สมถยานิก วิปัสสนายานิก ในความเข้าใจของผม
บทความนี้ ผมจะเขียนเรื่อง สมถนานิก และ วิปัสสนายานิก ตามที่ผมเข้าใจ ผมขอบอกท่านก่อนว่า อย่าได้เชื่อในสิ่งที่ผมเขียนในบทความนี้ เพราะผมคาดเดาเอาทั้งนั้นครับ
1 สมถยานิก คือ อะไร สมถนานิก คือการปฏิบัติที่เริ่มต้นจากการทำฌานให้ได้ก่อน ซึ่งการทำฌานทำโดยการทำสมาธิแบบฤาษี เช่น การเพ่งกสิณต่าง ๆ ทำจนเกิดนิมิต เห็นภาพนิมิตอย่างชัดเจน และสามารถ หด ขยาย ภาพนิมิตได้ตามใจปรารถนา ผู้ปฏิบัติต้องใช้ความสงบเงียบ ไร้การรบกวนใด ๆ ทั้งสิ้น ในการฝึกฌานแบบนี้ เมื่อผู้ปฏิบัติได้ฌานแล้ว บังคับภาพนิมิตได้แล้ว ผู้ปฏิบัติก็จะส่งจิตนั้น ให้วิ่งเข้าสู่ร่างกาย เพื่อให้เห็นนิมิตของร่างกายที่แท้จริง เช่น ผม ขน กระดูก และ อื่น ๆ อันเป็นการพิจารณาธาตุกรรมฐาน ซึ่งเป็นวิปัสสนา
ผู้ที่ฝึกแบบนี้และได้ผลแล้ว มักจะมีฤทธิเดชพิเศษที่เหนือกว่าคนธรรมดาทั่ว ๆ ไป เช่น การมีตาทิพย์ การอ่านจิตใจคนอื่นได้ เป็นต้น
การปฏิบัติวิธีนี้ มักใช้ในสายวัดป่า ที่อยู่ห่างไกล เพราะมีสถานทีสงบเงียบดีนั้นเอง
ในอดีต ผมก็เคยฝึกแบบนี้มาก่อน เช่นกัน ผมพบว่า การฝึกแบบนี้ ถ้าไม่มีอาจารย์ผู้รู้จริงควบคุม อาจเสียสติเป็นบ้าได้ง่าย ๆ เพราะการฝึกต้องบังคับกดช่มจิตใจในการเพ่งกสิณเป็นอันมาก และภาพนิมิต ที่เกิดขึ้น ก็ไม่สามารถจะควบคุมได้ดีพอในระยะแรก ๆ ที่นิมิตเกิด ถ้าผู้ปฏิบัติไปพบภาพนิมิตที่น่ากลัว ก็อาจตกใจ จนเสียสติไปได้ง่าย ๆ
2 วิปัสสนายานิก คือ อะไร วิปัสสนายานิก คือ การปฏิบัติที่ต้องเริ่มต้นจากการฝึกสติสัมปชัญญะ หรือ ที่เรียกว่า สัมมาสติในมรรค8 ก่อน จนกระทั้ง สัมมาสติตั้งมั่นเป็นสัมมาสมาธิ เกิด.จิตรู้. ขึ้น แล้ว ให้จิตรู้ นั้นเห็นสภาวะธรรมต่าง ๆ ตามความเป็นจริง ของ กาย เวทนา จิต ธรรม อีกทีหนึ่ง อันเป็นวิปัสสนา ซึ่งวิธีที่ผมได้เขียนไว้ใน blog ของผมนี้ ก็คือแบบวิปัสสนายานิก นั้นเอง จากที่ผมได้ฝึกปฏิบัติมา ผมพบและประจักษ์เองว่า ผู้ปฏิบัติแบบวิปัสสนายานิกนี้ ถ้าเขาไม่ได้ฝึกฝนในขั้นต้น จนจิตรู้ เกิดขึ้น ไม่มีทางเลย ที่จะเกิดการเจริญวิปัสสนาได้จริง แต่จะเป็นการนึกคิดเอาเองทั้งสิ้นว่า ตนกำลังปฏิบัติวิปัสสนาอยู่ ซึ่งไม่มีทางที่จะกำจัดกิเลสให้หลุดออกไปจากจิตใจได้จริง
