Group Blog
 
All Blogs
 

เวรกรรมของนางวันทอง

คุ้ยวรรณคดี

เวรกรรมของวันทอง

ฑ.มณฑา

วลีที่ว่า นางวันทองสองใจ นั้นได้ติดค้างอยู่ในความรู้สึกของผู้คน ที่อ่านวรรณคดี เรื่องขุนช้างขุนแผนมานานนับร้อยปี แม้จะมีผู้พยายามแก้ต่างแทน แต่คำประนามนั้นก็ยังติดตัวนางวันทองอยู่ แม้จนทุกวันนี้ ความจริงเป็นอย่างไร จะลองคุ้ยออกมาให้พิจารณากันดูว่า นางนั้นน่าชังหรือน่าสงสารกันแน่

เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า นางวันทองเมื่อเริ่มเป็นสาวชื่อ พิมพิลาไล ได้แต่งงานกับพลายแก้ว ร่วมห้องหออยู่ไม่กี่วัน พลายแก้วก็ไปราชการทัพรบศึกกับเมืองเชียงใหม่ นางพิมอยู่ข้างหลังถูกขุนช้างหลอกว่าพลายแก้วตาย นางจึงถูกมารดาบังคับให้แต่งงานกับขุนช้าง โดยที่ไม่เต็มใจ

เมื่อพลายแก้วชนะศึกกลับมา ได้ยศเป็นขุนแผนก็พาลาวทองเมียใหม่มาด้วย และทิ้งนางพิมซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นวันทอง ไปอยู่กับลาวทอง ปล่อยให้วันทองอยู่กับขุนช้างต่อไป ต่อมา ขุนแผนต้องราชอาญา ถูกพรากจากนางลาวทอง ให้ไปตระเวนรักษาด่าน ก็เกิดคิดถึงนางวันทองจึงเข้าไปชิงตัวมาจากบ้านขุนช้าง แล้วก็พาตระเวนป่าด้วยกันจนวันทองมีครรภ์ จึงให้พระพิจิตรพาตัวเข้ากรุง ไปสู้คดีแย่งชิงนางวันทองกับขุนช้าง

แม้ขุนแผนจะชนะความได้ครองนางวันทอง แต่ความโลภอยากได้นางลาวทองมาอยู่ด้วย จึงทำให้ต้องราชอาญาถึงติดคุก ขุนช้างได้โอกาสจึงมาฉุดนางวันทองไปอยู่ด้วยกันอีก จนนางวันทองคลอดพลายงาม และพาลูกไปฝากย่าไว้ที่เมืองกาญจนบุรี แล้วก็อยู่กับขุนช้างอีกเกือบยี่สิบปี จนพลายงามโตเป็นหนุ่ม และช่วยขอตัวขุนแผนออกจากคุก ไปทำศึกกับเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง เมื่อได้ชัยชนะมาพลายงามก็ได้ยศเป็นจมื่นไวยวรนาถ และได้แต่งงานกับภรรยาสองคนคือนางศรีมาลาและนางสร้อยฟ้าแล้ว พระไวยก็ยังมาพรากนางวันทองไปจากขุนช้างอีก ขุนช้างจึงถวายฎีกา ขอให้ตัดสินว่านางวันทองควรจะอยู่กับใคร

พระพันวษาได้ทรงฟังคำให้การ ของผู้กล่าวและผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ก็ตรัสแก่ตัวการทั้งสี่ว่า

ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ฟังเหตุขุ่นเคืองเป็นหนักหนา
อ้ายหมื่นไวยทำใจอหังกา ตกว่าบ้านเมืองไม่มีนาย
จะปรึกษาตราสินให้ไม่ได้ จึงทำตามน้ำใจเอาง่ายง่าย
ถ้าฉวยเกิดฆ่าฟันกันล้มตาย อันตรายไพร่เมืองก็เคืองกู
อีวันทองกูให้อ้ายแผนไป อ้ายช้างบังอาจใจทำจู่ลู่
ฉุดมันขึ้นช้างอ้างถึงกู ตะคอกขู่อีวันทองให้ตกใจ
ชอบตบให้สลบลงกับที่ เฆี่ยนตีเสียให้ยับไม่นับได้
มะพร้าวห้าวยัดปากให้สาใจ อ้ายหมื่นไวยก็โทษถึงฉกรรจ์
มึงถือว่าอีวันทองเป็นแม่ตัว ไม่เกรงกลัวเว้โว้ทำโมหันธ์
ไปรับใยไม่ไปในกลางวัน อ้ายแผนพ่อนั้นก็เป็นใจ
มันเหมือนวัวเคยค้าม้าเคยขี่ ถึงบอกกูว่าดีหาเชื่อไม่
อ้ายช้างมันก็ฟ้องเป็นสองนัย ว่าอ้ายไวยลักแม่ให้บิดา
เป็นราคีข้อผิดมีติดตัว หมองมัวมลทินอยู่หนักหนา
ถ้าอ้ายไวยอยากจะใคร่ได้แม่มา ชวนพ่อฟ้องหาเอาเป็นไร ฯ

แล้วพระพันวษาก็ตรัสถามนางวันทองคนกลางว่า

เฮ้ยอีวันทองว่ากระไร มึงตั้งใจปลดปลงให้คงที่
อย่าพะวงกังขาเป็นราคี เพราะมึงมีผัวสองกูต้องแค้น
ถ้ารักใหม่ก็ไปอยู่กับอ้ายช้าง ถ้ารักเก่าเข้าข้างอ้ายขุนแผน
อย่าเวียนวนให้คนมันหมิ่นแคลน ถ้าแม้นมึงรักไหนให้ว่ามา ฯ

เมื่อเห็นนางวันทองยังนิ่งอึ้งไม่สามารถจะตัดสินใจได้ ก็ทรงให้โอกาสอีกว่า

จะรักชู้ชังผัวมึงกลัวอาย จะอยู่ด้วยลูกชายก็ไม่ว่า
ตามใจกูจะให้ดังวาจา แต่นี้เบื้องหน้าเด็ดขาดไป ฯ

ตรงนี้นางวันทองต้องคิดหนัก เพราะขุนแผนนั้นก็รักกันมาแต่เก่าก่อน ขุนช้างก็เป็นคนใจเดียว หลงรักตนมาแต่ไหนแต่ไรไม่เปลี่ยนแปลง เฝ้าหวงแหนและทนุถนอมตนมาตลอดเวลา ส่วนพระไวยนั้นก็เป็นลูกที่อุ้มท้องมา ด้วยความเหนื่อยยากลำบากลำบน กว่าจะพ้นภัยเป็นใหญ่เป็นโตได้

จะว่ารักขุนช้างกระไรได้ ที่จริงใจมิได้รักแต่สักหนิด
รักพ่อลูกห่วงดังดวงชีวิต แม้นทูลผิดจะพิโรธไม่โปรดปราน
อย่าเลยจะทูลเป็นกลางไว้ ตามพระทัยท้าวจะแยกให้แตกฉาน
คิดแล้วเท่านั้นมิทันนาน นางก้มกรานแล้วก็ทูลไปฉับพลัน ฯ

แต่คำกราบทูลที่ไม่ยอมเลือกว่าจะอยู่กับคนไหน เพื่อต้องการให้ทรงวินิจฉัย และมีโองการพิพากษาตามพระราชดำริ ให้เป็นที่เด็ดขาดลงไปนั้น กลับทำให้พระพันวษาเข้าพระทัยผิด คิดว่านางวันทองใจโลเล จึงทรงพระพิโรธเป็นทวีคูณ และบริภาษนางวันทองเสียเละ ไม่มีชิ้นดี สุดท้ายมีรับสั่งว่า

