On ne voit bien qu'avec le cœur. L'essentiel est invisible pour les yeux
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
21 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
แกงต้มจิ๋ว ฉบับเลียนแบบ ตำรับ สายเยาวภา

กัสซี่ได้รับหนังสือจากแม่สามีของน้องสาว ชื่อ
“ตำรับสายเยาวภา ของสายปัญญาสมาคม”
ซึ่งเป็นหนังสือที่รวบรวมวิธีประกอบอาหารทั้งไทยและเทศ
โดยต้นตำรับคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท
หนังสือ “ตำรับสายเยาวภา” นี้ ถือเป็นตำราอาหารชุดแรก ๆของเมืองไทย
ตีพิมพ์หนแรกเมื่อปีพ.ศ. 2478


ภาษาที่ใช้ในหนังสือเล่มนี้ เรียกขานเครื่องปรุงบางอย่างแปลกหู
บางคำกัสซี่พอรู้หรือเดาได้ อาทิ ส้มเหม็น เยื่อเคยดี หัวผักกาดเหลือง
แต่บางคำก็เดาไม่ถูก เช่น น้ำสะเออะ ในสูตรน้ำพริกก้อย เป็นต้น



วันนี้ริอ่านจะเป็นชาววังบางกระตุ๋ยเห็นหมามุ่ยเป็นถั่วแระกับเขาบ้าง
หยิบ “แกงต้มจิ๋ว” จากหนังสือเล่มนี้มาลองทำดู
ที่จริงเคยได้ชิมของที่ชาววังเขาทำหลายครั้ง พอจำรสตั้งต้นได้


สูตรตามหนังสือมีดังนี้


แกงต้มจิ๋ว

เครื่องปรุง : เนื้อสันวัว มะขามเปียก มันเทศ หัวหอม พริกมูลหนู ใบกะเพรา
ใบโหระพา มะนาว น้ำเคยดี

วิธีทำ : ล้างเนื้อให้สะอาด เลาะพังผืดออกให้หมด หั่นเป็นชิ้นพอควรใส่หม้อเคี่ยวไฟอ่อน ๆ พอจวนเปื่อย ปอกมันเทศล้างน้ำแงะ ๆ ใส่ในหม้อเนื้อ ต้มไปจนเปื่อย ใส่มะขามเปียกนิดหน่อย ซอยหอมใส่ลงพอหอมสุก เด็ดใบโหระพา ใบกะเพรา ล้างน้ำแล้วใส่ลงในหม้อ ยกลงใส่พริกมูลหนู บุบพอแตก บีบ ๆมะนาว ใส่น้ำเคยดีชิมรสดูตามชอบ



จัดหาเครื่องปรุงตามตำรับ ได้ดังนี้

เนื้อสันวัว : วันนี้เล่นวิธีลัด ใช้เนื้อเอ็นน่องต้มเปื่อยที่มีอยู่ มาแทน ใช้ประมาณ 50 กรัม แล้วเอามาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมจิ่ว ๆ

อ้าว!!! ก็ชื่อต้มจิ๋ว หั่นใหญ่ ๆ มันก็กลายเป็นต้มเบิ้ม ไปสิคะ



มะขามเปียก ประมาณ 3 ช้อนชา : ปกติในตู้เย็นของเราจะมีน้ำมะขามเปียกเข้มข้นติดไว้เสมอ เอาไว้ขัดตัวก็ได้ เอาไว้ทำกับข้าวก็ดี วิธีทำง๊ายยง่าย ใช้มะขามเปียก 500 กรัม ต้มกับน้ำ 1,000 กรัม ในหม้อสเตนเลสหรือหม้อเคลือบ พอเดือด พักไว้ให้เย็น ขยำแล้วกรอง เวลาจะนำมาใช้ ให้เจือจางด้วยน้ำต้มสุก อัตราส่วน 1: 1 (น้ำมะขามเปียก ต่อ น้ำสุก)



มันเทศ ประมาณ 100 กรัม : วันนี้ใช้วิธีลัดเหมือนกัน คือ ต้มมันพอให้สุกเสียก่อน แล้วค่อยนำมาใช้



หัวหอม ประมาณ 3 - 4 หัว : อาหารไทย ใช้หัวหอมแดงไทย นะคะ อย่าไปใช้หัวหอมประเทศอื่น เดี๋ยว ตีมือหักเลย !!!



พริกมูลหนู : ปริมาณตามความอดทนของปากและกระเพาะ อดทนได้มากใส่มาก อดทนได้น้อยใส่น้อย อดทนไม่ไหว ไม่ต้องใส่นะจ๊ะ



ใบกะเพรา หนึ่งหยิบมือ : ใครมีกะเพราแดงใช้กะเพราแดงนะคะ เพื่อนฝูงจะได้ิอิษยา (อิจฉา + ริษยา) เพราะกลิ่น รส มันหอมหวนกว่า กะเพราขาวมาก แต่วันนี้กัสซี่หาไม่ได้ ต้องกล้ำกลืนใช้กะเพราขาวแทน



ใบโหระพา หนึ่งหยิบมืด : เลือกใช้โหระพาไทย ใบเล็ก ๆ กลิ่นจะหอมกว่า โหระพาพันธุ์เกษตร ใบใหญ่ยักษ์เท่าช้อนกลางตักแกง



มะนาว 1 - 2 ช้อนชา : ใ้ช้มะนาวผิวเขียว เปลือกบาง ลูกแป้น ๆ จะได้น้ำเยอะและมีกลิ่นหอมกว่ามะนาวผิวเหลือง เวลาบีบคั้น อย่าบีบเค้นเหมือนโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน บีบใช้แรงแค่พอนุ่มนวล น้ำมะนาวจะได้ไม่ขม



