|
เหตุผลง่ายๆ
เรื่องที่หนึ่ง มีเด็กคนหนึ่งพูดกับแม่ว่า แม่ วันนี้แม่สวยจังเลย แม่ถามว่า เพราะอะไรหรือ เด็กพูดว่า เพราะวันนี้แม่ไม่อารมณ์เสีย ที่แท้จะสวยง่ายนิดเดียว อย่าอารมณ์เสียก็ได้แล้ว
เรื่องที่สอง มีคนคนหนึ่งไปสมัครเป็นทหาร พบเศษกระดาษหล่นตามพื้นจึงเก็บไปทิ้งในถังขยะ พอดีนายทหารคุมสอบเห็นเข้า ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับคัดเลือกเข้าเป็นทหารสมความตั้งใจ ที่แท้การได้รับการชื่นชมง่ายนิดเดียว สร้างความเคยชินที่ดีงามก็ได้แล้ว
เรื่องที่สาม มีเด็กชายคนหนึ่งมาฝึกงานที่ร้านจักรยาน มีคนนำจักรยานที่เสียมาให้ซ่อม เด็กชายนอกจากซ่อมจักรยานให้แล้ว ยังเช็ดทำความสะอาดจนเงางามเหมือนของใหม่ เด็กฝึกงานคนอื่นยังหัวเราะเขาว่าทำเกินหน้าที่ หลังจากเจ้าของรถจักรยานรับจักรยานคืนไป วันรุ่งขึ้น เด็กชายได้รับการทาบทามให้ไปทำงานในบริษัทของเขา ที่แท้การที่เด่นกว่าคนทั่วไปง่ายนิดเดียว ยอมเสียเปรียบบ้างเท่านั้นเอง
เรื่องที่สี่ มีเจ้าของฟาร์มแห่งหนึ่งใช้ให้ลูกของเขาทำงานอย่างหนักทุกวัน เพื่อน ๆ บอกเขาว่า คุณไม่จำเป็นต้องให้ลูกต้องลำบากขนาดนี้ สัตว์เลี้ยงในฟาร์มก็เติบโตได้ดีอยู่แล้ว เจ้าของฟาร์มตอบว่า ผมไม่ได้กำลังบ่มเพาะสัตว์เลี้ยง แต่กำลังบ่มเพาะลูกของผมต่างหาก ที่แท้การบ่มเพาะลูกนั้นง่ายนิดเดียว ให้เขาได้รับความลำบากบ้างก็ได้แล้ว
เรื่องที่ห้า มีครูฝึกเทนนิสคนหนึ่งบอกลูกศิษย์ของเขาว่า ถ้าลูกเทนนิสตกไปที่ดงหญ้า จะหามันได้อย่างไร มีคนบอกว่า เริ่มหาจากจุดศูนย์กลางของดงหญ้า มีคนบอกว่า เริ่มจากส่วนที่เว้าเข้าไปลึกที่สุดของดงหญ้า ครูฝึกบอกว่า ตามขั้นตอนให้เริ่มจากด้านหนึ่งของสนามหญ้า ค้นหาไปจรดอีกด้านหนึ่งของสนามหญ้า ที่แท้การจะหาได้สำเร็จนั้นง่ายนิดเดียว เรื่มจากหนึ่งถึงสิบอย่าก้าวข้ามไปก็ได้แล้ว
เรื่องที่หก กบที่อาศํยอยู่ในนาพูดว่า ที่นี่อันตรายมากเลย ย้ายมาอยู่กับฉันดีกว่า กบข้างทางบอกว่า ฉันเคยชินแล้ว ขี้เกียจที่จะโยกย้ายไปไหน หลังจากนั้นสองสามวัน กบในนาไปเยี่ยมกบข้างทาง กลับพบว่ามันถูกรถทับตายอยู่ข้างถนน ที่แท้วิธีการกุมชะตาชีวิตนั้นง่ายนิดเดียว ห่างไกลความขี้เกียจก็ได้แล้ว
เรื่องที่เจ็ด มีร้านค้าแห่งหนึ่งเปิดไฟสว่างตลอดเวลา มีคนถามว่า ที่ร้านของคุณใช้หลอดไฟอะไร ทำไมใช้ทจัง เจ้าของร้านตอบว่า หลอดไฟของเราก็เสียอยู่บ่อยๆ ขอเพียงแต่เปลี่ยนมันบ่อย ๆ ก็เท่านั้นเอง ที่แท้การรักษาความสว่างนั้นง่ายนิดเดียว ขอเพียงแต่เปลี่ยนหลอดไฟบ่อย ๆ ก็ได้แล้ว
เรื่องที่แปด มีลูกเจี๊ยบตัวหนึ่งตอนที่มันกระเทาะเปลือกไข่ออกมานั้น พอดีมีเต่าตัวหนึ่งเดินผ่านมา ตั้งแต่นั้นมา ลูกเจี๊ยบก็แบกเปลือกไข่บนหลังของมันไปทั้งชีวิต ที่แท้การจะสลัดการแบกรับที่หนักอึ้งนั้นง่ายนิดเดียว ละทิ้งความดื้อรั้นและอคติก็ได้แล้ว
