Group Blog
 
All Blogs
 

อะไรก็ได้ (๒๒) พลอยประจำเดือนเกิด (๒)

อะไรก็ได้ (๒๒)


พลอยประจำเดือนเกิด ของ “ศศิบุตร” เดือนกุมภาพันธ์

ราศีกุมภ์ เป็นราศีธาตุลม อันดับสุดท้าย แต่นับเป็นราศีกลางธาตุ กลุ่มดาวนี้มีรูปลักษณะเป็นคน หรือยักษ์ปั้นหม้อ ดอกไม้ประจำราศีคือ ดอกไวโอเลต Violet ของไทยเป็นดอกไม้สีเหลือง เช่น ฉัตรทอง

พลอยประจำเดือนคือ แอเมทิสต์ Amethyst เป็นอัญมณีสีม่วง เหมือนสีดอกตะแบก มีแมงกานีสออกไซด์ กับ โคบอลด์ออกไซด์ ทำให้กลายเป็นส่ม่วง ถ้าส่องด้วยไฟสว่าง จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด เป็นอัญมณีที่เป็นสัญลักษณ์ของความมีสติ จะคิดจะทำอะไรก็รอบคอบ เพราะมีสติเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้ง เป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์ ความเป็นเลิศ

เป็นอัญมณีเครื่องรางของขลัง บรรพบุรุษแต่เก่าก่อนเชื่อกันว่า หากใครได้เป็นเจ้าของแอเมทิสต์แล้ว จะมีสติปัญญาอันเฉลียวฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก และเชื่อว่านักรบคนใดก็ตาม ที่พกพาเอาแอเมทิสต์ติดตัวไปในสนามรบด้วย จะช่วยปกป้องคุ้มครองให้รอดพ้นจากอันตรายทั้งปวง และมีชัยชนะกลับมา

สีที่ให้คุณกับราศีนี้คือ สีแดงก่ำ

พลอยแอเมทิสต์ ทางวิชาการจัดเป็นแร่ในตระกูล ควอร์ตซ์ Quartz ชนิดหนึ่ง หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ แก้วโป่งข่าม แต่เป็นชนิดสีม่วง ซึ่งเป็นชนิดที่มีราคาแพงมากที่สุด แอเมทิสต์แข็งกว่าแก้วแต่อ่อนกว่าทับทิมและไพลินมากการเจียระไนมีทั้งรูปสี่เหลี่ยมและรูปโค้งหลังเต่า สำหรับรูปสี่เหลี่ยม โดยทั่วไปจะเจียระไนให้ส่วนที่มีสีเข้มมากที่สุด อยู่ที่ฐานหรือด้านล่างสุดของพลอย ทั้งนี้เพื่อทำให้สีที่ปรากฏที่ด้านหน้าพลอย เมื่อเกิดการหักเหของแสงขึ้น ก็จะเห็นมีประกายแวววาวสวยงาม

โดยปกติจะพบแอเมทิสต์เกิดเป็นผลึกอยู่ในโพลงหิน หรือในจีโอด Geodes แหล่งที่พบแอเมทิสต์คือรัสเซีย เยอรมันตะวันตก บราซิล อุรุกวัย แซมเบีย ศรีลังกา แอฟฟริกา สาธารณรัฐประชาธิปไตยมาลากาซี ออสเตรเลีย ในสหรัฐอเมริกา มีที่รัฐมอนตานา แท็กซัส คาโรไลนาเหนือ แคลิฟอร์เนีย เวอร์จิเนีย ในประเทศไทยพบที่อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก และจังหวัดแพร่ แต่มักจะเป็นสีม่วงอ่อน จึงมีราคาสู้แอเมทิสต์ ที่มาจากต่างประเทศไม่ได้

##########

Create Date : 05 เมษายน 2553
Last Update : 5 เมษายน 2553 6:30:52 น.




 

Create Date : 26 สิงหาคม 2553    
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 5:28:23 น.
Counter : 484 Pageviews.  

