รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
21 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
สมถยานิก วิปัสสนายานิก ในความเข้าใจของผม

บทความนี้ ผมจะเขียนเรื่อง สมถนานิก และ วิปัสสนายานิก ตามที่ผมเข้าใจ ผมขอบอกท่านก่อนว่า อย่าได้เชื่อในสิ่งที่ผมเขียนในบทความนี้ เพราะผมคาดเดาเอาทั้งนั้นครับ

1 สมถยานิก คือ อะไร
สมถนานิก คือการปฏิบัติที่เริ่มต้นจากการทำฌานให้ได้ก่อน ซึ่งการทำฌานทำโดยการทำสมาธิแบบฤาษี เช่น การเพ่งกสิณต่าง ๆ ทำจนเกิดนิมิต เห็นภาพนิมิตอย่างชัดเจน และสามารถ หด ขยาย ภาพนิมิตได้ตามใจปรารถนา
ผู้ปฏิบัติต้องใช้ความสงบเงียบ ไร้การรบกวนใด ๆ ทั้งสิ้น ในการฝึกฌานแบบนี้
เมื่อผู้ปฏิบัติได้ฌานแล้ว บังคับภาพนิมิตได้แล้ว ผู้ปฏิบัติก็จะส่งจิตนั้น ให้วิ่งเข้าสู่ร่างกาย เพื่อให้เห็นนิมิตของร่างกายที่แท้จริง เช่น ผม ขน กระดูก และ อื่น ๆ อันเป็นการพิจารณาธาตุกรรมฐาน ซึ่งเป็นวิปัสสนา

ผู้ที่ฝึกแบบนี้และได้ผลแล้ว มักจะมีฤทธิเดชพิเศษที่เหนือกว่าคนธรรมดาทั่ว ๆ ไป เช่น การมีตาทิพย์ การอ่านจิตใจคนอื่นได้ เป็นต้น

การปฏิบัติวิธีนี้ มักใช้ในสายวัดป่า ที่อยู่ห่างไกล เพราะมีสถานทีสงบเงียบดีนั้นเอง

ในอดีต ผมก็เคยฝึกแบบนี้มาก่อน เช่นกัน ผมพบว่า การฝึกแบบนี้ ถ้าไม่มีอาจารย์ผู้รู้จริงควบคุม อาจเสียสติเป็นบ้าได้ง่าย ๆ เพราะการฝึกต้องบังคับกดช่มจิตใจในการเพ่งกสิณเป็นอันมาก และภาพนิมิต ที่เกิดขึ้น ก็ไม่สามารถจะควบคุมได้ดีพอในระยะแรก ๆ ที่นิมิตเกิด ถ้าผู้ปฏิบัติไปพบภาพนิมิตที่น่ากลัว ก็อาจตกใจ จนเสียสติไปได้ง่าย ๆ

2 วิปัสสนายานิก คือ อะไร
วิปัสสนายานิก คือ การปฏิบัติที่ต้องเริ่มต้นจากการฝึกสติสัมปชัญญะ หรือ ที่เรียกว่า สัมมาสติในมรรค8 ก่อน จนกระทั้ง สัมมาสติตั้งมั่นเป็นสัมมาสมาธิ เกิด.จิตรู้. ขึ้น แล้ว ให้จิตรู้ นั้นเห็นสภาวะธรรมต่าง ๆ ตามความเป็นจริง ของ กาย เวทนา จิต ธรรม อีกทีหนึ่ง อันเป็นวิปัสสนา
ซึ่งวิธีที่ผมได้เขียนไว้ใน blog ของผมนี้ ก็คือแบบวิปัสสนายานิก นั้นเอง
จากที่ผมได้ฝึกปฏิบัติมา ผมพบและประจักษ์เองว่า ผู้ปฏิบัติแบบวิปัสสนายานิกนี้ ถ้าเขาไม่ได้ฝึกฝนในขั้นต้น จนจิตรู้ เกิดขึ้น ไม่มีทางเลย ที่จะเกิดการเจริญวิปัสสนาได้จริง แต่จะเป็นการนึกคิดเอาเองทั้งสิ้นว่า ตนกำลังปฏิบัติวิปัสสนาอยู่ ซึ่งไม่มีทางที่จะกำจัดกิเลสให้หลุดออกไปจากจิตใจได้จริง

