โครงการตะพาบที่ 128"พายุ"
จากโจทย์ คุณเป็ดสวรรค์ ค่ะ
************************************************
เสียงเด็กๆนักเรียนเล่นกันสับสนอลม่านเพราะเป็นช่วงเวลาพักทานอาหารกลางวันประสานกันดังเซ็งแซ่อย่างสนุกสนาน ครูวิบูลย์มองภาพเด็กๆที่เล่นร่าเริงอย่างมีความสุขเกือบ 6 ปีแล้วสินะที่เขาได้มีโอกาสมาบรรจุเป็นครูใหญ่ที่นี่ จากโรงเรียนเล็กๆอยู่ชายแดนของประเทศไทยตอนบน มีนักเรียนไม่กี่สิบคนแต่พอพอครูวิบูลย์มาก็พยายามเข้าถึงชาวบ้านไปเยี่ยมเยียนดูแลเด็กๆในหมู่บ้านและเชิญชวนให้เด็กๆที่ไม่ยอมเรียนหนังสือกลับมาสนใจเรียนหนังสือจนพ่อแม่ที่ตั้งใจจะให้ลูกไปช่วยทำนาก็ยอมใจอ่อนให้ลูกๆของตนออกมาเรียนหนังสือแม้เด็กบางคนจะอายุมากเกินเกณฑ์แล้วก็ตามครูวิบูลย์ก็มีวิธีโน้มน้าวให้เด็กๆหันมาเรียนจนได้เด็กๆเริ่มรู้ถึงประโยชน์ของการเรียนหนังสือ การรู้หนังสือ ชาวบ้านเริ่มไว้วางใจนับถือครูวิบูลย์พอใจในการดูแลเด็กๆในหมู่บ้าน
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการที่จะโน้มน้าวใจชาวบ้านทั้งหมู่บ้านให้หันมาเห็นประโยชน์ของการเรียนเพราะชาวบ้านที่นี่สนใจแต่ว่าจะมีแรงที่ไหนไปถากถางทำไร่ปลูกข้าวปลูกสวนเท่านั้นได้ผลผลิตมาก็นำไปขายได้เงินมาใช้จ่ายเลี้ยงชีวิตไปอย่างตามมีตามเกิดกว่าครูวิบูลย์จะมาถึงวันนี้ได้ก็ใช้เวลาในการเข้าไปคลุกคลีกับชาวบ้านอยู่นานทีเดียว
จนเดี๋ยวนี้ครูวิบูลย์มองภาพเหล่านั้นอย่างมีความสุขเด็กๆบางคนจบไปแล้วได้มีโอกาสไปเรียนต่อและนำความเจริญมาสู่หมู่บ้านชาวบ้านก็เริ่มคล้อยตามครูวิบูลย์ต่างพาลูกหลานมาเรียนจนเดี๋ยวนี้จากโรงเรียนแทบร้างเมื่อสิบกว่าปีก่อนกลับมีเด็กๆมากมายกว่า 300 ชีวิตตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมปีที่สามและกลายเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ในเขตหมู่บ้านชายแดนนั้น
**************************
เช้าวันหนึ่งในฤดูฝน อากาศตอนเช้าเย็นสบายแสงแดดอ่อนทอแสงไปทั่ว เด็กๆเริ่มมาเรียนตอนเช้าบางคนมาถึงก็รีบเอากระเป๋าไปเก็บไว้ในห้องเรียนแล้วรีบมาวิ่งเล่นกับเพื่อนๆจากไม่กี่คนเริ่มมากขึ้นเพราะใกล้ถึงเวลาที่จะต้องเข้าแถวเคารพธงชาติแล้ว
