วันนี้มาว่ากันเรื่องของ งาน งาน งาน เสียมั่ง อรึ๊ย!!~ ... นานๆ จะได้มาโปรยเรื่องการงานลงในบล๊อกกะเขามั่ง ส่วนมากมีแต่บ่นเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยตามเรื่องตามราว....
แล้ววันนี้ไม่บ่นหรา??.....
จะเหรือรื๊อออออ....~
พอดีเมื่อวานไปออฟฟิตมา ทำงานอยู่เกือบครึ่งวัน ก็ไปกินข้าว แล้วออกไปหาลูกค้ากับคุณบอส ก่อนไปก็สรุปงานกันนิดหน่อย ว่าจะเอาอะไรไปเสนอคุณลูกค้าบ้างวันนี้ ช่วงนี้ที่ออฟฟิตคึกคัก มีคนทำงานอยู่หลายคนเชียว แตกต่างจากก่อนหน้านี้มากมาย เพราะก่อนหน้านี้มีเรากะคุณบอสสองคนเงี๊ยบ......เงียบ แต่นั้นแหละเราไม่ได้ไปทำงานที่ออฟฟิตทุกวันนินา
ด้วยว่าเริ่มแรกเราเริ่มงานด้วยสถานะพนักงานไม่ประจำ....ก็คือพนักงานชั่วคราวนั้นแหละ....โดยส่วนมากก็นั่งทำงานอยู่ที่บ้านถึงเวลาก็ส่งงานไป.... ระยะต่อมาก็มีการแนะนำการใช้งานระบบที่เขียนไปให้ลูกค้า ถัดมาอีกก็เริ่มต้องไปประชุมกับลูกค้าด้วย.....
แต่เราก็ยังคงทำงานที่บ้านอยู่สักระยะหนึ่ง จนกระทั่งต้นปีที่ผ่านมา หลังจากคุยกันมาหลายๆ รอบ ก็โอเช ให้ทางบริษัทยื่นเข้าประกันสังคมไปเป็นพนักงานบริษัท ทีแรกเราไม่อยากเข้า เหอะๆๆ เพราะคิดว่าทำฟรีแลนซ์มันน่าจะสะดวกใจกว่า ความคิดเห็นหรืออะไรต่างๆ มันก็ดูจะอิสระเสรีมากกว่า อย่างเช่น บางอย่างที่เราคิดว่ามันนอกเหนือหน้าที่เราก็ปฏิเสธได้ หรืออะไรที่นอกเหนือขอบเขตคำว่าฟรีแลนซ์เราก็สามารถพูดออกไปได้เต็มปากเต็มคำ แต่ตอนต้นปีนอกจากการเปลี่ยนแปลงด้านบนที่ว่ามา ก็มีเพิ่มเติมนิดหน่อย คือ การเข้าออฟฟิตทุกอาทิตย์นั่นแล....อ่ะนะ ได้อย่างมันก็คงจะต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนกันบ้าง ... ไม่คิดไรมากเพราะมันก็แค่ อาทิตย์ละ 2 วัน ชิมิๆ ต้นปีที่ผ่านมาก็มีงานเข้ามาเยอะพอสมควร แต่งานด้านเราทำมีอยู่คนเดียว งานด้านอื่นๆ ของออฟฟิตคุณบอสก็เริ่มหาคนเข้ามาทำ ทำให้ที่ออฟฟิตเริ่มมีอะไรมากขึ้นมา และแล้ว.....วันหนึ่ง ซึ่งงานเริ่มล้นมือเรา....คุณบอสจึงคาดว่าจะหาผู้มาช่วยทำในงานส่วนของเรา..... เราก็ดีใจนะ เพราะงานมันสุมหัวจริงๆ ช่วงนั้น แต่หาจนแล้วจนรอดก็มิได้คนมาช่วย เราก็ทำมาเรื่อยๆ จนงานเริ่มพอคล่องตัว ณ ตอนนี้ก็เริ่มมีเด็กฝึกงานมั่งอะไรมั่ง งานในส่วนของเราก็ยังพอไหลไปตามเวลาได้ กระทั่ง...ณ....yesterday หลังจากคุยสรุปงานกันก่อนจะออกไปพบคุณลูกค้า คุณบอสก็เอ่ยขึ้นมาว่า.... " ตอนนี้อะไรๆ ก็ยังไปได้เรื่อยๆ เนอะ แต่งานถ้าเรารีบปิดก็ดี เสร็จไวเราก็จะได้รับงานอื่นๆ มาได้ แล้วช่วงนี้กำลังจะมีงานเจ้าประจำซึ่งทำกันมาทุกปี กำลังจะมีเข้ามา พี่ก็เลยอยากให้น้องมาเข้าออฟฟิตบ่อยขึ้น...." (ภาพความรู้สึกในใจ ณ ตอนนั้น) (อันนี้ภาพที่แสดงออกเบื้องหน้า) เหอะๆๆๆๆ......และคุณบอสก็ร่ายต่อไปว่า " อาจจะเป็นซักจากเดิม 2 วัน เป็น 3 วัน ดีไม๊ ดีไม๊ " .... แหะๆๆๆ...."ได้ค่ะพี่...."
