|
กินข้าวเป็นเพื่อนแม่
เวลาที่แม่เดินทางจากบ้านนอกมาเยี่ยมผม ภรรยาผมมักจะขอให้ท่านอยู่กินข้าวด้วยกันเสมอ แต่ไม่รู้ทำไม แม่กลับกินข้าวปลาไม่ค่อยลง ทั้งๆ ที่ท่านเป็นคนกินเก่งแต่ไหนแต่ไรมา บางครั้งผมพยายามคะยั้นคะยออยู่นานท่านจึงยอมกินอีกหน่อยแล้วบอกว่า อิ่มแล้ว ผมประหลาดใจมาก ตอนแม่อยู่บ้านนอกแม่จะกินข้าวได้มาก สำหรับคนทำงานในไร่แล้ว การที่จะกินข้าวครั้งละสามสี่ชามนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา ตอนผมอยู่บ้านนอกได้ยินแม่เล่าให้ฟังบ่อยๆ ว่า มีครั้งหนึ่งแม่ไปเยี่ยมญาติในเมือง เวลากินข้าวเห็นชามข้าวของเขาใหญ่กว่ากำปั้นนิดเดียว ใส่ข้าวแล้วเทียบกับชามใบใหญ่ที่บ้านนอกเท่ากับเศษหนึ่งส่วนสามเท่านั้น จะให้รู้สึกกังวลว่าข้าวแค่นั้นจะอื่มรึ แม่บอกว่าพวกเราคนบ้านนอกหากอยู่ในเมือง ถ้าคนในเมืองเข้าใจ และหากพวกเราทำใจได้กินมันสักแปดชามสิบชามก็ยังไหว ทุกครั้งที่แม่มาผมจะเจาะจงเปลี่ยนเป็นชามใบใหญ่หน่อยให้ท่านโดยพาะ แต่แม่ก็ยังกินได้ไม่มากเท่าไหร่ หรือว่าอาหารไม่ถูกปาก หรือว่าปริมาณการกินของแม่น้อยลงมากขนาดนี้แล้วหรือ มีอยู่ครั้งหนึ่ง พ่อพูดกับผมโดยบังเอิญว่า ทุกครั้งที่แม่มาบ้านแกกลับไปแล้วเป็นต้องกินข้าวเยอะมาก ผมถามพ่อครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร พ่อจึงบอกว่า แล้วอย่าบอกแม่ว่าพ่อเป็นคนบอกนะ ความจริงมีว่าที่แท้แม่อายุมากแล้ว ฟันไม่ดีเหมือนก่อน กินอะไรช้ากว่าเก่ามาก ส่วนผมและภรรยายังหนุ่มยังสาว อาหารมื้อหนึ่งเดี๋ยวเดียวก็เรียบร้อย แม่จึงรู้สึกเกรงใจที่ยังช้าๆ กินไม่อิ่มอยู่คนเดียวบนโต๊ะ ผมจึงได้ถึงบางอ้อ นึกถึงตอนเด็กเวลาแม่พาไปเยี่ยมญาติ แม่จะสั่งแล้วสั่งอีกว่าเวลากินข้าวห้ามอิ่มเป็นคนสุดท้าย ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะหัวเราะว่าเรางกกินไม่รู้อิ่มได้ การที่เป็นแม่ของชาวไร่ เรื่องที่ซื่อสัตย์เรียบง่ายเหล่านี้ได้ฝังรากหยั่งลึกลงในกระดูกเสียแล้ว ตั้งแต่นั้นมาเวลาแม่มากินข้าวที่บ้าน ผมและภรรยาจะชะลอความเร็วลง กินอย่างช้าๆ เป็นเพื่อนท่าน แม่กลับกินได้ไม่น้อยเลย คิดขึ้นมาแล้วเมื่อตอนเด็กพวกเราทุกคนล้วนเคยได้รับการว่ากล่าวปลอบโยนค่อยๆ กินที่ละคำ ๆ จากแม่ไม่ใช่หรือ แล้วเราจะกินช้าๆ เป็นเพื่อนท่านในยามแก่ไม่ได้เชียวหรือ *** พ่อแม่เป็นบุคคลที่ธรรมดาสามัญที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุด และควรค่าแก่การขอบพระคุณมากที่สุด หากมีเวลาก็กลับบ้านไปกินข้าวกับท่านบ่อยๆ จะเป็นการตอบแทนบุญคุณท่านที่ดีที่สุด
*****
Create Date : 28 กรกฎาคม 2553 | | |
Last Update : 28 กรกฎาคม 2553 15:48:02 น. |
Counter : 384 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เทพหลวี่ต้งปินรับศิษย์