ว่าหญิงชั่วผัวยังคราวละคนเดียว หาตามตอมกันเกรียวเหมือนมึงไม่
หนักแผ่นดินกูจะอยู่ใย อ้ายไวยมึงอย่านับว่ามารดา
กูเลี้ยงมึงถึงให้เป็นหัวหมื่น คนอื่นรู้ว่าแม่ก็ขายหน้า
อ้ายขุนช้างขุนแผนทั้งสองรา กูจะหาเมียให้อย่าอาลัย
หญิงกาลกิณีอีแพศยา มันไม่น่าเชยชิดพิสมัย
ที่รูปสวยรวยสมมีถมไป มึงตัดใจเสียเถิดอีคนนี้
เร่งเร็วเหวยพระยายมราช ไปฟันฟาดเสียให้มันเป็นผี
อกเอาขวานผ่าอย่าปราณี อย่าให้มีโลหิตติดดินกู
เอาใบตองรองไว้ให้หมากิน ตกดินจะอัปรีย์กาลีอยู่
ฟันให้หญิงชายทั้งหลายดู สั่งเสร็จเสด็จสู่ปราสาทชัย ฯ

ตกลงโทษทัณฑ์จากเรื่องราวอันยุ่งเหยิงทั้งหลาย ที่ฝ่ายชายทั้งสามได้ผลัดกันก่อกรรมกระทำมานับสิบ ๆ ปีนั้น กลับตกอยู่กับหญิงคนกลาง อย่างไม่มีทางที่จะแก้ตัวแต่ประการใดได้ เพราะเป็นโองการของเจ้าเหนือหัว แม้พระไวยจะพยายามขออภัยโทษ จนได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว แต่ก็ไม่ทันการ เมื่อมาถึงที่ประหาร นางวันทองก็หัวขาดไปแล้ว
……………………. ชีวิตวับดับพลันเป็นผุยผง
พอพระไวยถึงโผนโจนม้าลง ตรงเข้ากอดตีนแม่แน่นิ่งไป
ขุนแผนก็ล้มลงทั้งยืน ปิ้มจะไม่คงคืนชีวิตได้
ขุนช้างล้มนิ่งกลิ้งอยู่ไกล บ่าวไพร่น้อยใหญ่ก็วุ่นวาย
ทองประศรีกลิ้งเกลือกเสือกกายา สร้อยฟ้าศรีมาลาล้มคว่ำหงาย
นางแก้วล้มกลิ้งทิ้งลูกชาย ใครจะรู้สึกกายก็ไม่มี ฯ

แต่ถึงใครจะโศกเศร้าเสียใจสักเท่าใด นางวันทองก็ไม่สามารถจะฟื้นคืนมาได้ ถ้าหากนางตัดสินใจกราบทูล เลือกใครสักคนหนึ่งในระหว่างขุนช้าง ขุนแผน และพระไวย เสียให้เด็ดขาดไป ชีวิตของนางก็คงจะไม่สิ้นลงอย่างน่าเอน็จอนาถเช่นนี้ ถ้าจะลองคิดดูว่านางควรจะเลือกใครในระหว่างสามคนนั้น น่าจะพิจารณาจากคำรำพันของนาง ก่อนที่พระไวยจะไปขออภัยโทษ ซึ่งท่านได้รจนาไว้ดังนี้

ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทอง
เศร้าหมองสะอึกสะอื้นไห้
สวมกอดลูกยาด้วยอาลัย
น้ำตาหลั่งไหลลงรินริน
วันนี้แม่จะลาพ่อพลายแล้ว
จะจำจากลูกแก้วไปศูนย์สิ้น
พอบ่ายก็จะตายลงถมดิน
ผินหน้ามาแม่จะขอชม

เกิดมาไม่เหมือนกับเขาอื่น
มิได้ชื่นเชยชิดสนิทสนม
แต่น้อยน้อยลอยลิ่วไปตามลม
ต้องตรอมตรมพรากแม่แต่เก้าปี
ให้แต่เฝ้าทุกข์ถึงคนึงหา
นึกว่าแม่จะไม่ได้เห็นผี
เจ้าก็ไม่ศูนย์หายวายชีวี
กลับมาได้เผาผีของมารดา

