อะไรคือความละเอียดในการปฏิบัติ
เมื่อท่านได้ฝึกฝนการเจริญสติสัมปชัญญะอย่างถูกต้อง จน .จิตรู้. เกิดแล้ว ท่านอาจสงสัยว่า การปฏิบัติให้ปฏิบัติต่อไปอย่างไร
สำหรับคำตอบ ก็คือ ปฏิบัติให้ละเอียดขึ้นครับ
เมื่อผมยังไม่ประสีประสาในการปฏิบัติ ผมมักได้ยินคำสอนหลาย ๆ คนที่บอกผมว่า การปฏิบัติต้องให้เห็นความละเอียดของจิต เห็นความว่าง เห็นสุญญตา เห็นนิพพาน ถ้าใครยังไม่เห็นความว่าง เห็นสุญญตา แสดงว่า ยังไม่ละเอียดพอ
คำสอนข้างต้น เป็นอันตรายมากสำหรับคนที่ยังไม่รู้ทางดีพอ เพราะ ถ้าเขาเพิ่งจะเริ่มเดินได้ ก็ได้รับคำสอนแบบนั้น ทำให้ผู้เริ่มจะเดินได้ จะหันไปเพ่งควานหาความว่าง หาสุญญตา หานิพพาน หาสิ่งที่ละเอียด ๆ ทันที นี่คือการหลงทางแล้วครับ
ในแง่การปฏิบัตินั้น ความหยาบ ความละเอียด ก็คือ ความต่อเนื่องของสติสัมปชัญญะ ถ้าการปฏิบัติของท่าน สติสัมปชัญญะ ยังไม่ต่อเนื่องดีพอ ถึงแม้จิตรู้จะเกิด แต่จิตรู้ก็ยังหยาบ ก็จะเห็นได้แต่สภาวะธรรมที่หยาบ ๆ ได้เท่านั้น เช่น เห็นอารมณ์จิตปรุงแต่งที่แรง ๆ เช่นความโกรธ ได้ แต่ถ้าท่านหมั่นฝึกฝน จนสติสัมปชัญญะต่อเนื่องได้ดีจริง ๆ นี่คือความละเอียด จิตรู้ ของท่านจะเห็นสภาวะธรรมที่ละเอียด ๆ ได้เองโดยทีท่านไม่ต้องไปเพ่งหา ไปควานหาเลย
ดังนั้น ถ้าท่านได้ยินคำสอนเรื่องความหยาบ ความละเอียดแล้วละก็ ขอให้เข้าใจครับว่า มันเนื่องมาจากความต่อเนื่องของสติสัมปชัญญะครับ
จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมพบว่า เมื่อผมปฏิบัติอยู่ ผมมักจะเข้าใจว่า ขณะนี้สติสัมปชัญญะของผมต่อเนื่องดีแล้ว ซึ่งความจริงไม่ใช่ มันยังหยาบอยู่ แต่ผมไม่รู้ครับ พอผมฝึกกายานุปัสสนาสติปัฏฐานด้วยกรรมฐานเคลื่อนไหว มากขึ้น สติสัมปขัญญะของผมดีขึ้น ผมให้ผมทราบต่อมาว่า ส่งที่ผมเข้าใจตอนแรกนั้นผิดไปเสียแล้ว ยิ่งฝึกไปมาก ๆ ก็จะรู้ได้เองว่า ความละเอียดไม่มีทางสิ้นสุดเลย ยังไปได้เรื่อยๆ อยู่ ซึ่งหมายความว่า ถ้ายังไม่ถึงที่สุดของทาง ก็ยังต้องฝึกฝนต่อไปอยู่เสมอนั้นเอง การเห็นความละเอียดนั้นดีอย่างไร ท่านอาจสงสัย ผมก็ขอบอกท่านว่า ก่อนเกิดสิ่งใหญ่ ๆ จะต้องมาจากสิ่งเล็ก ๆ ก่อนเสมอครับ สิ่งทีเล็ก ๆ คือ สิ่งละเอียด เมื่อจิตท่านเริ่มไหวตัว ยังเป็นพลังงานเล็ก ๆ ถ้าจิตรู้ ท่านเห็นความละเอียดที่เพิ่งจะไหวได้ทันที การไหวตัวจะหยุดทันทีครับ ไม่ลุกลามใหญ่โต ให้ควบคุมไม่ได้ นี่คือผลจากการเห็นความละเอียดของจิตรู้
ดังนั้น ท่านจะเห็นว่า การหมั่นฝีกฝนอยู่สม่ำเสมอเท่านั้น จะเป็นกุญแจนำให้ไปสู่การพ้นทุกข์ได้ด้วยเหตุนี้ การดูจิต ต้องมาจากรากฐานของจิตรู้ที่ตั้งมั่น สติสัมปชัญญะที่มั่นคง่ต่อเนื่องดีแล้ว จึงจะมีผลมากในการดับทุกข์ทางจิตใจได้อย่างแท้จริง
ผมเชื่อว่า ครูบาอาจารย์ที่ท่านสอนเรื่องความว่าง สุญญตา ท่านพูดท่านสอนตามสภาวะจิตของท่านที่มีความละเอียดอย่างดีแล้ว ท่านไม่ได้สอนผิด แต่เรา ๆ ท่าน ๆ ที่ยังหยาบอยู่ เมื่อไม่เห็นอย่างท่าน ก็ตีความผิดไปเอง
การปฏิบัติทางจิต ก็มีแต่นี้ครับ เพียงแต่ว่า หยาบและละเอียดกว่ากันแค่ไหน ถ้ายังหยาบ ทุกข์ใจก้ยังมาก ถ้าละเอียด ทุกข์ใจก็น้อยลงไป ยิ่งละเอียด ก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อย ๆ ขอยำเตือนอีกครั้งว่า อย่าไปเพ่งหาความว่าง หาสุญญตา เพราะผิดทาง แต่ท่านต้องหมั่นฝึกสติสัมปชัญญะให้ต่อเนื่อง ให้มั่นคง นี่คือสิ่งที่ท่านสมควรปฏิบัติ เมื่อสติสัปมชัญญะมั่นคงต่อเนื่องดีแล้วนั่นแหละ สิ่งละเอียด ๆ ก็จะเห็นได้เอง
Create Date : 30 มิถุนายน 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 20:01:35 น. |
Counter : 1301 Pageviews. |
|
|
|
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog
ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com
หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน