มองภาพแห่งความสำเร็จที่ชัดเจน เดินแต่ละก้าวอย่างมีสติ ด้วยใจที่สงบ
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
9 กันยายน 2553

เครียดท้อจิตตกกับชีวิตผมควรเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างไรดีครับ

พอดีวันนี้เพิ่งตกงานครับ เพราะหมดความอดทนกับการทำงานและคำพูดของพ่อและแม่ตัวเองครับ


คือตัวผมอายุ 26 ปี ในครอบครัวมีลูก 2 คน ผมเป็นพี่คนโต มีน้องห่างกัน 6 ปี คือผมเรียนไม่เก่ง จบมหาลัยก็ไม่ดัง พ่อและแม่ผมเป็นคนที่รักน้องมากกว่าผมครับ เพราะสมัยก่อนตอนท่านยังไม่มีอะไรท่่านเอาผมไปฝากไว้กับคุณยายและท่านก็ทำงาน ผมจึงโตมาด้วยความที่ติดยายมากกว่าพ่อและแม่ ผมอยู่กับยายตั้งแต่ยังเล็กจนมาอยู่กับพ่อแม่อายุราวๆ 14 ปีแต่ก็อยู่ไม่ได้ครับ ต้องกลับไปอยู่กับยาย ยอมลำบากนั่งรถเมล์ไปเรียน ทั้งที่พ่อแม่ผมตอนนั้นมีธุรกิจเป็นของตัวเอง


หลังจากนั้นผมก็มาอยู่กับพ่อและแม่ในช่วงมหาลัย ส่วนใหญ่ก็มีปัญหาเรื่องไม่ค่อยสนิทและลงรอยกับท่านเท่าไหร่ แม่ผมไม่เท่าไหร่แต่พ่อผมชอบพูดจาดูถูกและแสดงความเบื่อหน่ายกับตัวผม และสำคัญคือท่านจะรักน้องผมมากกว่าครับ ผมเลยจะทะเลาะและไม่ค่อยถูกกับคนพ่อบ่อยมาก หลังจากเรียนจบก็ทำงานที่บริษัทท่าน ทำบ้างออกบ้างเพราะทะเลาะกัน ตอนนั้นยอมรับเลยครับว่าอารมณ์ร้อน คือเจอด่าเจอว่า ก็จะโมโหคือเราไม่ผิดก็จะโดนยัดและด่าแรงๆจนผิด คือสมัยก่อนพ่อผมเป็คนที่มีเหตุผลครับ แต่หลังจากที่ท่านมีกิจการท่านเปลี่ยนไปอย่างนึงคือท่านไม่รับฟังความเห็นใคร ท่านจะคิดว่าท่านถูกเสมอ ผมเอาเหตุผลอะไรไปงัดกับท่านก็จะมีปัญหากันทุกที


หลังจากทำๆออกๆ ก็กลับมาทำใหม่ในขณะที่น้องคนเล็กเรียนเก่งครับ ได้ไปเรียนสิงคโปร์กลับมาพูดภาษาอังกฤษดีเลย ตอนนี้ก็กำลังเรียนที่มหาลัยมีชื่อเสียงที่หนึ่ง แต่น้องนิสัยเหมือนพ่อครับ เพราะตอนเด็กโดนตามใจและจะมีนิสัยค่อนข้างก้าวร้าวกับครอบครัวตัวเอง กับคนอื่นจะไม่เป็น อย่างบางครั้งพ่อผมพูดเยอะน้องก็จะตะคอกให้เงียบๆ เช่นวันนึงผมกับน้องไปต่างประเทศกลับมาแล้วพ่อผมพูดตลอดทางที่ขับรถกลับกันน้องผมตะคอกเลยว่า "เงียบๆหน่อยตั้งแต่กลับมายังไม่หยุดพูดเลยนะ" ซึ่งทั้งพ่อและแม่ผมเลยเงียบไป แต่กลับกันถ้าผมทำแบบนั้นบ้างผมจะโดนด่าและโดนตะคอกกลับแหงๆ