เสียงเด็กเล่นอย่างสนุกสนานไปทั่วทั้งสนามบางกลุ่มเล่นฟุตบอล บางกลุ่มเล่นตะกร้อ เด็กผู้หญิงนั่งคุยกันเป็นกลุ่มๆ ครูเริ่มมาโรงเรียนกันแล้วโรงเรียนนี้มีครูเพียง 10 คนรวมทั้งครูใหญ่คือครูวิบูลย์ ความจริงต้องเรียกว่าผู้อำนวยการเพราะส่วนราชการได้ประกาศให้ยกเลิกคำว่าครูใหญ่แต่ให้ใช้ผู้อำนวยการแทน ครูวิบูลย์จะพักอยู่ในตัวเมืองซึ่งห่างจากโรงเรียนประมาณ 25 กิโลเมตร ส่วนมากครูวิบูลย์จะขับรถปิ๊กอัพกลางเก่ากลางใหม่มากับครูโชคทุกวันเพราะครูโชคจะอยู่ใกล้ๆบ้านครูวิบูลย์ก็ได้อาศัยมาด้วยกันทุกวัน
อากาศเริ่มแปรปรวนจากแสงแดดอ่อนๆสดชื่นเย็นสบายก็เริ่มมืดครึ้มท้องฟ้าเริ่มมืดลงๆตั้งเค้าว่าฝนจะตก เด็กๆยังคงเล่นกันอย่างสนุกสนานไม่สนใจดินฟ้าอากาศ
สายลมจากที่เคยพัดเบาๆเริ่มแรงขึ้นๆจนกระโปรงเด็กหญิงเปิดต้องใช้สองมือปิดชายกระโปรงไว้ อากาศก็เริ่มมืดอย่างผิดสังเกต
ครูนวลครูสาวเพิ่งย้ายมาใหม่รีบร้องบอกเด็กๆให้ขึ้นห้องเรียนเพราะท่าทางฝนจะตกเด็กๆเริ่มวิ่งขึ้นห้องเรียนจากเต็มสนามกลับว่างเปล่าสักครู่ฝนก็เทลงมาอย่างหนักเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าก้องเสียงเด็กๆร้องหวีดผวาอย่างตกใจจนครูที่มาเช้า ประมาณ 5 คนต้องรีบกันเด็กๆให้ไปรวมกันอยู่ในห้องประชุมของโรงเรียน
ครูนวลเริ่มกระสับกระส่ายวิตกกังวลใจนึกไปถึงผอ.คือครูวิบูลย์ที่กำลังจะมาเป็นห่วงกลางทางว่าจะโดนพายุเพราะพายุที่นี่น่ากลัวมาก และครูวิบูลย์จะสั่งครูทุกคนไว้ตลอดว่าถ้าพายุแรงฝนตกหนักให้อพยพเด็กขึ้นไปอาคารหอประชุมสร้างใหม่ที่อยู่สูงขึ้นไปอีกหลังและหนาแน่นกว่าอาคารเรียนหลังเก่าเพราะกลัวว่าน้ำป่า ไหลทะลักเข้ามาท่วมเด็กๆจะไม่ปลอดภัย
ครูวิบูลย์มีลูกชายสองคน คนโตอยู่มัธยมสี่ปีนี้ส่วนคนเล็กยังอยู่ประถมสอง นับว่ามีลูกห่างกันถึง 6 ปี เช้ามาครูวิบูลย์ต้องเป็นธุระพาลูกทั้งสองไปส่งโรงเรียนในตัวเมืองก่อนพร้อมส่งภรรยาไปทำงานที่อำเภอแล้วขับรถไปรับครูโชคซึ่งเป็นทางผ่านเพื่อไปโรงเรียนด้วยกันทุกวัน
วันนี้ก็เช่นกันครูวิบูลย์ขับรถอย่างเร่งรีบมารับครูโชคที่ยืนรออยู่หน้าบ้านหลังจากส่งลูกๆและภรรยาแล้ว วันนี้ครูวิบูลย์มองอากาศแปลกๆทำไมแสงแดดดูเหลืองๆไปทั่ว อากาศอบอ้าวเหมือนฝนจะตก
"น่ากลัวจะมีฝนตกนะผอ." เสียงครูโชคเอ่ยขึ้นหลังจากนั่งเงียบกันมานาน
"นั่นสิ โรงเรียนเป็นไงบ้างก็ไม่รู้นะ" ครูวิบูลย์เอ่ยปาก "วันนี้ผมก็ช้าไปหน่อยเจ้าตัวเล็กมัวแต่หาหนังสือไม่เจอ"