สำหรับการฝึกที่ผมแนะนำใน blog นี้ ผมไม่แนะนำให้ผู้ฝึกใหม่นั่งนิ่งสงบและหลับตาดูลมหายใจ เพราะอาจเกิดนิมิตได้จากใจที่สงบลง เมื่อท่านไม่มีคนคุมอยู่ จึงอาจเป็นอันตรายต่อท่านเอง ผมจึงแนะนำให้ท่านฝึกโดบการลืมตาและลูบแขน (ขอให้อ่านเรื่อง ตัวอย่างการรู้กาย ใน blog ของผมนี้ )
ซึ่งผมแน่ใจได้ว่า จะมีผลดีต่อท่านที่ฝึกเองที่บ้านโดยไม่มีอันตรายต่อท่านเลย

อนึ่งการฝึก ไม่ว่าแบบ สมถยานิก หรือ วิปัสสนายานิก ต้องอาศัยความเพียรเสมอ จึงจะได้ผล โดยเฉพาะวิปัสสนายานิก ท่านต้องเข้าใจด้วยว่า การรู้ความรู้สึกที่ถูกต้องเป็นเช่นไรด้วย และฝึกให้ถูกต้อง ท่านจึงจะฝึกได้ผล
ถ้าท่านฝึกการรู้ความรู้สึกไม่ถูกต้อง จะเป็นว่า ท่านกำลังทำการเพ่งเอา ซึ่งไม่ถูกต้องและท่านจะไม่ได้ผลในการปฏิบัติแบบวิปัสสนายานิก

สำหรับท่านที่ฝึกมาแล้ว เช่นสัก 6 เดือนแล้วรู้สึกว่าไม่ก้าวหน้า ขอให้ท่านกลับไปอ่านเรื่องตัวอย่างการรู้กายใหม่อีกครั้ง แล้วสังเกตดูว่า ท่านปฏิบัติอะไรผิดไปหรือเปล่า จึงทำให้ท่านไม่ก้าวหน้า

ผมขอบอกท่านก่อนว่า การที่จะรุ้ว่า ก้าวหน้าขึนหรือไม่นั้น อันดับแรกให้ดูว่า ท่านเริ่มรู้สึกตัวได้มากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ ถ้าท่านรู้สึกตัวได้มากขึ้น นั้นแสดงว่า ท่านได้เริ่มก้าวหน้าแล้ว แต่ท่านอาจเข้าใจผิดไปเองว่า ท่านฝึกแล้วไม่ก้าวหน้า ผมมีเขียนเรื่อง การวัดผลในการปฏิบัติไว้ใน blog แล้ว ขอให้ท่านไปอ่านดูครับ

ผมแนะนำให้ท่านอ่านเรื่องที่ผมได้เขียนเรื่อง 2 เรื่องใน blog นี้ไว้แล้วประกอบคือ
1 วิปัสสนาทำอย่างไร
2 สมถ วิปัสสนา ที่ตำราไม่กล่าวถึง

.............
ผมเข้าใจดีว่า ข้อเขียนนี้ จะมีผู้ที่มีความเห็นขัดแย้งเป็นอันมาก ซึ่งผมได้บอกท่านไว้แต่ต้นแล้วว่า อย่าได้เชื่อผม นี่เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว ที่เกิดขึ้นมาจากการปฏิบัติของผมเอง และผมไม่ต้องการถกเถียงกับใครในเรื่องนี้ด้วยครับ



Create Date : 21 กรกฎาคม 2552
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:59:20 น. 7 comments
Counter : 8565 Pageviews.