*** ที่แท้เหตุผลถ้าได้พูดให้กระจ่างแจ้งแล้วง่ายนิดเดียว การนำไปปฎิบัติต่างหากที่สำคัญที่สุด
*****
Create Date : 12 สิงหาคม 2553 | | |
Last Update : 12 สิงหาคม 2553 9:55:42 น. |
Counter : 461 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
พระเจ้าให้อะไรคุณ
เขาคือจอมพลผู้พ่ายการศึก หลังจากพาทหารเดนตายถอยร่นมายังเกาะเล็ก ๆ เกาะหนึ่ง เขานั่งห่อเหี่ยวท้อใจในกระท่อมผุพัง ลิ้มรสถึงความทุกข์ของความพ่ายแพ้ ที่มุมกำแพงมีใยแมงมุมถักใยจนแน่นหนา ด้วยความอารมณ์เสียจึงแกว่งดาบฟันใยเหล่านั้นจนขาดวิ่น เขาประหลาดใจที่เห็นแมงมุมตัวหนึ่งปรากฎตัวขึ้นทันที มันไต่ไปยังปลายของใยที่ถูกตัดขาด และเริ่มต้นถักทอใยที่เปรียบเสมือนบ้านของมันขึ้นใหม่ทันที เขาตัดใยที่ถักทอคล้ายกับแหหรือตาข่ายของมันขาดอีกครั้ง แต่แมงมุมก็ไม่ท้อใจแม้แต่น้อยเริ่มต้นถักทอใยของมันต่อไป จอมทัพผู้นี้ก็คือ นโปเลียน ในขณะที่ประสพความพ่ายแพ้ พระเจ้าให้แมงมุมกับเขาตัวหนึ่ง และแล้วเขาก็แสดงศักยภาพทางทหารอีกครั้ง ระดมแถวทหารกลับสู่สนามรบทะลวงฟันสู้ศึกใหม่ ....................... จิตกรหนุ่มผู้โดดเดี่ยวคนหนึ่ง หลังจากที่พบเจออุปสรรคหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดเขาได้งานทำและอาศัยอยู่ในโรงรถร้างแห่งหนึ่ง เขาได้ยินเสียงหนูร้องจี๊ดๆ กลางดึกบ่อยๆ นานเข้า หนูน้อยๆ ตัวนั้นถึงกับปีนขึ้นไปเล่นบนกระดานวาดรูปของเขา เขาและมันต่างก็ได้รับรู้ถึงความเพลิดเพลินร่วมกัน ไม่นาน จิตกรหนุ่มผู้นี้ได้รับการแนะนำให้เข้าทำงานแผนกภาพวาดการ์ตูนเกี่ยวกับสัตว์ในฮอลลีวู้ด ตอนเริ่มต้น งานของเขาก้าวไปช้ามาก เขาเค้นสมองหนักไม่รู้จะวาดอะไรดี ในที่สุด กลางดึกคืนหนึ่งเขาหวนคิดถึงเจ้าหนูตัวเล็กๆ ที่กระโดดโลดเต้นอยู่บนกระดานวาดของเขา จิตกรหนุ่มผู้นี้ก็คือผู้มีชื่อเสียงโด่งดังของอเมริกา วอล์ส ดีสนีย์ เขาสร้างมิกกี้เมาส์ที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลก พระเจ้าให้หนูแก่เขาหนึ่งตัวเพื่อเกิดแรงบันดาลใจที่มีค่ากับเขา เมื่อคิดดู สิ่งที่พระเจ้าให้แก่มนุษย์ไม่ใช่เพียงแรงบันดาลใจเท่านั้น รู้จัก เฮเลน เคนเลอร์ ไหม รู้จัก พาเวล คอร์ชายินหรือไม่ รู้จัก จางไห่ตี๋หรือเปล่า บางครั้งพระเจ้าก็นำภัยพิบัติมาให้อย่างทารุณโหดร้าย แต่ว่า คนจำนวนไม่น้อยที่มีโรคภัยเป็นเพื่อนแต่กลับไม่ขาดแคลนในคุณค่าของชีวิตในตัวเอง ขั้วหนึ่งของชีวิตคือภัยพิบัติที่พระเจ้ามอบให้ อีกขั้วหนึ่งคือความเข้มแข็งอดทนของพวกเขา พระเจ้าให้อะไรกับคุณล่ะ ความจริงแล้ว คุณมีสิ่งดีๆ ที่พระเจ้ามอบให้ทั้งหมด ร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจอกับภัยมนุษย์และภัยธรรมชติ พระเจ้าอาจจะเคยมอบหนูที่แสนน่ารักตัวหนึ่ง หรือแมงมุมที่แสนทรหดตัวหนึ่งให้คุณ แต่คุณกลับไม่ได้ยึดกุมพวกมันเอาไว้ ต่อของขวัญมากมายที่พระเจ้าเคยมอบให้คุณ ไม่อาจแปรเปลี่ยนเป็นแรงบันดาลใจสำหรับคุณได้
