|
จดหมายถึงพระเจ้า
ลูกเห็บขนาดใหญ่ตกลงมาชั่วโมงหนึ่งเต็ม ๆ ข้าวโพดในไร่แหลกลาญไม่มีเหลือ Lai Enke ชาวไร่ผู้ยากจนข้นแค้นที่กำลังเผชิญหน้ากับการล้มละลาย สิ้นเนื้อประดาตัว บัดนี้นี้ยิ่งเศร้าเสียใจหนักไปอีก แต่ทว่า พอตกค่ำ เขาพลันนึกขึ้นได้ว่า พวกเราไม่จำเป็นต้องทุกข์ใจจนเกินไป อย่าลืมว่าพระเจ้าไม่มีวันปล่อยให้เราอดตาย ขอพระเจ้าช่วยเราให้พ้นจากทะเลแห่งความทุข์นี้ ประกายไฟแห่งความหวังลุกโชนโชติช่วงขึ้นในใจของ Lai Enke ตลอดทั้งคืน อย่าเห็นว่าเขาเป็นเพียงชายชาวไร่ที่หยาบกร้าน เขายังพอมีความรู้อยู่บ้าง ฟ้าเพิ่งจะสาง เขาก็รีบตื่นขึ้นเขียนจดหมายว่า พระผู้เป็นเจ้า หากท่านไม่ยอมช่วยแล้ว ปีนี้พวกเราจะต้องอดอยากหิวโซ ลูกต้องการเงิน 100 เปโซเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์ ซื้อเสบียงอาหาร เพื่อจะทำการเพาะปลูกใหม่อีกครั้ง เพื่อประคองชีพให้อยู่รอด สาเหตุเป็นเพราะลูกเห็บ.......... เขาเพียงจ่าหน้าซองถึงผู้รับว่า พราะเจ้า สองคำเท่านั้น หลังจากเอาจดหมายใส่ซองแล้ว เดินทางเข้าตัวเมืองด้วยหัวใจที่เต้นระทึก มาถึงที่ทำการไปรษณีย์ เขาซื้อแสตมป์ติดที่หน้าซองแล้วหย่อนลงตู้ไปรษณีย์ ที่ทำการไปรษณีย์มีพนักงานคนหนึ่งเป็นทั้งบุรุษไปรษณีย์ และทำหน้าที่พนักงานทั่วไปด้วย เขาหยิบจดหมายฉบับที่ส่งถึงพระเจ้าออกจากตู้ไปรษณีย์ ขณะที่ยื่นให้กับหัวหน้าหน่วยนั้นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะก๊ากออกมาดัง ๆ พระเจ้าอยู่ที่ไหนหรือ เขาทำหน้าที่บุรุษไปรษณีย์มานานหลายปี แต่ไหนแต่ไรมายังไม่เคยรับรู้ที่อยู่ของพระเจ้าเลย หัวหน้าหน่วยเป็นชายร่างอ้วนที่ดูอ่อนโยนมีเมตตา เขาเห็นจดหมายฉบับนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แต่ว่า เขารีบเก็บซ่อนรอยยิ้มทันที เคาะจดหมายบนโต๊ะทำงานของเขาสองสามที พูดด้วยอากัปกิริยาที่เคร่งขรึมว่า ช่างเป็นศรัทธาที่แน่วแน่ ขอให้ศรัทธาของผมแน่วแน่เหมือนกับผู้ส่งจดหมายฉบับนี้เช่นกัน เพื่อไม่ให้ปาฎิหารย์แห่งศรัทธานี้ต้องดับมอดไป เขาผุดความคิดขึ้นในใจอย่างหนึ่ง : ตอบจดหมายในนามของพระเจ้า แต่ว่าพอเขาเปิดจดหมายออกอ่าน จึงรู้ว่าการตอบจดหมายฉบับนี้นั้น หาใช่เขียนอะไรสักหลายคำก็สามารถแก้ปัญหาได้ หัวหน้าหน่วยขอให้พนักงานทั้งหลายช่วยกันบริจาคเงิน ตัวเขาเองก็เจียดเงินเดือนส่วนหนึ่งออกมา นอกจากนี้เพื่อนของเขาหลายคนก็ยินดีควักเงินออกมาสบทบ เพราะว่าเขาบอกกับทุกคนว่านี่คือการแสดงออกทางการกระทำของ ความรักจากพระผู้เป็นเจ้า หัวหน้าหน่วยไม่สามารถรวบรวมเงินก้อนโตถึง 100 เปโซให้ครบได้ เงินที่ส่งไปให้ Lai Enke ได้เพียงเกินครึ่งหนึ่งของจำนวนที่เขาต้องการเท่านั้น เขานำเงินใส่ซอง เขียนชื่อและที่อยู่ของผู้รับ แนบจดหมายฉบับหนึ่ง ในจดหมายไม่ได้เขียนว่าอะไรนอกจากลงชื่อว่า : พระเจ้า Lai Enke เชื่ออย่างสนิทใจว่าพระเจ้าได้ส่งเงินมาให้เขาจริง ๆ ดังนั้นขณะที่เขาเห็นในซองจดหมายบรรจุไปด้วยธนบัตรนั้น ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงอาการแปลกประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย กระทั่งนับจำนวนธนบัตรเสร็จแล้วเขากลับรู้สึกโกรธ หรือว่าพระเจ้าก็ยังผิดพลาดได้ หักหรือลดทอนจำนวนเงินที่เขาต้องการลง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด Lai Enke ขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก แล้วรีบตอบจดหมาย จดหมายถูกทิ้งลงตู้ไปรษณีย์ สองชั่วโมงผ่านไปถูกส่งมายังหัวหน้าหน่วย ในจดหมายเขียนไว้ดังนี้ พระผู้เป็นเจ้า เงินที่ลูกต้องการไม่ได้รับตามจำนวน ได้รับเพียง 70 เปโซเท่านั้น ได้โปรดส่งมาอีก 30 เปโซ ลูกต้องการใช้ด่วน คราวหน้าหากจะส่งอย่าส่งมาทางไปรษณีย์เป็นอันขาด เพราะว่าไอ้พวกที่ทำงานในไปรษณีย์เหล่านี้ล้วนเป็นโจรขี้ขโมย ไม่มีใครดีสักคน จาก Lai Enke *** ความโลภก็เหมือนบ่วงกับดัก เมื่อติดกับแล้วยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น สุดท้าย สติสัมปชัญญะก็ไม่เหลืออีกเลย *****
Create Date : 15 สิงหาคม 2554 | | |
Last Update : 15 สิงหาคม 2554 8:13:05 น. |
Counter : 553 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
แบ่งปันของเล่นกับเพื่อน
ปีนี้ลี่ลี่อายุครบสามขวบ เนื่องจากเหตุผลเรื่องการงาน วันนี้คุณแม่ส่งเธอมาที่โรงเรียนอนุบาล ในโรงเรียนอนุบาลเนื่องจากลี่ลี่ยังรู้สึกแปลกหน้า เธอหอบเอาของเล่นไว้ บางทีก็ใส่ไว้ที่กระโปรง บางทีก็วางไว้รอบ ๆ ตัวเธอ เธอพูด ตักเตือน เด็กที่คิดจะเอาของเล่นของเธอด้วยเสียงอันดังบ่อย ๆ ว่า ของพวกนี้เป็นของฉัน เธอเอามันไปไม่ได้ หากเด็กคนไหนเอาของเล่นของเธอไป เธอก็จะไล่ตามไปกระทั่งแย่งของเล่นกลับคืนมา สรุปแล้วก็คือห้ามใครแตะต้องของเล่นของเธอ สุดท้ายเพื่อนๆ ต่างไม่ชอบเธอเลย