มิเสียแรงฟักฟูมอุ้มท้อง
ข้ามหนองแนวเขาลำเนาป่า
อยู่ในท้องก็เหมือนเพื่อนมารดา
ทนทุกข์เวทนาในป่าชัฏ
ผ่าแดดแผดฝนทนลำบาก
ปลิงทากร่านริ้นมันกินกัด
หนามไหน่ไขว่เกี่ยวเที่ยวเลี้ยวลัด
แม่คอยปัดระวังให้แต่ในครรภ์

พ่อพาขี่ม้าไม่ขับควบ
ขยับยวบกลัวเจ้าจะหวาดหวั่น
พอแดดเผาเข้าร่มพนาวัน
เห็นจะอ่อนผ่อนผันลงกินน้ำ
ค่อยกลืนแต่พอชื่นไม่กลืนหนัก
กลัวลูกจะสำลักทุกเช้าค่ำ
เมื่อเขาส่งลงมาต้องจองจำ
แสนระกำก็ระวังจะนั่งนอน
ด้วยเป็นห่วงบ่วงใยในลูกรัก
จะเดินหนักเกรงท้องขยักขย่อน
จะนั่งนักเจ้าจักอนาทร
ครั้นนอนนักกลัวจะเหนื่อยอนาถตัว

เจ้าคลอดรอดแล้วจึงคลายใจ
เฝ้าถนอมกล่อมไกวพ่อทูลหัว
เก้าปีแม่ประคองไม่หมองมัว
ชุนช้างชั่วลักลูกไปลับตา
เขาตีต่อยปล่อยหลงในดงชัฏ
กุศลซัดให้เจ้าคืนมาเห็นหน้า
พอเห็นแล้วก็ต้องพรากจากมารดา
แต่นั้นมาช้านานจึงพานพบ

กุศลหนหลังยังค้ำจุน
ให้ลูกแก้วมีบุญประจวบจบ
เที่ยวติดตามแม่พ่อพอพร้อมครบ
กลับต้องมาทำศพของมารดา
เหมือนอุตส่าห์ดั้นด้นพ้นป่าชัฏ
พอเห็นแสงจันทร์จำรัสพระเวหา
สำคัญคิดว่าจะสุขทุกเวลา
พอสายฟ้าฟาดล้มจมดินดาน

พ่อจะเห็นมารดาสักครึ่งวัน
พ้นนั้นศูนย์เปล่าเป็นเถ้าถ่าน
จะได้แต่คิดถึงคะนึงนาน
กลับไปบ้านเถิดลูกอย่ารอเย็น
เมื่อเวลาเขาฆ่าแม่คอขาด
จะอนาถไม่น่าจะแลเห็น
เจ้าดูหน้าเสียแต่แม่ยังเป็น
นึกถึงจะได้เห็นหน้ามารดา ฯ

ต้องขออภัยท่านผู้อ่าน ที่ได้คัดลอกบทกลอนของเก่ามาถึงสิบห้าบท และเป็น บทเศร้า โศกสลดชวนให้รันทดใจ แต่ก็เพื่อจะแสดงให้ได้ทราบอย่างลึกซึ้ง ถึงความรู้สึกของนางวันทอง ว่ามีเพียงรักเดียวคือเจ้าหมื่นไวยวรนาถ ลูกชายคนเดียวของนางเท่านั้น หากแต่เป็นด้วยเวรกรรมซ้ำซัด จึงมิได้ออกปากให้ปรากฏ ชีวิตของนางจึงต้องมัวหมองมาจนกระทั่ง ถึงบัดนี้

ซึ่งเป็นเวลาเนิ่นนาน พอสมควรที่จะได้รับการนิรโทษกรรมแล้ว มิใช่หรือ ?

###########

วารสารข่าวทหารอากาศ
มีนาคม ๒๕๔๙







 

Create Date : 13 มีนาคม 2551    
Last Update : 13 มีนาคม 2551 10:24:29 น.
Counter : 6343 Pageviews.  