"ชักเป็นห่วงโรงเรียนแล้วหละน่ากลัวทางโน้นฝนน่าจะตกแล้วดูมืดๆ"ครูวิบูลย์เอ่ยอย่างกังวล
"ไม่เป็นไรหรอกผอ.ครูนวลเค้าก็อยู่คงพาเด็กๆไปเข้าห้องประชุมแล้ว" ครูโชคบอกให้หายกังวล
เสียงคุยกันพลันหยุดนิ่งไปเมื่อฟ้าเริ่มมืดมัวเข้าทุกทีและฝนกระหน่ำลงมาอย่างแรงเหมือนกับจะมีลูกเห็บตกหล่นใส่กระจกหน้ารถเสียงดังเปาะแปะๆ
"ดีหน่อยที่ลูกเล็ก"ครูโชคเอ่ยทำลายความเงียบ"ถ้าลูกใหญ่กระจกรถเอาไม่อยู่แน่"
ลมพัดหวีดหวิวต้นไม้ข้างทางบางต้นเอนลู่ลมแทบจะล้มลงครูวิบูลย์ยังคงมุ่งหน้าขับฝ่าสายฝนที่กระหน่ำไปไม่ยอมหยุดจากเส้นทางถนนใหญ่เริ่มแยกเข้าหมู่บ้านเป็นดินลูกรังเพื่อตรงไปโรงเรียนป้ายบอกทางไปโรงเรียนเอนเอียงโย้เย้เพราะแรงลมใกล้จะถึงโรงเรียนอยู่แล้วฉับพลันครูโชคก็ต้องตกใจเมื่อเห็นน้ำแดงขุ่นเริ่มนองถนนและริมป่าละเมาะข้างทาง
"ผอ.น้ำป่ามา หยุดก่อนมั๊ยข้างหน้าอาจจะมาแรง"
เสียงครูโชคร้องเตือนครูวิบูลย์อย่างกังวลเมื่อเห็นครูวิบูลย์ขับรถอย่างมุ่งมั่นและเร่งรีบ
"ไม่ได้เราต้องรีบไปเป็นห่วงเด็กๆ"เสียงครูวิบูลย์บอกอย่างเฉียบขาดพร้อมเหยียบคันเร่งรถให้เร็วขึ้นเพื่อแข่งกับน้ำป่าที่ล้นทะลักมาอย่างเร็วและเริ่มไหลแรงขึ้นๆจากเดิมเพียงปลายล้อรถตอนนี้เริ่มครึ่งล้อรถแต่ครูวิบูลย์ก็พยายามเร่งเครื่องไปให้ได้
ครูโชคมองอย่างใจสั่นหวั่นไหวน้ำเริ่มสูงขึ้นๆยิ่งใกล้โรงเรียนน้ำยิ่งสูงขึ้นๆ
เสียงเครื่องยนต์ดังต้านกระแสน้ำจนรถสะท้านไปทั้งคันน้ำเริ่มสูงมากจนมิดล้อแล้วรถเริ่มปัดเป๋ไปมาและไปติดอยู่กับต้นไม้ใหญ่ข้างทาง
"ครูโชคพยายามออกจากรถปีนต้นไม้ไว้"เสียงครูวิบูลย์ร้องสั่งครูโชคพร้อมทั้งเปิดประตูเพื่อจะเกาะกิ่งไม้ไว้เพราะกระแสน้ำพัดแรงมากน้ำสีแดงขุ่นคลั่กไหลมาราวพายุอย่างรวดเร็ว
ครูวิบูลย์เกาะกิ่งไม้ไว้ไม่ทันพลันร่างก็ถูกกระแสน้ำขุ่นคลั่กซัดล้มคว่ำไม่เป็นท่า
ครูโชคเมื่อครูวิบูลย์สั่งรีบตั้งสติพยายามดันประตูออกพร้อมเกาะประตูรถไว้มั่นคว้าลำต้นไม้ไว้พร้อมทิ้งร่างลงกอดลำต้นไม้ไว้แน่นกระแสน้ำพัดร่างจนสั่นสะท้านตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นรถถูกน้ำพัดลอยไปอย่างรวดเร็วกระแสน้ำสูงขึ้นๆครูโชคพยายามไต่ขึ้นต้นไม้ทั้งๆที่ลำตัวเปียกปอนทั้งหนาวทั้งสั่นมือไม้แทบจะหลุดจากลำต้นครูโชคซบหน้ากับต้นไม้โอบกอดไว้แน่นถ้ามันจะล้มก็ล้มไปกับมันนี่แหละ ครูโชคคิดพร้อมพยายามมองหา ผอ.