 
ขอถามหนอ่ยนะค่ะ เมื่อเวลาเราโกรธ เรารู้สึกตัวว่าโกรธ เราก็ดูเข้าในใจ มันเห็นว่าแค่หักและแน่นหน้าอกและหายใจแรงเร็ว ใช่ดูนี่หรือเปล่าค่ะ ดูอย่างไรค่ะมันไม่เห็นอารมณ์เลย ช่วยตอบคนปัญญาน้อยหน่อยนะค่ะ
อีกนิดนะค่ะ เวลาเราเผลดใจลอยแล้วนึกได้มารู้สึกตัวก็ดูเข้าไปในใจ มันไม่เห็นอารมณ์ใดเล มันเหมือนพยายามหา ว่าเป็นอย่างไร ไม่เข้าใจค่ะ รบกวนหนอ่ยนะค่ะ
ถ้าจะโทรถามได้ไหมค่ะ


โดย: พิณ IP: 124.121.79.95 วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:5:47:59 น.  

 
1 เมื่อเวลาเราโกรธ เรารู้สึกตัวว่าโกรธ เราก็ดูเข้าในใจ มันเห็นว่าแค่หนักและแน่นหน้าอกและหายใจแรงเร็ว ใช่ดูนี่หรือเปล่าค่ะ ดูอย่างไรค่ะมันไม่เห็นอารมณ์เลย ช่วยตอบคนปัญญาน้อยหน่อยนะค่ะ

ตอบ ที่คุณเล่ามาแสดงว่า สติสัมปชัญญะของคุณยังไม่มั่นคงพอ และ จิตรู้ ของคุณยังไม่เกิดครับ จึงไม่เห็นอาการจิตโกรธในขณะที่จิตโกรธกำลังเริ่มเกิดขึ้น แต่คุณรู้ว่าโกรธแบบที่เล่ามา แสดงว่า จิตเข้าไปยึดกับอารมณ์โกรธแล้ว ทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอกแบบนั้น ถ้าเปรียบทางโลกให้เข้าใจ ก็เหมือนว่า คุณนอนหลับไปแล้วไฟไหม้ใหญ่แล้ว คุณจึงตื่นขึ้นมา จึงรู้ว่าไฟกำลังไหม้อยู่
แต่ ถ้าสติสัมปชัญญะของคุณดี จิตรู้ เกิดแล้ว ก็เหมือนกับว่า คุณไมได้นอนหลับ พอเริ่มมีกลิ่นควันไฟ ขึ้น คุณก็รู้ทันที แล้วรีบเข้าไปดับไฟที่กำลังเพ่งจะคลุกขึ้นมานั้น แต่ไฟยังไม่ได้ไหม้นะครับ เรียกว่า ดับไฟแต่เนิ่น ๆ นั้นเอง

การเห็นอาการจิตตสังขารได้นั้น ผู้ปฏิบัติจะเห็นเป็นอาการวูบขึ้นมาของพลังงานอย่างหนึ่งที่รู้สึกได้เพียงเสี้ยววินาทีหนึ่ง แล้วพลังงานที่วูบขึ้นมามันจะสลายไปทันที

การดูอาการปรุงแต่งของจิต (จิตตสังขาร) ได้นั้น คุณต้องหมั่นฝึกฝนการเจริญสติสัมปชัญญะ.ให้มาก ๆ จน.จิตรู้. เกิดก่อน ( ให้อ่านเรื่อง ตัวอย่างการรู้กาย ใน blog ของผม ที่ผมได้แนะนำวิธีฝึกเองง่าย ๆ ไว้ ) ผู้ปฏิบัติธรรมที่ไม่มีกำลังของสติสัปมชัญญะ ไม่มีทางเห็นอาการการปรุงแต่งของจิตได้เลยครับ

2 เวลาเราเผลอใจลอยแล้วนึกได้มารู้สึกตัวก็ดูเข้าไปในใจ มันไม่เห็นอารมณ์ใดเลย มันเหมือนพยายามหา ว่าเป็นอย่างไร ไม่เข้าใจค่ะ

