ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง
Group Blog
 
All Blogs
 

ชะตากรรม

มีพระเซนรูปหนึ่งมักจะสนทนาธรรมกับชาวบ้านเรื่องของ “ ชะตากรรม ” อยู่บ่อย ๆ ชายผู้หนึ่งมีอุปนิสัยซื่อตรงได้มาฟังธรรมแล้วก็เชื่อในคำเทศน์เรื่อง “ ชะตากรรม ” มาโดยตลอด เพราะฉะนั้น เขาจึงตั้งหน้าตั้งตาคอยว่าจะมีปาฎิหารย์เกิดขึ้นกับชีวิตเขาอยู่ทุก ๆ วัน เขาคิด ในเมื่อชะตากรรมมีจริง ถ้าเช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามชะตากรรมก็แล้วกัน แต่ทว่า ปีแล้วปีเล่า ชีวิตของเขาไม่มีอะไรดีขึ้น ไม่ได้สดใสเจิดจรัส มีแต่มืดมนยากจนลง เขาคิด หรือว่าชะตากรรมของเขาได้ลิขิตไว้เช่นนี้แล้ว
เขาพกพาข้อสงสัยนี้ไปกราบพระอาจารย์ ถามว่า “ ท่านว่าชะตากรรมนั้นมีอยู่จริง ๆ หรือครับ ”
“ มีสิ ” พระเซนตอบ
“ แต่ชะตากรรมของผมอยู่ที่ไหนครับ ชะตากรรมของผมมืดมนยากจนข้นแค้นใช่ไหมครับ ” เขาถาม
พระเซนให้เขายื่นมือซ้ายออกมาและชี้ให้เขาเห็นว่า “ เธอมองเห็นชัดเจนแล้วใช่ไหม เส้นขวางเส้นนี้เรียกว่าเส้นความรัก เส้นเฉียงเส้นนี้เรียกว่าเส้นหน้าที่การงานธุรกิจ เส้นอีกเส้นที่ตั้งตรงนั้นเรียกว่าเส้นชีวิต ”
จากนั้นพระเซนก็บอกให้เขาทำท่าอย่างหนึ่งโดยให้เขาค่อย ๆ กำมือเข้ามากระทั่งกำจนแน่น
ตอนนี้พระเซนถามว่า “ เธอว่าเส้นทั้งหลายเหล่านี้อยู่ที่ไหน”
ชายดังกล่าวตอบอย่างงวยงงว่า “ อยู่ในมือของผมครับ “
“ แล้วชะตากรรมล่ะ ” พระเซนถาม
ชายดังกล่าวจึงได้รู้ตัวขึ้นโดยฉับพลันว่าที่แท้ชะตากรรมนั้นกำอยู่ในมือของตนเอง ไม่ใช่อยู่ที่ปากของผู้อื่น
หลังจากที่ชายดังกล่าวเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว ตัดสินใจใช้การกระทำของตนเองไปเปลี่ยนแปลงชีวิตของตน ท่ามกลางการต่อสู้อย่างขยันขันแข็ง เขาพบกับปัญหาและอุปสรรคมากมาย พอถึงเวลานั้นเขาก็จะหวนคิดถึงคำพูดของพระเซนที่ว่าชะตากรรมอยู่ในมือของเราเอง ไม่ใช่อยู่ที่ปากของผู้อื่น และแล้วเขาก็จะกำมือของตนเองอย่างเงียบ ๆ และทุกครั้งที่เขากำมือของตนเองเข้ามาจะรู้สึกว่าเหมือนตนเองได้ค้นพบพลังและความมั่นใจ
*** ชะตากรรมอยู่ในมือตนเองทุกเวลานาที ใยต้องไปโทษผู้อื่นเล่า
*****




 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2553 7:30:40 น.
Counter : 465 Pageviews.  

ร้องจนพอค่อยพูด

เรื่องเล่าของเจ้าหญิงไดอาน่าเรื่องนี้อ่านมาจากนิตยสารฉบับหนึ่ง
เอลลิส ดารานักเต้นบัลเล่ย์เด็กอายุ 12 ปี เธอโชคร้ายเป็นมะเร็งที่กระดูกและเตรียมที่จะตัดขา ก่อนการผ่าตัด เพื่อน ๆ และญาติของเธอรวมทั้งแฟนคลับทราบข่าวต่างรุดมาเยี่ยม คนนี้ก็พูดว่า “ อย่าเสียใจไปเลย ไม่แน่นักอาจจะเกิดปาฎิหารย์ขึ้นก็ได้นะ ยังมีโอกาสที่เธอจะยืนขึ้นอีก ” คนนั้นก็พูดว่า “ เธอเป็นเด็กที่เข้มแข็ง เธอต้องฝ่าไปได้แน่นอน พวกเราคอยภาวนาให้เธอ ” เอลลิสไม่พูดอะไรสักคำ ได้แต่ยิ้มขอบคุณพวกเขาอย่างเงียบ ๆ
เธออยากพบกับเจ้าหญิงไดอาน่ามาก เธอเคยได้รับคำชมจากเจ้าหญิงไดอาน่าว่าท่วงท่าของเธอสวยงามมาก ชมเธอว่าเหมือน “ หงส์ขาวน้อย ๆ ตัวหนึ่ง ” ท่ามกลางภารกิจที่ยุ่งเหยิงแต่ในที่สุดเจ้าหญิงไดอาน่าก็ได้มาเยี่ยมเธอ เจ้าหญิงโอบกอดเอลลิสไว้และพูดว่า “ เด็กดี ฉันรู้ว่าเธอเสียใจมาก ร้องไห้ดัง ๆ ออกมาเลย ร้องจนพอแล้วค่อยพูด ” ชั่วพริบตาเอลลิสน้ำตาไหลพรากดุจสายธาร ตั้งแต่เป็นโรคร้ายนี้ คำพูดปลอบใจใด ๆ ล้วนมีคนพูดมาหมดแล้ว แต่คำพูดเช่นนี้ยังไม่เคยมีใครพูดมาก่อนเลย เอลลิสรู้สึกว่าสิ่งที่สามารถใส่ใจและเข้าใจเธอมากที่สุดคือคำพูดเช่นนี้
ได้ยินมาว่า เจ้าหญิงไดอาน่าแม้จะเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ไม่ได้รับการศึกษาชั้นสูงมาก่อน เธอพูดเสมอว่าตัวเองโง่เหมือนควาย ไอคิวต่ำ แต่จากเรื่องเล่าเรื่องนี้ผมเชื่อว่าเธอมีอีคิวที่สูงยิ่ง พรสวรรค์เฉพาะตัวของเธอทำให้ภาพลักษณ์ของเธอในจิตใจผู้คนรู้สึกได้ถึงความเมตตาและอบอุ่น ค่อนข้างใกล้ชิดและมีพลัง ใครก็ไม่อาจทดแทนได้
ในโลกนี้มีคนฉลาดมากมาย สามารถพูดจาอย่างชาญฉลาด แต่ว่า คำพูดที่ฉลาดพูดออกมาแล้วไม่แน่ว่าจะเหมาะสม ไม่แน่ว่าจะทำให้คนปลาบปลื้มใจ ไม่แน่ว่าจะทำให้คนรู้สึกซาบซึ้ง ความจริงแล้วคำพูดแบบนี้เป็นคำพูดง่าย ๆ แต่น่าเสียดายที่คำพูดง่าย ๆ แบบนี้ไม่ใช่ใคร ๆ ก็รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร
ในความเป็นจริง ขณะที่ผู้อื่นเผชิญกับอุปสรรคและความทุกข์ทรมาน พวกเราไม่สามารถช่วยอะไรได้อย่างสิ้นเชิง บางครั้งก็อาศัยคำพูดที่ง่าย ๆนี้ ไปปลอบใจ แต่พวกเรามักไม่รู้ว่าจะพูดคำนี้ออกมาอย่างไร หาไม่พบ ไม่รู้ว่าคำพูดคำนี้อยู่ที่ไหน เพราะว่าพวกเราไม่อาจรู้ได้อย่างถ่องแท้ว่าต้นกล้าในหัวใจของผู้อื่นต้องหล่อเลี้ยงอย่างไร ฉะนั้นจึงพูดได้ว่า ความฉลาดกับความเข้าใจเป็นคนละเรื่องกัน
*** ความฉลาดสามารถช่วยแก้บางปัญหาแก่ผู้คน เมตตาธรรมจึงจะสามารถปลอบประโลมหัวใจของผู้คน
*****




 

Create Date : 29 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2553 7:44:41 น.
Counter : 366 Pageviews.  

