ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง
Group Blog
 
All Blogs
 

เหตุผลง่ายๆ

เรื่องที่หนึ่ง
มีเด็กคนหนึ่งพูดกับแม่ว่า “ แม่ วันนี้แม่สวยจังเลย “
แม่ถามว่า “ เพราะอะไรหรือ “
เด็กพูดว่า “ เพราะวันนี้แม่ไม่อารมณ์เสีย “
ที่แท้จะสวยง่ายนิดเดียว อย่าอารมณ์เสียก็ได้แล้ว

เรื่องที่สอง
มีคนคนหนึ่งไปสมัครเป็นทหาร พบเศษกระดาษหล่นตามพื้นจึงเก็บไปทิ้งในถังขยะ พอดีนายทหารคุมสอบเห็นเข้า ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับคัดเลือกเข้าเป็นทหารสมความตั้งใจ
ที่แท้การได้รับการชื่นชมง่ายนิดเดียว สร้างความเคยชินที่ดีงามก็ได้แล้ว

เรื่องที่สาม
มีเด็กชายคนหนึ่งมาฝึกงานที่ร้านจักรยาน มีคนนำจักรยานที่เสียมาให้ซ่อม เด็กชายนอกจากซ่อมจักรยานให้แล้ว ยังเช็ดทำความสะอาดจนเงางามเหมือนของใหม่ เด็กฝึกงานคนอื่นยังหัวเราะเขาว่าทำเกินหน้าที่ หลังจากเจ้าของรถจักรยานรับจักรยานคืนไป วันรุ่งขึ้น เด็กชายได้รับการทาบทามให้ไปทำงานในบริษัทของเขา
ที่แท้การที่เด่นกว่าคนทั่วไปง่ายนิดเดียว ยอมเสียเปรียบบ้างเท่านั้นเอง

เรื่องที่สี่
มีเจ้าของฟาร์มแห่งหนึ่งใช้ให้ลูกของเขาทำงานอย่างหนักทุกวัน เพื่อน ๆ บอกเขาว่า “ คุณไม่จำเป็นต้องให้ลูกต้องลำบากขนาดนี้ สัตว์เลี้ยงในฟาร์มก็เติบโตได้ดีอยู่แล้ว “
เจ้าของฟาร์มตอบว่า “ ผมไม่ได้กำลังบ่มเพาะสัตว์เลี้ยง แต่กำลังบ่มเพาะลูกของผมต่างหาก “
ที่แท้การบ่มเพาะลูกนั้นง่ายนิดเดียว ให้เขาได้รับความลำบากบ้างก็ได้แล้ว

เรื่องที่ห้า
มีครูฝึกเทนนิสคนหนึ่งบอกลูกศิษย์ของเขาว่า “ ถ้าลูกเทนนิสตกไปที่ดงหญ้า จะหามันได้อย่างไร “
มีคนบอกว่า “เริ่มหาจากจุดศูนย์กลางของดงหญ้า “
มีคนบอกว่า “ เริ่มจากส่วนที่เว้าเข้าไปลึกที่สุดของดงหญ้า “
ครูฝึกบอกว่า “ ตามขั้นตอนให้เริ่มจากด้านหนึ่งของสนามหญ้า ค้นหาไปจรดอีกด้านหนึ่งของสนามหญ้า “
ที่แท้การจะหาได้สำเร็จนั้นง่ายนิดเดียว เรื่มจากหนึ่งถึงสิบอย่าก้าวข้ามไปก็ได้แล้ว

เรื่องที่หก
กบที่อาศํยอยู่ในนาพูดว่า “ ที่นี่อันตรายมากเลย ย้ายมาอยู่กับฉันดีกว่า “
กบข้างทางบอกว่า “ ฉันเคยชินแล้ว ขี้เกียจที่จะโยกย้ายไปไหน “
หลังจากนั้นสองสามวัน กบในนาไปเยี่ยมกบข้างทาง กลับพบว่ามันถูกรถทับตายอยู่ข้างถนน
ที่แท้วิธีการกุมชะตาชีวิตนั้นง่ายนิดเดียว ห่างไกลความขี้เกียจก็ได้แล้ว