*** สภาพที่เลวร้ายให้โอกาสในการหล่อหลอมอันมีค่า มีแต่คนที่ผ่านการทดสอบจากการหล่อหลอมในสภาพการณ์ที่เลวร้ายได้เท่านั้น จึงจะนับเป็นผู้แกร่งได้อย่างแท้จริง ผู้ยิ่งใหญ่แต่โบราณมา ส่วนใหญ่อาศัยจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ไม่ร้องขอ ผ่านการดิ้นรนต่อสู้ในสภาพการณ์ที่เลวร้ายมาแล้วทั้งสิ้น *****
Create Date : 11 สิงหาคม 2553 | | |
Last Update : 11 สิงหาคม 2553 14:10:10 น. |
Counter : 389 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ดอกไม้
หลังจากก้มหน้าก้มตายุ่งอยู่กับงานมาทั้งปี ในที่สุดเขาก็ได้เวลาหยุดพักร้อนเป็นเวลาสองอาทิตย์ เขาวางแผนล่วงหน้าไว้นานแล้วว่าจะใช้วันหยุดพักร้อนนี้ท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ เพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ฟังดนตรี สังสรรค์กับเพื่อนๆ ดื่มเหล้าดีๆ พักผ่อนอย่างสบายอารมณ์สักครั้ง หลังเลิกงานก่อนวัดหยุดหนึ่งวัน เขาจัดเตรียมสัมภาระด้วยความดีใจและตื่นเต้น ยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไส่ท้ายรถ เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนออกเดินทาง เขาโทรศัพท์หาแม่ บอกแม่ถึงแผนการท่องที่ยวในวันหยุด เธอพูดว่า ลูกจะเดินทางผ่านมาทางบ้านแม่หรือไม่ แม่อยากเห็นหน้าลูก อยากพูดคุยกับลูกบ้าง พวกเราไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันมานานแล้ว แม่ครับ ผมก็อยากไปหาแม่ แต่ผมต้องรีบเดินทาง เพราะนัดเวลาที่จะพบกันกับคนอื่นไว้แล้ว เขาตอบ ขณะที่เขากำลังจะขับรถขึ้นทางด่วน ก็นึกขึ้นมาได้ทันใดว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของแม่ ดังนั้นเขาจึงขับรถอ้อมมาอีกระยะหนึ่งจอดรถที่หน้าร้านขายดอกไม้ ในร้านมีเด็กชายคนหนึ่งเลือกดอกกุหลาบมาช่อหนึ่งระหว่างจ่ายเงินเด็กชายมีสีหน้าเศร้าหมอง เพราะเพิ่งรู้ว่าเงินในกระเป๋าไม่พอ ขาดไป 10 เหรียญ เขาถามเด็กชายว่า จะเอาดอกไม้ไปใช้กับงานอะไร เด็กชายตอบว่า มอบให้แม่ครับ วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของท่าน เขาหยิบธนบัตรออกมามอบให้เด็กเพื่อสมทบเงินให้พอจ่ายค่าดอกไม้ เด็กชายพูดอย่างมีความสุขว่า ขอบคุณครับ แม่ของผมจะต้องซาบซึ้งในความกรุณาของคุณแน่นอน เขาตอบว่า ไม่เป็นไร วันนี้ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดของแม่ฉันเหมือนกัน เด็กชายประคองช่อดอกไม้หันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เขาเลือกกุหลาบมาช่อหนึ่ง