AEC Tradeing "การลงทุนในเวียดนาม" ส่วนใหญ่แล้วการลงทุนในเวียดนามนั้นยังยากลำบากสำหรับธุรกิจรายเล็กๆ อยู่ครับ เนื่องจากการที่นักลงทุนไม่ค่อยจะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกับบ้านเรา และประสบการณ์ในการทำธุรกิจของนักธุรกิจยุคบุกเบิกยังไม่มากพอ "โอกาส" ที่จะประสบความสำเร็จจึงน้อยลงหน่อย ผิดกับบริษัทรายใหญ่ที่ได้เข้าไปลงทุนในเวียดนามแล้ว ได้แก่ ปตท. เครือปูนซีเมนต์ไทย และเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี ที่ได้รุกเข้าสู่ดินแดนแห่งโอกาสนี้มาได้ระยะหนึ่งแล้วครับ ปัญหาสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ก็คือ เสถียรภาพของเงินด่อง ที่กำลังประสบกับสภาวะ "เงินเฟ้อ" ขั้นรุนแรง ด้วยเงินเฟ้อกว่า 22% ในปีล่าสุด ทำให้การทำธุรกิจยากลำบากมากขึ้น ผลกำไรจากธุรกิจควรมากกว่าการกัดทำลายของเงินเฟ้อครับ จึงจะอยู่รอดปลอดภัยได้ รวมทั้งปัญหาในด้านกฏหมายที่อาจจะดูไม่ทันสมัยเท่าที่ควร และไม่ค่อยจะเอื้อให้รายเล็กรายน้อยเข้าไปลงทุนซักเท่าไหร่ ต้นทุนการดำเนินงานก็ค่อนข้างสูง (เนื่องจากเงินเฟ้อ) แถมยังต้องเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภคในเวียดนามอีกมากครับ แต่อย่างไรก็ตาม "เวียดนาม" ก็ยังคงน่าหลงไหล ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ยังมีช่องว่างที่จะเติบโตได้อีกมาก ก็ยังคงดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่ๆ ให้เข้าไปจับจองทำเลการลงทุนเป็นระยะๆ ใครสนใจจะไปลงทุนที่เวียดนามก็บอกเล่าเก้าสิบกันได้นะครับ ยินดีรับฟังทุกคำแนะนำครับผม... (นายแว่นธรรมดา) E-Magazine By นายแว่นธรรมดา... ดาวน์โหลดฟรีได้ที่นี่ครับ... //www.naiwaen.com/?p=917 แวะทักทายนายแว่นธรรมดาได้ที่นี่ครับผม... FaceBook //www.facebook.com/NaiwaenTammada ตกแต่งบ้าน และสวนสวย Home Decor Garden //homebuyerguides.blogspot.com/2011/09/mdf-index.html Top of Living //www.topofliving.com/   Create Date : 07 พฤศจิกายน 2555 2 comments Last Update : 7 พฤศจิกายน 2555 16:10:01 น. Counter : 3345 Pageviews. Share Tweet

โดยบริษัทไทยส่วนใหญ่ลงทุนที่เวียดนามใต้ เพราะอุปนิสัยคล้ายคลึงคนไทย ความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่เฟื่องฟูอย่างมากสำหรับไทยกับเวียดนาม คือ การค้าระหว่างกันที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว สิ้นปีที่ผ่านมามีมูลค่าการค้าสูงถึง 9,086 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตขึ้นจากปี 2553 ที่ 25% ปีนี้คาดว่าจะถึง 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่ามูลค่าการลงทุน ไทยในเวียดนามที่ 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ "แม้ว่าจะมีการอนุมัติโครงการมูลค่า 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปีก่อน แต่มีการลงทุนจริงแค่ครึ่งเดียว หลายโครงการอนุมัติแล้วแต่ยังไม่มีการลงทุน จึงไม่แน่ชัดมากนักที่จะคาดหวังการลงทุนในต่อๆ ไปว่าจะเป็นเท่าใดครับ   โดย: นายแว่นธรรมดา 7 พฤศจิกายน 2555 16:17:42 น.

Economist Intelligence Unit (EIU) คาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศเวียดนามจะขยายตัวในอัตราเฉลี่ย 6.7%ในช่วง 5 ปีนับจากนี้ โดยคาดว่าแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศเวียดนาม ได้แก่ การบริโภคภายในประเทศ (คิดเป็นสัดส่วน 73% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่น่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นตามรายได้ของประชาชนในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) คาดว่ารายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีของชาวเวียดนามจะเพิ่มขึ้นจาก 1,173 เหรียญสหรัฐ ในปี 2553 เป็น 1,882 เหรียญสหรัฐ ในปี 2558 รวมถึงรายได้จากภาคการส่งออก (คิดเป็นสัดส่วน 76% ของจีดีพี) น่าจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในทิศทางที่ดีขึ้น การเปิดเสรีอาเซียนที่ได้มีการปรับลดภาษีสินค้าระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนเหลือ 0% และการทยอยเปิดเสรีภาคบริการและการลงทุนภายในปี 2558 น่าจะเกื้อหนุนให้การค้าและการลงทุนของประเทศเวียดนามขยายตัวเพิ่มขึ้น พอสมควร จึงคาดว่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในเวียดนามน่าจะมีทิศทางเพิ่มขึ้นในระยะ 4-5 ปีข้างหน้าธุรกิจ ที่น่าจะดึงดูดเงินลงทุนได้เป็นลำดับต้นๆ น่าจะเป็นสาขาธุรกิจที่ประเทศเวียดนามมีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมรองเท้า อุตสาหกรรมสิ่งทอ สาขาธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร เช่น อุตสาหกรรมอาหารทะเล และอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์และส่วนประกอบ นอกจากนี้ ยังมีสาขาธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีเพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศและได้อานิสงส์จากการเปิดเสรีด้านการลงทุน เช่น ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจด้านขนส่ง และธุรกิจบริการทางการเงินทั้งนี้ทางการของประเทศเวียดนามได้พยายามแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เผชิญอยู่ด้วย ขณะที่แนวนโยบายที่ชัดเจนและจริงจังมากขึ้น สะท้อนจากแนวนโยบายในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนามระยะ 10 ปี (2554-2563) โดยเฉพาะในส่วนของการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งทางการได้ดำเนินมาตรการทางการเงินและการคลังที่เข้มงวดมากขึ้นควบคู่กันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น น่าจะช่วยให้เศรษฐกิจกลับคืนสู่เสถียรภาพและเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนกลับมาได้ในอนาคตครับ   โดย: นายแว่นธรรมดา 7 พฤศจิกายน 2555 16:20:05 น.