SAW VII

และแล้วก็ไม่พลาดกับ SAW ภาค 7 ด้วยแรงแห่งปราภนาที่จะดู ดู๊ ดู ของอิคุณแฟน ปกติเราไม่ชอบหนังสยองขวัญสั่นประสาท เป็นคนขวัญอ่อน ชอบเก็บเรื่องนู้นเรื่องนี้มาฝัน โดยเฉพาะชอบฝันร้ายแม้ไม่ได้รับรู้ดูอะไรมา ดูขนาดนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย แต่สุดท้ายก็ดูมันซะทุกภาค

เหมือนเดิมๆ หนังเรื่องนี้ ก็มีฉากที่สยดสยองได้โล่ห์ เช่นทุกๆ ภาคที่ผ่านมา ใครที่ไปดูแบบ 3d คงจะตื่นเต้นน่าดู เราดูธรรมด๊า ธรรมดา ก็ปิดตาแล้วปิดตาอีก

หลังจากดูหนังเรื่องนี้ตอนต้นๆ เรื่อง เราก็นั่งคิดไปด้วย ไม่ได้คิดถึงเรื่องสยดสยองของการดำเนินเรื่องนะ แต่คิดถึงสิ่งที่ตัวละครนำเสนอ มันเป็นอีกมุมมองนึงที่น่าขบคิดตามเหมือนกันกับหนังสยองขวัญเรื่องนี้ ถึงจะน่ากลัวก็เถอะ แต่ถ้าหากบางคนดูแล้วตีความผิด เราคิดว่าก็อาจจะมีพวกเลียนแบบหนัง ได้เหมือนกันนะ

แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่เราได้คิดจากหนังเรื่องนี้ ก็คือ ชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่าและน่าหวงแหน ซึ่งก็ขัดๆ กับความรู้สึกของเราที่มีมาในช่วงปีหลังๆ นี้เพราะเราค่อนข้างจะเบื่อแสนเบื่อชีวิตของเราในแต่ละวี่วัน แต่ถึงจะดูหนังและคิดถึงสิ่งที่หนังต้องการสื่อ กระนั้นเราเองก็ยังไม่ได้รู้สึกกับชีวิตในทางบวกขึ้นมาสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อยากโดนใครจับไปทรมาณแบบนั้นนะ

คนที่โดนจับไปส่วนมากเป็นคนที่ หลอกตัวเอง หลอกคนอื่น ไม่รักตัวเอง หรือดูถูกคนอื่น ดูแล้วหากไม่นับความโหดร้ายที่เหยื่อจะต้องเจอ หนังก็สื่อออกมาให้เข้าใจความหมายและคุณค่าของการเป็นคนที่ดีได้ดีมากๆ เลยทีเดียว

ในภาคนี้ก็มีทั้งเหยื่อที่เหยียดสีผิว สุดท้ายก็ตาย คนที่โกหกว่าตัวเองเคยผ่านการทดสอบของซอว์มา ก็ต้องมาเจอกับสถานการณ์จริง ที่ต้องช่วยเหลือชีวิตของคนรอบตัวที่เกี่ยวข้องด้วย แต่สุดท้ายคนเหล่านั้นก็ตายหมด

ก่อนจะไปดูเรื่องซอว์ ในวันนั้นช่วงกลางวัน อยู่ดีๆ เราก็แว่บ เรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ที่งานกาชาด เราได้เจอกับคำพูดที่ค่อนข้าง ไม่ค่อยโสภานิดนึง คือปกติเราเป็นคนที่สุภาพ เวลาที่พูดกับคนอื่นจะมีแต่ถ้อยคำที่สุภาพ ไม่เคยพูดจาดูถูกใคร และไม่เคยพูดจาหยาบคาย เพราะเราคิดเสมอว่า การกระทำอย่างนั้น มันเป็นการทำร้ายจิตใจคน และการทำร้ายใดๆ ไม่เจ็บและทรมาณเท่ากับการทำร้ายทางใจ

ครั้งนั้นจะว่ากันจริงๆ มันก็ไม่ได้ร้ายแรงเพียงแต่อาจจะเพราะเราเป็นคนแบบนี้เอง เลยไม่ค่อยชอบ กับการที่ถูกปฎิบัติอย่างหยาบคายต่อหน้าสาธารณชน

เรื่องก็คือ ที่งานกาชาดวันนั้น เราได้ไปงาน พร้อมกับเจ้านาย แต่มันเป็นช่วงเย็นแล้ว ก็นัดคุณแฟนมาเจอตอนเย็นด้วย พอถึงซุ้มของสินค้าที่เราทำงานอยู่ ซักพักคุณแฟนมาถึงเราก็แยกย้ายกับเจ้านายไปเดินดูงานกับคุณแฟน เพราะเราไม่ได้มีหน้าที่เป็นพีอาร์สินค้าในงาน (แหงล่ะ ... หน้าตาอย่างนี้ เป็นได้แค่คนเบื้องหลัง)