ยิ้มคือภาษาสากล

เคยเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่เขียนแนะนำนางแบบระดับโลก Cindy Crawford ในนั้นมีคำพูดที่เขียนไว้ว่า หากผู้หญิงออกไปข้างนอกแล้วลืมแต่งหน้าละก็ วิธีที่ดีที่สุดคือจงยิ้มเข้าไว้ จะเห็นได้ว่าการยิ้มนั้นเป็นสิ่งสวยงาม
เพื่อนชาวฝรั่งเศสของผม Mr.pina และ Mrs.pina ทั้งสองล้วนเป็นนักจิตวิทยา สองสามีภรรยาเปิดคลีนิครับปรึกษาทางจิต คนแน่นร้านทุกวัน คิวนัดต้องรอหลายเดือน มีอยู่ครั้งหนึ่งได้พูดคุยกับทั้งคู่ถึงสาเหตุที่พวกเขาได้รับความนิยมจากผู้คน Mrs. Pina บอกว่า ความจริงเหตุผลง่าย ๆ งานหลักของสองสามีภรรยาก็คือให้ผู้ที่มาปรึกษาหมั่นฝึกฝนทำการบ้านอย่างหนึ่ง ....ค้นหาเหตุผลของการยิ้ม
ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่ประตูลิฟท์กำลังจะปิด มีคนกดปุ่มค้างไว้เพื่อให้คุณได้ทันขึ้นลิฟท์...ได้รับจดหมายจากเพื่อนที่แดนไกล...มีคนชมว่าผมทรงใหม่ของคุณดูดี...คืนวันที่ฝนตกหนักขณะที่กลับบ้านพบว่าไฟส่องถนนที่เคยเสียมานานคืนนี้กลับสว่างไสวแล้ว...พนักงานกวาดถนนหยุดกวาดชั่วขณะเพื่อให้คุณเดินผ่านโดยไม่ต้องคอยหลบฝุ่น...รายละเอียดในชีวิตความเป็นอยู่เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณยิ้มได้ เพราะว่านี่คือของขวัญที่ชีวิตความเป็นอยู่มอบให้ ผู้ที่ทำตามคำแนะนำของ Pina สองสามีภรรยาค้นพบว่า พวกเขาสามารถพบเหตุผลที่ทำให้ยิ้มได้อย่างง่ายดายวันละสิบกว่าเรื่อง เวลายิ่งนาน รอยร้าวระหว่างสามีภรรยาก็แนบสนิท ความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานก็มีแนวโน้มผ่อนคลายขึ้น ผู้ที่ไม่สมหวังในชีวิตก็เริ่มวาดหวังเห็นแสงสว่างในวันรุ่งขึ้น สรุปแล้ว ยิ้มของพวกเขา ล้วนได้รับผลเก็บเกี่ยวที่คาดไม่ถึง
ในความทรงจำของผมก็มียิ้มที่ไม่อาจลืมได้ นั่นคือเมื่อตอนที่ผมเรียนหนังสืออยู่ที่ฝรั่งเศส มีอยู่วันหนึ่งนัดกับเพื่อน ๆ ไปปีนภูเขากัน เห็นบนยอดเขามีป้อมปราการสไตล์โรมันเก่า แม้ว่าจะมีป้ายคำเตือนอยู่ริมทางที่จะขึ้นไปที่ป้อมว่า เขตทหาร บุคคลภายนอกห้ามเข้า แต่ว่าเนื่องจากความอยากรู้อยากเห็นของพวกเราทั้งคณะ กลับบุกรุกล้ำเข้าไปในป้อม สัญญาณเตือนภายในป้อมดังลั่น ทหารฝรั้งเศสหลายคนวิ่งออกมาล้อมพวกเราเอาไว้ และคุมตัวพวกเราไปในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง แจ้งว่าจะต้องรอตรวจสอบประวัติของแต่ละคนก่อนจึงจะปล่อยตัวให้ลงจากเขาได้ คนที่รับผิดชอบดูแลพวกเราเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขายืนตัวตรง เอามือไพล่หลัง ท่าทางดูคล้ายปฎิบัติต่อนักโทษไม่ปาน ทำให้พวกเรารู้สึกอึดอัด
