มองภาพแห่งความสำเร็จที่ชัดเจน เดินแต่ละก้าวอย่างมีสติ ด้วยใจที่สงบ
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
10 ธันวาคม 2553

กรรมทันตา - หนทางเศรษฐี (จากห้องศาสนาครับ)

เป็นกระทู้แนะนำของห้องศาสนาครับ
คิดว่าในสีลมกับสินทรคงสนใจ


===QUOTE===
หนทางเศรษฐี


วันก่อนนั่งฟังวิทยุ ท่าน พระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตฺโต)
เล่าเรื่อง ชาดกเกี่ยวกับ การใช้ปัญญาเพื่อไปสู่ทางเป็นเศรษฐี
ท่านเล่าว่า


ครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้า ได้เคยเกิดเป็นเศรษฐี ในเมือง พาราณสี ชื่อว่า จุลลกเศรษฐี
เป็นหนุ่มที่มีความเฉลียวฉลาด รอบรู้มาก
มีอยู่วันหนึ่ง...กำลังเดินทางไปเพื่อเฝ้าพระราชา
ระหว่างทาง มองไปมองมาเห็น...ซากหนูตาย ตัวหนึ่ง ถูกทิ้งไว้ข้างถนน
ท่านก็พูดขึ้นดัง ๆ ว่า
...ไอ้ซากหนูตายตัวนี้อ่ะนะ ถ้าใครฉลาดมีปัญญา ก็สามารถเอามันมาทำประโยชน์
เป็นทุนประกอบอาชีพ ได้ใหญ่โตเป็นเศรษฐีได้เลยทีเดียว...


รอบ ๆ ตัวท่านก็คงมีคนอยู่เยอะแหละนะ...แต่ มีไอ้หนุ่มยากจนกิ๊กก๊อก ชื่อ...จูฬันเตวาสิก
ไอ้หมอนี่ ได้ยินถนัดเหมือนกับคนอื่นๆ แล้วก็คิด...
ท่านเศรษฐี เป็นคนที่เฉลียวฉลาดอย่างยิ่ง แถมยังเป็นคนที่พิเศษมาก.ก...
ท่านพูดอะไรแล้ว ต้องไม่พลาดแน่...
คิดได้แค่นั้น ก็รีบโดดไปตะครุบซากหนูตัวนั้น ก่อนคนอื่น


พอได้มาแล้ว มานั่งนึกว่าจะเอา ไอ้หนูตาย ตัวนี้ไปทำมาหากินยังไงดีหว่า
สรุป ก็เอาไปเดินเร่ขาย...เร่ขายไอ้ซากหนูตาย ตัวเดียวนี่อ่ะนะ
ก็ไม่มีใครซื้อซักคน เลยต้องเอามานั่งตีโจทก์ หากลยุทธใหม่
ใครนะที่มันจะอยากได้ หนูตาย...คงจะมีแต่แมวเท่านั้น...เอ๊ะ ได้การ
เขาเลยเอาไปเสนอขายให้กับ พวกคนที่รักแมว ชอบเลี้ยงแมว...สุดท้ายก็ขายจนได้
ได้เงินมา นิ๊ด.ด...หน่อย...ก็อีแค่หนูตายตัวเดียว
ประมาณ 5 บาท


แล้วเขาก็เอาเงิน นิ๊ดเดียว ที่ได้ไปซื้อ งบน้ำอ้อย คือน้ำอ้อยที่เคี่ยวจนเป็นก้อน
แล้วเอาไปละลายกับน้ำสะอาด ทำเป็น...น้ำหวาน
จากนั้น...ไปยืนดักพวกคนเก็บดอกไม้ ที่ไปเก็บดอกไม้จากในป่า
พอเจอพวกนี้ก็บริการ น้ำดื่ม น้ำหวาน ฟรี...ฟรี...คนละถ้วย สองถ้วย
คนมาเหนื่อยๆ ได้น้ำหวานชื่นใจก็แสนสุข อารมณ์ดี...ขอบอกขอบใจ
แล้วก็แบ่งดอกไม้ที่เก็บมาให้คนละกำมือ เป็นการตอบแทน


