มองภาพแห่งความสำเร็จที่ชัดเจน เดินแต่ละก้าวอย่างมีสติ ด้วยใจที่สงบ
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
30 พฤศจิกายน 2554

เทคนิคการระวัง (การเทรดหุ้น) ไม่ให้ฉันทะกลายเป็นตัณหา...

จากปัญหาที่นักเทรดสายเทคนิค ที่ยังไม่ชำนาญในการเทรดมากนัก มักจะเจอกัน ตั้งแต่เริ่มต้นเทรดหุ้น

ทำให้การเทรดหุ้นยาก หรือเกิดอาการเครียด ปวดหน่วง ปวดหัว จิตไม่ยอมสงบสักที เทรดๆ ไปนานๆเข้าก็เลยเกิดอาการท้อแท้ขึ้นมา และหลายๆคนพาลจะคิดว่าตนเองคงไม่มีบุญวาสนาพอที่จะเทรดหุ้นให้มีกำไรได้ จะเลิกเทรดหุ้น ไปลงทุนในแบบอื่นๆดีกว่า

เรื่องนี้ไม่ใช่เกิดเฉพาะในวงการนักเทรดสายเทคนิค แม้ในวงการ VI ก็เกิดเช่นกัน ที่มีนักลงทุนบางท่านเปลี่ยนจากแนวสาย VI มาเป็นสายเทคนิค หรือมาเป็นสาย DAYTRADE เป็นต้น...

เรื่องของเรื่อง อยู่ที่ ความอยาก ซึ่งตามหลักธรรมท่านแบ่งเป็น ๒ ประเภทคือ
อยากแบบตัณหา ซึ่งมีโลภะหรือโลภเจตสิกเป็นองค์ธรรม อันนี้คือความอยากแบบมีกิเลสหนุนหลังผลักดันออกมา แล้วจะเผาผลาญให้จิตมีความทุกข์ร้อนขึ้นมา ,
อีกอย่างหนึ่งคือ อยากแบบฉันทะ ซึ่งมีฉันทะ เจตสิกเป็นองค์ธรรม ความอยากแบบนี้ไม่เป็นกิเลส เพราะมันจัดเป็นเจตสิกกลางๆ พระพุทธเจ้าก็ทรงสนับสนุนให้มีฉันทะ ซึ่งเป็น ๑ ในหมวดอิทธิบาท ๔ ซึ่งจัดไว้ใน โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ด้วย

เอาละ..ทีนี้เรามาเข้าประเด็นกัน …

นักเทรดทั้งหลาย ที่เกิดอาการปวด เครียด อะไรต่างๆขณะเทรด จนทำให้เทรดหุ้นไม่ได้ผลนั้น เกิดจากการใช้ความอยากผิดวิธี คือ แทนที่จะใช้ฉันทะซึ่งเป็นความอยากกลางๆ แต่กลับไปใช้ตัณหาแทน โดยตนเองก็ตามไม่ทัน

แล้วมีคำถามว่าอะไรที่ทำให้จิต ใช้ความอยากผิดวิธีจนมันผิดประเภทไป ?
คำตอบคือ เพราะไปอยากหวังได้ผลจากการเทรด เมื่อจิตไปเพ่งตรงส่วนนี้ ก็จะก่อให้เกิด อภิชฌาวิสมโลภะ ขึ้นมาในจิตกลายเป็นตัวตัณหามาบีบ เผา กดดัน กระทุ้งขึ้นมาในใจ ทำให้ใจร้อน อยากหวังได้ผลกำไรไวๆ

อยากให้เจ้าลาก อยากได้เงิน อยากมีรถ มีบ้าน อยากมีฤทธิ์มีเดช กลายเป็นผู้วิเศษ ได้รับความนิยมนับถือจากสังคม
เมื่อความอยากประเภทนี้เกิดขึ้นในใจมากๆ ก็จะทุกข์มากๆ เงินจากการเทรดก็ไม่ได้ ถ้าหนักๆเข้าอาจจะกลายเป็นบ้า หมดตัวไปเลยก็ได้

ดังนั้น...เทคนิคที่จะกำหนดให้มีแต่ความอยากที่เป็นฉันทะ คือ

"ให้กำหนดว่าอยากจะเทรดตามกฎ" เท่านั้น คือ เช่น อยากจะเทรดตาม เทรนด์ไลน์ แค่นั้น หรือ เช่น อยากจะแค่พิจารณา แท่งเทียน เท่านั้น

คืออยากจะเทรดให้ตรงตามกฎเท่านั้นเอง ไม่สนใจอยากได้ผลใดๆ ไม่สนใจจะเป็นผู้วิเศษใดๆ ไม่สนใจอยากได้อะไรทั้งนั้น
ถ้านักเทรดทั้งหลาย มุ่งกำหนดขอบเขตของความอยากไว้แค่นี้ คือ แค่ขออยากจะเทรดตามกฎ...