สุดท้าย "น้ำเคยดี" สมัยนี้หายากแล้ว ใช้น้ำปลาดี ๆ สัก 1 ช้อนโต๊ะ แทนไปก็แล้วกัน



จัดแจงเอาเครื่องปรุงทั้งหมดเรียงบนโต๊ะ แล้วตรวจทาน
เครื่องปรุงได้ครบไม่ขาด แต่ “เกิน” (HA-HA)
เพราะกัสซี่ชอบหอมแดงเจียวเป็นการส่วนตัว
เลยเพิ่มเข้ามา



เจ้าพนักงาน จัดแจง นำน้ำซุป 2 ถ้วยตวงใส่หม้อ ยกตั้งไฟพอเดือด แล้วใส่เนื้อเปื่อยที่หั่นไว้แล้วลงไป แล้วตามด้วยมันเทศต้มสุก



พอเดือดอีกที ใส่หอมแดง พริกมูลหนู ปรุงรสด้วย น้ำมะขามเปียก



โรยใบกะเพรา และ โหระพาลงไป ยกลงใส่น้ำมะนาว และน้ำปลา ปรุงรสตามชอบ



ตักใส่ถ้วยแล้ว ขอนอกสูตรด้วยการโรยหอมแดงเจียวกรอบ ๆ ลงไป


เจ้าพนักงานของกัสซี่บอกว่า
รสเหมือนต้มแซ่บแต่ไม่ใส่เครื่องข่าตะไคร้
แต่กลิ่นหอมกว่ากันมาก

ทำเสร็จแล้ว แบ่งมาชิมเองหนึ่งถ้วยพอหายอยาก
ที่เหลือ เจ้าพนักงาน นำไปเติม “ผงพิเศษตราถ้วยแดง”
ซึ่งกัสซี่ไม่เคยใส่ในอาหารที่ทำเลย เนื่องจากไม่ชอบและแพ้
แต่เจ้าพนักงานชอบและติดกันมาก
ถ้าไม่ใส่อาจขาดใจได้


ชานนี้แบ่งให้เพื่อน ๆชิมนะจ๊ะ







Create Date : 21 กรกฎาคม 2552
Last Update : 21 กรกฎาคม 2552 11:24:25 น. 5 comments
Counter : 11301 Pageviews.

 
พี่กัสขา
ถ้าหนุไปเรียนทำอาหารกะพี่หนูต้องโดนตีมือหักบ่อยๆแน่เลย
เพราะที่พี่ห้ามไว้หนูคงเผลอทำทุกอย่างแน่ๆ อิอิ


เห็นแล้วน้ำลายสอเลยค่า ท่าจะแซบขนาด


โดย: Tiny IP: 124.121.141.142 วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:37:21 น.  

 
นั่นแน่ นั่นแน่ น้องบัวตัวจิ๋ว มาก่อนใครเลยวันนี้

ตะก่อนพี่ก็เค๊ยยย....ครูตีมือแทบหักประจำ
อะไรที่ครูห้าม คุณนายกั๊ดทำหมด
ฮ่า ฮ่า อ่า

ต้มจิ๋วนี่ แซ่บตามปริมาณพริกที่เราเติมค่ะ แต่รสเปรี้ยวเค็มนำนะคะ หอมกลิ่นใบกะเพรากับโหระพา กินแล้ว ท้องไส้สำราญค่ะ


โดย: Guzzie วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:57:24 น.  

 
โอย เห็นแล้วใจละลายค่ะพี่กัสขา (ขออนุญาติเรียกพี่นะคะ)
ชอบเวลาพี่เขียนบรรยายการทำอาหารจังค่ะ อ่านเพลินดี ขอสมัครเป็นแฟนบล๊อกด้วยคนนะคะ
ปล.คิดตังนานว่าเจ้าผงพิเศษนี่คืออะไรกว่าจะถึงบางอ้อ นั่งคิดอยู่นานเชียวค่ะ อิ อิ


โดย: ๋JIb (IyadA ) วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:56:50 น.  

 
สวัสดีค่ะ จิ๊บจิ๊บ เชิญนั่งเลยค่ะ ผงพิเศษที่เจ้าพน้ักงานชอบใช้นี่ ใส่กันน่าต๊กกะจัยยยมากนะคะ คราวละร่วมช้อน ใส่เสร็จบอกว่า "นั๊ววว นัว" วันไหนไม่ใส่ เหมือนเขาไม่อร่อยนะคะ แปลกดีจัง


โดย: Guzzie IP: 118.172.4.11 วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:23:10 น.  

 
ไม่ต้องห่วงคะ คนแรกนะเค้าวิ่งเร็วคะ เชฟ ไม่เคยทันเม้นท์ก่อนสักที 555 ตัวเล็ก แต่ ผลงานน้องเค้า ไม่เล็กเหมือนตัวเลยคะ คริๆ มีแซว ขอบคุณนะคะีที่ทักทาย ตอนนี้เกือบหายดีแล้วคะ แต่ยังขมๆ คออยู่คะ


โดย: ผ้าไหมไทย วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:53:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Guzzie
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]




มนุษย์หัวใจอิสระ ปัจจุบันเบื่อหน่ายกรุงเทพขนาดหนักจนต้องย้ายมาอยู่เชียงใหม่ วัน ๆ ไม่ทำอะไรมาก นอกจาก เขียนหนังสือ สอนทำขนม แล้วก็เป็นเชฟปากร้ายใจโหดที่ไม่เคยตามใจคนกิน ใครอยากมากินข้าวด้วยควรนัดหมายล่วงหน้า และขอความกรุณาอย่ากำหนดเมนู !!!
Friends' blogs
[Add Guzzie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.