แต่กระแสน้ำขุ่นคลั่กสีแดงเข้มไหลแรงปั่นป่วนจนมองหาอะไรไม่เห็นครูโชคพยายามตะโกนร้องเรียกผอ.แต่ก็ไม่มีเสียงตอบน้ำท่วมท้นไหลแรงสีแดงข้นขุ่นคลั่กเต็มพื้นที่เหมือนเป็นแม่น้ำกว้างใหญ่ไปสุดลูกตาครูโชคใจแทบขาดด้วยความเป็นห่วง ผอ. แต่ก็ปล่อยมือไม่ได้กระแสน้ำแรงมากขนาดพัดพารถยนต์ลอยละลิ่วไปทั้งคันทั่วบริเวณนั้นเงียบหมดได้ยินแต่กระแสน้ำไหลแรงเชี่ยวกรากพร้อมสายฝนที่กระหน่ำลงมา
"ผอ.ๆๆๆอยู่ไหนครับขานด้วยๆๆๆ"
ครูโชคพยายามร้องตะโกนแข่งสายฝนสายน้ำจนอ่อนแรง
พายุพัดกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งสักพักเริ่มอ่อนแรงเบาลงๆและสายฝนเริ่มซาลงๆครูโชคแทบขาดใจค่อยๆพาตัวลงจากต้นไม้เป็นลำต้นของไม้ยางต้นไหญ่ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองปินขั้นไปได้อย่างไรสูงเชียวครูโชคนึกในใจอย่างประหลาดนึกว่ากอดต้นไม้และปินไม่สูงทำไงดีจะลงก็ไม่แน่ใจว่าน้ำจะลึกมากสักเท่าไหร่ขณะกำลังลังเลๆอยู่นั้นเสียงเหมือนเครื่องยนต์เสียงคนร้องตะโกนโหวกเหวกมาแต่ไกลครูโชคเหลียวกลับหลังไปเห็นเรือมีกลุ่มกู้ภัยนั่งมากำลังมุ่งตรงมาที่ต้นไม้ที่ครูโชคติดอยู่ดีใจเป็นที่สุดรอดตายแล้วครูโชคคิดอย่างดีใจนึกไปถึงผอ.คงจะไปนำเรือมาช่วยพอเรือมาถึงทุกคนก็พยายามพาครูโชคลงต้นไม้อย่างทุลักทุเลเพราะครูโชคหมดแรงพอดี
พอได้นอนในเรือสักพักครูโชคก็ถามถึงผอ.ก็ได้คำตอบว่ายังหาไม่เจออาจจะไปกับเรือกู้ภัยอีกลำ
ครูโชคใจหายได้แต่ภาวนาให้ผอ.ไปกับเรือกู้ภัยอีกลำเถิดนะแต่ใจครูโชคสังหรณ์หวั่นๆอย่างบอกไม่ถูก ครูโชคจำได้แต่ว่า ผอ.บอกให้พยายามเปิดประตูรถเกาะต้นไม้เร็วๆจากนั้นครูโชคก็พยายามเปิดประตูพอหลุดก็รีบโผคว้าต้นไม้ไว้อย่างเหนียวแน่นไม่ทันเห็นผอ.ว่าไปทางไหนเลย
ข่าวด่วนจากวิทยุกระจายเสียงและทีวีแพร่กระจายไปทั่วพายุฝนและน้ำป่าพัดพาเอาร่างผู้อำนวยการโรงเรียนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทุกคนเพียรพยายามตามหาตามห้วยตามคลองในป่าแถบนั้นหลังจากน้ำลดหวังว่าจะเจอร่างของผอ. แต่ก็ไม่เจอ
ผอ.หายไปอย่างไร้ร่องรอยครูทุกคนญาติพี่น้องลูกเมียตามหากันทั้งวันทั้งคืนในป่าตามลำคลองจากวันหนึ่งไปอีกวันหนึ่งก็ยังไม่มีใครตามเจอจากวันที่ 29 สิงหาคม 2554 จนกระทั่งวันที่ 1 กันยายน ทุกคนก็พบร่างไร้วิญญาณของครูวิบูลย์นอนซบข้างโขดหินในลำห้วยไกลจากโรงเรียนและหมู่บ้าน
