาก็จะวุ่นวายใจอยู่ในกองทุกข์เป็นเวลานาน เขาอาจจะก่อทุกข์เพิ่มอีก ในยามเย็นเมื่อกลับบ้านที่ไปต่อว่าต่อวาจากับแฟน อาจกลายเป็นการทะเลาะวิวาท หรือ ทำร้ายร้างกาย เป็นเรื่องใหญ่ต่อไปได้

.....................

ทีนี้มาดูขบวนการดับทุกข์กัน

สำหรับผู้ที่ฝึกฝนสัมมาสติ จนจิตใจตั้งมั่นเป็นสัมมาสมาธิดีแล้ว

แบบที่ 1 สำหรับผู้ทีฝึกมาดีพอสมควรแล้ว จิตรู้ ของเขาจะเห็นขบวนการที C อันทุกข์ได้เกิดแล้ว แต่ด้วยพลังแห่งจิตรู้ที่เกิดขึ้นและเห็นอาการทางจิตที่ C ได้ อาการทางจิตที่ C ก็จะหยุดลงได้กลับมาเป็นคนที่มีใจปรกติเช่นเดิม
ยิ่งถ้าเป็นผู้ทีฝึกมาดีเท่าใด การเห็นทุกข์ก็จะยิ่งเร็วมากเท่านั้น และทุกข์ก็จะหยุดลงได้เร็วขึ้น

แบบที่ 2 สำหรับผู้ที่ฝึกมาดีแล้วและดีกว่าแบบที่ 1 สัมมาสติของผู้นี้จะว่องไวมากและตั้งมั่นอย่างมั่นคง เมื่อเกิดขบวนการการคิดขึ้นใน B จิตรู้ของเขาก็จะเห็นความคิดทันที และ ความคิดก็จะหยุดลงทันทีเช่นกัน ไม่เกิดปรุงแต่งต่อเป็นอาการพอใจ ไม่พอใจเกิดขึ้น

แบบที่ 3 สำหรับผู้ที่ทำลายอวิชชาลงได้ คือทำลายการเสริมแต่งลงได้แล้ว
ถึงจุดนี้ ไม่ว่า เขาจะคิดหรือไม่คิด ไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป เพราะทุกข์ใจไม่มีทางเกิดได้อีกเลย

..................

การลดลงแห่งทุกข์นั้น แบบที่ 1 และ 2 จะเป็นการลดลงด้วยกำลังแห่งสัมมาสมาธิที่สัมมาสติตั้งมั่น ตราบใดที่สัมมาสติตั้งมั่น การเกิดขึ้นของทุกข์และการลดลงของทุกข์ ก็ยังมีมีอยู่เสมอ ๆ แต่ก็ยังดีที่ว่า ทุกข์ถึงแม้เกิดก็จริง แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน มันก็สลายลงไปด้วยกำลังแห่งสัมมาสติที่ตั้งมั่นเป็นสัมมาสมาธิ

สำหรับแบบที่ 3 นั้นเป็นการดับทุกข์อย่างถาวรด้วยปัญญาญาณที่เข้าทำลายอวิชชา อันเป็นแหล่งเสริมแต่งการปรุงแต่งให้เกิดทุกข์ขึ้น เมื่อไร้อวิชชา ขบวนการความคิดที่เกิดก็ไม่เจือด้วยอวิชชาและอาการทุกข์ใจเกิดขึ้นไม่ได้

การลดลงแห่งทุกข์ไม่ว่าแบบด้วยสัมมาสมาธิ หรือ ด้วยปัญญาญาณ ทุกอย่างจะเป็นกลไกที่ทำงานอย่างอัตโนมัติ ถ้าผู้ฝึกฝึกมาดี อย่างไรกลไกนี้ก็ต้องทำงานเสมอ จึงมั่นใจได้ว่า ถ้าฝึกมาดีแล้ว ทุกข์ย่อมลดลงได้แน่นอน

แต่สำหรับผู้ที่ฝึกสมาธิแบบฤาษี หรือ ฝึกสมถกรรมฐาน ถ้าเขาฝึกมาดี เขาก็สามารถใช้สมาธิที่ฝึกมากดอาการทุกข์ทางใจได้เช่นกัน แต่ถ้าเขาเผลอใจ สมาธิของเขาก็จะเสื่อมในตอนที่เขาเผลอใจ เมื่อสมาธิเสื่อม เขาก็จะกดทุกข์ใจไม่สำเร็จ ดังนั้น สมาธิแบบฤาษี จึงเชื่อถือไม่ได้ว่าจะทำงานได้ทุกครั้งเมื่อเกิดทุกข์ใจขึ้นมา

...................................
ผมเขียนบทนี้ขึ้นมา เพื่อแสดงภาพให้เห็นได้ชัดขึ้นถึงประโยชน์แห่งการฝึกฝนสัมมาสติ สัมมาสมาธิ และขบวนการดับทุกข์ในเกี่ยวเนื่องในพุทธศาสนาด้วยภาษาชาวบ้าน ง่าย ๆ หวังว่าท่านที่อ่านคงมองออกและเข้าใจได้พอสมควร ถ้าบทความนี้สามารถกระตุ้นให้ท่านเห็นประโยชน์แห่งพุทธศานาในการลดลงแห่งทุกข์ได้ และทำให้ท่านหันมาฝึกสัมมาสติจนเกิดผลแห่งการลดลงแห่งทุกข์ได้เกิดขึ้นจริง ก็นับว่าบทความนี้สามารถบรรลุเป้าหมายที่เขียนขึ้นมาแล้วครับ

แนะนำอ่านเพิ่มเติมสำหรับมือใหม่
ความรู้สึกตัว ฉบับชาวบ้านอ่าน
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=06-2009&date=24&group=1&gblog=43

ลักษณะของสัมมาสมาธิฉบับชาวบ้านอ่าน
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=08-2009&date=26&group=1&gblog=80

สำหรับการฝึกฝนสัมมาสติ ผมมีเขียนไว้ที่เรื่อง
ตัวอย่างการฝึกเพือการรู้กาย
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=05-2009&date=30&group=1&gblog=20

หลักการเบื้องต้นของกายานุปัสสนาสติปัฏฐานแบบชาวบ้าน
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=09-2009&date=02&group=1&gblog=83




Create Date : 19 กันยายน 2552
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:07:31 น. 3 comments
Counter : 1750 Pageviews.

 
สาธุ.....

ขบวนการที่1และ2 ยังมีสิ่งที่ถูกรู้และผู้รู้

ขบวนการที่ 3..จะไม่มีสิ่งที่ถูกรู้และผู้รู้..ธาตุรู้จะซึมซ่านไปทั่ว..จนกลายเป็นจิตหนึ่ง..

..อย่าได้ถือสาในข้อความนี้..โพสท์ส่งเดชไปอย่างนั้น


โดย: palmgang IP: 119.42.68.239 วันที่: 19 กันยายน 2552 เวลา:11:45:47 น.  

 
มาสวัสดีอาจารย์ค่ะ
มาตามอ่านด้วยค่ะ
อ่านแล้ว เหมือนได้คำตอบของหนูเลยค่ะ

กราบขอบพระคุณค่ะ


โดย: มือใหม่ IP: 61.7.189.207 วันที่: 19 กันยายน 2552 เวลา:17:20:06 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:19:18:05 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.