รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
2 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 

ความเครียด ตอนที่ 2 - ความเครียดเกิดได้อย่างไร จะแก้ใขอย่างไร

.

อธิบายจากภาพ

1..เมื่อท่านมีปัญหาในหน้าที่การงาน หรือ ปัญหาชีวิต จะมีขบวนการทางจิตใจเกิดขึ้นภายใน มโนทวาร ก็คือ ความวิตกกังวลในปัญหาน้้น ๆ (ภาษาพระ เรียกว่า จิตปรุงแต่ง หรือ จิตตสังขาร ) ผลแห่งการวิตกกังวลนี้จะเป็นตัวสร้างพลังงานอย่างหนึ่งขึ้นมา ที่คนเรียกกันว่า.ความเครียด.ให้เกิดขึ้นภายใน มโนทวาร

ถ้าท่านปฏิบัติสัมมาสติ สัมมาสมาธิได้ดีพอที่เห็นสิ่งต่างๆ ใน.มโนทวารได้ ท่านจะเห็นว่า พลังงานความเครียดนี้จะเป็นลักษณะคล้าย ๆ หมอกในมโนทวาร เมื่อเกิดหมอกใน.มโนทวาร .มโนทวารก็จะไม่สดใส หรือ ที่คนเรียกกันว่า จิตใจเศร้าหมอง

2..เมื่อเกิดพลังงานความเครียดขึ้นใน.มโนทวาร ด้วยอำนาจแห่งตัณหา ที่เป็นแรงดึง แรงยึดเหนื่ยว มันจะทำให้จิตลูกโป่ง(คือ จิตที่มีอวิชชาครอบงำอยู่) เข้ามายึดติดเข้ากับพลังงานความเครียดนี้ เมื่อจิตลูกโป่งถูกแรงตัณหาทำให้ยึดติดได้แล้ว ผลที่ตามมาก็คือ ท่านจะรู้สึกไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ทันที ที่คนเรียกว่า อาการที่เกิดจากความเครียด เช่น ปวดหัว หน้าตาหมองคล้ำ ความดันโลหิตพุ่งสูง เป็นต้น จะสลัดอย่างไรก็ไม่ออก เพราะตัณหามันจะเหมือนกาวตราช้างที่ทรงพลังในการสร้างแรงยึดเกาะตัวจิตลูกโป่งเข้ากับพลังงานความเครียดนั้นเอง


3..ในการสลายความเครียดนั้น ท่านต้องจัดการให้ จิตลูกโป่ง เป็นอิสระหลุดจากพลังงานความเครียดให้ได้ก่อน

วิธีการก็คือ ขอให้ท่านไปรับรู้อาการทาง.กาย.แทน และต้องเป็นอาการทางกายที่มีพลังแรงๆ ด้วย เพื่อให้จิตลูกโป่งนั้นไปรับรู้อาการทาง.กาย.นั้นได้

อาการทางกาย ที่แรง ๆ ก็จะมีการกระทบสัมผัสที่แรง ๆ (เท่ากับการรู้ดิน) หรือ การสั่นไหวที่แรง ๆ (เท่ากับการรู้ลม) เช่นการไปเล่นกีฬา การออกกำลังกาย ให้เหงื่อออก การทำงานบ้านทีต้องใช้แรงให้รู้สึกถึงได้ ทำให้เหนื่อยๆได้ เช่น ขัดถูล้างพื้นบ้าน พรวนดินปลูกต้นไม้ เป็นต้น

เมื่อมีการกระทบสัมผัสที่แรง ๆ (ผมเน้นย้ำว่า ต้องแรง ๆ ถ้าไม่แรงจะไม่ได้ผลหรือได้ผลช้ากว่ามาก ) จิตลูกโป่งจะหลุดจากพลังงานความเครียดได้ชั่วคราว เพราะจิตลูกโป่งจะไปรับรู้การกระทบสัมผัสที่แรง ๆ ได้ แต่ทว่า.. พลังงานความเครียดมันยังไม่สลายตัวไปง่าย ๆ ดังนั้น ท่านยังจะเครียดอยู่ในช่วงเวลาแรกเริ่มในขณะที่มีการกระทบสัมผัสที่แรง ๆ แต่เมื่อจิตลูกโป่งไปรับรู้การกระทบสัมผัสที่แรง ๆ อยู่บ่อย ๆ จิตลูกโป่งก็จะค่อย ๆ คลายตัวออกและหลุดออกจากการยึดติดที่พลังงานความเครียด ถ้าจิตลูกโป่งหลุดออกจากการยึดติดจากพลังงานความเครียดเมื่อไร ความเครียดนี้มันจะสลายตัวไปเอง และ ท่านก็จะหยุดอาการเครียดได้