อะไรก็ได้ (๒๑) พลอยประจำเดือนเกิด (๑)

อะไรก็ได้ (๒๑)

จากนิตยสารทหารสื่อสาร ฉบับประจำเดือนมกราคม ๒๕๓๕ นอกคอลัมน์ ที่นี่....สะพานแดง มีเรื่องที่น่าสนใจสำหรับสุภาพสตรี และน่าที่สุภาพบุรุษควรจะรู้ไว้ด้วย คือเรื่องของ “ศศิบุตร” ชื่อ พลอยประจำเดือนเกิด เริ่มตั้งแต่เดือน มกราคม เหมือนกัน

มกราคม ราศีมังกร นับเป็นราศีชั้น ๑ เพราะเป็นราศีทวารหรือราศีธาตุราศีสุดท้าย (ราศีเมษต้นธาตุไฟ กรกฏ ต้นธาตุน้ำ ตุลย์ ต้นธาตุลม) มังกรนับเป็นราศีธาตุดินราศีสุดท้าย ใสนนจำนวนธาตุดินทั้งสามราศี (ราศีแรก พฤษภ สองกัย์ สามมังกร)

ดอกไม้ประจำราศี คือดอกคาร์เนชั่น Carnation ของไทยใช้ไม้เถาสีม่วงอ่อน คือ พวงแส

พลอยประจำเดือน คือ โกเมน Garnet เป็น ๑ ใน ๓ รัตนชาติ แดงแก่ก่ำโกเมนเอก เป็นอัญมณีสีแดงเข้มหรือแดงก่ำ ซึ่งเรียกขานกันทั่วไปว่า แดงดังโกเมนโบฮิเมีย Bohimia หรือ ไพโรป Pyrope เป็นอัญมณีเครื่องรางของขลัง ในความนึกคิดของคนอียิปต์สมัยโบราณ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิต Symbol of life ในสมัยกลางเชื่อกันว่า Garmet มีอำนาจในการบำบัดรักษาโรค มีอำนาจในการป้องกันพิษ โรคระบาด และฟ้าผ่า

สีที่ให้คุณกับราศีนี้ คือ สีเขียว

พลอย โกเมน มีสีแดงสวยแต่ไม่สดใสเหมือนทับทิม ซึ่งก็สมแก่คำว่า แดงแก่ก่ำ โกเมนเอก มีความแข็งจัดว่าใช้ได้ รองลงมาจากมรกต ซึ่งเมื่อเจียรนัยแล้วก็แลดูสวยงามไม่แพ้พลอยชนิดอื่น ความจริงสีแร่ในกลุ่มนี้ พบตามธรรมชาติมีสีสในให้เลือกมากมายหลายสี เช่น แดงเข้ม แดงปนม่วง แดงปนน้ำตาล ชมพู เขียวมรกต น้ำตาลเหลือง และ เหลือง ยกเว้น สีน้ำเงินไม่มี สีที่นิยมมากมีราคาคือ สีแดงและเขียว

โกเมนสีแดงมีหลายชนิด เช่น สีแดงจ้าแบบไฟ เรียกว่าไพโรป คำว่าไพโรปนี้มาจากภาษากรีกแปลว่า เหมือนไฟ หรือ ตาไฟ ส่วนรากศัพท์ของคำว่าGarnet นั้นมาจากภาษาลาตินมีความหมายว่า เหมือนเมล็ด หมายความว่าเหมือนเมล็ดสีแดงในผลทับทิม ทั้งนี้เนื่องจากมักจะได้พบผลึกพลอยโกเมนสีแดง ฝังอยู่ในเนื้อหิน โดยมีลักษณะการฝังตัวเหมือนเมล็ดในผลทับทิม

บริเวณที่พบพลอยโกเมนในส่วนต่าง ๆ ของโลก คือ

๑.ไพโรป Pyrope สีแดงเข้ม พบที่เชโกสโลวาเกีย แอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย ไทย

๒.แอลมันไดต์ Almandite สีแดงปนม่วง สีน้ำตาลแดง พบที่ ศรีลังกา ออสเตรเลีย อินเดีย อัฟกานิสถาน บราซิล เชโกสโลวาเกีย ไทย