ผมจึงเสนอกับเพื่อนข้าง ๆ ว่า เดี๋ยวผมตะโกน หนึ่ง สอง สาม แล้วพวกเราทุกคนยิ้มให้กับเด็กหนุ่มคนนี้พร้อม ๆ กัน ดูซิว่าเขาจะทำอย่างไร จริงดังที่คิดไม่เกินหนึ่งนาที เด็กหนุ่มคนนั้นทนต่อรอยยิ้มของพวกเราสิบกว่าคนไม่ได้ ก่อนอื่นเขาเปลี่ยนท่ายืนที่แข็งทื่อของเขาเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เชิญพวกเราให้นั่งรอ กระทั่งถามพวกเราว่าอยากจะดื่มกาแฟหรือไม่ รอจนกว่าฐานะของพวกเราได้รับการพิสูจน์ชัดแล้ว เขาก็เป็นฝ่ายเสนอว่าจะพาพวกเราเดินทางลัดลงจากเขาเอง และสุดท้ายก่อนจากกันยังจับมืออำลาเหมือนเป็นเพื่อนกัน
ฤดูร้อนปีที่แล้วตอนเดินเที่ยวในเขตเมืองเก่า “ Paracatu “ ในเอเธนส์เมืองหลวงของกรีก เนื่องจากกลางวันอุณหภูมิสูงมาก กลางคืน “ Paracatu ” จึงจะครึกครื้น มีเจ้าของร้านขายของที่ระลึกคนหนึ่งยืนต้อนรับลูกค้าไปสูบบุหรี่ไป มองเห็นลูกค้ากลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา รีบร้อนที่จะต้อนรับจึงคิดจะทิ้งก้นบุหรี่ ไม่ทันมองให้ดีว่าก้นบุหรี่โยนใส่ที่หลังมือของผมเข้าพอดี หนังที่มือผมพองขึ้นเป็นเม็ดใส ผมเจ็บจนกระโดดขึ้นมา เจ้าของร้านเห็นแล้วพูดจาขอโทษผมเสียยกใหญ่ จากนั้นก็ส่งยิ้มที่สดใสหาใดเทียบได้สไตล์กรีกโบราณมายังผม เขาพรางยิ้มพรางท่องคติพจน์ของ Socrates นักปราชญ์กรีกโบราณว่า “ ในโลกใบนี้ นอกจากแสงแดด อากาศ น้ำและรอยยิ้ม พวกเรายังต้องการอะไรอีกหรือ ”
ผมไม่ทราบว่าคำพูดนี้ใช่ Socrates เป็นผู้พูดหรือไม่ รู้แต่เพียงว่าความปวดแสบที่หลังมือและความโมโหในใจได้อันตรธานหายไปด้วยรอยยิ้มที่อยู่เบื้องหน้านี้ สุดท้ายผมได้เดินเข้าไปในร้านของเขาและซื้อโปสการ์ดมาหลายใบ
การยิ้มเป็นการแสดงออกที่สวยงามที่สุดของมนุษย์ เป็นภาษาที่ไม่ต้องเรียนก็รู้และสามารถใช้ได้ทั่วโลก ถ้าหากคนทุกคนสันทัดที่จะใช้ภาษาโลกคำนี้ และให้ยิ้มเป็นห่วงโซ่ข้อหนึ่งที่จะเรียงร้อยความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน โลกนี้ก็จะสวยงามขึ้นอีก
*** ความจริง พวกเราไม่ต้องเปลืองเรี่ยวแรงเพื่อหาเหตุผลของการยิ้ม แต่บ่มเพาะให้ยิ้มเป็นความเคยชิน
*****