ขุนช้างล้านเศรษฐีมีแต่ทุกข์ ตอนที่ ๒

คุ้ยวรรณคดี

ขุนช้างล้านเศรษฐีมีแต่ทุกข์

ตอนที่ ๒ แม้นเอ็งไม่รักกูจักเอา

ฑ.มณฑา

ความอาภัพของขุนช้างนั้น อยู่ที่รูปลักษณ์ที่ไม่มีความน่ารัก แม้ว่าจะมีทรัพย์สินเงินทองมากมายสักเท่าใด ก็ซื้อความรักไม่ได้ เมื่อขุนช้างให้มารดาไปสู่ขอนางพิม มาแต่งงานเป็นภรรยานั้น มารดาก็ว่า

ครานั้นเทพทองผู้มารดา ฟังขุนช้างว่าหาเชื่อไม่
ตอบคำลูกพลันทันใด ออพิมพิลาไลยเขารูปงาม
ล้ำคนในสุพรรณพารา รูปเอ็งเหมือนผ้าละว้าย่าม
จะเสียแรงไปว่าพยายาม แม่จะเปรียบเนื้อความให้เข้าใจ
นางพิมพริ้มเพราดังจันทรา เอ็งเหมือนเต่านาอยู่ต่ำใต้
อยากได้ดวงจันทร์สวรรค์ไกล เห็นจะได้แล้วฤๅนะลูกอา ฯ

ถ้าจะเปรียบอย่างสมัยนี้ ก็น่าจะเปรียบเหมือนเหมือน ดอกฟ้ากับหมาวัด หรือหมาเห็นเครื่องบิน อะไรประมาณนั้น แต่ขุนช้างก็ไม่ได้ท้อถอย เมื่อมารดาไม่กล้าไปขอ ก็ไปด้วยตนเอง พูดจากล่อมนางศรีประจันมารดาของนางพิม ให้เห็นว่าตนมีเงินทองทรัพย์สมบัติมากมาย ไม่มีศรีภรรยาจะดูแล ขอให้ท่านช่วยหาให้ด้วย

ถ้ามีใครจะรับปกครอง ทรัพย์สินเงินทองทั้งปวงได้
จะยกให้ไร่นาทั้งข้าไท มอบเหย้าเรือนให้เป็นแม่เรือน
แม่ม่ายร้ายทานก็ไม่ว่า แต่พอมีกิริยาไม่อายเพื่อน
ช่วยเก็บช่วยชักช่วยตักเตือน แต่พอเหมือนแม่พิมพิลาไลย ฯ

มาไม้นี้เล่นเอาแม่ศรีประจันชักเสียดาย ถ้าได้กับลูกสาวของตนก็จะดีไม่น้อย แต่หารู้ไม่ว่าลูกสาวของตนนั้นเกลียดชังขุนช้างยังกับอะไรดี พอนางแอบได้ยินเข้าก็ถือโอกาสด่าบ่าวหัวล้านกระทบสวนออกมาทันที ขุนช้างจึงต้องถอยฉากออกมาก่อน แต่ก็ยังไม่สิ้นความพยายาม วันหลังก็โผล่หน้าไปหานางศรประจันอีก คราวนี้คุณแม่นางพิมดีใจจนออกนอกหน้า ต้อนรับขับสู้ขุนช้างเป็นอย่างดี ถามว่ามีธุระอะไรจะให้ช่วย ขุนช้างได้ทีก็สวนควันเข้าไปเลยว่า

ด้วยรักพิมนิ่มน้องนี้จริงจัง จงปลูกฝังเสียเถิดแม่ทูนหัว
ถ้าได้ครองจะเอาทองมาทาบตัว ลูกไม่กลัวเงินทองลูกถมไป
ยามเดินจะให้เดินแต่ในห้อง แต่แสงเดือนมิให้ส่องต้องตัวได้
จะกลัวจนกลัวยากไปทำไม แม่ข้าไหว้เลี้ยงลูกไว้ดูที ฯ

แม่ทองประศรีก็ดีใจ ว่าจะได้ลูกเขยเป็นเศรษฐี รีบเรียกลูกสาวให้ออกมาเจรจากัน แต่นางพิมหาได้ออกมาไม่ แถมยังเรียกเจ้าผลบ่าวหัวล้านออกมาด่ากระทบอีกอย่างหยาบคายเต็มที อย่างเช่น

