พิดโลก #2 (Happy New Year)

และแล้วก็ได้เวลา ออกนอกกะลาตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่ตอนต้นเดือนธันวา 53 เพิ่งไปมาครั้งแรก จากรอบหลายๆ ปีที่ไม่ได้ออกไปไหนๆ ไปครั้งก่อนกลับมาสดชื่นมากมาย ถึงจะไปแค่ 2 วัน 1 คืน รอบนี้น่าเสียดายที่หยุดปีใหม่น้อยไปหน่อย สำหรับออฟฟิตคุณแฟน หยุดแค่ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เราก็เลยต้องเดินทางกันวันที่ 31 ตอนบ่ายๆ เพราะจองตั๋วได้เวลานั้น จริงๆ อยากไป 30 ธันวา เย็นๆ แล้วแต่ไม่มีเที่ยวรถ ขนาดได้ 31 บ่ายๆ นี่ก็จองตั้งแต่วันที่ 25 ธันวา แต่ยังไงก็โชคดีที่จองเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ไม่ต้องไปรอ

ออกเดินทาง จากบ้านหลังจากเก็บข้าวของ จัดแจงสัมภาระให้น้องหมาได้อยู่กันอย่างสุขสบายแล้ว ก็เวลา 14.30 น. ยืนรอแท๊กซี่นานโพดๆ เงียบมากๆ แต่สักพักก็มาและไปทันรถรอบที่จองไว้ก็คือ 15.30 น. ตลอดทางก็เหมือนเดิม นั่งๆ นอนๆ แต่เราเองไม่ค่อยสบายซักเท่าไหร่ ก่อนหน้า 3 วัน ออกไปทำงานนอกบ้าน เข้าออฟฟิตทั้ง 3 วัน ไม่รู้ไปติดจากไหนมา เล่นเอาป่วยเลย รถทัวร์ขับเรื่อยๆ ตลอดทางรถไม่ติดเลย คงเพราะเขาไปกันหมดตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาแล้วกระมังเนอะ

นั่งไปนั่งมา ก็ถึงที่พักรถ ถึงจะเย็นแล้วแต่ร้านของฝากยังเปิดอยู่ เราก็เจ็บๆ คอ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเลยเดินลงไปหากาแฟกิน แล้วก็ซื้อขนมไปฝากพ่อซะหน่อย เดินๆ ไปสั่งกาแฟสดที่กินๆ ช่วงนี้ก็คือ คาปูชิโน่ปั่นด้วยซะหน่อย มีขนมในร้านกาแฟ เป็นขนมปังแล้วมีสีเขียวๆ เหมือนผักอะไรซักอย่าง ดูน่ากิน ก็เลยหยิบมากินบนรถด้วยห่อนึง จ่ายตังค์ หมดไป 115 บาท แม่จ้าวววว ขนมห่อเล็กๆ แพงมาก กาแฟเราพอรู้ราคาเพราะติดราคาไว้ ว่า 45 บาท ปั่นอีก 10 บาทก็ 55 บาท ที่เหลือนั่นคือค่าขนม ห่อเล็กๆ

หันไปหยิบกาแฟมา....ง่ะ ไหงคาปูหนูใส่วิปครีมมาให้ซะยังงั้น ไม่ได้สั่งนา... ฟองนมก็ไม่มี ปกติกินแถวบ้าน จะปั่นไม่ปั่นเค้าก็ใส่ฟองนมให้ตลอด แล้วเราไม่ชอบกินวิปครีมด้วยจิ เห้อ...เซงเยย กลายเป็นค่ากาแฟ + อีก 10 บาท เพราะใส่วิปครีมก็อีก 10 บาท ไม่ได้สั่งแต่ใส่ให้ ไอ้เราก็นึกว่าจะใส่ฟองนมง่ะ ก็เห็นนมสดกระติกเบ้อเริ่ม... เดินหน้าเซงๆ ออกมา ลองดูดดู 1 ที อ่ะ รสชาติพอใช้ได้ ดีนะที่ชงอร่อย ไม่งั้นไม่กินเลย เหอะๆๆๆ (แล้วใครจะสนล่ะเนอะ ซื้อจ่ายตังค์เค้าไปแล้น หล่อนจะกินหรือไม่กินเรื่องหล่อนเด่ะ !! )

หมดเวลาพักก็ขึ้นรถมุ่งหน้าสู่พิษณุโลก นั่งแป๊บๆ ก็ถึง มอนอละ หยิบโทรศัพท์มาโทรหาแม่ มารับได้แว้วคร่าา หนูจะเถิงแว้ววเด้อ.... รถทัวร์ถึง บขส เวลา 20.00 น. รถโล่งๆ วิ่ง 4 ชั่วโมงครึ่งถึงที่หมาย