เรื่องที่เจ็ด
มีร้านค้าแห่งหนึ่งเปิดไฟสว่างตลอดเวลา
มีคนถามว่า “ ที่ร้านของคุณใช้หลอดไฟอะไร ทำไมใช้ทจัง “
เจ้าของร้านตอบว่า “ หลอดไฟของเราก็เสียอยู่บ่อยๆ ขอเพียงแต่เปลี่ยนมันบ่อย ๆ ก็เท่านั้นเอง “
ที่แท้การรักษาความสว่างนั้นง่ายนิดเดียว ขอเพียงแต่เปลี่ยนหลอดไฟบ่อย ๆ ก็ได้แล้ว

เรื่องที่แปด
มีลูกเจี๊ยบตัวหนึ่งตอนที่มันกระเทาะเปลือกไข่ออกมานั้น พอดีมีเต่าตัวหนึ่งเดินผ่านมา ตั้งแต่นั้นมา ลูกเจี๊ยบก็แบกเปลือกไข่บนหลังของมันไปทั้งชีวิต
ที่แท้การจะสลัดการแบกรับที่หนักอึ้งนั้นง่ายนิดเดียว ละทิ้งความดื้อรั้นและอคติก็ได้แล้ว

*** ที่แท้เหตุผลถ้าได้พูดให้กระจ่างแจ้งแล้วง่ายนิดเดียว การนำไปปฎิบัติต่างหากที่สำคัญที่สุด

*****




 

Create Date : 12 สิงหาคม 2553    
Last Update : 12 สิงหาคม 2553 9:55:42 น.
Counter : 461 Pageviews.  