เรื่องของเรื่องคือ ตั้งแต่ผมทำงานที่บริษัทตัวเองเนี่ย ผมเหมือนไม่มีผลงาน แล้วพ่อแม่ของผมก็ไม่ได้สอนงานด้วยครับ คือพอดีตอนที่ผมไปทำท่านก็เรียนต่อพอดีเลยไม่มีัเวลา ผมเลยงูๆปลาๆไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้มันเป็นชิ้นเป็นอัน ประกอบกับพอมีไฟจะทำ ผมก็จะโดนกรอกหูด้วยคำพูดของพ่อว่า เดี๋ยวพอน้องมันจบจะได้ให้มันมาบริหารต่อ ผมเลยท้อมากครับ เหมือนตัวเองไร้ค่า อย่าง ปีที่แล้วที่บ้านซื้อรถให้คันนึงคือ Mazda3 ตอนแรกเค้าให้ผมเลือกครับ แต่พอผมจะเลือกจริงๆพ่อผมก็แกมบังคับว่าเอา mazda3 ไปสิ (พ่อผมอคตืกับ Honda) ซึ่งตอนแรกผมก็จะเอา Honda และให้เหตุผลไปว่า มันประหยัดน้ำมันกว่านะ ท่านก็ไม่สนบอกเอา 3 ไปแหละ พอผมไปหาข้อมูลเพิ่มก็เจอว่าถ้าจะเอาเครื่อง 1.6 ให้เอา 2.0 ไปเลยเพราะมันกินน้ำมันน้อยกว่าเพราะรถหนัก พอเอาเหตุผลข้อนี้ไป พ่อผมก็บอกว่า จะซื้อรถแรงๆไปทำไม หัดขับรถแรงม้าน้อยๆไปก่อน เดี๋ยวอนาคตค่อยเปลี่ยน ผมไม่รู้จะพูดยังไงก็เอาวะดีกว่าไม่ได้


หลังจากนั้นพอน้องผมเข้ามหาลัย น้องผมได้ขับ Benz ครับ ซึ่งสมัยผมเรียนผมนั่งรถเมล์ตลอดพ่อแม่ไม่เคยส่ง บอกว่างานยุ่ง แต่พอน้องผมเรียนเค้าให้ Benz ขับ จนลูกค้าเคยถามแม่ว่าทำไมให้ผมขับ mazda3 แต่น้องขับ Benz ซึ่งแม่ผมก็อ้างว่านั่นมันรถบริษัทให้น้องผมยืมไปก่อน แต่เรื่องน้ำมันผมก็เติมเองนะครับ เบิกไม่ได้ แต่น้องผมเบิกตลอด จนมาล่าสุดตอนนี้พ่อผมจะซื้อ BMW ให้น้องผมเพราะน้องผมเรียกร้องมา ผมถึงกับอึ้งเลยครับ เพราะคำพูดตอนที่พ่อจะซื้อรถให้ผมไม่รู้เค้าลืมปหรือเปล่า อึ้งครับบอกตรงๆ เลยท้อหนักแต่พยายามทำใจว่าเราโดนมาทั้งชีวิตนะ


จนช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาพ่อแม่ผมให้น้องผมลองเข้ามาดูงานที่บริษัท พ่อผมเดินสอนงานทั้งที่ไม่เคยทำกับผมแบบนี้ และน้องผมเรียนรู้ไวครับ ผมเห็นแล้วยังเครียดเลยว่า เออเก่งเ้ว้ยทำอะไรดีไปหมด แต่มาวันนี้พอดีตอนเช้างานมีปัญหาพ่อผมเรียกหัวหน้างานต่างๆมาประชุม ซึ่งก็เรียกมาว่าเลยครับว่าทำไมทำงานชุ่ยกันแล้วพอดีเค้าไปหาลูกค้าเลยรับหน้าเต็ม เลยเป็นเรื่องราวให้ถึงจุดแตกหักครับ