ถึงบ้านก็เทของฝากออกจากกระเป๋า เป็นเสื้อคู่ อิอิ คู่ละชุด ของพี่คู่นึง แม่คู่นึง ละก็สาวๆ พิเศษหน่อย เครื่องสำอาง 5555 ไม่ค่อยเลยบ้านนี้ ของพ่อก็ขนม เพราะพ่อชอบมากกกกกก ทักทายกันเสร็จก็ได้เวลากินข้าวกินปลา อาบน้ำเตรียมนอน ก่อนนอนที่นั่นเค้าก็จัดงานเหมือนกันแต่เราไม่ได้ออกไปไหน เพราะไอ้พี่ชายไม่อยู่ ไปถ่ายงานที่ตาก ส่วนพี่สะใภ้ต้องเข้าเวร อ่ะๆๆ เราเลยนั่งดูพลุดูโคมกันที่บ้าน ดึกๆ ก็เข้านอน น้ำเย็นๆ อากาศดีๆ หลับสนิท

ประมาณตี 5 ได้ ก็ตื่นมาเพราะไอ้คุณพี่เพิ่งกลับมาจากถ่ายงานที่ตาก ที่ต้องตื่นเพราะเรานอนในห้องทำงานมัน เค้าเลยเคาะเปิดเอาของมาเก็บหน่อย ละก็หายหัวไปนอน เจอกันอีกทีเช้าๆ สายๆ ละ ต่างคนต่างตื่นสายกันหมดทั้งบ้าน เอิ๊กๆๆ

เช้ามากินข้าวกินปลา แล้วก็รอพี่มันสะสางงานนิดหน่อยก็ออกไปวัดกัน ไปไหว้ขอพรเจ้าแม่กวนอิมหยกขาว ที่วัดราชคีรี ระหว่างทางวิวสวยดี ที่นี่จะมีฆ้องใหญ่ที่ให้ลูบกันด้วย ว่ากันว่าลูบแล้วจะมีเสียงดังออกมา แม่กับพี่ๆ พากันไปลูบกันใหญ่ รวมทั้งคุณแฟน เหอะๆๆ แต่เราจิ แพ้กลิ่นธูป สักการะเจ้าแม่กวนอิมหยกแล้วก็มายืนดูเขาลูบกัน ^^

สักพักเราก็ไปต่อที่จุดชมวิวของระแวกนี้ เค้าเรียกกันว่า ดอยสุเทพ 2 ที่นี่ไปเจอลิงน้อยตัวนึงอายุประมาณขวบนึงได้ นั่งต้อนรับอยู่ทางเดินเข้า สงสัยว่าน้องเขาจะดื้อ เลยถูกล่ามโซ่ไว้ ชื่อ เจ้าเฮงเฮง เดินไปอีกหน่อยก็เจอกับเจ้าทอง ดูแล้วน่าจะเป็นน้องหมาพันธุ์ผสมโกลเด้นมา ถือขันเดินไปมา ผู้คนที่่ผ่านไปมาก็หย่อนเงินลงไปในขัน แต่ทว่าพอกลุ่มเราเดินผ่านไป เจ้าทองกลับเดินเข้ามาหาพี่สะใภ้เราและปล่อยขันทิ้งซะงั้น แบบว่ามาออเซาะน่าดูชม

พอขึ้นไปถึงจุดชมวิว ที่นี่สวยมากๆ จริงๆ ที่ที่อยู่เป็นเขามองลงไปข้างล่างได้ไกลมากๆ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมาซักเท่าไหร่ เราเองไม่ได้เอากล้องไป เลยใช้แต่มือถือถ่าย มีน้องปลาดุกเผือกด้วย


อันนี้สวยดี


รูปปั้นกวนอู


ที่นี่ถ่ายรูปมาไม่เยอะ ส่วนมากมีแต่กล้องพี่ชายถ่าย มือถือเรามันถ่ายไม่ค่อยสวย เหอะๆ แต่ก็ยังอยากถ่ายเนอะ