พระเจ้าให้อะไรคุณ

เขาคือจอมพลผู้พ่ายการศึก หลังจากพาทหารเดนตายถอยร่นมายังเกาะเล็ก ๆ เกาะหนึ่ง เขานั่งห่อเหี่ยวท้อใจในกระท่อมผุพัง ลิ้มรสถึงความทุกข์ของความพ่ายแพ้ ที่มุมกำแพงมีใยแมงมุมถักใยจนแน่นหนา
ด้วยความอารมณ์เสียจึงแกว่งดาบฟันใยเหล่านั้นจนขาดวิ่น เขาประหลาดใจที่เห็นแมงมุมตัวหนึ่งปรากฎตัวขึ้นทันที มันไต่ไปยังปลายของใยที่ถูกตัดขาด และเริ่มต้นถักทอใยที่เปรียบเสมือนบ้านของมันขึ้นใหม่ทันที เขาตัดใยที่ถักทอคล้ายกับแหหรือตาข่ายของมันขาดอีกครั้ง แต่แมงมุมก็ไม่ท้อใจแม้แต่น้อยเริ่มต้นถักทอใยของมันต่อไป
จอมทัพผู้นี้ก็คือ นโปเลียน ในขณะที่ประสพความพ่ายแพ้ พระเจ้าให้แมงมุมกับเขาตัวหนึ่ง และแล้วเขาก็แสดงศักยภาพทางทหารอีกครั้ง ระดมแถวทหารกลับสู่สนามรบทะลวงฟันสู้ศึกใหม่
.......................
จิตกรหนุ่มผู้โดดเดี่ยวคนหนึ่ง หลังจากที่พบเจออุปสรรคหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดเขาได้งานทำและอาศัยอยู่ในโรงรถร้างแห่งหนึ่ง เขาได้ยินเสียงหนูร้องจี๊ดๆ กลางดึกบ่อยๆ นานเข้า หนูน้อยๆ ตัวนั้นถึงกับปีนขึ้นไปเล่นบนกระดานวาดรูปของเขา เขาและมันต่างก็ได้รับรู้ถึงความเพลิดเพลินร่วมกัน ไม่นาน จิตกรหนุ่มผู้นี้ได้รับการแนะนำให้เข้าทำงานแผนกภาพวาดการ์ตูนเกี่ยวกับสัตว์ในฮอลลีวู้ด ตอนเริ่มต้น งานของเขาก้าวไปช้ามาก เขาเค้นสมองหนักไม่รู้จะวาดอะไรดี ในที่สุด กลางดึกคืนหนึ่งเขาหวนคิดถึงเจ้าหนูตัวเล็กๆ ที่กระโดดโลดเต้นอยู่บนกระดานวาดของเขา
จิตกรหนุ่มผู้นี้ก็คือผู้มีชื่อเสียงโด่งดังของอเมริกา วอล์ส ดีสนีย์ เขาสร้างมิกกี้เมาส์ที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลก พระเจ้าให้หนูแก่เขาหนึ่งตัวเพื่อเกิดแรงบันดาลใจที่มีค่ากับเขา
เมื่อคิดดู สิ่งที่พระเจ้าให้แก่มนุษย์ไม่ใช่เพียงแรงบันดาลใจเท่านั้น รู้จัก เฮเลน เคนเลอร์ ไหม รู้จัก พาเวล คอร์ชายินหรือไม่ รู้จัก จางไห่ตี๋หรือเปล่า บางครั้งพระเจ้าก็นำภัยพิบัติมาให้อย่างทารุณโหดร้าย แต่ว่า คนจำนวนไม่น้อยที่มีโรคภัยเป็นเพื่อนแต่กลับไม่ขาดแคลนในคุณค่าของชีวิตในตัวเอง
ขั้วหนึ่งของชีวิตคือภัยพิบัติที่พระเจ้ามอบให้ อีกขั้วหนึ่งคือความเข้มแข็งอดทนของพวกเขา
พระเจ้าให้อะไรกับคุณล่ะ ความจริงแล้ว คุณมีสิ่งดีๆ ที่พระเจ้ามอบให้ทั้งหมด ร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจอกับภัยมนุษย์และภัยธรรมชติ พระเจ้าอาจจะเคยมอบหนูที่แสนน่ารักตัวหนึ่ง หรือแมงมุมที่แสนทรหดตัวหนึ่งให้คุณ แต่คุณกลับไม่ได้ยึดกุมพวกมันเอาไว้ ต่อของขวัญมากมายที่พระเจ้าเคยมอบให้คุณ ไม่อาจแปรเปลี่ยนเป็นแรงบันดาลใจสำหรับคุณได้

*** สภาพที่เลวร้ายให้โอกาสในการหล่อหลอมอันมีค่า มีแต่คนที่ผ่านการทดสอบจากการหล่อหลอมในสภาพการณ์ที่เลวร้ายได้เท่านั้น จึงจะนับเป็นผู้แกร่งได้อย่างแท้จริง ผู้ยิ่งใหญ่แต่โบราณมา ส่วนใหญ่อาศัยจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ไม่ร้องขอ ผ่านการดิ้นรนต่อสู้ในสภาพการณ์ที่เลวร้ายมาแล้วทั้งสิ้น
*****




 

Create Date : 11 สิงหาคม 2553    
Last Update : 11 สิงหาคม 2553 14:10:10 น.
Counter : 389 Pageviews.  