ท่านสามารถใช้วิธีนี้ได้ แต่ถ้าท่านเป็นมือใหม่ในการปฏิบัติธรรม ท่านต้องใช้เวลาพอสมควรนี้การสลายการยึดติดของพลังงานความเครียดกับจิตลูกโป่งนี้ ท่านอาจใช้เวลา 1 วันบ้าง 3 วัน บ้าง 5 วันบ้าง หรือ มากกว่า แต่นี่เป็นสิ่งที่ดี ถึงแม้ใช้เวลานานในครั้งแรก ท่านจะได้ฝึกสติัปัฏฐานไปในตัว และความชำนาญนี้จะส่งผลให้ท่านมีความชำนาญในการสลายความเครียดได้เร็วขึ้นในครั้งต่อไป ถ้ามีความเครียดเกิดขึ้นอีกในอนาคต

4..ขอให้ท่านสังเกตตัวเองดู หรือ ดูจากรูปภาพข้างบน ท่านจะเห็นได้ว่า ปัญหาต่าง ๆ กับพลังงานความเครียด ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน มันเป็น 2 สิ่งที่ความเครียดเกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาต่าง ๆ
การเกิดความเครียด ทำให้ความสามารถในการแก้ปัญหาลดลง นี่คือข้อเสียหายที่เกิดขึ้น
ถ้าท่านสามารถแก้ใขปัญหาต่าง ๆ ด้วยการพุ่งตรงไปทีปัญหา แต่อย่าให้มีความเครียดมาเจือปน ท่านจะแก้ใขปัญหาได้ดีกว่า เพราะสมองจะแจ่มใสกว่า

ถ้าท่านได้แก้ใขปัญหาอย่างดีที่สุดแล้ว อะไรมันจะเกิด มันก็ต้องเกิด จะสำเร็จหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ผลย่อมดีกว่าการแก้ใขปัญหาด้วยจิตใจที่มีความเครียดเข้าเจือปนอย่างแน่นอน

5..ในการปฏิบัตธรรมในระดับสูง ที่นักภาวนามีพลังจิตพอทีเห็นสภาวะธรรมใน.มโนทวารได้
พอมีพลังงานความเครียดเกิดขึ้น นักภาวนาจะเห็นมันและก็จะจัดการสลายมันไปโดยเร็ว แต่สำหรับมือใหม่หรือผู้ที่ยังไม่สามารถเห็นพลังงานความเครียดนี้ได้ พอความเครียดเกิดขึ้่น ก็จะไม่รู้ตัว ทำให้จิตลูกโป่งถูกตัณหาเข้ามายึดติดกับพลังงานความเครียดทันที แต่ก็ยังดีที่ยังสามมารถแก้ใขได้ดังที่เขียนไว้ในข้อ 3 แต่ถ้านักภาวนาสลายมันได้ทันทีที่เกิดขึ้น ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าอย่างแน่นอน

การเห็นพลังงานความเครียด ก็จะตรงกับ อริยสัจจ์ ข้อที่ 1 ที่ว่า ทุกข์ ให้รู้ นั่นเอง แต่ถ้าไม่รู้ ทุกข์ เมื่อเกิดตัณหาขึ้นแล้ว ผลก็คือ ท่านจะรับทุกข์นั้นไปเต็ม ๆ เพราะทุกข์เกิดแล้ว และจิตลูกโป่งไปยึดติดกับทุกข์นั้นแล้ว

นี่คือ ผลแห่งการภาวนา ที่มุ่งตรงเข้าไปรับรู้สภาวะธรรมใน.มโนทวาร ถ้านักภาวนารับรู้ได้ทันที ก็คือ การหยุดลงของทุกข์ แต่ถ้าภาวนาไม่สามารถรับรู้ได้ ก็รับทุกข์นั้นไปเต็ม ๆ เพราะผลของตัณหา

ศาสตร์และศิลป์ของการภาวนา มันอยู่ที่ตรงนี้เองครับท่าน ที่รู้ทุกข์ใน มโนทวาร ได้หรือยัง

****
เรื่องท้ายบท

ผมเคยดูภาพยนต์หลายเรื่อง ที่มีฉากทีผู้หญิงกำลังงอแง พูดอย่างไรก็ไม่ฟัง ต่อเมื่อโดนตบหน้าอย่างแรง ผู้หญิงที่กำลังงอแง ก็หยุดงอแงลง

การตบหน้าอย่างแรง ก็เป็นการกระทบสัมผัสที่แรงมาก เช่นกัน แต่ผมหวังว่า คงไม่มีใครอยากโดนตบหน้าเพื่อแก้อาการแครียดนะครับ




 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2553
9 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 15:13:14 น.
Counter : 1311 Pageviews.

