จากโจทย์ของคุณ เป็ดสวรรค์ "ต่าย...ต่าย.."เสียงเรียกพร้อมเขย่าร่างของฉันอย่างแรงทำให้ตกใจตื่นขึ้นจากภวังค์ที่มีแต่เสียงสับสนวกวนอยู่ในสมองเต็มไปหมดหยุดชะงักลง ฉันลืมตาขึ้นมองไปรอบๆยังมืดอยู่เลยได้ยินแต่เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มและแอร์เย็นเฉียบจนหนาว ฉันไปมองที่ร่างข้างๆ "แหม่ม.....ถึงไหนแล้วเนี่ย" ฉันถามอย่างงงๆเพราะเผลอหลับไปนาน "เถิน แล้วล่ะใกล้ถึงเกาะคาแล้วนะ" "ฮะ... ทำไมมันมืดจัง นี่กี่โมงแล้วเนี่ย " ฉันถามอย่างแปลกใจ ปกติถ้าถึงอำเภอเถินฟ้าน่าจะเริ่มสางแล้วและสักพักรถก็จะเข้าสู่อำเภอเกาะคาตามปกติที่ออกจากกรุงเทพฯโดยรถทัวร์จะถึงบ้านก็ประมาณตี 4 หรือ ตี 5 ทุกที "ตี 2 กว่าๆหน่อย " แหม่มบอก "ฮะ " ฉันอุทานอีกครั้ง " ทำไมมันถึงเช้าจังไหนว่าจะถึงบ้านเราประมาณ ตี 5 หรือ 6โมงเช้าล่ะแหม่มถึงเช้าแบบนี้เราจะเข้าบ้านได้ไง" ฉันเริ่มไม่สบายใจแล้วล่ะ เพราะถ้ารถถึงบ้านตอนตึ 3 ฟ้ายังไม่สางเลยและรถก็จะจอดให้ลงแค่ปากทางฉันก็ต้องเดินเข้าบ้านไปอีกเป็นกิโลเลยนะและขอบอกตรงซอยปากทางต้องผ่านป่าช้าด้วยล่ะ โอย...ทำไมแย่แบบนี้ "รถเค้าออกเช้าแล้วก็ไม่ได้แวะที่ไหนเลยไงต่าย อาจารย์พจน์เค้ารีบกลับด้วยไม่รู้ใครที่บ้านเค้าเป็นอะไร เค้ามาขอพวกเราออกก่อนเวลาไง พวกเราก็เป็นห่วงทางบ้านเค้ากลัวจะเป็นอะไรมากก็เลยตกลงกลับก่อนกำหนดตั้ง 2 ชั่วโมง ตอนแรกเราจะไปเที่ยวหาซื้อของฝากกันก่อนก็ไม่ได้ไปกันเลย ต่ายมัวแต่หลับเลยลืมไปแล้วมั้ง" เสียงแหม่มเพื่อนครูที่สนิทกันบอก เออ...จริงสินะ พวกเราพากันมาทัวร์ทะเลและแวะรายทางตามที่ผ่านช่วงวิทยาลัยปิดเทอมเรามากันเป็นคณะโดยรถบัสของวิทยาลัย 1 คันและรถทัวร์เช่าอีก 2 คัน ฉันและแหม่มเลือกนั่งรถของวิทยาลัยเพราะคิดว่าปลอดภัยกว่า รถเริ่มออกจากวิทยาลัยตอน 1 ทุ่มกะว่าไปเช้าที่ชะอำกัน จากนั้นก็จะเข้าที่พักที่ทางวิทยาลัยจับจองไว้แล้วก็เที่ยวกันให้สนุกสนานเพลิดเพลินหลังจากที่สอนกันมาอย่างเหน็ดเหนื่อยทางวิทยาลัยจะจัดให้เราอย่างนี้ทุกปี เราจะมีโปรแกรมกันตลอดว่าปีนี้จะไปไหน ฉันกับแหม่มจะนั่งด้วยกันไปไหนมาไหนด้วยกัน2 คน นึกถึงเมื่อก่อนจะมีน้องนัทอีกคนไปด้วยกันเสมอ แต่ตอนนี้น้องนัทเสียชีวิตไปแล้วจึงเหลือฉันและแหม่มที่จะไปไหนๆด้วยกันเพื่อนครูคนอื่นๆบางคนเค้าก็พาครอบครัวไปด้วยจึงไม่ค่อยได้ไปไหนด้วยกันสักเท่าไหร่ หลังจากที่เที่ยวกันอย่างหนำใจแล้วถึงวันกลับก็ตกลงกันไว้จะพาพวกเราแวะซื้อของฝากกันที่หนองมนแต่กลับมีเหตุการณ์ไม่ค่อยดีทางบ้านอาจารย์พจน์อาจจะเป็นแม่อาจารย์พจน์ที่แก่แล้วทำให้อาจารย์พจน์เป็นห่วงเพราะทางบ้านโทร.มาบอกแต่ไม่บอกรายละเอียดอะไร แกจึงจะปลีกตัวขึ้นรถทัวร์กลับเองแต่รถถ้าไม่ได้จองตั๋วต้องเสียเวลาและกลับยากแน่นอนพวกเราก็ขอร้องกันเองว่าเห็นใจอาจารย์พจน์ก็ตกลงไม่แวะซื้อของฝากและออกก่อนกำหนดก่อนรถคันอื่นส่วนรถอีก 2 คันกลับตามปกติ ฉันไม่เืดือดร้อนอะไรเพราะอยากกลับเร็วอยู่แล้ว ขึ้นรถก็นั่งหลับไปอย่างสบายใจ จำได้ว่าเหมือนฝันว่าได้ไปเที่ยวกัน สามคนเหมือนเคย มีฉัน แหม่ม และน้องนัท ในฝันเหมือนได้ไปเที่ยวกันอย่างสนุกสนานเสียงสับสนอื้ออึงที่ดังอยู่ในสมองอาจจะเป็นเสียงเพื่อนๆที่ร้องเพลงเฮฮากันอยู่ในรถและฉันก็ฝันไปด้วยมันพร่าเลือนไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ที่เห็นเด่นชัดคือมีน้องนัทไปด้วยนั่นเอง พอแหม่มปลุกตื่นใกล้จะถึงบ้านฉันเริ่มรู้สึกขนลุกเยือกเลย เพราะไม่อยากผ่านป่าช้าตอนดึกๆแบบนี้เลย โอย...นี่จะเดินเข้าบ้านได้ไงเนี่ย มืดก็มืด เปลี่ยวก็เปลี่ยว ขนาด2 ทุ่มก็ยังน่ากลัวแล้วทางเข้าบ้านฉันเนี่ย เพราะหมู่บ้านที่ฉันอยู่จะมีซอยต่อจากถนนซุปเปอร์เข้าไปอีกสักประมาณ 2 กิโลเมตร พอประมาณ ทุ่มหรือ 2 ทุ่มก็ไม่มีคนเดินผ่านกันแล้วเพราะต้องเดินผ่านป่าช้าที่เผาศพที่อยู่ข้างทางด้วยและมักจะมีเรื่องเล่ามาให้ได้ยินอยู่เสมอๆจนฉันเองก็กลัวๆจึงชวนแหม่มให้มานอนด้วยกันที่บ้านฉันก่อนและเช้าฉันก็จะขับรถไปส่งแหม่มที่บ้านเองดีนะที่แหม่มตกลงถ้าแหม่มไม่มาฉันนึกไม่ออกเลยว่าจะเดินกลับเข้าบ้านคนเดียวได้ไง ซอยก็เปลี่ยว ลึกก็ลึกแถมผ่านป่า่ช้าอีก โอ้.... นึกไปถึงวันแรกที่รถออก จุดนัดพบคือที่วิทยาลัยให้ทุกคนไปพร้อมกันที่นั่นความจริงบ้านฉันเป็นทางผ่านไม่ต้อง ไปขึ้นที่วิทยาลัยก็ได้แค่รอที่ถนนปากทางเข้าเพื่อคอยขึ้นรถก็ได้แต่ฉันกลัวจะไม่ได้นั่งกับแหม่มจึงยอมขึ้นรถไปลงที่วิทยาลัยขึ้นรถพร้อมเพื่อนๆดีกว่า