ดอกไม้

หลังจากก้มหน้าก้มตายุ่งอยู่กับงานมาทั้งปี ในที่สุดเขาก็ได้เวลาหยุดพักร้อนเป็นเวลาสองอาทิตย์ เขาวางแผนล่วงหน้าไว้นานแล้วว่าจะใช้วันหยุดพักร้อนนี้ท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ เพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ฟังดนตรี สังสรรค์กับเพื่อนๆ ดื่มเหล้าดีๆ พักผ่อนอย่างสบายอารมณ์สักครั้ง
หลังเลิกงานก่อนวัดหยุดหนึ่งวัน เขาจัดเตรียมสัมภาระด้วยความดีใจและตื่นเต้น ยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไส่ท้ายรถ เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนออกเดินทาง เขาโทรศัพท์หาแม่ บอกแม่ถึงแผนการท่องที่ยวในวันหยุด
เธอพูดว่า “ ลูกจะเดินทางผ่านมาทางบ้านแม่หรือไม่ แม่อยากเห็นหน้าลูก อยากพูดคุยกับลูกบ้าง พวกเราไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันมานานแล้ว “
“ แม่ครับ ผมก็อยากไปหาแม่ แต่ผมต้องรีบเดินทาง เพราะนัดเวลาที่จะพบกันกับคนอื่นไว้แล้ว “ เขาตอบ ขณะที่เขากำลังจะขับรถขึ้นทางด่วน ก็นึกขึ้นมาได้ทันใดว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของแม่ ดังนั้นเขาจึงขับรถอ้อมมาอีกระยะหนึ่งจอดรถที่หน้าร้านขายดอกไม้ ในร้านมีเด็กชายคนหนึ่งเลือกดอกกุหลาบมาช่อหนึ่งระหว่างจ่ายเงินเด็กชายมีสีหน้าเศร้าหมอง เพราะเพิ่งรู้ว่าเงินในกระเป๋าไม่พอ ขาดไป 10 เหรียญ
เขาถามเด็กชายว่า “ จะเอาดอกไม้ไปใช้กับงานอะไร “
เด็กชายตอบว่า “ มอบให้แม่ครับ วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของท่าน “
เขาหยิบธนบัตรออกมามอบให้เด็กเพื่อสมทบเงินให้พอจ่ายค่าดอกไม้ เด็กชายพูดอย่างมีความสุขว่า “ ขอบคุณครับ แม่ของผมจะต้องซาบซึ้งในความกรุณาของคุณแน่นอน “
เขาตอบว่า “ ไม่เป็นไร วันนี้ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดของแม่ฉันเหมือนกัน “
เด็กชายประคองช่อดอกไม้หันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
เขาเลือกกุหลาบมาช่อหนึ่ง คาเนชั่นช่อหนึ่งและเบญจมาศอีกช่อหนึ่ง จ่ายเงินเสร็จเขียนที่อยู่ของแม่และบอกให้เจ้าของร้านช่วยส่งไปตามที่อยู่ด้วย แล้วจึงขับรถออกเดินทางต่อไป
ขับรถมาเพียงระยะทางสั้นๆ ขณะ เลี้ยวผ่านเนินเล็กๆ เนินหนึ่ง เขาเห็นเด็กชายคนนั้นกำลังคุกเข่าอยู่หน้าหลุมศพ ดอกกุหลาบช่อนั้นวางอยู่หน้าหลุม เด็กชายเห็นเขาจึงโบกมือพูดว่า
“ คุณครับ แม่ชอบกุหลาบที่ผมมอบให้ ขอบคุณครับ “
เขาหันรถกลับไปยังร้านดอกไม้ ถามเจ้าของร้านว่า “ ดอกไม้หลายช่อเมื่อกี้นี้ส่งออกไปแล้วใช่ไหมครับ “
เจ้าของร้านตอบว่า “ ยังไม่ได้ส่ง “
“ งั้นไม่รบกวนแล้วครับ เขาบอก “ ผมจะส่งไปเอง “
*** วันนี้คุณไม่มีเวลามอบดอกไม้สดในมือแม่ด้วยตนเอง รอให้วันหน้าคุณมีเวลา แต่อาจจะต้องนำดอกไม้สดไป...............
*****




 

Create Date : 10 สิงหาคม 2553    
Last Update : 10 สิงหาคม 2553 15:54:12 น.
Counter : 407 Pageviews.  