พอได้ดอกไม้สด ที่เพิ่งเก็บมา...คนอื่นเก็บ
ก็เอาไปขายที่ตลาด...ก็ได้เงินเพิ่มมากขึ้นอีกหน่อย
ประมาณ 30 บาท
หนุ่ม จูฬันเตวาสิก เอาดอกไม้ทั้งหมดนั้น ไปขายได้เงินมาอีกจำนวนหนึ่ง
ในวันรุ่งขึ้น... เขาก็นำค่าดอกไม้นั้นซื้อน้ำอ้อยอีก แต่คราวนี้ตรงไปยังสวนดอกไม้เลยทีเดียว
ให้พวกคนปลูกดอกไม้ ได้ดื่มน้ำอ้อย
พวกคนปลูกดอกไม้จึงตอบแทนน้ำใจเขา ด้วยการให้ดอกไม้ ที่เก็บแล้ว คนละครึ่งกอ
ในวันเดียวกันนั้น เขาจึงนำดอกไม้ไปขายหมดสิ้น ได้เงินมาเพิ่มขึ้นอีกมากพอสมควร
ทำหยั่งงี้หมุนวนไปเรื่อย ๆ ....เงินกองทุนก็เพิ่มมากขึ้นทุกที
จนเขาเองก็เริ่มรู้สึกว่า...เริ่มรวยแล้ว


วันหนึ่ง...มีฝนตกหนัก แถมมีพายุด้วย
ทำให้ต้นไม้ในอุทยานของพระราชา หักโค่นทั้งกิ่งแห้ง กิ่งสด มากมาย
ทำให้คนที่ดูแลเฝ้าสวนเหนื่อยใจเลยว่า จะทำยังไงต่อไป ต้องรีบเก็บกวาดให้เรียบร้อยซะด้วย
เจ้าหนุ่ม จูฬันเตวาสิก หัวใสที่เริ่มจะรวยก็รีบไปคุยกับคนเฝ้าสวนทันที
แล้วยื่นข้อเสนอ ว่าจะบริการเก็บกวาดกิ่งไม้หักโค่นทั้งหลายให้ ฟรี..ฟรี
ขอแค่ไอ้กิ่งไม้ทั้งหลายนั้นก็พอ...
คนเฝ้าสวนที่กำลังกลุ้มใจ ก็รีบโอเค ตกลงทันที


จากนั้น...เจ้าหนุ่มหัวใส ก็ขอแรงพวกเด็กวัยรุ่นแถวนั้น ให้ช่วยกันขนกิ่งไม้ออกมาทั้งหมดในเวลาแป๊ปเดียวเอง
เมื่อได้กิ่งไม้มามากมายแล้ว...เขาก็ไปหาคนที่ต้องการซื้อ
ตกลงก็ไปได้ ช่างปั้นหม้อ ที่กำลังต้องการฟืนไปเผาพวก เครื่องปั้นดินเผา
ถือว่าขายได้ราคามาก แสดงว่าเข้าใจเรื่อง ธุรกิจ เป็นอย่างดี ทั้ง ดีมานด์ ซัพพลาย ครบถ้วน
นอกจากได้เงินมากแล้ว ยังได้ขอแถม...ตุ่มน้ำ...มาด้วยอีกต่างหาก


แล้วก็จัดแจงเอา...ตุ่มน้ำ...ใส่น้ำดื่มเอาไว้ ในที่ใกล้ประตูพระนคร
คอยบริการแก่คนเดินทาง และพวกขนฟืน หาบหญ้า ให้ได้ดื่มกินกันดับความกระหายน้ำ...ฟรี...ฟรี
พวกผู้คนทั้งหลายที่ได้รับน้ำใจจาก หนุ่มจูฬันเตวาสิก ต่างก็ออกปาก ว่า
...ท่านได้มีน้ำใจ มีพระคุณ แก่พวกเรามาก แล้วพวกเราจะช่วยกระทำอะไรให้แก่ท่านได้บ้าง…
จูฬันเตวาสิก ยิ้มแล้วบอกว่า...เอาไว้ถ้ามีธุระแล้วค่อยรบกวนก็แล้วกัน