ทุ่มตรงรถบัส 3 คันวิ่งตามกันออกจากวิทยาลัยในรถที่ฉันและแหม่มนั่งมีเพื่อนอาจารย์จากแผนกอื่นๆมาสบทบโดยเฉพาะอาจารย์แผนกช่างกลเนี่ยต้องบอกเลยว่าชอบสนุกเฮฮาส่วนมากผู้ชายเยอะจะมาขึ้นคันนี้หมดและตามมาด้วยแผนกโยธามีสาวๆมาด้วยหลายคนนอกนั้นก็เป็นแผนกสามัญสาวๆทั้งนั้นรวมทั้งฉันและแหม่มด้วย รถคันนี้จึงครึกครื้นกว่าเพื่อนมีการร้องเพลงเฮฮาไปตลอดทาง อยู่ๆรถก็มาจอดสนิทไปไม่ได้สตาร์ทยังไงก็ไม่ติด พวกเราเฮฮาอยู่ดีๆก็เงียบหมด บางคนก็ลงไปยืดเส้นยีดสายข้างล่างฉันเปิดม่านดูว่าถึงไหนแล้วแต่มีแต่แสงไฟจากถนนพอให้รู้เท่านั้นไม่ชัดเจนเท่าไหร่ พอฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ อ้าว...นี่มันปากทางเข้าบ้านฉันนี่น่า "ต่าย....เค้าให้ต่ายกลับบ้านได้แล้วถึงบ้านต่ายแล้ว " เสียงแหม่มล้อเลียนอย่างสนุกสนาน เสียงเพื่อนพอรู้ก็เฮฮาหัวเราะกันและบอกให้ฉันกลับบ้านได้แล้ว แต่ฉันสดุดในใจเยือก ไม่ใช่ธรรมดาแล้ว อยู่ๆขนลุกตั้งชันมาอย่างไม่รู้ตัวกำลังจะบอกแหม่มก็พอดีเพื่อนๆที่ลงไปก็เปิดประตูพากันขึ้นรถมาสักพักรถก็ติด ฉันนั่งนิ่งเงียบจากที่คิดว่าจะบอกแหม่มก็เฉยซะไม่บอกดีกว่ามันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ ช่างเถอะฉันอาจจะคิดมากไป เพื่อนๆคงลืมกันไปแล้วว่า ปากทางเข้าบ้านฉันก็เข้าบ้านน้องนัทด้วย น้องนัทชื่อเต็มนัทมนสอนด้วยกันมารู้จักกันมาก็สนิทกันมากเพราะบ้านเราอยู่ใกล้กันบางทีเราก็ไปทำงานด้วยกันบ่อยๆจนกระทั่งน้องนัทแต่งงานจึงห่างเหินกันไปเพราะคนมีครอบครัวแต่ไม่นานมานี้พวกเราต้องพากันมาเผาศพน้องนัทที่นี่ที่ป่าช้าทางผ่านเข้าบ้านฉันนี้แหละ เพื่อนๆคงลืมนึกไป น้องนัทเสียชีวิตเพราะฆาตกรรมตนเองฉันเสียใจมากรวมทั้งพ่อแม่พี่น้องเสียใจกันมาก ชีวิตครอบครัวบางทีก็สุขบางทีก็ทุกข์ฉันเห็นมาหลายคู่แล้วแต่ไม่อยากจะนึกเลยว่าน้องนัทจะเป็นมากถึงขนาดนี้เพราะความเข้าใจผิดกันแท้ๆน้อยใจสามีที่คิดว่าเค้านอกใจจึงใช้ผ้าอ้อมลูกรัดคอตัวเองแต่ไม่ได้ผูกกับขื่อหลังคาห้อยโตงเตงอย่างที่เห็นเพียงแค่นั่งพิงเตียงนอนและใช้ผ้าอ้อมลูกผูกคอไว้อย่างหลวมๆเท่านั้นเองเพราะคิดว่าสามีกลับมาเห็นแล้วจะตกใจขอโทษแล้วจะไม่ทำผิดอีก