๓.สเปสซาร์ไทด์ Spessartite สีน้ำตาลไปจนถึงแดง พบที่ศรีลังกา บราซิล สหรัฐอเมริกา สวีเดน ไทย

๔.กรอสซูลาไรต์ Grossularite สีขาว เหลือง น้ำตาล และแดงอ่อน พบที่ศรีลังกา

๕.แอนดราไดต์ Andradite สีเหลือง เขียว เขียวมรกต น้ำตาล ไปจนถึงดำ พบที่เยอรมันเทือกเขาอูราล ฝรั่งเศส อิตาลี ไทย

๖.อูวาโรไวด์ Uvarovite สีเขียวมรกต พบที่เทือกเขาอูราล ฟินแลนด์ โปแลนด์ อินเดีย และ แคนาดา

ในประเทศไทยพบโกเมนสีแดงชนิดที่เรียกว่า ไพโรป เกิดรวมกับไพลิน พบมากที่บ้านบางกะจะ และเขาพลอยแหวน จังหวัดจันทบุรี ปัจจุบันนี้พบว่า นอกจากจะนำโกเมนมาทำเป็นเครื่องประดับแล้ว ยังนำมาแกะสลักเป็นพระพุทธรูปด้วย.

###########


Create Date : 03 เมษายน 2553
Last Update : 3 เมษายน 2553 5:59:01 น. 2 comments
Counter : Pageviews. Add to






โดย: thanitsita วันที่: 3 เมษายน 2553 เวลา:13:57:05 น.




ผมก็ร้อน แต่ก็ต้องอดทนครับ
เพราะปีต่อ ๆ ไปคงจะร้อนกว่านี้นะครับ.

โดย: เจียวต้าย วันที่: 4 เมษายน 2553 เวลา:13:42:30 น.





 

Create Date : 26 สิงหาคม 2553    
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 5:27:44 น.
Counter : 516 Pageviews.  

อะไรก็ได้ (๒๐) คนรักแมว

อะไรก็ได้ (๒๐)

จากนิตยสารทหารสื่อสารฉบับประจำเดือน มกราคม ๒๕๓๕ นอกคอลัมน์ ที่นี่.....สะพานแดง มีเรื่องสั้นอยู่เรื่องหนึ่ง ของ “คนรักแมว” ชื่อ เจ้าดิ่ง

เกิด ๓๐ ธันวาคม ๒๕๑๕
ตาย ๒๐ สิงหาคม ๒๕๑๗

ชีวิตของเจ้าดิ่งมีเพียง ๑ ปี ๗ เดือน ๒๔ วันเท่านั้น ดิ่งเป็นแมวตัวเมียแสนซน (มากที่สุด) ติ่งชอบกินนมมากเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับแมวตัวอื่น ๆ ตอนที่ดิ่งเป็นเด็ก ดิ่งน่ารัก ซน และเป็นมิตรกับหมา เข้ากันได้ เป็นเพื่อนกับเจ้าดอล เล่นกันมาจนโต ดิ่งไม่ชอบให้ใครอุ้ม มันขี้รำคาญ จะโกรธ ร้อง และดิ้น

ดิ่งเป็นลูกของเจ้าเสือ(แมวลายเหมือนเสือ) ต่อมาเจ้าเสือจะมีลูกครอกใหม่ มันถูกเจ้าเสือตบและกัด (น่าสงสารจัง) เจ้าเสือมีลูกครอกใหม่ ๓ ตัว ตายไป ๒ ตัว เหลือตัวเดียวคือเจ้าโด่ง เป็นตัวผู้ ในตอนแรก ๆ ดิ่งไม่รักโด่งเลย แต่พอดิ่งโตเป็นสาว มันมีลูกครอกแรกตายหมด เพราะดิ่งยังเด็กเกินไป มันคิดว่าโด่งเป็นลูก เลยรักโด่งมาเรื่อย ๆ

