...อยู่รอดให้ได้...ภายใต้ภาวะผันผวน...
อยู่รอดให้ได้...ภายใต้ภาวะผันผวน
เป็นที่ทราบกันดีในปัจจุบันปัจจัยทางการเมืองส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ และตลาดหลักทรัพย์อย่างเห็นได้ชัด ทั้งการออกมาตรการสำรองเงินลงทุนจากต่างชาติ 30% ที่ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลงกว่า 100 จุด เหตุการณ์วางระเบิดเมื่อปลายปีที่ผ่านมาส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลงไปอีกประมาณ 20 จุด ปัจจุบันดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ในระดับ 620 จุด
เป็นระดับที่นักวิเคราะห์หลายรายมองว่าราคาถูก แต่เมื่อเหตุการณ์ทางการเมืองยังไม่ นิ่ง ก็อาจจะได้เห็นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในระดับที่ราคาถูกกว่านี้ก็เป็นได้ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ภายใต้ภาวะที่มีความไม่แน่นอนสูงเช่นในปัจจุบัน เมื่อความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น ราคาหุ้นในตลาดก็ต้องมีส่วนลดเพิ่มขึ้นด้วย เช่นในอดีตตลาดหุ้นไทยซื้อกันที่ P/E เฉลี่ย 8-9 เท่า ปัจจุบันอาจซื้อขายกันที่ P/E 6-7 เท่า หากมีการปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนลงอีก ราคาหุ้นก็ต้องลดลงตามไปด้วย (P/E คือ Price per Earning Ratio สัดส่วนของราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้น)
จากข้อมูลสถิติย้อนหลังไป 3-4 ปี ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณปีละ 20% ขณะที่ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานอยู่ที่ 25-27% กล่าวง่ายๆก็คือดัชนีตลาดมีการแกว่งตัวสูงมาก สามารถลงไปได้ 25-27% ขณะเดียวกันก็มีโอกาสแกว่งตัวขึ้นไป 25-27% เช่นกัน
นักวิเคราะห์แนะนำว่าขณะนี้ตลาดหุ้นไทย เหมาะสำหรับเล่นทำกำไรระยะสั้นๆ เนื่องจากไม่สามารถคาดเดาว่าอนาคตทิศทางของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร? จะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ทันตามเวลาที่กำหนดหรือไม่? ในระหว่างนี้จะมีมาตรการอะไรออกมาที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเพิ่มเติมอีกหรือไม่? ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างกลุ่มอำนาจเก่า กับคมช.(คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ)จะพัฒนาต่อไปในรูปแบบใด?และจะจบลงอย่างไร? จะมีระเบิดอีกหรือไม่? ล้วนเป็นความหวาดกลัวหวาดระแวงที่ครอบงำอยู่ในสังคมไทยในปัจจุบัน
ถึงแม้สังคมไทยในปัจจุบันมีความเครียดเกิดขึ้น แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป พนักงานลูกจ้างบริษัทยังคงต้องทำงานเพื่อหารายได้ การออมและการลงทุนยังคงต้องมีต่อไป และในฐานะของนักลงทุน เมื่อตลาดหลักทรัพย์ได้รับผลกระทบ ก็ต้องมองดูว่าอนาคตของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้าจะเป็นอย่างไร? เหตุการณ์ทุกอย่างจะจบลงอย่างไร? แล้วพิจารณาแบ่งเงินลงทุนบางส่วนที่ยอมรับความเสี่ยงของตลาดได้ เพื่อซื้ออนาคตตลาดหุ้นไทยในระยะยาวหลังวิกฤติการณ์ผ่านพ้นไป
แต่ในระยะสั้นๆนักลงทุนต่างมีความไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์จะพัฒนาต่อไปในรูปแบบใด ก็สามารถที่จะหาช่องทางการลงทุนทางอื่นๆ เพื่อโยกย้ายเงินลงทุนไปในที่ที่มีความปลอดภัยมากกว่า ในระดับความเสี่ยง และผลตอบแทนที่ยอมรับได้ ไม่ว่าจะเป็นตลาดเงิน ตลาดตราสารหนี้ระยะยาว รวมถึงการลงทุนในต่างประเทศ
กองทุนตราสารการเงินระยะสั้นเป็นทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียง หรือสูงกว่าเงินฝากประจำ 1 ปีของธนาคารพาณิชย์ มีสภาพคล่องสูง และมีความเสี่ยงต่ำ เพราะกองทุนประเภทนี้จะลงทุนในตั๋วแลกเงิน ตราสารการเงิน หรือตราสารหนี้ระยะสั้นอายุประมาณ 3- 6 เดือน อย่างไรก็ตามการลงทุนในกองทุนประเภทนี้ต้องพิจารณาอัตราเงินเฟ้อประกอบด้วย ในปี 2549 อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 4.7% ในปี 2550 นี้ เงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยก็มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน
กองทุนตราสารหนี้ระยะยาวมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมาจากกองทุนตราสารการเงินระยะสั้น เพราะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยมากกว่า เนื่องจากตราสารที่กองทุนไปลงทุนนั้นเป็นตราสารหนี้ระยะยาวอายุ 3-5 ปี แต่ในภาวะที่ดอกเบี้ยเป็นขาลง กองทุนตราสารหนี้จะให้ผลตอบแทนสูงกว่ากองทุนตราสารการเงินระยะสั้น