จากแต่เดิมเป็นฟรีแลนซ์ก็ดีอยู่แล้ว....เราเองก็แอบคิดว่าคุณบอสคงกำลังพยายามสร้างความเคยชินให้เรา สักพักก็คงเข้าออฟฟิต 5 วันเต็มเหมือนพนักงานปกติ แต่ความเคยชินเรามันก็จะต่างกันไป..... จริงๆ บ้านกับออฟฟิตไม่ไกลกันมาก แต่นั่งรถหลายต่อจากบ้านเรา ต้องขึ้นๆ ลงๆ รถ ข้ามสะพานลอยไปมา กว่าจะถึงออฟฟิตแต่ละวันเรียกได้ว่า เยิน-เยิน ขากลับไม่ต้องพูดถึง....ถึงบ้านไม่ต้องทำอะไรกัน เหนื่อยจนข้าวก็ไม่อยากกิน (แต่ไม่ผอม >"<) ยังไม่รวมโรคภูมิแพ้อากาศที่เป็นๆ หายๆ เวลาที่อยู่ในฝูงชน หรือรถเมล์รถตู้ตอนเช้า จะเป็นจะตายเสียให้ได้ เพราะมันค่อนข้างหลากหลายกลิ่น เวลาเจอกันที่ออฟฟิตทีคุณบอสมักจะบอกว่าก็ดูไม่เห็นเหมือนคนเป็นโรคภูมิแพ้เลยนะ ดูหน้าตาเปล่งปลั่ง .....ฮ่ะๆๆๆ คุณบอสขา เม้คอัพทั้งนั้นแหละฮ่ะ... หลังๆ มาส่วนมากเราจะอาศัยแท๊กซี่ในการไปทำงานซะมากกว่า เพราะไม่ต้องไปบ่อย เลยยอมจ่ายค่าแท๊กซี่ มีบางวันเหมือนกันที่นึกอยากประหยัด ก็นั่งรถเมล์ไป......ผลลัพธ์ออกมาไม่คุ้มเลย เพราะต้องนั่งหายใจทรมาณทั้งวัน แต่ถ้าไปบ่อยขึ้นเห็นทีค่าแท๊กซี่เราเองคงจะจ่ายไม่ไหว ไม่งั้นจาเอาไรกิ๊นนนนน นอกจากนั้นแถวนั้นมันไม่ค่อยมีร้านข้าว งิๆ แบบว่าตอนกลางวันต้องรอคุณบอสพาไปกินข้าวตลอด แถมคุณบอสก็เลี้ยงตลอดจนติดเป็นนิสัยซะละทุกวันนี้ แต่ตอนนี้คนเยอะ จะมาให้เลี้ยงตลอดก็เกรงใจอ่ะ แถมติดกาแฟ ต้องกรึ๊บมันทุกวัน....แถวอออฟฟฟิตต้องซื้อกาแฟเข้าไป ที่ออฟฟิตมีกาแฟร้อน แต่เราดันติดกาแฟสดเย็นๆ ร้านอยู่ข้างนอกหมด แพงด้วย บางวันคุณบอสพาไปร้านแพง งิๆ
แล้วออฟฟิตเป็น โฮมออฟฟิต ก็อยู่ในหมู่บ้านอีกที ถามว่า ทำไมอิชั้นไม่ออกไปหาข้าวกินเอง ไม่ออกไปหาซื้อกาแฟกินเอง อ่าาาา...เคยนะ....นั่งมอไซค์จากปากซอยตอนนั้นไปซื้อข้าวแหละ แต่ละขา 20 บาทง่ะ ตอนไปออกอาศัยไปกับพี่คนนึง ขากลับนั่งมอไซค์เข้ามาเอง 20 บาท เกือบได้ค่าข้าวเลยนะนั่น นอกจากเรื่องสไตล์การทำงาน การคุยกันเรื่องงานเข้าใจตรงกันได้ง่ายแล้ว เรื่องอื่นเราเองปรับตัวยากอยู่นิดนึง .....เ่อ่อ....มันคงเป็นความผิดเราเองอ่ะเนอะ ที่ไม่รู้จักปรับตัว......ให้เข้ากับสถานที่...... มีอยู่วันนึงปิดงานค่อนข้างเย็นจากออฟฟิต หลังจากคุณบอสมาส่งหน้าปากซอย (เพื่อให้เราประหยัดค่าวินมอไซค์) เราก็ข้ามสะพานลอยมาขึ้นรถต่อที่สอง และไปลง ณ จุดที่ต้องขึ้นต่อที่ 3 ปรากฏว่ารอนานมากๆ ..... จนแบบว่ามันมืดแย้ว ... เราก็ยังไม่เห็นสายที่เราจะนั่งเลย....