อีกไม่นานเจ้าเสือก็ไม่สบายและจากไป

ดิ่งท้องอีก ออกลูก ๔ ตัว ตัวผู้ทั้งหมด ตายไป ๑ ให้เขาไปอีก ๑ เหลือ ๒ ตัวคือ เจ้าแต้มกับเจ้าลาย ดิ่งรักลูกมากตามใจทุกอย่าง โตแล้วยังให้ดูดนมอีก แต่โด่งเกลียดลูกของดิ่ง

ดิ่งไม่เคยตบหรือกัดลูกเลย จนมีท้องกับโด่ง ออกลูกครอกใหม่ ๓ ตัว เหลือ ๒ ตัวคือ เจ้าด่องกับเจ้าดุ่ง แต่ก็ยังรักเจ้าเจ้าแต้มและเจ้าลายมากเหมือนเดิม “ ดิ่งเป็นแม่ที่ดีเหลือเกิน”

มีแมวมามากแล้ว ยังไม่เห็นใครซนเท่าเจ้าดิ่งเลย ดิ่งเป็นแมวที่สะอาด สวย ชอบทำท่าน่ารัก ๆ มาตั้งแต่เด็ก ๆ ปีนป่ายต้นไม่เก่งมากด้วย ดิ่งไม่หวงลูก ๆ มากนักมันให้ลูกเล่นกับคนและหมาตามสบาย (โดยเฉพาะเจ้าดอลเพื่อนเก่าของมัน) เพราะมันรู้ว่าไม่มีใครทำร้ายลูกมัน

ก่อนที่เจ้าดิ่งจะจากเราไป ๑ วันดิ่งมานอนบนโต๊ะของเรา และมันก็มานอนบนเตียงกับเราด้วย เรากอดมันไม่นึกเลยว่าเป็นการกอดมันครั้งสุดท้าย

เมื่อไม่กี่วัน ดิ่งถูกตีเนื่องจากขโมยกินอาหาร น่าสงสาร ! (มันไม่ได้ขโมยบ่อยนักหรอก) มันวิ่งหนีไป

เราจับเจ้าดิ่งครั้งสุดท้ายตอนห้าทุ่มครึ่งของวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๑๗ พร้อมกับเจ้าลาย เพื่อเอามันออกจากห้อง พอเช้าเราไม่มีโอกาสได้เห็นดิ่งมีชีวิตอยู่แล้ว

ดิ่งจากเราไป จากลูก ๆ ไปแล้ว

มันถูกรถทับตาย เจ้าดิ่งตายเสียแล้ว เราขอให้เจ้าดิ่งมาเกิดเป็นแมวของเราอีก เราจะคอยเจ้าดิ่ง แมวที่น่ารักและแสนซน ผู้นำความเป็นมิตร ระหว่างแมวกับหมามาให้บ้านของเรา (ขอบใจเจ้าดิ่ง)

############


Create Date : 01 เมษายน 2553
Last Update : 1 เมษายน 2553 19:50:54 น.




 

Create Date : 22 สิงหาคม 2553    
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 5:26:54 น.
Counter : 535 Pageviews.  

อะไรก็ได้ (๑๙) นกพิราบนำสาร

อะไรก็ได้ (๑๙)

ต่อเรื่องนกพิราบนำสารครับ

นกพิราบนำสารจะหายไปจากสารบบการสื่อสารของกองทัพบก ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบอีก อาจจะเป็นตอนที่เราได้รับความช่วยเหลือ จากมิตรประเทศผู้ร่ำรวยมั่งคั่ง และมีเครื่องสื่อสารที่ทันสมัยมากมาย หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ จนมองเห็นว่านกพิราบนำสารเชยและล้าสมัยไปเสียแล้วก็เป็นได้

แต่ก็ยังมีหน่อยทหารสื่อสารหน่วยหนึ่ง ได้พยายามที่จะอนุรักษ์ไว้ ในขณะที่เครื่องสื่อสารของเราได้วิวัฒนาการ ก้าวไปสู่ยุคดาวเทียมแล้ว หน่วยนั้นก็คือ กองพันทหารสื่อสารที่ ๑ รักษาพระองค์ ผู้บังคับกองพันในขณะนั้นได้เล่าไว้ ในนิตยสารทหารสื่อสาร ประจำเดือน กันยายน ๒๕๓๐ ว่า