สำหรับการฝึกที่ผมแนะนำใน blog นี้ ผมไม่แนะนำให้ผู้ฝึกใหม่นั่งนิ่งสงบและหลับตาดูลมหายใจ เพราะอาจเกิดนิมิตได้จากใจที่สงบลง เมื่อท่านไม่มีคนคุมอยู่ จึงอาจเป็นอันตรายต่อท่านเอง ผมจึงแนะนำให้ท่านฝึกโดบการลืมตาและลูบแขน (ขอให้อ่านเรื่อง ตัวอย่างการรู้กาย ใน blog ของผมนี้ ) ซึ่งผมแน่ใจได้ว่า จะมีผลดีต่อท่านที่ฝึกเองที่บ้านโดยไม่มีอันตรายต่อท่านเลย
อนึ่งการฝึก ไม่ว่าแบบ สมถยานิก หรือ วิปัสสนายานิก ต้องอาศัยความเพียรเสมอ จึงจะได้ผล โดยเฉพาะวิปัสสนายานิก ท่านต้องเข้าใจด้วยว่า การรู้ความรู้สึกที่ถูกต้องเป็นเช่นไรด้วย และฝึกให้ถูกต้อง ท่านจึงจะฝึกได้ผล ถ้าท่านฝึกการรู้ความรู้สึกไม่ถูกต้อง จะเป็นว่า ท่านกำลังทำการเพ่งเอา ซึ่งไม่ถูกต้องและท่านจะไม่ได้ผลในการปฏิบัติแบบวิปัสสนายานิก
สำหรับท่านที่ฝึกมาแล้ว เช่นสัก 6 เดือนแล้วรู้สึกว่าไม่ก้าวหน้า ขอให้ท่านกลับไปอ่านเรื่องตัวอย่างการรู้กายใหม่อีกครั้ง แล้วสังเกตดูว่า ท่านปฏิบัติอะไรผิดไปหรือเปล่า จึงทำให้ท่านไม่ก้าวหน้า
ผมขอบอกท่านก่อนว่า การที่จะรุ้ว่า ก้าวหน้าขึนหรือไม่นั้น อันดับแรกให้ดูว่า ท่านเริ่มรู้สึกตัวได้มากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ ถ้าท่านรู้สึกตัวได้มากขึ้น นั้นแสดงว่า ท่านได้เริ่มก้าวหน้าแล้ว แต่ท่านอาจเข้าใจผิดไปเองว่า ท่านฝึกแล้วไม่ก้าวหน้า ผมมีเขียนเรื่อง การวัดผลในการปฏิบัติไว้ใน blog แล้ว ขอให้ท่านไปอ่านดูครับ
ผมแนะนำให้ท่านอ่านเรื่องที่ผมได้เขียนเรื่อง 2 เรื่องใน blog นี้ไว้แล้วประกอบคือ 1 วิปัสสนาทำอย่างไร 2 สมถ วิปัสสนา ที่ตำราไม่กล่าวถึง
............. ผมเข้าใจดีว่า ข้อเขียนนี้ จะมีผู้ที่มีความเห็นขัดแย้งเป็นอันมาก ซึ่งผมได้บอกท่านไว้แต่ต้นแล้วว่า อย่าได้เชื่อผม นี่เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว ที่เกิดขึ้นมาจากการปฏิบัติของผมเอง และผมไม่ต้องการถกเถียงกับใครในเรื่องนี้ด้วยครับ
Create Date : 21 กรกฎาคม 2552 |
|
7 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:59:20 น. |
Counter : 8574 Pageviews. |
|
|
|
อีกนิดนะค่ะ เวลาเราเผลดใจลอยแล้วนึกได้มารู้สึกตัวก็ดูเข้าไปในใจ มันไม่เห็นอารมณ์ใดเล มันเหมือนพยายามหา ว่าเป็นอย่างไร ไม่เข้าใจค่ะ รบกวนหนอ่ยนะค่ะ
ถ้าจะโทรถามได้ไหมค่ะ