พ่อผมด่ากระทบถึงผมว่า อยู่มาเกือบ 2 ปีแล้วยังทำผลงานได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเสียที ทำงานหลักลอย ไม่มีประโยชน์เหมือนจุดด้อย สู้ไม่มีเสียดีกว่า แล้วเค้าก็เปรียบเทียบว่า น้องผมเข้ามาไม่กี่วันกลับมองงานออก มีไหวพริบ ซึ่งวันก่อนหน้านี้เป้าหมายตกผมก็บอกกับพ่อผมว่าตกเพราะงานซ่อมหรือเปล่า พ่อผมตะคอกใส่ผมว่า แล้วมรึงได้ไปดูงานมั้ย แต่พอน้องผมพูดแบบเดียวกัน พ่อผมเอามาชมว่าน้องผมมองงานออก


ผมบอกตรงๆครับวันนี้ผมเสียใจมาก ผมรู้สึกว่าผมเป็นอะไรวะ ทำไมไร้ค่า ทำงานให้เค้าก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง ดีแต่ลอยๆจนให้เค้าว่าทุกวัน ทำมาเกือบ 2 ปีเงินเดือนก็ไม่ได้อัพ เพราะตอนประเมินผมก็เป็นคนเขียนไปเองว่าตัวเองทำงานไม่ดี แต่เจอคำพูดแบบนี้ผมหมดกำลังใจครับ ท้ออยากหาอะไรทำเป็นของตัวเองเลยจริงๆ อยากอยู่ได้ด้วยตัวเองไม่ต้องพึ่งครอบครัวแล้ว ผมจึงบอกกับแม่ว่าขอออกไปทำอะไรเองดีกว่า



ผมเลยอยากถามดังนี้ครับว่า

- ผมมีเงินทุนของตัวเองประมาณ 1 ล้านบาท ผมควรเอาไปลงทุนอะไรดี
- หรือผมควรจะไปหางานบริษัทอื่นทำ ซึ่งผมไม่เคยมีประสบการณ์เลย



ตอนนี้เครียดกับชีวิตมากครับ อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้วแต่ยังไม่ได้ทำงานจริงจังๆ ไม่อยากอยู่แบบเวลาฆ่าตัวเองไปวันๆอีกแล้ว ไม่อยากให้พ่อดูถูกผมไปมากกว่านี้ อยากให้ตัวเองมีรายได้เลี้ยงดูตัวเองได้ แค่นั้นก็พอ ผมจะเริ่มยังไงดีครับ ตอนนี้มืดจริงๆ กลับจากที่ทำงานตั้งแต่เที่ยง ไม่ได้ทำอะไรข้าวไม่ได้กินน้ำไม่ได้แตะ นั่งจิตตก เครียดครุ่นคิดอยู่จนถึงตอนนี้เลยเอามาระบายกับห้องสีลมเนี่ยหละครับ


ใครมีอะไรแนะนำเต็มที่เลยครับ เอาตรงๆ ผมผ่านจุดของคำว่าเสียใจมาแล้ว ตอนนี้สิ่งที่อยากได้คือคำแนะนำเพื่อจะได้หาทางออกของชีวิตว่า เราจะเริ่มต้นตรงไหน ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันยังไ ควรจับธุรกิจอะไร หรือไปหาประสบการณ์เป็นลูกจ้างเขาดู แต่ที่ผมมองๆคืออยากเปิดอะไรเองดูครับ

ยังไงขอบคุณที่ตามอ่านครับ

จากคุณ : ท้อแท้

.......................................................................................

เข้ามาให้กำลังใจครับ..

เป็นผมผมจะแบ่งเงินออกเป็น 3 ก้อนครับ

1. ลงทุนในตลาดทุน (หุ้น หรือฯลฯ)
2. ทำธุรกิจส่วนตัว
3. เก็บออม

ลองดูครับเผื่อเป็นกำลังให้ผ่านพ้นช่วงที่เศร้าหมองนี้ไปได้..

...........................................................................

เปลี่ยนแปลงตัวเองจากภายใน

ทุกวันนี้นายแว่นฯ รู้สึกจิตใจปลอดโปร่งกว่าแต่ก่อนมากมาย..