หนึ่งในแปดเซียนหลวี่ต้งปินเมื่อสำเร็จเป็นเซียนแล้ว คิดอยู่เสมอว่าอยากจะหาลูกศิษย์สักคนเพื่อถ่ายทอดวิชาเซียน เขาตัดสินใจลงมาที่เมืองมนุษย์เฟ้นหาผู้ที่ไม่ละโมบสักคน แล้วถ่ายทอดวิชาทั้งหมดให้ หลวี่ต้งปินแปลงเป็นตาเฒ่าขายหมั่นโถว ติดป้ายโฆษณาไว้ที่แผงขายดังนี้ เงินสิบเซ็นต์กินหมั่นโถวหนึ่งอัน เงินยี่สิบเซ็นต์กินจอิ่ม คนจำนวนมากมาอุดหนุนหมั่นโถวของเขา แต่ทั้งหมดล้วนแต่จ่ายยี่สิบเซ็นต์เพื่อกินจนอิ่ม ไม่มีใครยอมจ่ายสิบเซ็นต์เพื่อหมั่นโถวอันเดียว เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงเวลาเย็นแล้ว ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมา เขาจ่ายสิบเซ็นต์แล้วกินหมั่นโถวอันเดียวจริงๆ หลวี่ต้งปินดีใจเกินคาด รีบเดินไปถามว่า ทำไมเธอจึงกินอันเดียวและไม่จ่ายยี่สิบเซ็นต์เพื่อกินจนอิ่มล่ะ ชายหนุ่มจนใจตอบว่า ฉันก็อยากเหมือนกัน เจ็บใจที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแค่สิบเซ็นต์
*** ความโลภทำให้คุณสูญเสียโอกาสดีๆ ไป
*****
Create Date : 27 กรกฎาคม 2553 | | |
Last Update : 27 กรกฎาคม 2553 15:58:38 น. |
Counter : 422 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
คลีนิครัก
ชายคนหนึ่งต้องการแก้ปัญหาการแต่งงาน เขาเดินเข้าไปในสถานแนะนำคู่รักที่ชื่อ ความรัก พนักงานคนหนึ่งออกมาต้อนรับ บอกเขาว่า ตอนนี้ขอให้คุณเข้าไปในห้องข้างๆ นี้ ข้างในมีประตูหลายบาน บนบานประตูทุกบานจะมีข้อมูลของคู่รักที่คุณต้องการเพื่อให้คุณได้เลือก ขอให้โชคดี ชายผู้นี้กล่าวขอบคุณพนักงานแล้วเดินเข้าไปในห้องด้านข้าง ภายในห้องมีประตูสองบาน ประตูที่หนึ่งเขียนว่า คู่ชีวิตตลอดกาล อีกประตูหนึ่งเขียนว่า ไม่เปลี่ยนใจจนวันตาย ชายผู้นี้ถือคำว่า ตาย เป็นคำไม่สิริมงคลจึงเลือกเดินเข้าประตูแรก ต่อจากนั้นพบประตูอีกสองบาน ด้านขวาเขียนว่า ผมสีน้ำตาลอ่อน ต้องยอมรับว่าไม่รู้ทำไมผู้ชายมักจะชอบผู้หญิงผมสีน้ำตาลอ่อน ดังนั้นชายผู้นี้จึงผลักเข้าไปที่ประตูบานขวา หลังจากเข้าไปแล้ว ยังมีประตูอีกสองบาน ด้านซ้ายเขียนว่า สาวสวยอายุน้อย ด้านขวาเขียนว่า สตรีและแม่หม้ายที่มากประสบการณ์ คิดดูก็รู้ว่าชายผู้นี้เลือกเดินเข้าไปที่ประตูด้านซ้าย แต่ทว่า เข้าไปแล้ว ยังมีประตูอีกสองบาน ข้างบนบานหนึ่งเขียนว่า รักสามีของตนมาก และ ต้องการสามีอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา จากนั้นยังมี บุพการีทั้งคู่แข็งแรง ไม่มีญาติโยม ซื่อสัตย์ มีน้ำใจ ขาดประสบการณ์ และ มีพรสวรรค์ มากด้วยปัญญา ชายผู้นี้เลือกไปทีละประตูจนครบ ประตูสองบานสุดท้ายนี้กล่าวสำหรับผู้ชายแล้วเป็นการตัดสินใจเลือกที่สำคัญ บนประตูเขียนไว้ว่า มีมรดก ร่ำรวย มีบ้านหรูหนึ่งหลัง และ อีกบานเขียนว่า อาศัยเงินเดือนยังชีพ ด้วยความสมเหตุสมผลชายผู้นี้เลือกปนะตูบานนแรก เขาเตรียมที่จะเลือกต่อไป เมื่อผลักประตูบานดังกล่าวออก โอ้ พระเจ้า....เขาได้มาถึงบนนถนนแล้ว พนักงานคนนั้นเดินมาที่ชายผู้นั้นและมอบจดหมายฉบับหนึ่งแก่เขา บนกระดาษจดหมายเขียนว่า ขออภัย ข้อเรียกร้องของคุณสูงเกินไป ที่เรานี้ไม่เหมาะกับคุณ