คาเนชั่นช่อหนึ่งและเบญจมาศอีกช่อหนึ่ง จ่ายเงินเสร็จเขียนที่อยู่ของแม่และบอกให้เจ้าของร้านช่วยส่งไปตามที่อยู่ด้วย แล้วจึงขับรถออกเดินทางต่อไป ขับรถมาเพียงระยะทางสั้นๆ ขณะ เลี้ยวผ่านเนินเล็กๆ เนินหนึ่ง เขาเห็นเด็กชายคนนั้นกำลังคุกเข่าอยู่หน้าหลุมศพ ดอกกุหลาบช่อนั้นวางอยู่หน้าหลุม เด็กชายเห็นเขาจึงโบกมือพูดว่า คุณครับ แม่ชอบกุหลาบที่ผมมอบให้ ขอบคุณครับ เขาหันรถกลับไปยังร้านดอกไม้ ถามเจ้าของร้านว่า ดอกไม้หลายช่อเมื่อกี้นี้ส่งออกไปแล้วใช่ไหมครับ เจ้าของร้านตอบว่า ยังไม่ได้ส่ง งั้นไม่รบกวนแล้วครับ เขาบอก ผมจะส่งไปเอง *** วันนี้คุณไม่มีเวลามอบดอกไม้สดในมือแม่ด้วยตนเอง รอให้วันหน้าคุณมีเวลา แต่อาจจะต้องนำดอกไม้สดไป............... *****
Create Date : 10 สิงหาคม 2553 | | |
Last Update : 10 สิงหาคม 2553 15:54:12 น. |
Counter : 407 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ก้อนหินกลางทาง
พระราชาคนหนึ่งเฉลียวฉลาดมาก พระองค์มีวิธีในการให้การศึกษาแก่ขุนนางและประชาชนของพระองค์ในการสร้างความเคยชินที่ดีงาม และใส่ใจเป็นพิเศษในการบ่มเพาะความขยันหมั่นเพียรและความละเอียดรอบคอบ พระองค์ตรัสเสมอว่า หากประชาขนได้แต่กล่าวโทษและรอคอยความช่วยหลือในการแก้ปัญหาจากผู้อื่น ถ้าอย่างนั้น เรื่องดีๆ ก็จะไม่เกิดกับประเทศนี้ พระเจ้าจะประทานพรให้กับคนที่กุมชะตากรรมในมือของตนนั้น คืนหนึ่ง พระองค์รอจังหวะที่ทุกคนหลับหมดแล้ว เอาก้อนหินก้อนใหญ่ไปวางตรงทางที่ไปสู่พระราชวัง จากนั้นก็หลบซ่อนตัวอยู่ข้างๆ คอยสังเกตุว่าจะเกิดอะไรขึ้น รายแรกเป็นชาวนาขับเกวียนที่บรรทุกข้าวเปลือกมาเต็มคัน ใครหนอช่างประมาทเลินเล่อเสียนี่กระไร พูดพรางขับเกวียนอ้อมหลบก้อนหินใหญ่นั้นไป ทำไมคนเหล่านี้ช่างขี้เกียจนักไม่ยอมขนก้อนหินนี้ไปเสีย แม้เขาจะกล่าวโทษผู้อื่นว่าขี้เกียจแต่เขาก็ไม่คิดที่จะแตะต้องก้อนหินนั้นเลย ผ่านไปสักครู่ ทหารหนุ่มเดินร้องเพลงใกล้เข้ามา ในใจมัวคิดถึงความกล้าหาญของตนในสนามรบ จึงไม่ทันสังเกตุเห็นกระทั่งเกือบสะดุดเอาก้อนหินเข้า เขาโกรธจัดจึงชักกระบี่ขึ้นมาด่าทอว่าผู้คนที่เดินผ่านไปมาช่างขี้เกียจนัก ไม่มีใครย้ายก้อนหินนี้ไปเสีย ว่าแล้วก็ก้าวข้ามก้อนหินเดินจากไปไกล เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ผู้คนมากมายเดินผ่านไปมา ยังคงไม่มีใครหาวิธีโยกย้ายก้อนหินนี้ออกไป กระทั่งค่ำวันหนึ่ง ชายหนุ่มยากจนคนหนึ่งเดินผ่านมาพอดี เขาออกมาทำงานตั้งแต่ฟ้าสางทุกวัน รู้สึกเหนื่อยล้ามาก แต่เห็นหินก้อนนี้เข้า จึงรำพันกับตัวเองว่า มืดขนาดนี้ หากมีใครเดินผ่านมาสะดุดเข้าต้องหกล้มแน่ ฉันต้องย้ายมันออกไป ชายหนุ่มเริ่มย้ายก้อนหิน