ตอบ เวลาใจลอย แล้วกลับมารู้สึกตัว ไม่ต้องเข้าไปดูอะไรในใจครับ เพระมันไม่มีอะไรอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า คุณอาจรู้ได้ว่า เมื่อกี้ใจลอยไป ซึ่งก็ไม่ต้องไปสนใจอีกเช่นกันครับ
ว่าเมื่อกี้ใจลอยไป

ในผู้ปฏิบัติใหม่ ๆ ผู้ปฏิบัติมักใจลอยอยู่เสมอ ๆ นี่เป็นธรรมชาติของผู้ฝึกใหม่ครับ วิธีปรับปรุง ก็คือ คุณต้องหมั่นเจริญสติสัมปชัญญะครับ ดังที่ผมแนะนำไว้ในข้อ 1
การหมั่นฝึกฝนสติสัมปชัญญะนั้น เมือสติสัมปชัญญะถูกฝึกฝน มันจะสร้างความเคยชินขึ้นมาอย่างหนึ่งอย่างเงียบ ๆ ที่ผู้ฝึกไม่ทราบ ก็คือ ความไวแห่งการรับรู้ความรู้สึกครับ
ทีนี้ พอความไวมันสูงขึ้น พอเราไปรับรู้อะไรนิดเดียว มันจะรู้สึกได้ ทำให้มันปลุกให้ตื่นจากใจลอยได้อย่างง่าย ๆ และรวดเร็ว ยิ่งถ้าฝึกมาก ๆ ขึ้นไปอีก อาการใจลอย ยิ่งจะลดหายไปเรื่อย ๆ เองโดยที่เราไม่ต้องไปตั้งใจไม่ให้มันใจลอย
เรียกว่า การฝึกสติสัมปชัญญะ ก็คือ ยาขนานเอก ที่แก้ใจลอย และ ปลุกจิตให้ตื่นไว เวลาเกิดอาการต่าง ๆ ทางจิตตสังขารขึ้น จิตเขาจะรับรู้ได้ไวเอง

3. ต้องขออภัย ผมไม่สดวกที่จะติดต่อทางโทรศัพท์ครับ
ให้ลองติดตามอ่านเรื่องใน blog ของผม มีเขียนเรื่องไว้หลายเรื่องที่เป็นวิธีการปฏิบัติ ผมใช้ภาษาง่าย ๆ แบบชาวบ้านอ่านได้ ถ้ามีอะไรจะสนทนา ให้เข้าไปเขียนใน blog ที่ห้วข้อ สนทนาเรื่องการปฏิบัติธรรมกับเจ้าของ blog


โดย: นมสิการ วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:53:06 น.  

 
ขอยืนยันคำอธิบายคำว่า สมถยานิก(เราเรียกสมถสมาธิ)และวิปัสสนายานิก(เราเรียก วิปัสสนาสมาธิ)อธิบายได้ถูกต้องมากแล้ว ขออวยพรให้ท่านได้บรรลุธรรมในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญและขออนุโมธนาด้วยความเคารพยิ่ง.....สาธุ....สาธุ....สาธุ...อนุโมธนามิ....


โดย: ตามพันธสัญญา IP: 119.46.43.78 วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:46:02 น.  

 
ขอบคุณสำหรับ คำอวยพร ครับ


โดย: นมสิการ วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:57:12 น.  

 
ขอบคุณค่ะ จะพยายามทำต่อไปเข้าใจมากขึ้นแล้วค่ะ
ขออนุโมธนา สาธุ สาธุ สาธุ


โดย: พิณ IP: 124.121.79.14 วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:23:41 น.  

 
การทำสมถะก็ต้องใช้สติสัมปชัญญะเหมือนกัน
ต้องรู้ว่าขณะนี้จิตไม่มั่น..ทำอย่างไรถึงจะตั้งมั่น
ขณะนี้จิตตั้งมั่นแล้ว..ทำอย่างไรจะตั้งมั่นยิ่งกว่า
ต้องใช้ปัญญาเหมือนกัน..แต่เป็นปัญญาที่เป็นไปเพื่อความสงบ


โดย: palmgang IP: 119.42.101.63 วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:31:12 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:19:59:42 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.