สุดท้ายก็คงต้องโบกพี่แท๊กซี่..... ปกติการเดินทางของเรา ไป 4 ต่อ กลับ 4 ต่อ ขึ้นๆ ลงๆ มันอยู่อย่างนั้นแล..... เห้อ....แพล่มไปก็คงหาทางแก้ไขยากเน้อ...นอกจากจะรวยกว่านี้ละซื้อรถสักคัน หรือหางานใหม่ที่มันไปไม่กี่ต่อ .... แต่ทว่าเวลาเราไปอยู่ ณ สังคมแห่งใด มันย่อมก่อเกิดความผูกพันธ์ตามมา จะไปไหนตอนนี้ก็ยากนิดนึง .... มันก็เลยพูดอะไรมากไม่ได้อีก .... เมื่อเราตกลงไปขึ้นทะเบียนเข้าเป็นพนักงาน.... ก็เท่ากับเราก้มหัวลงไปในโอ่ง.....นานวันเข้าหัวมันก็คงจะจิ้มลงโอ่ง ขาชี้ฟ้าเป็นแน่แท้.....ดังนั้น....มันเหมือนเป็นหน้าที่ที่เราต้องตอบไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ว่า... ....ได้ค่ะพี่...ดีค่ะท่าน...ตามนั้นค่ะนาย....
ยัง....ยังติดลมได้อีกค่ะ เมื่อวานหลังจากออกไปตะลอนๆ ข้างนอกกลับบ้านมา มึนหัว....เมารถฮ่ะ นั่งแท๊กซี่ทั้งวัน ขึ้นๆ ลงๆ ลงๆ ขึ้นๆ เหมือนกัน เพราะเมื่อวานออกข้างนอก กลับมาถึงบ้านตอนเย็นคุณแฟนต้องไปหามะม่วงมาประเคน จัดไปให้หายเมารถ อนาถตัวเองในใจลึกๆ ^^ บางคนคง งง แบบว่านั่งแท๊กซี่ยังเมารถได้อีกหรา....อ่าาาา มันต่อหลา่ยคันอ่ะค่ะ....กลิ่นมันก็หลายกลิ่นไปด้วย....
อาบน้ำกินข้าวเสร็จไม่มีอะไร นอน(เกือบ)หลับสนิท ช่วงนี้นอนหลับ แต่รู้สึกตัวอยู่ทั้งคืน จนกระทั่ง ตี 3 อาการก็ออกมาอีกแล้ว....หายใจไม่ออก รู้สึกเหม็นกลิ่นเล็กๆ น้อยๆ ในบ้าน (คนอื่นไม่ได้กลิ่น หรือได้กลิ่นแต่เค้าไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนเรา) ฮึดๆฮัดๆ อยู่นานกระทั่งตี 4 คุณแฟนตื่นมา บีบๆ นวดๆ หลังให้ ...เพราะนอกจากภูมิแพ้อากาศแล้ว ยังมีกรดไหลย้อนด้วย ทำให้หลายๆ คืนต้องสะดุ้งลุกขึ้นมานั่งเพราะอึดอัด จุกแน่นหน้าอก ผะอืดผะอม...ท้องป่าว??? ......555 มีเพื่อนเคยถามเหมือนกัน แต่ก็นะ...ป่าวฮ่ะ....เป็นแบบนี้มานาน ....ทรมาณจริงเชียวววว....
เห้อ......นึกถึงอาการที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวเดี้ยงแล้วก็ปวดหัว.....เมื่อก่อนบางวันนอนไม่ได้กลางคืนก็ลุกมานั่งทำงาน เดี๋ยวนี้นอนไม่ได้ก็ต้องบังคับตัวเองให้นอนให้ได้....ยาก.....เน้อ....ไม่อยากติดการนั่งทำงานกลางคืนแล้วง่าาาา
|