ก้อนหินกลางทาง

พระราชาคนหนึ่งเฉลียวฉลาดมาก พระองค์มีวิธีในการให้การศึกษาแก่ขุนนางและประชาชนของพระองค์ในการสร้างความเคยชินที่ดีงาม และใส่ใจเป็นพิเศษในการบ่มเพาะความขยันหมั่นเพียรและความละเอียดรอบคอบ
พระองค์ตรัสเสมอว่า “ หากประชาขนได้แต่กล่าวโทษและรอคอยความช่วยหลือในการแก้ปัญหาจากผู้อื่น ถ้าอย่างนั้น เรื่องดีๆ ก็จะไม่เกิดกับประเทศนี้ พระเจ้าจะประทานพรให้กับคนที่กุมชะตากรรมในมือของตนนั้น “
คืนหนึ่ง พระองค์รอจังหวะที่ทุกคนหลับหมดแล้ว เอาก้อนหินก้อนใหญ่ไปวางตรงทางที่ไปสู่พระราชวัง จากนั้นก็หลบซ่อนตัวอยู่ข้างๆ คอยสังเกตุว่าจะเกิดอะไรขึ้น
รายแรกเป็นชาวนาขับเกวียนที่บรรทุกข้าวเปลือกมาเต็มคัน
“ ใครหนอช่างประมาทเลินเล่อเสียนี่กระไร “ พูดพรางขับเกวียนอ้อมหลบก้อนหินใหญ่นั้นไป “ ทำไมคนเหล่านี้ช่างขี้เกียจนักไม่ยอมขนก้อนหินนี้ไปเสีย “ แม้เขาจะกล่าวโทษผู้อื่นว่าขี้เกียจแต่เขาก็ไม่คิดที่จะแตะต้องก้อนหินนั้นเลย
ผ่านไปสักครู่ ทหารหนุ่มเดินร้องเพลงใกล้เข้ามา ในใจมัวคิดถึงความกล้าหาญของตนในสนามรบ จึงไม่ทันสังเกตุเห็นกระทั่งเกือบสะดุดเอาก้อนหินเข้า เขาโกรธจัดจึงชักกระบี่ขึ้นมาด่าทอว่าผู้คนที่เดินผ่านไปมาช่างขี้เกียจนัก ไม่มีใครย้ายก้อนหินนี้ไปเสีย ว่าแล้วก็ก้าวข้ามก้อนหินเดินจากไปไกล
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ผู้คนมากมายเดินผ่านไปมา ยังคงไม่มีใครหาวิธีโยกย้ายก้อนหินนี้ออกไป
กระทั่งค่ำวันหนึ่ง ชายหนุ่มยากจนคนหนึ่งเดินผ่านมาพอดี เขาออกมาทำงานตั้งแต่ฟ้าสางทุกวัน รู้สึกเหนื่อยล้ามาก แต่เห็นหินก้อนนี้เข้า จึงรำพันกับตัวเองว่า “ มืดขนาดนี้ หากมีใครเดินผ่านมาสะดุดเข้าต้องหกล้มแน่ ฉันต้องย้ายมันออกไป “ชายหนุ่มเริ่มย้ายก้อนหิน หินก้อนใหญ่มากและเขาก็เหนื่อยล้าอยู่แล้วจึงเคลื่อนย้ายด้วยความทุลักทุเล แต่ในที่สุดเขาก็ย้ายมันไปไว้ข้างทางได้สำเร็จ แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือเมื่อก้อนหินถูกย้ายออกไปแล้ว ข้างล่างนั้นกลับมีกล่องใบหนึ่ง บนกล่องเขียนว่า “ มอบให้แด่ผู้ที่ย้ายก้อนหิน “ เขาเปิดกล่องออกดู ข้างในเต็มไปด้วยทองคำ
เมื่อชาวนา ทหารหนุ่มและคนอื่นๆ ได้ข่าวนี้แล้วก็รีบมารวมตัวกันที่ที่ก้อนหินเคยอยู่ และค้นหาที่บริเวณนั้นไปทั่ว หวังว่าจะได้พบทองคำบ้าง แต่พวกเขาล้วนผิดหวัง
พระราชาตรัสกับพวกเขาว่า “ พวกเรามักต้องพบกับอุปสรรคและภาระหนักอยู่บ่อยๆ หากเลือกที่จะเดินอ้อมหลบไป ก็คงจะต้องสูญเสียโอกาสแห่งความสำเร็จ ผลตอบแทนของการหลบหนีมักจะคือความผิดหวัง
*** โอกาสล้วนเป็นของผู้ที่มีการเตรียมพร้อม ผู้ใดก็ตามที่เดินหลบอุปสรรคและเกียจคร้าน ความจริงก็คือการเดินหลบโอกาสนั่นเอง คิดดูก็รู้ว่าสุดท้ายเขาจะได้รับผลอย่างไร
*****