เราก็ไปเดินกัน แวะหลายต่อหลายซุ้มที่สนใจ ส่วนมากเป็นพวกสอยดาว สอยเดือน นี่แหละ เป็นพวกการกุศลนั้นนี้ คุณแฟนก็ชอบดึงเราเข้าไป ที่ต้องดึงเพราะปกติเราแค่ชอบเดินดู ไม่ชอบมีส่วนร่วม เพราะในนั้นคนมันเยอะมากๆ

และก็มาถึงซุ้มหนึ่งเป็นขององค์กรไหนจะจำไม่ได้แล้ว แต่มันจะเป็นซื้อตั๋วแล้วได้กระดาษมาเขียนแล้วเค้าจะเอาไปจับรางวัลบนเวที เค้าก็บอกว่าให้เขียนชิงโชค หลังจากไปแหย่ๆ สอยๆ แล้วไม่ได้อะไร ชิงโชคนี้เหมือนโชคชั้นที่สองประมาณนั้น เราก็นึกว่าเค้าจับวันไหนก็ไม่รู้ คงเหมือนเวลาเราไปซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ตแล้วเค้าแจกคูปองให้เขียนชิงโชคลงกล่องประมาณนั้น เราก็เลยเขียนไปหมด ชื่อ-สกุล ที่อยู่ เบอร์โทร

หย่อนลงกล่องไป ซักพักคุณแฟนก็บอกว่าเค้าเอาไปจับแล้วนะบนเวที แต่เราเป็นพวกไม่ค่อยมีดวงเวลาเสี่ยงโชคอยู่แล้ว ก็เลยกำลังจะเดินออก แต่ก่อนจะพ้น ก็...ใช่แล้วววว เราได้รางวัล คุณแฟนรีบคะยั้นคะยอให้เราขึ้นไปรับรางวัลบนเวที (เนี่ยแหละอิคุณแฟน เป็นคนแบบนี้ ต่างกับเรา เราค่อนข้างขี้อายแบบนานๆ จะมึนที)

เราก็ขึ้นไปบนเวทีตามการผลักไสของอิคุณแฟน โฆษกฝีปากกล้าบนเวทีที่ดูแล้วอายุน่าจะรุ่นราวคราวน้องๆ พ่อ น่าตาดูคุ้นเคย เหมือนเคยเห็นที่ไหนสักที่ในทีวี พอเห็นเสื้อที่เราใส่ก็เปิดประเด็นมาก่อนเลยว่า "โอ้ว...มาจาก.....นี่เอง" แล้วก็พูดไปว่าเมื่อก่อนตัวเองก็เคยทำงานกับที่นี่ สนิทกันกับคนนั้นคนนี้ ทั้งคุณเจ้าของบริษัทนี้ด้วย แต่ทว่าตอนนั้นเราไม่ได้อยู่บริษัทที่ว่านี้ แต่บริษัทเราทำงานให้้บริษัทที่ว่านี้อีกที แล้วก็ค่อยหันมาถามชื่อเล่นของเรา เราก็ตอบไป แล้วก็พูดๆ ไปก็ตามประสาโษกที่ต้องร่ายยาวไปเรื่อย

แล้วก็พูดเรื่องอะไรซักอย่าง เหมือนว่าทำงานสาขาไหนอะไรแบบนี้ แต่อาจเพราะเราอยู่ใกล้คนพุด แต่มันพุดออกไมค์ เสียงมันเลยไม่ค่อยชัดสำหรับเรา และเราเองก็ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามที่ว่าสาขาไหน เพราะเราทำงานเป็นเว็บมาสเตอร์ของผลิตภัณฑ์นี้มันไม่มีสาขาหรอก แต่โฆษกคงคิดว่าเราเป็นพีอาร์เชียร์สินค้า เลยถามว่าเราประจำที่สาขาไหน มันก็เลยจำเป็นต้องหยุดคิดสักนิดหนึ่งสำหรับเรา จึงไม่สามารถตอบไปได้ในทันที แล้วโฆษกฝีปากกล้า ก็หันมาถามซ้ำอย่างสนุกปากว่า "เอ้อ...ถามมึงนั่นแหละครับ ว่าทำงานที่สาขาไหน"

เป็นคำถามที่เราไม่อยากจะตอบเลย คนข้างล่างดูเหมือนจะชอบใจกับมุขคำหยาบของโฆษก หัวเราะชอบใจใหญ่ แต่ตอนนั้นเราเองรู้สึกไม่ดีเลย ของก็ไม่อยากได้ ก็ยิ้มเจื่อนๆ แล้วก็เดินลงเวทีมา