รอจนโรงเรียนเลิกคุณแม่มารับ เธอบอกคุณแม่ด้วยน้ำตาพรากว่าพรุ่งนี้จะไม่มาโรงเรียนอีกแล้ว เพื่อน ๆ ไม่มีใครดีเลย ไม่มีใครสนใจเธอเลย หลังจากถามไถ่ถึงสาเหตุแล้ว คุณแม่พูดว่า เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้หนูแบ่งของเล่นให้เพื่อน ๆ เล่นด้วย ดูว่าจะเกิดเอะไรขึ้น แล้วค่อยตัดสินใจดีไหม ลี่ลี่พยักหน้ารับ วันรุ่งขึ้น ตอนที่คุณแม่มารับเธอ เธอดีใจมาก ยังไม่ทันรอให้คุณแม่ถาม เธอก็พูดว่า คุณแม่ขา หนูเป็นเพื่อนกับพวกเขาแล้ว หนูเอาของเล่นของหนูให้พวกเขาเล่น พวกเขาก็เอาของเล่นให้หนูเล่น พวกเราเล่นกันสนุกจริง ๆ ***เด็กขี้ใจน้อยมักจะมีนิสัยโดดเดี่ยว ใจแคบ หยุมหยิมคิดเล็กคิดน้อย ขาดซึ่งจิตใจเป็นผู้ให้ ขาดซึ่งความเห็นอกเห็นใจ พ่อแม่ควรจะเปลี่ยนแปลงลูกให้ใจกว้างสักหน่อย ให้เด็กรู้จักการแบ่งปันซึ่งกันและกัน *****
Create Date : 10 สิงหาคม 2554 | | |
Last Update : 10 สิงหาคม 2554 8:00:37 น. |
Counter : 444 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
รักษาจิตใจที่ให้อภัยไว้
ระหว่างการทำงาน ทอมส์ต้องรองรับอารมณ์ของหัวหน้าโดยไร้เหตุผล เขาพกเอาอารมณ์ที่ขุ่นเคืองกลับบ้าน โกรธจนข้าวเย็นก็ไม่รับ และยังบอกพ่อของเขาด้วยเสียงอันดังว่า ต้องมีสักวันจะฆ่าหัวหน้าของเขาให้ได้ พ่อที่ผมขาวโพลนของเขาฟังเรื่องราวความเป็นมาแล้วพูดว่า เขาทำเกินไปจริง ๆ เวลานั้นลูกคงจะโกรธจนตัวสั่นเลยใช่ไหม ก็ใช่ล่ะสิครับ เขาคิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้า คิดจะหัวเสียใส่ลูกน้องเมื่อใดก็ได้ แล้วลูกสังเกตุเห็นว่าวันนี้เขามีอะไรที่ผิดปกติไปบ้างหรือไม่ ผิดปกติ เขาจะมีอะไรที่ผิดปกติไปได้ ผมเห็นเขาก็เหมือนปกติทุกอย่าง งั้นลูกยังเอาใจใส่เขาไม่พอ วันนี้เขาอาจจะพบเรื่องราวที่ทำให้ไม่สบายใจเลยล่วงเกินลูกเข้า ลูกเอ๋ย ให้อภัยเขาเถอะ ไม่ใช่เลยล่ะ ผมได้ข่าวว่าเมื่อวานเขาชนะการแข่งเทนนิส อารมณ์จะต้องดีอย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้นเขาคงจะดีใจจนเลอะเลือนไป ลืมกระทั่งชื่อแช่ของตัวเอง เรื่องเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้นบ่อยนักหรอก ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละพ่อ ยามปกติเขาก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว อารมณ์ร้าย ชอบรังแกผู้อื่น อ๋อ ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง งั้นเป็นเพราะว่าอุปนิสัยดั้งเดิมของเขาเกิดมาก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ลูกเอ๋ย เป็นเพราะพระเจ้าให้อารมณ์ร้ายเขามา เจ้าก็ยิ่งฆ่าเขาไม่ได้นะ พ่อครับ ทอมส์อดทนต่อไปไม่ไหวตะโกนขึ้นว่า ทำไมพ่อต้องพูดจาแทนเขาทุกครั้งไป เพราะว่ามีแต่ทำเช่นนี้เท่านั้นจึงจะสามารถลดความอาฆาตแค้นของลูกลงได้ ทำให้ลูกรักษาจิตใจที่ให้อภัยผู้อื่นเอาไว้ได้ตลอดเวลา ก็เขาล่วงเกินลูกก่อน หรือว่าเขาไม่สมควรได้รับโทษอย่างนั้นหรือ แต่ว่าตอนนี้พ่อเห็นแต่ว่าลูกกำลังรับโทษอยู่ เนื่องจากการไม่ให้อภัยของลูก ลูกโกรธจนสั่นไปแล้วทั้งตัว และยังเกือบจะทำให้ตัวเองขาดสติสัมปชัญญะไปแล้ว ผมเปล่านะครับ ขณะนี้ผมมีสติดีออกครับ ยังบอกว่ามีสติ เมื่อสักครู่นี้ลูกไม่ได้บอกว่าจะฆ่าเขาดอกหรือ ทอมส์จนด้วยคำพูด เขาไม่อาจปฎิเสธว่าหลังจากตัวเองถูกรังแกกลับมาแล้วรู้สึกไม่สบายใจเลย ถ้าหากให้อภัยเขาเสียแต่เนิ่น ๆ ป่านนี้ตัวเขาเองคงนั่งกินข้าวเย็นอย่างสบายใจไปแล้ว ***ในการดำรงชีวิต พวกเราไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะได้รับการปฎิบัติต่ออย่างไม่ยุติธรรม ถึงเวลานั้นอย่าได้โมโหโกรธแค้นเด็ดขาด เพราะว่าพอเราโกรธแค้น ก็มีความเป็นไปได้ที่จะขาดสติสัมปชัญญะ และนี่ก็คือการนำเอาความผิดพลาดของผู้อื่นมาลงโทษตัวเอง *****
Create Date : 08 สิงหาคม 2554 | | |
Last Update : 8 สิงหาคม 2554 8:28:45 น. |
Counter : 500 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
กุญแจในใจ
ฮูดินี่ สุดยอดนักมายากลในสมัยหนึ่ง เขาสามารถใช้เวลาเพียงสั้น ๆ ไขกุญแจที่สลับซับซ้อนโดยไม่เคยพลาดมาก่อน เขาเคยกำหนดเป้าหมายให้กับตัวเองอย่างท้าทายว่า จะหลุดรอดจากพันธนาการด้วยกุญแจใด ๆ ก็ได้ภายในหกสิบนาที เงื่อนไขมีเพียงว่า ขอให้เขาได้สวมใส่เสื้อผ้าที่ทำขึ้นมาพิเศษ และไม่อนุญาติให้ผู้อื่นดูอยู่ข้าง ๆ มีชาวชนบทในเมืองเล็ก ๆ ในอังกฤษคนหนึ่งตัดสินใจท้าทายฮูดินี่ผู้ยิ่งใหญ่นี้ เขามีเจตนาที่จะทำให้ฮูดินี่ได้อับอาย เขาสร้างลูกกรงเหล็กที่แน่นหนาเป็นพิเศษขึ้นห้องหนึ่ง ล็อคกุญแจที่ดูเหมือนมีความสลับซับซ้อนมากเอาไว้ เชิญฮูดินี่มาดูว่าจะสามารถออกจากลูกกรงนี้ได้หรือไม่ ฮูดินี่ตอบรับคำท้านี้ เขาสวมชุดที่ทำขึ้นมาพิเศษ เดินเข้าไปในลูกกรงเหล็ก ประตูลูกกรงเหล็กปิดดังโครม