แต่การณ์ไม่เป็นเช่นนั้น สามีน้องนัทพอรู้ว่าตัวเองเมาและน้องนัทก็เป็นโรคภูมิแพ้ด้วยกลัวว่าน้องนัทจะเหม็นแล้วจะหายใจไม่ออกพอกลับมาดึกแล้วจึงยอมนอนนอกห้องไม่เข้าไปในห้องนอนก็หลับอยู่หน้าห้อง จนดึกเสียงลูกร้องไม่หยุดก็แปลกใจว่าทำไมน้องนัทไม่ดูลูกจึงเปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นน้องนัทนั่งพิงเตียงอยู่ในท่าที่คอตกแล้วรีบเข้าไปดูพร้อมร้องเรียกพ่อแม่ทุกคนวิ่งมารวมกันหมดและรีบเอาร่างน้องนัทไปโรงพยาบาลเพราะตัวยังอุ่นๆหายใจอ่อนๆอยู่แต่ก็ไม่ทันแล้วน้องนัทจึงจากไปตั้งแต่วันนั้น พอเผาศพน้องนัทแล้วก็มีแต่เรื่องเล่าจนไม่มีใครกล้าผ่านมาตอนดึกๆเลย แต่วันนี้ฉันและแหม่มใกล้จะถึงปากทางแล้วเสียงบอกให้เตรียมตัวลงปากทางเกาะคาแว่วมาจากคนขับ รถเริ่มชะลอและหยุดเราเตรียมสัมภาระแล้วค่อยๆเดินลงจากรถเสียงเพื่อนๆบางคนทีไม่หลับก็ให้พรโชคดีร่ำลากันแล้วรถก็จากไป พอรถจากไปสุดสายตาความเงียบเข้ามาครอบคลุมทันทีมีแต่แสงไฟวิบแวมๆแต่ไม่มีรถมาสักคันฉันเหลียวมองทางที่จะเข้าหมู่บ้านมีแสงไฟจากเสาไฟฟ้าเป็นระยะๆพอเห็นอะไรตะคุ่มๆไม่ชัดเจนเพราะแสงไฟอ่อนถึงอ่อนมากนะขอบอก สรรพสิ่งเงียบกริบฟ้ายังมีดาวกระจายเกลื่อน พระจันทร์เสี้ยวยังลอยอยู่ทางตะวันตกอยู่เลย "เอาไงต่าย...จะเดินเข้าไปเลยมั๊ยหรือจะนั่งอยู่ที่ศาลานี่ก่อนจนถึงเช้าค่อยไป" เสียงแหม่มถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ คิดว่าแหม่มก็คงจะกลัวเหมือนกัน "อย่าเลยแหม่ม ขึนนั่งอยู่ตรงนี้อันตรายกว่านะเราเดินเข้าไปนิดเดียวเองไม่เป็นไรหรอก " ฉันปลอบแหม่มไปอย่างนั้นแต่ในใจฉันมันเต้นโครมครามด้วยความกลัว นี่ถ้าฉันบอกแหม่มตอนที่รถดับก่อนไปตรงทางเข้าเนี่ยแหม่มคงกลัวไม่ยอมลงแน่ เพราะอะไรหรือ ก็เพราะว่าทุกคนต้องคิดว่าน้องนัทขอติดรถไปเที่ยวด้วยน่ะสิ ฉันว่าแหม่มคงไม่เป็นอันเที่ยวล่ะที่นี้แต่ที่ฉันไม่พูดเพราะยังไงๆก็ยังดีกว่าพูดไปให้เพื่อนเสียขวัญและตอนนี้ฉันเสียขวัญอยู่แต่ก็ทำเป็นไม่กลัวจูงมือแหม่มเดินจ้ำๆก้มหน้างุดๆเข้าหมู่บ้านไปทันที