หินก้อนใหญ่มากและเขาก็เหนื่อยล้าอยู่แล้วจึงเคลื่อนย้ายด้วยความทุลักทุเล แต่ในที่สุดเขาก็ย้ายมันไปไว้ข้างทางได้สำเร็จ แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือเมื่อก้อนหินถูกย้ายออกไปแล้ว ข้างล่างนั้นกลับมีกล่องใบหนึ่ง บนกล่องเขียนว่า มอบให้แด่ผู้ที่ย้ายก้อนหิน เขาเปิดกล่องออกดู ข้างในเต็มไปด้วยทองคำ เมื่อชาวนา ทหารหนุ่มและคนอื่นๆ ได้ข่าวนี้แล้วก็รีบมารวมตัวกันที่ที่ก้อนหินเคยอยู่ และค้นหาที่บริเวณนั้นไปทั่ว หวังว่าจะได้พบทองคำบ้าง แต่พวกเขาล้วนผิดหวัง พระราชาตรัสกับพวกเขาว่า พวกเรามักต้องพบกับอุปสรรคและภาระหนักอยู่บ่อยๆ หากเลือกที่จะเดินอ้อมหลบไป ก็คงจะต้องสูญเสียโอกาสแห่งความสำเร็จ ผลตอบแทนของการหลบหนีมักจะคือความผิดหวัง *** โอกาสล้วนเป็นของผู้ที่มีการเตรียมพร้อม ผู้ใดก็ตามที่เดินหลบอุปสรรคและเกียจคร้าน ความจริงก็คือการเดินหลบโอกาสนั่นเอง คิดดูก็รู้ว่าสุดท้ายเขาจะได้รับผลอย่างไร *****
Create Date : 09 สิงหาคม 2553 | | |
Last Update : 9 สิงหาคม 2553 15:59:22 น. |
Counter : 370 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
อารมณ์ร้ายกับตะปู
แต่ก่อน มีเด็กชายเจ้าอารมณ์คนหนึ่ง วันหนึ่งพ่อของเขามอบตะปูให้เขาห่อใหญ่ เรียกร้องกับเขาว่าทุกครั้งที่ใช้อารมณ์จะต้องไปตอกตะปูที่รั้วไม้หนึ่งตัว วันแรก เด็กชายตอกตะปูที่รั้ว 37 ตัว ผ่านไปหลายอาทิตย์ เนื่องจากเรียนรู้วิธีควบคุมอารมณ์ของตนได้ดีขึ้น ในแต่ละวันจำนวนตะปูที่เด็กชายตอกลงที่รั้วไม้น้อยลงไปเรื่อยๆ เขาพบว่าการควบคุมอารมณ์ตนเองง่ายกว่าตอกตะปูที่รั้ว .......สุดท้าย เด็กชายเปลี่ยนแปลงไม่เป็นคนเจ้าอารมณ์แล้ว เขาบอกพ่อเรื่องที่ตัวเองเปลี่ยนแปลงได้แล้ว พ่อของเขาแนะนำว่า ถ้าลูกสามารถยืนหยัดทั้งวันโดยไม่ใช้อารมณ์เลย ก็ไปถอนตะปูที่รั้วออกตัวหนึ่ง เวลาผ่านไปพักหนึ่ง เด็กชายก็สามารถถอนตะปูที่รั้วออกมาจนหมด พ่อของเขามาที่รั้วไม้และพูดกับเขาว่า ลูกรัก ลูกทำได้ดีมาก แต่ว่า ลูกดูซิว่าตะปูได้ทิ้งร่องรอยที่เป็นรูรูบนรั้วเต็มไปหมด รั้วไม้นี้จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เช่นเดียวกัน หลังจากที่ลูกใช้อารมณ์กับผู้อื่นแล้วก็จะทิ้งร่องรอยบาดแผลบนหัวใจของเขา เปรียบเสมือนใช้มีดปักบนร่างของเขา หลังจากนั้นค่อยดึงออกมา ไม่ว่าลูกจะกล่าวคำขอโทษขออภัยสักกี่ครั้ง บาดแผลนั้นจะยังคงอยู่ตลอดไป ฉะนั้น การทำร้ายทางกายกับการทำร้ายทางใจด้วยปากมันก็ไม่แตกต่างกันเลย *** ไม่มีใครที่ยอมให้หัวใจของตนโดน ตอก เป็นแผลเล็กแผลน้อย ดังนั้นจึงควรควบคุมอารมณ์และปากของตนให้ดี *****
Create Date : 08 สิงหาคม 2553 | | |
Last Update : 8 สิงหาคม 2553 19:24:24 น. |
Counter : 425 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|