ทุกคนเคารพในกฎโดยหันหลังกลับไม่ไปมองเขาทำงาน ฮูดินี่หยิบเอาอุปกรณ์ที่เขาประดิษฐ์ขึ้นเป็นพิเศษจากเสื้อของเขา แล้วเริ่มต้นทำงาน เวลาผ่านไปแล้ว 30 นาที ฮูดินี่แนบหูกับกุญแจ ทำงานอย่างจดจ่อ 45 นาทีผ่านไป หนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว หน้าผากของฮูดินี่เริ่มอาบเหงื่อ สองชั่วโมงผ่านไป จนแล้วจนรอดฮูดินี่ยังไม่ได้ยินเสียงดีดเปิดของกุญแจแต่อย่างใด เขาหมดเรี่ยวหมดแรงนั่งลงพิงประตู ในที่สุดประตูลูกกรงเหล็กเปิดออกตามแรงพิงของเขา ที่แท้ ประตูลูกกรงเหล็กไม่ได้ล็อคไว้ตั้งแต่แรก กุญแจที่ดูเหมือนร้ายกาจตัวนั้นเป็นเพียงรูปแบบเท่านั้น ชาวชนบทประสบความสำเร็จในการกลั่นแกล้งมืออาชีพในการเอาตัวรอดผู้นี้ ประตูไม่ได้ล็อค แน่นอนว่าจึงไม่ต้องมีวิธีเปิดให้ออก แต่ในใจของฮูดินี่สิกลับถูกกุญแจล็อคไว้แล้ว ชาวชนบทเจตนาเล่นตลกกับอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ ความพ่ายแพ้ของอาจารย์ผู้นี้อยู่ที่เขาจดจ่ออยู่กับกุญแจที่มีเพียงความหมายทางสัญลักษณ์เท่านั้น เป้าหมายของเขาได้เปลี่ยนจากการ เอาตัวรอด มาเป็น เปิดล็อคกุญแจ โดยไม่รู้ตัว อีกทั้งมโนสำนึกแต่แรกของเขาได้บอกกับเขาว่า ขอเพียงเป็นกุญแจก็จะต้องล็อคอยู่อย่างแน่นอน *****
Create Date : 05 สิงหาคม 2554 | | |
Last Update : 5 สิงหาคม 2554 5:12:42 น. |
Counter : 475 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ชายหูตึง
ชายคนหนึ่งสงสัยว่าภรรยาของตนสมรรถนะในการฟังมีปัญหา ตัดสินใจจะทดสอบการได้ยินเสียงของเธอสักครั้ง วันหนึ่งหลังจากเลิกงานกลับบ้าน เขาย่องมาด้านหลังของภรรยาระยะห่าง 10 เมตร เมียจ๋า คุณได้ยินเสียงของผมไหม ภรรยาของเขาไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เขาเดินใกล้เข้ามา 5 เมตร เมียจ๋า คุณได้ยินผมไหม เธอยังคงไม่ได้ตอบ เขาจึงได้แต่เดินเข้าใกล้ที่ระยะห่าง 3 เมตร คุณได้ยินผมหรือยัง ได้ยินแล้ว ภรรยาของเขาพูด นี่เป็นครั้งที่สามที่ฉันตอบคุณ *** จุดอ่อนที่ใหญ่หลวงของคนคนหนึ่งอยู่ที่หลงคิดว่าตัวเองฉลาด นี่คือคำคมของ Emmons ใช่เลย ขณะที่เราคิดเอาเองว่าตัวเองฉลาดนั้น ก็คือจุดเริ่มต้นของความโง่เขลาไร้ปัญญานั่นเอง *****
Create Date : 03 สิงหาคม 2554 | | |
Last Update : 3 สิงหาคม 2554 8:06:09 น. |
Counter : 559 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|