เสียงฝีเท้าเราเดินสวบสาบๆไปพร้อมๆกันท่ามกลางความเงียบไม่พูดไม่จากันเลยเสียงจิ้งหรีดเรไรร้องระงมไปหมด ฉันเพ่งสายตาไปข้างหน้าพร้อมคิดในใจน่าจะมีแม่ค้าที่เค้าตื่นเช้าเพื่อไปขายของผ่านมาบ้างนะหรือมีรถอะไรก็ได้ผ่่านมาบ้างก็ดีจะได้มีเพื่อน แหม่มมือเย็นเฉียบ ฉันรู้ว่าแหม่มกลัวจึงไม่พูดอะไร พลันแหม่มก็ร้องออกมา "ต่ายดูโน่น...." ฉันตกใจนึกว่าอะไรที่แท้ก็มีคนเดินมาอยู่ไกลๆนั่นเองฉันเพ่งมองไป ใครหว่ามาเดินอะไรดึกๆคนเดียวรู้สึกจะเป็นผู้หญิงซะด้วยเค้าเดินนำหน้าเราไปห่างๆ เออ...ค่อยใจชื้นชึ้นมาหน่อย "เออดีเนาะ...ยังมีเพื่อนเดิน ต่ายดูสิ เค้ายังไม่กลัวเลย สงสัยเป็นแม่ค้าจะไปขายของหรือเปล่าแต่เอ๊.. ไม่เห็นถืออะไรเลยนี่นาผู้หญิงด้วย " เสียงแหม่มพูดอย่างดีใจที่ได้เพื่อนร่วมทาง ฉันเองก็ใจชื้นก็รีบบอกแหม่ม "แหม่มเรารีบเดินตามเค้าไปให้ทันดีกว่านะจะได้อุ่นใจหน่อย" เราสองคนเดินเกือบวิ่งเพื่อไปให้ทันเค้าวิ่งจนเหนื่อยก็ยังไม่ทันแปลกจริงน่าจะถึงตัวได้แล้วแต่ทำไมไม่ทันนะเหมือนเค้าจะเดินเร็วมากพอใกล้ถึงบ้านฉันแล้วจึงบอกแหม่มว่าไม่ต้องรีบแล้วแหม่มบ้านอยู่ตรงหน้านี้แล้ว "โอย...ดีจังเลยถึงบ้านแล้ว ขอบคุณมากนะคะที่เดินเป็นเพื่อน" พอแหม่มพูดขาดคำผู้หญิงคนนั้นก็เหลียวหลังกลับมายิ้มให้พร้อมโบกมือให้เราโบกมือตอบระยะห่างที่เห็นทำให้ฉันชะงักหัวใจแทบหยุดเต้นแหม่มคงจะเป็นเหมือนกันมือเราสองคนยังโบกค้างอยู่อย่างนั้นแล้วร่างผู้หญิงนั้นก็หายไปทันที"น้องนัท" เราอุทานพร้อมกันด้วยเสียงอันดัง ............................................................................... จบแล้วค่ะเพื่อนๆ เรื่องกลับดึกเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นอาศัยเค้าความจริงบ้างค่ะ หวังว่าเพื่อนๆที่เคยกลับดึกคงจะได้พบเจออะไรแบบนี้บ้างนะคะ อิอิ
ขอขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจกันค่ะ
ขอขอบคุณโค๊ดบีจีจากน้องญามี่
ขอขอบคุณโค๊ดแต่งบล็อกจากเพื่อนๆบล็อก
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจงานเขียนนี้ค่ะ
ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ตค่ะ
ขอขอบคุณเพลงประกอบจากยูทูบค่ะ
มาเจิมให้ก่อนนะครับ หลานมันยิกๆขอเล่นคอมอยู่นิ