*** คนจำนวนมากก็เหมือนชายผู้นี้ที่เที่ยวตามหาความรัก ความสำเร็จทางธุรกิจ ตามหาความสมบูรณ์แบบของชีวิต ความจริงแล้วพวกเขาไม่เข้าใจว่าความไม่สมบูรณ์นั้นก็เป็นความงามอย่างหนึ่ง เหมือนวีนัสแขนขาด ผู้คนเห็นว่าสวยที่สุดเลย ฉะนั้นควรถนอมรักปัจจุบัน ความจริงแล้วการรู้จักถนอมรักก็คือความงามอย่างหนึ่ง
*****
Create Date : 26 กรกฎาคม 2553 | | |
Last Update : 26 กรกฎาคม 2553 13:03:20 น. |
Counter : 396 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
คนหาปลาสองคน
ชายสองคนออกไปหาปลาด้วยกัน พวกเขาหาปลาในแม่น้ำ ได้ปลามาจำนวนมาก ระหว่างแบ่งปลากัน ทั้งคู่เกิดข้อขัดแย้งขึ้น ต่างคนต่างพูดว่าตัวเองได้แบ่งน้อยไป อีกฝ่ายได้แบ่งมากกว่า ไม่รู้จะทำอย่างไร พวกเขาตกลงขุดบ่อไว้ข้างๆ แม่น้ำ เอาปลาทั้งหมดใส่ไว้ในนั้นชั่วคราว แล้วกลับบ้านไปเอาตาชั่งมาเพื่อแบ่งกันใหม่ แต่ว่ารอจนพวกเขากลับมาปลาในบ่อที่ขุดไว้ก็กระโดดออกลงไปในแม่น้ำหมด พวกเขาต่างรู้สึกโกรธเคือง จึงโทษกันไปโทษกันมา นาทีนั้นพวกเขาได้ยินเสียงร้องของนกเป็ดน้ำ จึงตกลงว่าไปจับนกเป็ดน้ำกัน ขณะที่พวกเขาเข้าใกล้นกเป็ดน้ำและเล็งปืนไปที่มัน คนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า ไม่ต้องรีบ พวกเราตกลงกันก่อนว่าจะแบ่งนกเป็ดน้ำอย่างไร จึงไม่ให้นกเป็ดน้ำหนีไปได้อีก และแล้วพวกเขาก็ทะเลาะกันเรื่องแบ่งนกเป็ดน้ำกัน เสียงทะเลาะของพวกเขาทำให้นกเป็ดน้ำตกใจและบินหนีไป แต่พวกเขาก็ยังทะเลาะกันไม่เลิก
*** นิทานเรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า ไม่ควรยึดถือเรียกร้องความยุติธรรมในเรื่องเล็กน้อยอย่างเด็ดขาด ในความเป็นจริงนั้นความยุติธรรมไม่มีในโลก ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า ควรจะมองผลประโยชน์ระยะยาว ไม่ควรสายตาสั้นคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องหยุมหยิม
*****
Create Date : 25 กรกฎาคม 2553 | | |
Last Update : 25 กรกฎาคม 2553 14:30:21 น. |
Counter : 400 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
รางวัลจากพระเจ้า
รางวัลจากพระ
ในปี 1963 เด็กหญิงชื่อ แมรี่ เบนนี เขียนจดหมายถึง หนังสือพิมพ์ Chicago Herald Tribune เนื่องจากเธอไม่เข้าใจจริงๆ เลยว่าเหตุใดเวลาที่เธอช่วยแม่ยกขนมที่เพิ่งอบเสร็จไปไว้ที่โต๊ะอาหาร สิ่งที่เธอได้รับเป็นเพียงคำชมว่า เด็กดี แต่น้องชายที่ไม่ทำอะไรเลย เอาแต่ก่อความวุ่นวายกลับได้กินขนม เธออยากถามคนที่ ไม่มีอะไรที่เขาไม่รู้และตอบไม่ได้ ที่ชื่อ ฮิลลี คัสเตอร์ ว่า พระเจ้ามีความยุติธรรมจริงหรือ ทำไมเด็กๆ เช่นเธอที่เธอพบทั้งที่บ้านและที่โรงเรียนต่างก็ถูกพระเจ้าหลงลืมไปแล้ว ฮิลลี คัสเอตร์เป็นบรรณาธิการคอลัมพ์เด็ก ฉันพูดเธอพูด แห่งหนังสือพิมพ์ Chicago Herald Tribune สิบกว่าปีมานี้ เขาได้รับจดหมายเป็นพันฉบับของเด็กๆ ที่เขียนถึงเขาเพื่อถามว่า ทำไมพระเจ้าไม่ให้รางวัลแก่คนดี