คำพูดแค่เสี้ยววินาที แต่เชื่อไม๊มันทำให้เราเกลียดคนที่พูดกับเรา และเกลียดเราที่ยืนอยู่ตรงนั้น มันรู้สึกแย่นะ ขนาดสองปีนี้ก็ยังแว่บมาในสมองแล้วทำให้เรารู้สึกแย่อยู่ คนเราไม่รู้จักกันไม่สนิทสนมกัน ไม่น่าจะมาใช้คำพูดเรียกคนอื่นว่ามึง จะเพราะอะไรก็ไม่ควร ไม่อยากจะเชื่อว่าคนพวกนี้จะยังคงทำงานในด้านนี้ได้ต่อไป ยิ่งเราเป็นผู้หญิงนะ ก็อยากจะถูกปฎิบัติจากผู้ชายด้วยความให้เกียรติ แต่มันคงหายากในสังคมยุคปัจจุบัน

หลังจากนั้น เราก็เดินกับคุณแฟนอีก สองสามซุ้ม แต่ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่แ้ล้ว ก็เลยชวนกันกลับ ขากลับมานั่งรอรถอยู่ ก็เจอคุณป้าคนนึง นั่งรอรถอยู่เหมือนกัน แกก็ถามสายรถเมล์ เราก็ตอบแกไป แล้วแกก็ชวนคุย พูดจากับเราด้วยความเอ็นดู เราทั้งคู่ ให้ลูกอมมาด้วย พร้อมกับเอกสารยาสมุนไพรที่แกได้จากในซุ้มหนึ่งของงาน มาให้อ่าน ก็รู้สึกดีนะ ที่มีคนเอ็นดูเรา ความรู้สึกแย่ๆ ก่อนหน้านั้นค่อยดีขึ้นมาหน่อย

และขณะที่นั่งรอรถเมล์ที่ค่อนข้างจะนานแสนนานเหมือนกัน เพราะมีสายเดียวที่จะถึงบ้านเลย แล้วก็ดึกมาแล้ว รถก็ไม่ค่อยมี เรานั่งอยู่แถวๆ สวนสัตว์ดุสิตอ่ะนะ เพราะเดินทะลุออกมาจากทางนั้นเพื่อจะมารอสาย 18 ขณะรออยู่ถนนโล่งๆ ก็มีรถขบวนเสด็จ ของสมเด็จพระเทพฯ ซึ่งเป็นขากลับจากงานกาชาดนั่นเอง รู้สึกคุ้มค่าที่มาในวันนี้ ถึงจะเจอคนแย่ๆ แต่ก็ได้เจอสิ่งที่ดีๆ และมีค่ามากกว่า

จากเรื่องหนังกับเรื่องส่วนตัว ^^ มันดูไม่เกี่ยวกันเนอะ แค่จะบอกว่าถึงแม้เราจะไม่ชอบคนที่เป็นโฆษก และแอบคิดว่าคนอย่างนี้น่าจะถูกลงโทษจาก...ที่ใดที่หนึ่ง แต่ใจจริงลึกๆ เราก็ไม่อยากให้เค้าโดนเหมือนในเรื่อง ซอว์ นะ เชื่อว่า ทุกคนเกิดมาด้วยเหตุและผลอะไรสักอย่าง ตายด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง คนมีไม่รู้กี่ล้านต่อกี่ล้านคน ต่างอยู่บนโลกนี้ด้วยเหตุและผลของตนนั้นๆ และดำเนินไปตามเส้นทางของใครของมัน การที่คนเพิ่งเจอทำให้เราเคือง ตราบใดที่ไม่ได้พบกันอีก ก็ปล่อยวางมันไป ให้เค้าเป็นไปตามเหตุและผลของตัวตนที่เค้ามีเถิด....สาธุ




Create Date : 23 ธันวาคม 2553
Last Update : 23 ธันวาคม 2553 14:31:03 น. 2 comments
Counter : 411 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ

ใช่แล้ว.. ต่างคนต่างเหตุผล..

แวะมาทักทายค่ะ


โดย: LoveTurJang วันที่: 23 ธันวาคม 2553 เวลา:15:21:22 น.  

 
คนแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ บางทีเจออะไรที่ไม่ถูกใจ เราก็ต้องทำใจ . . .
แต่เรื่องพิธีกร อันนี้คิดว่ามันเกินไปค่ะ ไม่ได้รู้จักกันสนิทก็ไม่ควรจะพูดกับคนอื่นแบบนั้น
แต่ก็ยังดีนะคะขากลับเจอคุณป้าน่ารัก น่าจะทำให้หายเซ็งไปได้เยอะเรย


โดย: Tisiny วันที่: 24 ธันวาคม 2553 เวลา:0:24:41 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

กระติ๊บริมทาง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นคนดีคนนึง ก็แค่นั้น อ่ะฮิ้วววว
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
23 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add กระติ๊บริมทาง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.