ตกค่ำก็หาซื้อข้าวของมาทำหม่ำำกันตอนกลางคืน เสียดายที่พี่สะใภ้ต้องเขาเวรกลางคืนอีกแว้ว ก็ซื้อข้าวแล้วแวะเอาไปให้ที่โรงพยาบาลแล้วพวกเราก็กลับมาทำกับข้าวกินกัน คืนนี้ไอ้คุณพี่โชว์ฝีมือต้มขาหมูพะโล้ ส่วนเราก็ปิ้งๆ ย่างๆ ปลาหมึก กะหมูแล่บางๆ ย่างทำสเต็ก หม่ำกัน จุดดอกไม้ไฟเล่นกันเองในบ้านหนุกหนาน กินกันจนพุงกางละก็อาบน้ำนอนตามระเบียบ รุ่งเช้าพ่อแม่กับพี่ๆ เค้าก็ตื่นกันแต่เช้าเพราะเตรียมของไหว้เจ้าที่เจ้าทางกัน ส่วนเรายังป่วยไม่เลิก เสียงหายไปกับปีเก่าซะแล้ว ได้แต่นั่งๆ นอนๆ แหบสนิท

บ่ายๆ ได้ฤกษ์ออกไปตะลอนกันอีกครั้ง บ่ายนี้มุ่งหน้าไปกันที่น้ำตกสกุโณทยาน น้ำแรงมากๆ ขนาดเป็นช่วงหน้าหนาวนะเนี่ย แล้วหน้าฝนจะแรงขนาดไหน


เดินข้ามสะพานไป ไม่มีไร ถ่ายรูปละก็กลับ แถมถ่ายย้อนแสงอีกต่างหาก รูปออกมาเลยหน้าดำๆ อย่างนี้ ข้างหลังนู้นจะเห็นว่ามีเรือให้เช่าด้วย นอกจากเรือก็มีพวก ห่วงยางกะเสื่อ ที่คนที่มาเที่ยวก็เช่ามานั่งกันอยู่ริมน้ำ ส่วนมากมากันเป็นครอบครัว แต่เรากับที่บ้านไม่ได้เช่าอะไรแค่มาเดินดูจ้า


ก่อนจะเดินข้ามสะพานกลับไปฝั่งกระนู้นก็เหลือบเห็นน้องหมานั่งชิลๆ อยู่ข้างตีนสะพาน ใส่เสื้อซะเก๋เชียว


เดินกลับมาฝั่งถนนแล้วก็เดินดูน้ำตกไปเรื่อย ขึ้นๆ ลงๆ โขดหินที่ทิ้งร่องรอยของน้ำที่เหือดแห้งไป เดาว่าหน้าฝนน้ำคงขึ้นสูงกว่านี้






น้ำตก สวยๆ แต่แฝงไว้ด้วยความน่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย




มองไกลๆ สวยเหมือนกันเนอะ จริงๆ คนแยะนะวันที่ไป แต่เค้าเล่นกันตรงสะพานนู่นซะมากกว่า ไม่ค่อยมีใครมาทางนี้


ภาพสุดท้ายของที่นี่ น้ำบ่อน้อยๆ กับผู้บ่าวซำน้อย ยกมือยกไม้ ไม่รู้แปลว่าไร


กลับจากน้ำตกก็กลับบ้านกัน นั่งๆ นอนๆ ตามอัธยาศัย เตรียมเดินทางกลับบ้านในเวลาเที่ยงคืน สามสิบนาที

มาครั้งนี้เซ็งอยู่ 2 อย่าง คือ ป่วย กับเวลาน้อยไปหน่อย ไม่ค่อยได้ทำอะไรมากมาย หวังว่ารอบหน้าคงไม่เป็นอย่างนี้เหอะๆๆ

ใกล้เวลารถทัวร์ออกก็เตรียมอาบน้ำกัน เสร็จก็ไปรอรถออกคนเยอะมากๆ รอบสุดท้ายพอดี รถทัวร์ 6 คันแน่ะ เต็มทุกคัน ขึ้นรถแป๊บๆ ก็หลับ ตื่นมาอีกทีถึงรังสิตละ เร็วมากมาย คงเพราะกลางคืนถนนโล่งมากๆ และสุดท้ายก็ถึงหมอชิตในเวลา เกือบๆ ตีห้า รถมาติดเอาตอนที่จะเข้าหมอชิตนี่แหละ

พอรถจอดก็เดินลงรถ ไปฝั่งด้านหน้าของหมอชิตก่อน เพราะต้องไปส่งแม่นั่งรถกลับบ้านที่สระแก้วต่อ ซื้อตั๋วเสร็จได้เที่ยวรถกำลังจะออกพอดี ส่งแม่ขึ้นรถเสร็จเรากับคุณแฟนก็เดินออกมาด้านหน้า หวังว่าจะมีแท๊กซี่กลับบ้านเนอะ เพราะไม่อยากเดินไปขึ้นข้างหลังแล้ว แบบว่าก็ไกลพอตัวอ่ะ