 

ขอบคุณ คุณมนสิการมากค่ะที่กรุณาจัดการบรรยายวิธีปฎิบัติสัมมาสติให้ได้ผล ได้รู้ปรมัตถ์ เกิดปํญญาในการปฎิบัติ เพราะก่อนนี้ดิฉัน ปฎิบัติอริยาบทต่างๆด้วยความจงใจเพื่อกำกับสติให้อยู่กับตัว เมื่อความจงใจเกิด จิตจึงไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง หรือเกิดปัญญา เช่นรู้ว่าโกรธก็วางความโกรธให้ได้เร็ว แต่ไม่รู้ว่าความโกรธมันมาจากไหน เมื่อไหร่ พอได้วิธีการอย่างคุณมนสิการมาฝึก มันเห็นมันเข้าใจเลยค่ะ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นก็รู้ แต่ไม่เข้าใจ ว่าการเพาะบ่มอินทรีย์ให้มีสติมั่นคง จะเกิดปัญญา

 

โดย: cakecode 2 พฤศจิกายน 2553 12:01:38 น.  

 

ต่อไปนี้ผมจะไม่เครียดแล้วครับ จะยิ้มตอนตื่นนอน 1 ครั้ง แล้วก็รู้สึกตัวต่อไป ขอบคุณครับ อาจารย์ -@^_^@-

 

โดย: Littleyogi IP: 117.47.102.148 2 พฤศจิกายน 2553 14:17:11 น.  

 

อาจารย์น่าจะมีโครงการรวบรวมเป็นรูปเล่มแล้วจัดพิมพ์แจกเป็นธรรมทานนะครับ จะดีมากเลย เผื่อเวลาไปไหนมาไหนถ้าหากลืมจะได้เปิดอ่านง่ายๆหน่อย

 

โดย: virut IP: 172.16.21.4, 58.137.96.2 2 พฤศจิกายน 2553 18:58:33 น.  

 

พิมพ์เป็นเล่ม ใช้เงินสูงครับ ผมไม่สามารถทำได้หรอกครับ

 

โดย: นมสิการ 2 พฤศจิกายน 2553 22:48:33 น.  

 

พิมพ์เป็นเล่ม ใช้เงินสูงครับ ผมไม่สามารถทำได้หรอกครับ

ร่วมด้วยช่วยกันซีคะ
งานบางอย่างไม่สามารถทำเดี่ยวได้หรอกค่ะ
ยินดีที่จะเป็นผู้สนับสนุนหนึ่งคนค่ะ

 

โดย: pintip IP: 110.49.205.106 3 พฤศจิกายน 2553 12:34:56 น.  

 

ผมว่าต้องช่วยๆกันครับ ถ้่ามีสปอนเซอร์กระเป๋าหนักๆหน่อยก็จะดีมาก

 

โดย: virut IP: 172.16.21.4, 110.164.50.2 3 พฤศจิกายน 2553 14:55:51 น.  

 

อย่าเพ่งไปถึงจุดนั้นเลยครับ ถ้าใครสนใจ ก็ print ไปอ่านก็ได้ครับ

เท่าที่ผมเช็ค counter ที่ blog ผม มีคนเข้ามาอ่านเฉลี่ยเรื่องละประมาณ 100 คน และ คน 100 คนนี่ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาอ่านแล้วจะชอบทั้งหมด ถ้าคาดว่า ชอบ 70 % ก็แสดงว่า คนที่เขาสนใจอ่านมีเพียงประมาณ 70 คน ซึ่งน้อยมาก ไม่คุ้มทีจะพิมพ์ครับ

 

โดย: นมสิการ 3 พฤศจิกายน 2553 16:48:25 น.  

 

เป็นกำลังใจให้นะคะ สาธุค่ะ

 

โดย: เบญญาภา IP: 75.79.135.218 7 พฤศจิกายน 2553 3:35:14 น.  

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 15:31:20 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.