ไม่นานผู้นั้นจะได้รับผลตอบแทน ซึ่งจะโผล่มาเองตามธรรมชาติในเวลาไม่นานนัก ซึ่งเป็นผลที่ตนไม่อยาก ไม่สนใจจะได้นั่นแหละ

ตรงกับที่เรามักจะพูดกันว่า "สิ่งใดอยากได้ จะไม่ได้ สิ่งใดไม่อยากได้ก็จะได้"



สรุป คือ เมื่อเทรด "ให้กำหนดจิตอยากจะแค่เพียงเทรดตามกฎ" เท่านั้น "อย่าเผลอให้ขยายตัวไปกำหนดอยากจะได้ผล" เด็ดขาด

พยายามวางใจให้เป็นกลางๆ นิ่งๆ แล้วพอใจที่ได้เทรด พอใจที่ได้ลงทุน แค่นั้น

เขียนเป็นข้อความเตือนตนเองติดไว้หน้าประตูห้องก็ได้ว่า

"ฉันภูมิใจ ฉันพอใจ ที่ฉันได้เทรดตามกฎแล้ว วันนี้ ฉันจะไม่สนใจอยากได้ผลอะไรสักอย่าง ขอให้ฉันได้เทรดตามกฎแค่นั้น"


แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 54 23:23:17

แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 54 22:58:12

จากคุณ : kkkai525




 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2554
1 comments
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2554 13:00:29 น.
Counter : 813 Pageviews.

 

ต้นฉบับจากห้องศาสนาครับ...


........จากปัญหาที่นักฝึกภาวนาที่ยังไม่ชำนาญในการฝึกมากนัก มักจะเจอกัน ตั้งแต่เริ่มต้นฝึก ทำให้ฝึกจิตยาก จิตรวมยาก หรือเกิดอาการเครียด ปวดหน่วง ปวดหัว จิตไม่ยอมสงบสักที ฝึกๆไปนานๆเข้าก็เลยเกิดอาการท้อแท้ขึ้นมา และหลายๆคนพาลจะคิดว่าตนเองคงไม่มีบุญวาสนาพอที่จะฝึกจิตในชาตินี้ จะเลิกฝึกไปทำบุญแบบอื่นๆดีกว่า ... เรื่องนี้ไม่ใช่เกิดเฉพาะในวงการฆราวาส แม้ในวงการพระป่าก็เกิดเช่นกัน ที่มีพระป่าบางท่านเปลี่ยนจากแนวสายกรรมฐานมาเป็นแนวพระนักพัฒนา หรือมาเป็นพระสายเรียนหนังสือ เป็นต้น...

เรื่องของเรื่อง อยู่ที่ ความอยาก ซึ่งตามหลักธรรมท่านแบ่งเป็น ๒ ประเภทคือ อยากแบบตัณหา ซึ่งมีโลภะหรือโลภเจตสิกเป็นองค์ธรรม อันนี้คือความอยากแบบมีกิเลสหนุนหลังผลักดันออกมา แล้วจะเผาผลาญให้จิตมีความทุกข์ร้อนขึ้นมา , อีกอย่างหนึ่งคือ อยากแบบฉันทะ ซึ่งมีฉันทเจตสิกเป็นองค์ธรรม ความอยากแบบนี้ไม่เป็นกิเลส เพราะมันจัดเป็นเจตสิกกลางๆ พระพุทธเจ้าก็ทรงสนับสนุนให้มีฉันทะ ซึ่งเป็น ๑ ในหมวดอิทธิบาท ๔ ซึ่งจัดไว้ใน โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ด้วย

เอาละ..ทีนี้เรามาเข้าประเด็นกัน ..