กองทุนตราสารทุนเป็นกองทุนที่มีอัตราความเสี่ยง และผลตอบแทนสูงกว่ากองทุนทั้งสองประเภทแรก ในภาวะที่ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มไม่สดใส นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนกองทุนที่ลงทุนในตราสารทุนในต่างประเทศได้ ในปัจจุบันมีบริษัทจัดการกองทุนรวมหลายแห่งมีการจัดตั้งกองทุนที่ลงทุนในตราสารทุนในต่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อรักษาสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน ของพอร์ทโฟลิโอ (เงินลงทุนทั้งหมด) ให้ได้ตามที่นักลงทุนต้องการ
กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศมีทั้งที่ลงทุนในหน่วยลงทุน ตราสารหนี้ และตราสารทุน ดังนั้นนักลงทุนต้องสอบถามนโยบายการลงทุนจากบริษัทจัดการกองทุนให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ให้นิยาม กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Fund : FIF) เอาไว้ว่า กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ คือ กองทุนรวมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายหน่วยลงทุนในประเทศไปลงทุนในต่างประเทศ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้พิจารณาอนุญาตให้มีการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศได้ในวงเงินจำกัดในแต่ละปี
กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ จึงนับเป็นช่องทางเพียงช่องเดียวที่ผู้ลงทุนไทยจะสามารถกระจายเงินลงทุนของตนให้กว้างขวางขึ้น และเป็นการลดความเสี่ยงในการลงทุน
บริษัทจัดการที่สามารถจัดตั้งกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ ต้องมีคุณสมบัติตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. เห็นชอบ บริษัทจัดการอาจให้ผู้จัดการกองทุนในต่างประเทศทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทุนรวมได้ เนื่องจากการลงทุนในต่างประเทศต้องอาศัยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าวในการจัดการลงทุน
นโยบายการลงทุนของ กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ อาจเป็นแบบใดแบบหนึ่งในมาตรฐาน 10 แบบของสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งมีความเสี่ยงและผลตอบแทนในระดับที่แตกต่างกัน ผู้ลงทุนต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนการลงทุน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ลงทุน การยอมรับความเสี่ยง และการคาดหวังผลตอบแทน
กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ ต้องลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงาน ก.ล.ต.กำหนด กล่าวคือ ต้องนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศทั้งจำนวน เว้นแต่เป็นกรณีเงินฝากในประเทศ เพื่อสำรองเงินไว้สำหรับการดำเนินงานของกองทุน รอการลงทุน รักษาสภาพคล่องของกองทุน เป็นต้น ต้องลงทุนในประเทศที่มีหน่วยงานกำกับดูแลด้านหลักทรัพย์และตลาดซื้อขายหลักทรัพย์ ที่เป็นสมาชิกสามัญของ International Organization of Securities Commissions (IOSCO) หรือในประเทศที่มีตลาดซื้อขายหลักทรัพย์เป็นสมาชิกของ Federation International des Bourses de Valeurs (FIBV)
ผู้ออกหลักทรัพย์หรือตราสารการเงินอื่นใดและผู้รับฝากเงิน ต้องเป็นบุคคลที่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายของประเทศที่มีหน่วยงานกำกับดูแลด้านหลักทรัพย์และตลาดซื้อขายหลักทรัพย์เป็นสมาชิกสามัญของ IOSCO หรือของประเทศที่มีตลาดซื้อขายหลักทรัพย์เป็นสมาชิกของ FIBV
การลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหุ้น หุ้นนั้นต้องมีการซื้อขายใน Organized markets ของประเทศ นั้น ๆ (ตลาดซื้อขายหลักทรัพย์หรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านหลักทรัพย์และตลาดซื้อขายหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกสามัญของ IOSCO หรือในตลาดซื้อขายหลักทรัพย์เป็นสมาชิกของ FIBV
บริษัทจัดการต้องยื่นคำขอต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อขอให้พิจารณารับหน่วยลงทุนของ กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันถัดจากวันจดทะเบียนกองทุน หากตลาดหลักทรัพย์สั่งไม่รับหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ บริษัทจัดการต้องดำเนินการเพื่อยกเลิกกองทุน
Create Date : 26 มกราคม 2550 |
|
2 comments |
Last Update : 26 มกราคม 2550 3:24:14 น. |
Counter : 676 Pageviews. |
|
|
|