 

Create Date : 09 สิงหาคม 2553    
Last Update : 9 สิงหาคม 2553 15:59:22 น.
Counter : 370 Pageviews.  

อารมณ์ร้ายกับตะปู

แต่ก่อน มีเด็กชายเจ้าอารมณ์คนหนึ่ง วันหนึ่งพ่อของเขามอบตะปูให้เขาห่อใหญ่ เรียกร้องกับเขาว่าทุกครั้งที่ใช้อารมณ์จะต้องไปตอกตะปูที่รั้วไม้หนึ่งตัว วันแรก เด็กชายตอกตะปูที่รั้ว 37 ตัว
ผ่านไปหลายอาทิตย์ เนื่องจากเรียนรู้วิธีควบคุมอารมณ์ของตนได้ดีขึ้น ในแต่ละวันจำนวนตะปูที่เด็กชายตอกลงที่รั้วไม้น้อยลงไปเรื่อยๆ เขาพบว่าการควบคุมอารมณ์ตนเองง่ายกว่าตอกตะปูที่รั้ว .......สุดท้าย เด็กชายเปลี่ยนแปลงไม่เป็นคนเจ้าอารมณ์แล้ว
เขาบอกพ่อเรื่องที่ตัวเองเปลี่ยนแปลงได้แล้ว พ่อของเขาแนะนำว่า “ ถ้าลูกสามารถยืนหยัดทั้งวันโดยไม่ใช้อารมณ์เลย ก็ไปถอนตะปูที่รั้วออกตัวหนึ่ง “ เวลาผ่านไปพักหนึ่ง เด็กชายก็สามารถถอนตะปูที่รั้วออกมาจนหมด
พ่อของเขามาที่รั้วไม้และพูดกับเขาว่า “ ลูกรัก ลูกทำได้ดีมาก แต่ว่า ลูกดูซิว่าตะปูได้ทิ้งร่องรอยที่เป็นรูรูบนรั้วเต็มไปหมด รั้วไม้นี้จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เช่นเดียวกัน หลังจากที่ลูกใช้อารมณ์กับผู้อื่นแล้วก็จะทิ้งร่องรอยบาดแผลบนหัวใจของเขา เปรียบเสมือนใช้มีดปักบนร่างของเขา หลังจากนั้นค่อยดึงออกมา ไม่ว่าลูกจะกล่าวคำขอโทษขออภัยสักกี่ครั้ง บาดแผลนั้นจะยังคงอยู่ตลอดไป ฉะนั้น การทำร้ายทางกายกับการทำร้ายทางใจด้วยปากมันก็ไม่แตกต่างกันเลย
*** ไม่มีใครที่ยอมให้หัวใจของตนโดน “ ตอก “ เป็นแผลเล็กแผลน้อย ดังนั้นจึงควรควบคุมอารมณ์และปากของตนให้ดี
*****




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2553    
Last Update : 8 สิงหาคม 2553 19:24:24 น.
Counter : 425 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  

syrubbocaboro
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add syrubbocaboro's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.