หมามันจะเกิดชิงหมาเกิด มึงไปตายเสียเถิดอ้ายห้าเบี้ย
หน้าตาเช่นนี้จะมีเมีย อ้ายมะม่วงหมาเลียไม่เจียมใจ ฯ

ขุนช้างจึงทนฟังไม่ได้ต้องลากลับบ้านอีกครั้งหนึ่ง และตั้งแต่นั้นขุนช้างก็ไม่กล้าไปบ้านนางทองประศรีอีกเลย จนนางศรีประจันมารดาของพลายแก้วมาสู่ขอนางพิม ให้แต่งงานกับพลายแก้วซึ่งสึกหาลาเพศจากเณรแล้ว จัดงานแต่งกันอย่างใหญ่โต ขุนช้างก็แสนจะแค้นเพราะ พลายแก้วดันมาวานงให้ไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วย

ขุนช้างได้ฟังอ้ายไทยว่า ดังใครเอาดาบผ่ากระบานหัว
เสียดายพิมผูกพันใจสั่นรัว น้ำตารั่วหันหน้าเข้าฝาบัง
โอ้ว่าอนิจจาแก้วตาพี่ ครั้งนี้เห็นไม่ได้ดังใจหวัง
คงจะพากเพียรไปมิได้ฟัง ถึงเป็นเมียก็ชั่งมันเป็นไร ฯ

และนั่นคือความรักของขุนช้างที่มีต่อแม่พิม โดยไม่มีข้อรังเกียจเดียดฉันท์แต่ประการใด เข้าทำนองที่ว่า ไม่ถึงทีกูบ้างก็แล้วกัน ครั้นแต่งตัวไปงานแต่งงานของเพื่อนคู่รักคู่แค้น จนเมื่อเมาได้ที่แล้ว ก็ต่อคำกันว่า

เจ้าพลายแก้วจึงว่าเจ้าเกลอเอ๋ย อย่าถือเลยนางพิมเรารักใคร่
รู้ว่าเป็นเมียเอ็งกูเกรงใจ เอ็นดูเถิดจงให้เสียแก่เรา
ขุนช้างฟังว่าทำหน้าเก้อ นิจจาเกลอดอกหาไม่ไม่ให้เจ้า
แม้นเอ็งไม่รักกูจักเอา ว่าแล้วกินเหล้าเมาสำราญ ฯ

คำพูดของทั้งสองเกลอนั้น แม้ว่าจะพูดในเวลาเมา แต่ก็มีความสำคัญในชีวิตของคนทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง พลายแก้วไปฟังใครว่านางพิมเป็นเมียขุนช้างมาก่อน อาจจะเป็นคำคุยโวของนายช้างที่หาความจริงไม่ได้ แต่พลายแก้วก็เก็บเอามาเยาะเย้ยเพื่อน ในเวลาที่ขุนช้างกำลังเจ็บแค้นแน่นใจนี้ จึงตอบยืนยันว่า แม้นเอ็งไม่รักกูจักเอา ซึ่งเป็นเหมือนกับจะตอกย้ำถึงความตั้งใจของตน ที่จะรักนางพิมตลอดไป แม้จะต้องคอยให้เพื่อนทิ้งเสียก่อนก็ตาม

ดังนั้นเมื่อพลายแก้วต้องถูกเกณฑ์ ไปราชการทัพที่เชียงใหม่ หลังจากที่เข้าหอได้เพียงสามวัน ขุนช้างก็วางแผนให้นางทองประศรีเชื่อว่า พลายแก้วตายในสงครามเสียแล้ว เมียของนายทหารที่แตกทัพ จะต้องถูกริบเป็นราชบาตร นางทองประศรีจึงบังคับให้นางพิมพิลาไลย ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นนางวันทองแล้ว ให้แต่งงานกับขุนช้างจนได้ แม้นางจะขัดขืนจนสุดฤทธิ์