แต่ที่ไหนได้ แท๊กซี่ที่จอดๆ อยู่ด้านหน้าที่เป็นที่ให้มาจอดส่งผู้โดยสาร ไม่มีคันไหนยอมมานนทบุรีเลย แล้วรออะไรกันหว่า ก็เห็นเปิดไฟแดงว่างไว้ทั้งนั้น พอเราบอกมานนทบุรี บอกให้ไปคันอื่นหมดเลย นี่อ่ะนะ แท๊กซี่ไทย ยังไม่พอเท่านั้น เดินมาจนเจออีกคัน อุบาทว์สุดๆ เราถามว่าไปนนทบุรีมั้ย คุณแท๊กซี่ตอบออกมาอย่างไม่รีรอว่า 450 บาท มันดูจะเกินไปจริงๆ แท๊กซี่แถวนี้ นั่งไป-กลับ บ้านเรากับหมอชิตยังไม่ถึง 450 บาทเลย นี่คุณเธอจะเอา 450 บาท....ถุยยยยยย.... ไม่ขึ้นก็ได้วะ (ขออภัยหากเริ่มมีถ้อยคำไม่สุภาพ)

เรากับคุณแฟนเลยจูงมือกันเดินไปขึ้นรถเมล์ทันรถเมล์สาย 134 กำลังจะออกพอดี ค่ารถคนละ 9 บาท มาลงปากซอยท่าอิฐ ถนนรัตนาธิเบศร์ แล้วต่อแท๊กซี่เข้าบ้านอีกที ก็ไม่ถึงร้อย เบื่อมากมายมาตรฐานรถบริการในเืมือง วันก่อนๆ นู้นนั่งรถเมล์แดงๆ ที่บางครั้งก็เอามาวิ่งให้ขึ้นฟรีๆ เพราะภาษีประชาชนนี่แหละ ปกติค่ารถเมล์จะอยู่ที่ 7 บาท วันนั้นนั่งจากท่าอิฐไปบางใหญ่ ขาไปนั่ง 134 แอร์ ค่ารถ 11 บาท ขากลับนั่ง 134 สีแดง ก็ขึ้น 2 คน ให้แบงค์ 20 ไป บอกว่าลงเซ็นทรัลฯ แต่ไม่รู้คนเก็บเงินเข้าใจผิดว่าเซ็นทรัลลาดพร้าวหรือเปล่า บอกว่า ต้องเพิ่มอีก 4 บาท (แม่จ้าว คนละ 12 บาท แล้วไมตรูไม่ขึ้นรถตู้ หรือแอร์ไปเลยฟระ )

เป็นงงเลย มาจากหมอชิตก็ข้ามแม่น้ำมาเหมือนกัน แต่ 9 บาท มันก็ไกลโพดๆ นะจากหมอชิตมา ท่าอิฐ แต่จากบางใหญ่ไปเซ็นทรัล 12 บาท แล้วอิคุณแฟนก็เอ๋อ ไม่บอกว่าเซ็นทรัลรัตนาฯไปด้วย หรือคนเก็บตังค์เบลอ ก็ไม่ถามว่าเซ็นรัลไหน หรือว่ามันราคานี้ถูกแล้ว รถเมล์แดง เดี๋ยวนี้ราคาหลักสิบ เอาเข้าไป...

บ่น ๆ ได้อีก เหอะๆๆ อดไม่ได้ๆ

ยังไงก็ขอให้ทุกๆ ท่านที่เข้ามา หรือผ่านมา สุขสันต์ สุขขี ปีใหม่ โชคดีมีเงินใช้ไม่ขาดมือ สุขภาพแข็งแรงกันทุกๆ คนนะเจ้าคะ


Create Date : 03 มกราคม 2554
Last Update : 4 มกราคม 2554 15:11:22 น. 1 comments
Counter : 956 Pageviews.

 
ชอบพรที่ว่าโชคดีมีเงินใช้ไม่ขาดมือจั้งเลยจ๊ะ เค้าขอรับไว้อย่างเต็มใจนะจ๊ะ 55555555

ฝันดีค่ะกระติ๊บ


โดย: หัวใจแก้ว วันที่: 5 มกราคม 2554 เวลา:0:25:27 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

กระติ๊บริมทาง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นคนดีคนนึง ก็แค่นั้น อ่ะฮิ้วววว
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
3 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add กระติ๊บริมทาง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.