หลังจากนั้นแล้ว เขาก็เที่ยวไปข้างโน้นข้างนี้ ขยันตีสนิท ผูกสัมพันธ์กับคนอื่นไปทั่ว
ผูกมิตรไว้กับผู้คนที่ทำงาน ทั้งทางบก และทั้งที่ทำงานทางน้ำ


จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง...คนทำงานทางบกผู้หนึ่ง ได้บอกแก่จูฬันเตวาสิกว่า
...พรุ่งนี้ จะมีพ่อค้าม้านำเอาม้า 500 ตัวมายังเมืองนี้
จากข่าวนี้เอง เขาจึงรีบไปบอกกับพวกคนหาบหญ้าทั้งหลายว่า
...ขอเหมาหญ้า ที่มีแต่ยังไม่จ่ายเงินนะ...ขอเอาตัวอย่างมาหน่อยนึงก่อน
คนหาบหญ้าทั้งหมดถึง 500 คน ต่างก็รับคำ...โอเค
ตกลงพากันนำหญ้าคนละกำมือ มาไว้ที่ประตูบ้านของ จูฬันเตวาสิก


พอวันรุ่งขึ้น เมื่อพ่อค้าม้าพาม้ามาถึงพระนครแล้ว แต่ไม่สามารถหาซื้อหญ้าให้ม้ากินได้เลย
จนมาเจอกองหญ้าที่หน้าบ้าน จึงต้องขอซื้อหญ้า กับจูฬันเตวาสิก
พ่อค้าม้านั้น ถึงได้หญ้าไปเลี้ยงม้าของตน
เคสนี้ ทำกำไรอีกอักโขเลย...


ต่อจากนั้นอีก ๒-๓ วัน สหายผู้ทำงานทางน้ำคนหนึ่ง ได้มาแจ้งข่าวกับจูฬันเตวาสิกก่อนใคร ๆ ว่า
...วันนี้ จะมีเรือสินค้าลำใหญ่มาจอดที่ท่าน้ำนี้เอง


ได้ฟังอย่างนั้น จูฬันเตวาสิก ก็คิดว่า
...เราน่าจะเอาเงินสักก้อน ไปเช่ารถ แล้วตระเตรียมพรรคพวกเพื่อนฝูงให้เพียบพร้อมไว้
จากนั้นก็นำ รถและผู้คนตรงไปยังท่าเรือ ด้วยมาดของพ่อค้าใหญ่
พอถึงแล้ว ก็เอาเงินที่มีไปมัดจำสินค้าบนเรือทั้งหมด กับเจ้าของเรือไว้
จากนั้นก็มานั่งพัก กางเต็นท์ทำเป็นออฟฟิซ รออยู่ในที่ไม่ไกลจากเรือนัก
โดยสั่งกับพรรคพวกทั้งหลายไว้ว่า
...ถ้าหากมีพ่อค้าคนอื่นๆ มาหาเรา พวกท่านจงบอกประวิงเวลาไว้ ให้รอคอยเราก่อน


ในวันนั้น เมื่อบรรดาพ่อค้าในเมืองพาราณสีประมาณ 100 คน
ได้ข่าวว่าเรือสินค้ามาจอดที่ท่าแล้ว ก็รีบพากันมาที่ท่าโดยเร็ว เพื่อหมายจะมาซื้อสินค้า
คงจะประมาณว่า...ใครเร็วใครได้
แต่พอมาถึงแล้ว เจ้าของเรือกลับบอกว่า
...พวกท่านมาช้าไปเสียแล้ว เพราะพ่อค้าใหญ่ชื่อ จูฬันเตวาสิก ได้มามัดจำสินค้าทั้งหมดไว้แล้ว
ถ้ายังไงเสียพวกท่านก็ลองไปถาม ที่เต็นท์ออฟฟิซตรงโน้น ดูเองแล้วกัน