ขุนช้างต้องนอนเฝ้าหอถึงสามวัน นางพิมก็ยังไม่ยอมเข้าห้องหอ จนแม่ศรีประจันสงสารลูกเขยใหม่ ต้องเข้าไปบังคับเฆี่ยนตีลูกสาว แต่นางก็ยังไม่ยอม จนพลายแก้วกลับมาจากสงคราม ได้ชัยชนะจากเมืองเชียงใหม่ และได้ยศเป็นขุนแผน แต่พาเมียมาจากเมืองเหนืออีกคนหนึ่งชื่อนางลาวทอง จึงเกิดหึงหวงด่าทอตบตีกับนางวันทอง จนขุนแผนโกรธทิ้งนางวันทองไป นางจึงต้องเป็นเมียขุนช้างด้วยความจำใจ แต่ขุนช้างก็ไม่ถือสาคงรักใคร่นางอย่างทูนหัวทูนเกล้าเช่นเคย

วันทองหมองศรีมีแต่ทุกข์ ข้างขุนช้างเป็นสุขสำราญรื่น
รักนางพ่างเพียงจะกล้ำกลืน หญิงอื่นหมื่นแสนพี่ไม่รัก
เงินทองไม่น้อยร้อยกระบุง พี่ก็มุ่งจะให้เจ้าบุญหนัก
ไปไหนก็มิให้เจ้าเหนื่อยพัก ขี่คอผัวรักต่างช้างพลาย ฯ

ต่อมาขุนแผนต้องอาญาให้พรากนางลาวทองเข้าไปอยู่ในวัง แล้วตนเองต้องไปตระเวนรักษาด่าน แล้วเกิดคิดถึงนางวันทองขึ้นมาอีก จึงบุกขึ้นไปบนเรือนขุนช้างฉุดเอานาง วันทองไปเดินป่าด้วยกัน ขุนช้างซึ่งไม่มีทางที่จะสู้รบตบมือกับขุนแผน ที่มีวิชาความรู้เวทย์มนต์คาถาสารพัด และมีฝีมือการรบระดับแม่ทัพ แต่ก็ยังมานะรวบรวมไพร่พลตามไป จะชิงนางวันทองคืนด้วยความรัก ก็พ่ายแพ้แก่ขุนแผนอย่างยับเยิน เพราะไพร่พลของขุนแผนไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นหุ่นยนต์ที่เสกขึ้นมา

แทงหุ่นหยุ่นหยุ่นไม่ยักเข้า หุ่นกลับฟันเอาดังฉาดฉับ
พวกขุนช้างแตกพ่ายกระจายยับ ขุนช้างกลับช้างขี่หนีออกมา
ขุนแผนขับขี่สีหมอกไล่ จะไสช้างไปไหนอ้ายชาติข้า
ขุนช้างร้องไปทำไมวา ไสช้างเข้าป่าสวบสวบไป ฯ

ขุนช้างเอาตัวรอดกลับมาถึงเมืองหลวง ก็เข้าเฝ้าพระพันวษากราบทูลเรื่องราว พระพันวษาก็มีรับสั่งให้จัดกองทัพไปจับขุนแผน ก็ถูกขุนแผนตีแตกอีก จึงเข้าข่ายเป็นขบถ แต่สุดท้ายไม่รู้จะหนีไปไหน และรู้ว่านางวันทองมีท้อง จึงเข้ามอบตัวกับพระพิจิตร ให้เข้ามาสู้คดีในกรุง

ผลของการตัดสินลงว่า ขุนช้างหลอกแม่ยายว่าพลายแก้วตาย แย่งเอาเมียเขามาแต่งงาน ต้องถูกปรับเงินเข้าพินัยหลวง แต่ขุนแผนต่อสู้กับทหารหลวง และฆ่าตายไปมากมายพร้อมกับตัวนายอีกสองคนคือ ขุนเพชรกับขุนราม กลับชนะความได้นางวันทองไปครอง แต่ด้วยความโลภหลงเมียสอง ขุนแผนบังอาจขอลาวทองจากพระราชวัง จึงต้องโทษถึงติดคุกตลอดชีวิต