“.........ความเดิมมีอยู่ว่า เมื่อ ๑๒ มิ.ย.๓๐ ท่านเจ้ากรมและคณะ ได้ไปเยี่ยมกำลังพล กองร้อยสื่อสาร กองกำลังบูรพา ซึ่งเป็นกำลังพลที่จัดไปจาก กองพันทหารสื่อสารที่ ๑ รักษาพระองค์ หลังจากตรวจเยี่ยมและบรรยายสรุปแล้ว หน่วยก็ได้จัดสาธิตการใช้นกพิราบนำสาร จาก ร้อย.ส.กกล.บูรพา บ้านหนองกุง อ.วัฒนานคร จ.ปราจีนบุรี บินนำสารกลับหน่วยปกติ คือ ส.พัน.๑ รอ. ยานนาวา กรุงเทพมหานคร

มีนกที่สาธิตในวันนั้น ๖ ตัว แต่ละตัวเป็นนกที่หน่วยได้เพาะผสมขึ้นเอง เลี้ยงเอง ฝึกเอง ที่ ส.พัน.๑ รอ.ใช้เวลาฝึกให้บินจากที่ต่าง ๆ ตามเส้นทางจาก กรุงเทพ – ปราจีนบุรี ใช้เวลาเกือบสองเดือน นกแต่ละตัวมีหลอดยาหอมตราห้าเจดีย์ เป็นหลอดบรรจุสาร ซึ่งมีข้อความว่า

“สารนี้นำโดยนกพิราบนำสาร ส.พัน.๑ รอ. เดินทางจาก กกล.บูรพา เมื่อเวลา.....” แล้วก็เชิญนายทหารผู้ใหญ่ที่อยู่ในวันนั้น ลงนามกำกับ

เราเริ่มปล่อยนกเมื่อเวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น.ของวันนั้น พอประมาณ ๑๗.๓๐ น. ก็ได้รับวิทยุจากนายทหารเวร ส.พัน.๑ รอ.ว่า นกได้มาถึงเรียบร้อยแล้ว กำลังทยอยจับอยู่ เป็นที่น่ายินดีว่า นก ๖ ตัว สามารถกลับที่ตั้งปกติได้ถูกต้อง ในเวลาเพียง สามชั่วโมงเศษ ในระยะทาง ๒๐๐ กิโลเมตร ซึ่งเป็นความเร็วที่น่าจะเร็วกว่ารถยนต์นำสารจากปราจีนบุรีมากรุงเทพฯ ที่ต้องมาติดการจราจรที่ถนนนางลิ้นจี่ ก่อนเข้ากองพัน ประมาณเกือบชั่วโมงทุกครั้ง..........”

เมื่อในเรื่องข้างต้นได้อ้างถึง นิตยสารทหารสื่อสาร ฉบับประจำเดือน กันยายน ๒๕๓๐ จึงย้อนกลับไปค้นหามาดูเรื่องราวเต็ม ๆ ก็พบว่ามีสาระที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นอีก ผู้บังคับกองพันทหารสื่อสารที่ ๑ รักษาพระองค์เขียนเพิ่มเติมไว้ว่า

สมัยสงครามเชียงตุง ผมเคยอ่านบันทึกของนายทหารสื่อสารชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เขียนไว้ (ขออภัยจำชื่อท่านไม่ได้) ว่าเมื่อใกล้ถึงเชียงตุง ฝนตกหนัก แบตเตอรี่เสียหาย ถ้าไม่ได้นกพิราบนำสารช่วย ก็จะไม่สามารถติดต่อกับหน่วยใหญ่ ที่เชียงใหม่ได้เลย

สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑ นกพิราบนำสารดูเหมือนจะเป็นพระเอก กองทัพในยุโรปใช้นกพิราบนำสารกันอย่างกว้างขวาง เทียบกับรถโทรพิมพ์สมัยนี้ก็ว่าได้ คือแทบทุกหน่วยจะต้องมีรถบรรทุกกรงนกติดตาม บก.หน่วยไปตลอด ความผูกพันของนกพิราบกับคนยุโรปจึงมีมาก และตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน

ชาวเบลเยี่ยมนับว่าเป็นประเทศที่มีการเลี้ยงนกพิราบมากที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่เลี้ยงไว้แข่งขัน ทั้งประเทศมีเนื้อที่เพียง ๑๑,๘๐๐ ตารางไมล์ แต่มีคนเลี้ยงนกประมาณ ๑๒๕,๐๐๐ ราย เฉลี่ยแล้วในพื้นที่ ๑ ตารางไมล์ มีคนเลี้ยงนก ๑๑ ราย

นกพิราบที่ ส.พัน ๑ รอ.ได้รับบริจาคสำหรับเป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ก็เป็นนกสายเลือดเบลเยี่ยม เพราะนกเบลเยี่ยมนั้น มีคุณสมบัติในการบินทรหด จดจำเก่ง เลี้ยงง่าย

แต่จากที่ท่านได้เขียนไว้นั้นจนบัดนี้ เวลาก็ล่วงไปกว่ายี่สิบปี และ ท่านผู้เขียนก็ได้เลื่อนยศตำแหน่งห่างไกลออกไปจากหน่วยเดิมมากมายแล้ว ไม่ทราบว่าที่ ส.พัน.๑ รอ.ยังจะมีนกพิราบนำสารหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่

หรือจะอยู่แต่เพียงในความทรงจำเท่านั้น.

###############

Create Date : 26 มีนาคม 2553
Last Update : 26 มีนาคม 2553 5:12:58 น.




 

Create Date : 22 สิงหาคม 2553    
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 5:26:13 น.
Counter : 645 Pageviews.  

อะไรก็ได้ (๑๘) เครื่องมือสื่อสารที่เก่าแก่ที่สุด

อะไรก็ได้ (๑๘)

วชิรพักตร์

ในนิตยสารทหารสื่อสาร ฉบับครบรอบ ๖๘ ปีของทหารสื่อสาร ยังมีอีกเรื่องหนึ่งของ “เทพารักษ์” ชื่อ เครื่องมือสื่อสารที่เก่าแก่ที่สุดของทหารสื่อสาร ซึ่งกลับมาเป็นเรื่องที่ผู้คนสนใจกับอยู่ เมื่อไม่นานมานี้เอง

ในพิพิธภัณฑ์ทหารสื่อสาร มีวัตถุพิพิธภัณฑ์รายการหนึ่ง ที่น่าสนใจมาก สิ่งนั้นคือ นกพิราบสื่อสาร หนึ่งคู่ หรือสองตัว ไม่ทราบว่าเป็นครอบครัวเดียวกันหรือเปล่า หรือว่าเป็นเพศเดียวกัน อาศัยอยู่ในกรงแฝด ซึ่งมองแต่ไกลแล้วจะสงสัยว่า ใครเอานกมาเลี้ยงไว้ด้วยหรือ ความจริงเป็นนกสตาฟ ไม่ทราบว่าผู้ใดได้ทำไว้ตั้งแต่เมื่อไร เพราะแม้กระทั่งบัดนี้ ก็ยังคงอยู่ในสภาพที่เรียบร้อยน่าชม เสียแต่ว่ามีขี้ฝุ่นเกาะมากไปหน่อย เพราะเจ้าหน้าที่ไม่กล้าปัดแรง กลัวขนจะร่วง

นกพิราบนำสารเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ซึ่งปรากฏในคู่มือว่าด้วยการสื่อสาร รส.๒๔-๕ ตำราขั้นพื้นฐานของทหารสื่อสารทุกคน กล่าวว่าจัดอยู่ในประเภทสัตว์นำสาร ใช้ส่งข่าวได้ไกลถึง ๒๕๐ ไมล์ หรือ ๔๐๐ กิโลเมตร ด้วยความเร็วในการเดินทางประมาณ ๓๕ ไมล์หรือ ๕๖ ก.ม.ต่อชั่วโมง