เหล่าพ่อค้าจึงพากันไปที่เต็นท์เพื่อหา จูฬันเตวาสิก
แล้วทั้งหมดก็เจรจาตกลงทางการค้ากัน
โดยพ่อค้าทั้ง 100 คนนั้น ซื้อสินค้าต่อจาก จูฬันเตวาสิก คนละ 8,000 บาท
ในการค้าขายคราวนั้น จูฬันเตวาสิกจึงได้เงินมากมายถึง 800,000 บาท
พอกลับไปที่บ้านแล้ว ก็เกิดสำนึกขึ้นว่า
...เราควรเป็นคนกตัญญู รู้จักตอบแทนบุญคุณของผู้มีคุณต่อเรา
จึงได้เอาเงินครึ่งหนึ่งของตนที่มี นำไปมอบให้แก่ จุลลกเศรษฐี ที่บ้าน
ทำเอา จุลลกเศรษฐี งุนงง สงสัยนัก ต้องสอบถามว่า
...นี่พ่อหนุ่ม เธอทำอะไรจึงได้เงินนี้มา แล้วเอามาให้เราทำไมกันล่ะ


จูฬันเตวาสิก ตอบว่า
...ได้ตั้งใจทำอย่างที่ท่านบอกไว้ จนกระทั่งได้เงินมามากมาย ภายใน 4 เดือนเท่านั้นเอง
จึงอยากนำเงินครึ่งหนึ่งที่กระผมมีอยู่ มาตอบแทนบุญคุณของท่าน...
แล้วบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องซากหนูตาย จนถึงสินค้าที่ท่าเรือให้ทราบ


ฟังแล้ว จุลลกเศรษฐี ก็ชื่นชมในใจว่า
...เด็กหนุ่มคนนี้ทั้งขยันขันแข็ง ทั้งเฉลียวฉลาดหลักแหลม
ทั้งเป็นคนดีมีน้ำใจงาม มีมิตรมาก เราน่าจะได้เขาไว้ เป็นลูกเขย…
จึงยกเงินที่ได้มาให้แก่บุตรสาวของตน แล้วให้บุตรสาวแต่งงานเป็นคู่ครองกับจูฬันเตวาสิก
จนกระทั่งเมื่อจุลลกเศรษฐีล่วงลับไปแล้ว จูฬันเตวาสิก จึงได้ครอบครองสมบัติทั้งหมด
ได้ชื่อว่า เป็นเศรษฐีใหญ่ อยู่ในพระนครพาราณสีนั้น


พระพุทธองค์ ได้ตรัสคาถาธรรม สำหรับชาดกเรื่องนี้ไว้ว่า…
" คนผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด ย่อมตั้งตนได้ด้วยต้นทุนแม้น้อย
ดุจคนก่อไฟกองน้อย ให้เป็นไฟ กองใหญ่ได้ ฉะนั้น "


ผมจำได้ว่า เคยฟังเรื่องนี้ เมื่อหลายปีก่อน
ตอนนั้นฟังแล้วชอบมาก
เอาเป็นแนวคิด ทำการค้า หาทุกช่องทาง ทำเงินใช้หนี้...ได้เยอะ
เลยอยากเล่าให้ฟังกันต่ออีกที...เผื่อบางคนอาจมีแรงบันดาลใจ
ต้นทุน...หนูตายตัวเดียว
ค้าขาย ลุยแหลก ภายใน 4 เดือน
กลายเป็น เศรษฐี ได้
ผมว่า ชาดกเรื่องนี้ น่าคิดนะ


===UNQUOTE===








จากคุณ : เจ้าแมงป่อง




Create Date : 10 ธันวาคม 2553
Last Update : 10 ธันวาคม 2553 15:39:46 น. 0 comments
Counter : 702 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นายแว่นธรรมดา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 110 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่บล็อกนายแว่นธรรมดา บล็อกที่รวมเอาความคิด ความฝัน ความรู้สึกของนายแว่นธรรมดา เพื่อปะติดปะต่อภาพแห่งความรู้สึกในใจของเราให้เสร็จสมบูรณ์ (ขอสงวนการนำข้อมูลในบล็อกไปใช้ครับ)
Free counters!
New Comments
[Add นายแว่นธรรมดา's blog to your web]