ครูวิบูลย์เป็นห่วงเด็กๆนักเรียนจนลืมไปว่าตัวเองน่าห่วงยิ่งกว่ากระแสน้ำไหลทะลักลงมาจากยอดดอยไหลแรงและเร็วอันตรายมมากแต่ก็ยังพยายามฝ่าฟันเพื่อไปดูแลเด็กจนตัวเองต้องจบชีวิตลงทิ้งลูกและภรรยาให้อยู่กันเพียงตามลำพัง...ขอให้ไปสู่สัมปรายภพที่ดีเถิดนะครูวิบูลย์ ครูโชคพึมพำน้ำตาไหลซึมขณะที่ทุกคนต่างรีบนำร่างอันไร้วิญญาณของครูผู้ให้กลับบ้านพร้อมๆกับเสียงร้องไห้ระงมทั้งของลูกและภรรยานักเรียนและเพื่อนครู...
ใครคือครู ครูคืใคร ในวันนี้ ใช่อยู่ที่ ปริญญา มหาศาล ใช่อยู่ที่ เรียกว่า ครูอาจารย์ ใช่อยู่นาน สอนนาน ในโรงเรียน
ครูคือผู้ ชี้นำทาง ความคิด ให้รู้ถูก รู้ผิด คิดอ่านเขียน ให้รู้ทุกข์ รู้ยาก รู้พากเพียร ให้รู้เปลี่ยน แปลงสู้ รู้สร้างงาน
ครูคือผู้ ยกระดับ วิญญาณมนุษย์ ให้สูงสุด กว่าสัตว์ เดรัจฉาน ปลูกสำนึก สั่งสม อุดมการณ์ มีดวงมาน เพื่อมวลชน ใช่ตนเอง
ครูจึงเป็น นักสร้าง ผู้ใหญ่ยิ่ง สร้างคนจริง สร้างคนกล้า สร้างคนเก่ง สร้างคนให้ ได้เป็นตัว ของตัวเอง ขอมอบเพลง นี้มา บูชาครู
~เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์~
-ขอมอบอุทิศเรื่องนี้แด่ครูธวัชชัย ดีแป้น เพื่อนครูผู้อุทิศตนเพื่อเด็กๆอย่างแท้จริงและจากไปกับพายุและสายน้ำพัดพาไปในวันที่ 29 สิงหาคม 2554 พบร่างอันไร้วิญญาณในวันที่ 1 กันยายน 2554 เวลา 15.30 น.เวลาอาจจะคลาดเคลื่อนก็ขออภัยด้วยค่ะและพิมพ์ปี พศ.ผิดจาก 2514 ขอแก้ไขเป็น 2554 ค่ะ
ขณะนี้เพื่อนคงอยู่ในภพภูมิที่ดีและมีความสุขแล้ว รักและอาลัยเพื่อนอยู่เสมอ
*******************************
ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ตและภาพจากข่าวของอาจารย์ธวัชชัย ดีแป้น
ขอขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาให้กำลังใจกันเช่นเคยค่ะ
ขอขอบคุณเพลงประกอบจากยูทูบเพลงครูในดวงใจ คุณอรวี สัจจานนท์ และโค๊ดเพลงจากคุณ YAOVARIT เพื่อนบล็อก
ขอขอบคุณโค๊ดบีจีสวยๆจากน้องญามี่ค่ะ
พบกันใหม่คราวหน้าค่ะ
Create Date : 17 เมษายน 2558 |
Last Update : 22 เมษายน 2558 7:34:28 น. |
|
114 comments
|
Counter : 2629 Pageviews. |
|
|
ครูที่เป็นมากกว่าครู
คือ คนผู้เสียสละตลอดเวลาจริงๆ
น่ายกย่องและเชิดชูท่านจริงๆครับ