เมื่อก่อนนายแว่นฯ จะเป็นคนที่ค่อนข้างถือตัว อวดดี มีความเป็นตัวตน อัตตาของตนเองสูงมากๆ .. ใครพูดอะไรไม่เข้าหู หรือทำอะไรไม่ถูกใจเราจะยอมไม่ได้ทีเดียว..

หลังจากนายแว่นได้ค้นพบความลับบางอย่าง.. มันก็ทำให้นายแว่นเปลี่ยนไปเป็นคนละคนทีเดียว..

ความลับนั้นก็คือ "การเข้าถึงตัวตนจากภายใน"

สมัยก่อนเวลามีเหตุการณ์ไม่สู้ดีเกิดขึ้นกับเรา.. นายแว่นฯ จะโทษสิ่งแวดล้อมรอบตัวก่อน ไม่ว่าจะเป็นผู้คนรอบตัวเรา สถานที่ทำงานไม่เหมาะ ลักษณะงาน ฯลฯ

ไม่เคยคิดโทษตัวเองเลย..

เมื่อมุมมองของนายแว่นฯ เป็นแบบนั้น ก็คิดจะเปลี่ยนแปลงสิ่งรอบตัว คิดจะเปลี่ยนแปลงคนอื่น แต่ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง..

เมื่อเราคิดเปลี่ยนคนอื่น.. แน่นอนปฎิกิริยาต่อต้านย่อมต้องเกิดขึ้น.. สุดท้ายสถานะการณ์มันก็เลวร้ายลงจนได้..

...

มาวันนี้นายแว่นฯ ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว.. จากการค้นพบตัวตนภายในของเราเอง.. นายแว่นพิจารณาปัญหารอบๆ ตัวจากภายใน.. จนพบความสงบ และสว่าง..

มันทำให้รู้ว่าโลกนี้ที่เราคิดว่าเต็มไปด้วยปัญหา แท้จริงแล้วมันคือสิ่งที่เราคิดไปเอง สมมุติเอาเองว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้คือ "ปัญหา"

ถ้าเรามองปัญหาด้วยมุมมองที่ดี เราจะรู้ว่าปัญหานั้น "ไม่มี"

เราจะเผชิญทุกสิ่งด้วยความรู้สึกสงบ สวยงาม และสุขุมรอบคอม ในทุกมิติของสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา..

นายแว่นฯ ค้นพบความสว่างดังนี้แล้ว.. ก็รู้ได้ทันทีว่าสมัยก่อนเราโง่เขลามากแค่ไหน ที่หลงยึดติดกับตัวตนที่ไม่มีอยู่จริงของเราเสียตั้งนาน..

^_^


//tree-plus.blogspot.com/

//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B9671067/B9671067.html#5


Create Date : 09 กันยายน 2553
Last Update : 9 กันยายน 2553 15:38:00 น. 2 comments
Counter : 662 Pageviews.  

 
เป็นกำลังใจให้นะ..อย่าท้อ..ต้นทุนทางด้านความคิดมีมากกว่าคนอื่นตั้งเยอะ..ทุกอย่างผ่านมาแล้วผ่านไป..สติมาปัญญาเกิด..แบกไว้ก็หนัก..เหนื่อยก็พัก..สู้..สู้


โดย: tamjai IP: 58.11.100.88 วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:19:02:15 น.  

 


*~*~*~*..แวะมาทักทายจ๊ะ..ขอให้มีความสุข สดใส..หัวใจเบิกบาน..*~*~*~*

..HappY BrightDaY..


โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 16 กันยายน 2553 เวลา:18:35:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นายแว่นธรรมดา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 110 คน [?]




ยินดีต้อนรับสู่บล็อกนายแว่นธรรมดา บล็อกที่รวมเอาความคิด ความฝัน ความรู้สึกของนายแว่นธรรมดา เพื่อปะติดปะต่อภาพแห่งความรู้สึกในใจของเราให้เสร็จสมบูรณ์ (ขอสงวนการนำข้อมูลในบล็อกไปใช้ครับ)
Free counters!
New Comments
[Add นายแว่นธรรมดา's blog to your web]