และลงโทษคนเลว ทุกครั้งที่อ่านจดหมายประเภทนี้ เขารู้สึกหนักใจมาก เพราะเขาไม่รู้จะตอบปัญหาเหล่านี้อย่างไร ขณะที่เขาไม่รู้ว่าจะตอบจดหมายของสาวน้อยมาลีอย่างไรดีนั้น เพื่อนคนหนึ่งเชิญเขาไปร่วมพิธีแต่งงาน เขารู้สึกอาจต้องขอบคุณพิธีแต่งงานครั้งนี้ ไปตลอดชีวิต ก็เพราะเขาได้พบคำตอบจากพิธีแต่งงานครั้งนี้ อีกทั้งคำตอบครั้งนี้ได้ทำให้ชื่อเสียงเขาโด่งดังในชั่วข้ามคืน ฮิลลี คัสเตอร์ หวนระลึกถึงพิธีแต่งงานดังนี้ บาทหลวงทำพิธีหมั้นเสร็จ เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวก็แลกแหวนกัน พวกเขาอาจจะกำลังดื่มด่ำในความสุข หรือทั้งสองอาจจะตื่นเต้นไปหน่อย สรุปแล้วทั้งสองสวมแหวนให้แก่กันและกันผิดข้างคือสวมที่มือขวาทั้งคู่ บาทหลวงเห็นว่าเรื่องเป็นเช่นนี้แล้วจึงพูดอย่างอารมณ์ขันว่า มือขวาน่ะสวยงามสมบูรณ์แบบแล้ว ฉันคิดว่าทางที่ดีพวกเธอนำมันมาประดับที่มือซ้ายจะดีกว่า ฮิลลี คัสเตอร์บอกว่า มุกตลกของบาทหลวงครั้งนี้ทำให้เขากระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที การที่มือขวาเป็นมือขวามันสมบูรณ์แบบในตัวของมันอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องไปประดับมันอีก เช่นเดียวกัน การที่คนมีคุณธรรมมักจะถูกมองข้ามก็ไม่ใช่เพราะพวกเขาสมบูรณ์แบบอยู่แล้วหรือ ต่อมา ฮิลลี คัสเตอร์ ได้ข้อสรุปว่า การที่พระเจ้าให้มือขวาได้เป็นมือขวานั้นก็คือการให้รางวัลสูงสุดแก่มือขวาอยู่แล้ว เหตุผลเดียวกัน การที่พระเจ้าให้คนดีได้เป็นคนดีก็คือรางวัลสูงสุดของคนดีนั่นเอง หลังจากฮิลลี คัสเตอร์ ได้ค้นพบสัจธรรมข้อนี้ ดีใจอย่างยิ่ง เขาใช้หัวข้อที่ว่า พระเจ้าให้เธอได้เป็นเด็กดี ก็คือรางวัลสูงสุดจากพระเจ้า ตอบจดหมายให้ มาลี เบนนีทันที หลังจากจดหมายฉบับนี้ได้ตีพิมพ์ใน Chicago Herald Tribune ในเวลาไม่นาน ก็ได้รับการเผยแพร่ต่อในหนังสือพิมพ์กว่าพันฉบับในยุโรปและอเมริกา และได้รับการพิมพ์ซ้ำอีก ในวันเด็กของทุกๆ ปี ไม่นานนี้ เด็กจีนคนหนึ่งไม่ทราบว่าไปพบจดหมายฉับบี้จากไหน เขาอ่านแล้ว ส่งข้อความไปยัง Chicago Herald Tribune ทางอินเตอร์เน็ท ว่า จีนโบราณมีคำพูดที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เมื่อถึงเวลา กรรมต้องตามสนอง ฉันเคยไม่เข้าใจว่าทำไมคนเลวจึงยังลอยนวล แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ความจริงพวกเขาได้รับการสนองในทันที เพราะการที่คนเลวเป็นคนเลวนั้นก็คือการลงโทษจากพระเจ้า *** กรรมดีกรรมชั่วต้องได้รับการสนองในที่สุด การสนองนั้นบางครั้งก็สอดคล้องกับสภาพเป็นจริง เป็นรูปธรรม บางครั้งอาจจดไว้ในบัญชีของพระเจ้า อยู่ในศาลในหัวใจเรา เราไม่ควรละทิ้งการใฝ่หาความดีเพียงเพราะว่าความ ชั่ว ยังไม่ได้รับการลงโทษ
*****
Create Date : 24 กรกฎาคม 2553 | | |
Last Update : 24 กรกฎาคม 2553 17:15:38 น. |
Counter : 409 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|