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2553 9:26:56 น.
Counter : 498 Pageviews.  

นกโง่

หลายวันมานี้ ด้านนอกของบ้านหลังหนึ่งที่ไร้ผู้คนอยู่อาศัย มีนกตัวหนึ่งที่ไม่ทราบชื่อจะมาที่นี่ทุกวัน มันจะยืนที่ขอบหน้าต่าง เอาหัวของมันกระแทกกับกระจกหน้าต่างตลอดเวลา จนตัวมันตกลงมาที่ขอบหน้าต่าง แต่มันยังคงยืนหยัดไม่หยุด จะกระแทกอยู่สิบกว่านาทีทุกวัน หลังจากตกลงมาที่ขอบหน้าต่างแล้วบินจากไป ผู้คนต่างพากันอยากรู้ ต่างคาดเดากันไปว่ามันคงอยากจะบินเข้าไปในบ้าน แต่ข้าง ๆ ก็มีหน้าต่างอีกบานหนึ่งที่เปิดทิ้งไว้ ดังนั้นจึงสรุปออกมาว่า มันเป็นนกโง่ตัวหนึ่ง
กระทั่งวันหนึ่ง มีชายคนหนึ่งเอากล้องส่องทางไกลมาส่อง ความจริงจึงถูกเปิดเผยออกมาว่า กระจกหน้าต่างบานนี้มีซากแมลงเล็ก ๆ ติดอยู่ นกน้อยตัวนี้จิกกินจนเพลินอย่างมีความสุข ผู้คนจึงได้แต่ร้องอ๋อ
คนเรามักจะใช้รูปแบบวิธีคิดของตนยัดเยียดให้แก่ผู้อื่น และคิดว่านั่นคือความถูกต้อง
*** การเข้าใจเอาเองว่าถูกต้องแล้วนั้นเป็นข้อผิดพลาดที่คนฉลาดจำนวนมากมักกระทำ ก่อนที่จะทำการสรุปต่อเรื่องราวหรือต่อคนกระทั่งต่อนกโง่ตัวหนึ่งนั้น ทางที่ดีที่สุดควรจะมีการสำรวจและวิเคราะห์โดยละเอียดเสียก่อน
*****




 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2553 7:30:28 น.
Counter : 404 Pageviews.  