นกพิราบนำสารนี้ มีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ในกองทัพบกไทยจะนำมาใช้ตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบแน่ มีเอกสารที่เก่าแก่ที่สุด คือคู่มือการเลี้ยงและฝึกนกพิราบนำสาร พ.ศ.๒๔๘๐ ของกองทัพบก กล่าวว่า การใช้ นกพิลาป นำสารนั้นมีมานานประมาณ ๒,๐๐๐ ปีเศษแล้ว ที่ใช้ในสงครามสมัยใหม่ก็เมื่อฝรั่งเศสรบกับเยอรมันนี ปี พ.ศ.๒๔๐๓ –๒๔๐๔ และในสงครามโลกครั้งที่ ๑ พ.ศ.๒๔๕๙ – ๒๔๖๑ มีการใช้ นกพิลาป นำสารกันอย่างกว้างขวางทุกประเทศที่เข้าสงคราม รวมกันประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ ตัว

กองทัพบกไทยก็คงจะใช้ นกพิราบนำสารมาตั้งแต่หลังสงครามโบกครั้งที่ ๑ เพราะมีเครื่องมือสื่อสารหลายชนิด ที่นำเข้ามาใช้ในสมัย พ.ศ.๒๔๖๕ – ๒๔๗๐ แต่ที่แน่ ๆ ก็คือก่อนสงครามอินโดจีน ประมาณ พ.ศ.๒๔๘๐ ตามคู่มือที่พิมพ์ออกมาใช้ราชการนั่นเอง นายทหารสื่อสารชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ได้เล่าไว้ใน หนังสือที่ระลึก ๖๐ ปี เหล่าทหารสื่อสาร เมื่อ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๒๗ ว่า

“....นกพิราบนำสาร เลี้ยงไว้เป็นจำนวนมากมาย กรงเลี้ยงใหญ่เบ้อเร่อหลายกรง มีทั้งที่อยู่กับที่ และมีล้อเลื่อนเคลื่อนที่ได้ มีการแบ่งจำพวกนกออกเป็นชนิด และประเภท สมัยนั้นมีนกพิราบชนิดดีมีวินัยจำนวนมาก คัดไว้เป็นพิเศษ กำหนดชื่อเรียก ได้ถูกต้องไม่ซ้ำกัน

ตามตำรากล่าวว่า นกพิราบนี้เลี้ยงง่าย ฝึกง่าย ความจำเป็นเลิศ นกพิราบเป็นสัตว์สังคม มีชีวิตอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน มีความรักทางเพศยิ่งใหญ่ เพราะเรื่องทางเพศและความอุดมสมบูรณ์ของอาหารนกอาจไปชักนำนกจากที่อื่น มาอยู่รวมกันมากขึ้น และปรากฏอยู่เสมอ

เจ้าหน้าที่เลี้ยงนกจะทำการฝึกนกเป็นประจำ ตาตารางกำหนด เอานกพิราบใส่กรงพิเศษซึ่งออกแบบไว้ถูกต้องดีหลายแบบ สะดวกในการนำไปในภูมิประเทศ โดยมิให้นกเป็นอันตราย แล้วนำไปปล่อยในระยะทางไกล ๆ เพื่อให้นกกลับรังได้ถูก ซึ่งเป็นการฝึกเพื่อนำมาใช้นำสารนั่นเอง

การฝึกให้นกจำเสียงนกหวีด และเสียงกระดิ่ง ตลอดจนจำธงสัญญาณ ซึ่งปักไว้ที่กรงเลี้ยง ตามความหมายต่าง ๆ ต้องฝึกในยามปกติเป็นประจำ เพื่อให้นกมีวินัย จำได้ถูกต้องแม่นยำ.......”

ยังมีต่อไปอีกตอนหนึ่งครับ.


Create Date : 24 มีนาคม 2553
Last Update : 24 มีนาคม 2553 20:41:25 น.




 

Create Date : 22 สิงหาคม 2553    
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 5:25:14 น.
Counter : 850 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.