นักฝึกจิตทั้งหลาย ที่เกิดอาการปวด เครียด อะไรต่างๆขณะฝึก จนทำให้ฝึกไม่ได้ผลนั้น เกิดจากการใช้ความอยากผิดวิธี คือ แทนที่จะใช้ฉันทะซึ่งเป็นความอยากกลางๆ แต่กลับไปใช้ตัณหาแทน โดยตนเองก็ตามไม่ทัน

แล้วมีคำถามว่าอะไรที่ทำให้จิตใช้ความอยากผิดวิธีจนมันผิดประเภทไป ?
คำตอบคือ เพราะไปอยากหวังได้ผลจากการฝึก เมื่อจิตไปเพ่งตรงส่วนนี้ ก็จะก่อให้เกิด อภิชฌาวิสมโลภะ ขึ้นมาในจิตกลายเป็นตัวตัณหามาบีบ เผา กดดัน กระทุ้งขึ้นมาในใจ ทำให้ใจร้อน อยากหวังได้ผลไวๆ อยากให้จิตรวม อยากได้ฌาน อยากมีหูทิพย์ ตาทิพย์ อยากมีฤทธิ์มีเดช กลายเป็นผู้วิเศษ ได้รับความนิยมนับถือจากสังคม ... เมื่อความอยากประเภทนี้เกิดขึ้นในใจมากๆ ก็จะทุกข์มากๆ ผลจากการฝึกก็ไม่ได้ ถ้าหนักๆเข้าาอาจจะกลายเป็นบ้า วิปลาสไปเลย

ดังนั้น...เท็คนิคที่จะกำหนดให้มีแต่ความอยากที่เป็นฉันทะ คือ

"ให้กำหนดว่าอยากจะทำเหตุ" เท่านั้น ... คือ เช่น อยากจะแค่ท่องบริกรรมพุทโธๆๆ แค่นัั้น ..หรือ เช่น อยากจะแค่พิจารณากาย เท่านั้น ..คืออยากจะทำเหตุเท่านั้นเอง ไม่สนใจอยากได้ผลใดๆ ไม่สนใจจะเป็นผู้วิเศษใดๆ ไม่สนใจอยากได้อะไรทั้งนั้น ... ถ้านักฝึกจิตทั้งหลาย มุ่งกำหนดขอบเขตของความอยากไว้แค่นี้ คือ แค่ขออยากจะทำเหตุ อยากจะประกอบเหตุ ..ไม่นานผู้นั้นจะได้รับผล ซึ่งจะโผล่มาเองตามธรรมชาติในเวลาไม่นานนัก ซึ่งเป็นผลที่ตนไม่อยาก ไม่สนใจจะได้นั่นแหละ ...ตรงกับที่เรามักจะพูดกันว่า "สิ่งใดอยากได้ จะไม่ได้ สิ่งใดไม่อยากได้ก็จะได้"

สรุป คือ เมื่อฝึก "ให้กำหนดจิตอยากจะแค่เพียงทำเหตุ" เท่านั้น "อย่าเผลอให้ขยายตัวไปกำหนดอยากจะได้ผล" เด็ดขาด

พยายามวางใจให้เป็นกลางๆ นิ่งๆ แล้วพอใจที่ได้ฝึก พอใจที่ได้ทำ แค่นั้น

เขียนเป็นข้อความเตือนตนเองติดไว้หน้าประตูห้องก็ได้ว่า "ฉันภูมิใจ ฉันพอใจ ที่ฉันได้ฝึกแล้ว วันนี้ ฉันจะไม่สนใจอยากได้ผลอะไรสักอย่าง ขอให้ฉันได้ฝึกแค่นั้น"

แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 54 09:39:10

จากคุณ : โขตาน

 

โดย: นายแว่นธรรมดา 30 พฤศจิกายน 2554 13:03:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นายแว่นธรรมดา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 110 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่บล็อกนายแว่นธรรมดา บล็อกที่รวมเอาความคิด ความฝัน ความรู้สึกของนายแว่นธรรมดา เพื่อปะติดปะต่อภาพแห่งความรู้สึกในใจของเราให้เสร็จสมบูรณ์ (ขอสงวนการนำข้อมูลในบล็อกไปใช้ครับ)
Free counters!
New Comments
[Add นายแว่นธรรมดา's blog to your web]