ตะปูสองตัว

สองทุ่มของทุกคืน ชายแก่เสื้อผ้ารุ่งริ่งท่าทางเรียบเฉยคนหนึ่งมักจะมาที่หอแห่งนี้เพื่อเก็บหาขยะ จากนั้นก็จะจากไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่เคยมามืดกว่านี้และก็ไม่อยู่ที่นี่นานนัก
ครั้งแรกที่เห็นชายแก่คนนี้ เขากำลังมีปากเสียงกับยามเฝ้าประตู เขาจะเข้าไปรื้อหาขยะ แต่ยามเฝ้าประตูไม่อนุญาติ บอกว่าที่นี่เป็นหอของที่ว่าการอำเภอ และก็เป็นเวลาค่ำมืด ชายแก่ยืดคอพูดเสียงแข็งว่า “ ฉันอาศัยสองมือเก็บหาขยะเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง มีสิทธิ์อะไรมาห้าม คิดว่าฉันเป็นขโมยรึไง ” ชายแก่ผอมมาก ลำคอของเขามีเส้นเอ็นสีเขียว ๆ ปูดออกมาหลายเส้น ผมสีขาวบาง ๆ ของเขาทำให้สะดุดตาคนเป็นพิเศษ
ทีแรกผมยังเข้าใจว่าชายแก่ถือว่าตนเองอาวุโสกว่า จึงพูดจาหาเรื่อง แต่หลังจากนั้นหลายวัน ผมพบว่าตนเองคิดผิดไป
ต่อมาก็ไม่ทราบว่ายามเผ้าประตูทำไมจึงยอมให้เขาเข้าไปได้ ชายแก่มาที่หอแห่งนี้รื้อหาเก็บขยะในถังขยะทุกวัน แต่เขาไม่เหมือนกับคนเก็บขยะคนอื่น ๆ เขาจะมาตอนฟ้ามืดแล้วทุกครั้ง ตอนกลางวันจะไม่เข้ามา และเขาเพียงแต่หาเก็บขยะเท่านั้น สิ่งอื่น ๆ นอกเหนือจากนั้นเขาไม่เคยแตะต้องเลย และนี่ก็คือเรื่องที่น่าประหลาดใจสำหรับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหอแห่งนี้ ที่เคยโดนแบบทีเผลอติดไม้ติดมือไปด้วย ต่อมาพวกเรารับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตที่น่ารันทดของเขา ชายแก่เป็นคนงานที่เกษียณแล้วของวิสาหกิจแห่งหนึ่ง เนื่องจากคู่ชีวิตร่างกายอ่อนแอป่วยไข้อยู่บ่อย ๆ สองตายายถูกลูกสะใภ้รังแกอยู่เป็นประจำ ชายแก่ผู้ทรนงไม่ยอมอาศัยจมูกผู้อื่นหายใจจึงออกมาหาเช่าบ้านโทรม ๆ อยู่กันสองคน เพื่อที่จะหาเงินมาซื้อยารักษาภรรยา เขาจึงจำต้องแบกกระสอบเดินเก็บขยะมาขาย
เมื่อเข้าใจเรื่องราวเบื้องหน้าเบื้องหลังแล้ว ทุกคนล้วนทอดถอนใจ ตั้งแต่นั้นมา สายตาของทุกคนที่มองมายังเขาก็เพิ่มความเห็นใจและนับถือขึ้นอีก มีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณลุงข้างบ้านเป็นห่วงว่าเขาจะค้นหาขยะไม่ได้อะไรในคืนนั้น จึงยื่นถุงพลาสติกที่ใส่ส้มชั้นดีให้แก่เขา ชายแก่ตลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็บ่นพึมพัมขึ้นทันทีว่า ฉันเป็นคนเก็บขยะ ไม่ใช่ขอทาน แล้วยกถุงขยะเดินจากไปทันที จากนั้นอีกหลายวันก็ยังไม่เห็นเขามาที่นี่อีก
ลุงข้างบ้านนิ่งเงียบ หลายวันต่อมา ในที่สุดชายแก่ก็ปรากฎตัวข้างกองขยะหน้าหอ ลุงข้างบ้านถือโอกาสตอนที่เขาจากไปนำตะปูมาตอกที่ต้นไม้ใหญ่ข้างกองขยะ 2 ตัว ข้างบนหนึ่งตัวข้างล่างหนึ่งตัว จากนั้นนำอาหารของแห้งใส่ถุงแขวนที่ตะปูตัวบน และเอาหนังสือเก่า หนังสือพิมพ์เก่ามัดรวมกันแล้วแขวนที่ตะปูตัวล่าง วันที่สองชายแก่เก็บขยะมาแล้ว เขาหยิบถุงสองใบที่แขวนอยู่บนต้นไม้นั้นกลับไป เขาถือว่าเป็นขยะที่ผู้อื่นไม่ต้องการแล้ว
ต่อมา ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหอหลายคนต่างล่วงรู้ความลับนี้แล้ว ดังนั้นจึงมีถุงพลาสติกที่บรรจุของจนแน่นจำนวนมากแขวนเพิ่มบนตะปูอยู่บ่อย ๆ ยามเฝ้าประตูก็ให้ความร่วมมืออย่างลับ ๆ ตอนกลางคืนนอกจากชายแก่คนนี้แล้ว คนเก็บขยะอื่น ๆ จะไม่ได้รับอนุญาติให้เข้ามาเก็บทั้งสิ้น ทุกค่ำคืน ชายแก่เข้ามาแล้วมักจะไปค้นหาขยะในกองให้ทั่วก่อนที่จะไปหยิบถุงอาหารเหล่านั้น จากคำบอกเล่าของเสี่ยวหวังที่มักจะกลับบ้านตอนค่ำมืดว่า มีครั้งหนึ่งเขาเห็นชายแก่น้ำตาไหลพรากขณะยื่นมือไปหยิบถุงอาหารเหล่านั้น
ศักดิ์ศรีประเมินค่ามิได้ เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องของศักดิ์ศรีซึ่งละเอียดอ่อน บางครั้งการดูแลช่วยเหลืออย่างเงียบ ๆ ดีกว่าคำพูดร้อยแปด ตัวอย่างของคุณลุงที่ตอกตะปูบนต้นไม้สองตัว พลังแห่งการกระทำในรายละเอียดเล็กน้อย ดีกว่าคำพูดแสดงความคิดเห็นที่ว่างเปล่า “ ตะปูสองตัว ” นี้นอกจากจะแสดงออกซึ่งความเห็นใจและเมตตาแล้ว ยังรักษาศักดิ์ศรีของคนเอาไว้ด้วย ในชีวิตของปุถุชนคนธรรมดาอาจจะไม่มีเรื่องราวยิ่งใหญ่ที่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน แต่เรื่องประเภทนี้ก็เพียงพอที่จะสะเทือนใจผู้คนได้
*****




 

Create Date : 25 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2553 7:49:33 น.
Counter : 520 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  

syrubbocaboro
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add syrubbocaboro's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.