คราวนี้ขุนช้างก็เป็นฝ่ายไปฉุดนางวันทองบ้าง เข้าทำนองว่าทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าบ่น อะไรประมาณนั้น อยู่มาไม่นานท้องของนางวันทองก็โตขึ้น ขุนช้างก็ดีใจว่าจะมีลูก เมื่อคลอดแล้ว ก็เฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงไว้จนใหญ่มา จนกระทั่งเจ้าหนูน้อยอายุได้เก้าปี ขุนช้างจึงแน่ใจว่าเจ้าหนูนั้นไม่ใช่ลูกของตน

ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนแม้นขุนแผนพ่อ เหลือลอออวบอ้วนเป็นนวลศรี
ทั้งจุกผมกลมกล่อมกระหม่อมดี ช่างพาทีฉอเลาะพูดเพราะพราย
นางวันทองน้องคะนึงถึงขุนแผน ด้วยลูกแม้นเหมือนเหลือเป็นเชื้อสาย
บอกบ่าวไพร่ให้สำเหนียกเรียกลูกชาย ชื่อว่าพลายงามน้อยแก้วกลอยใจ
ฝ่ายขุนช้างหมางจิตให้คิดแค้น ลูกขุนแผนมั่นคงไม่สงสัย
เมื่อกระนั้นเหมือนกูครั้นดูไป ก็กลับไพล่เหมือนพ่ออ้ายทรพี
อีแม่มันวันทองก็สองจิต ช่างประดิษฐ์ชื่อลูกให้ถูกที่
เรียกพ่อพลายคล้ายผัวอีตัวดี ทุกราตรีตรึกตราจะฆ่าฟัน ฯ

ความแค้นของขุนช้างจึงลุกโพลงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ทำให้เกิดความเหี้ยมโหด โดยหลอกเอาพลายงามไปฆ่าหมกป่าเสีย หากแต่เคราะห์ดียังมีผีคุ้ม เจ้าหนูจึงรอดไปได้และหนีไปอยู่กับย่าที่เมืองกาญจนบุรี จนโตเป็นหนุ่ม

เมื่อเกิดมีศึกระหว่างกรุงศรีอยุธยา กับเมืองเชียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง พลายงามซึ่งมีวิชาความรู้จากตำราของพ่อ จนเท่าเทียมกับขุนแผนแล้ว ก็ขออาสาเป็นแม่ทัพไปรบที่เมืองเชียงใหม่ โดยขอไถ่โทษขุนแผนให้ไปในกองทัพด้วย สองพ่อลูกไปสงครามได้ชัยชนะกลับมาอีก ขุนแผนจึงพ้นโทษ และพลายงามได้ยศเป็นพระไวยวรนารถ และได้แต่งงานกับนางศรีมาลาและนางสร้อยฟ้า สาวเมืองเหนืออีกคนหนึ่ง เช่นเดียวกับบิดา

เมื่อขุนช้างกับนางวันทองไปช่วยงานแต่งงานของพระไวย แล้วเมาเหล้าลำเลิกความหลังที่เลี้ยงมาแต่เล็กจนถึงเก้าขวบ จึงทำให้พระไวยแค้นถึงตอนที่ขุนช้างหลอกไปฆ่า ถึงกับลงมือทุบตีเอาพ่อเลี้ยงสลบไป

ขุนช้างก็เข้าไปฟ้องร้องเรื่องที่ถูกลูกเลี้ยงทำร้ายอีก จึงถูกฟ้องกลับถึงเรื่องที่ตนปองร้ายหมายชีวิตพลายงาม สุดท้ายต้องโทษถึงติดคุก นางวันทองต้องไปขอร้องลูกชายให้ขออภัยโทษ จึงได้รอดกลับมาอยู่บ้านอีกครั้ง แต่พระไวยก็มาพรากนางวันทอง กลับไปให้พ่อตัวเสียอีก ขุนช้างรู้ตัวว่าไม่มีปัญญาที่จะแย่งเมียกลับคืนมา เพราะสองพ่อลูกนั้นมีความเก่งกล้าสามารถ เกินกว่าที่จะต่อสู้ได้ แต่ความรักนางวันทองนั้นก็ยังมั่นคงไม่จืดจาง แม้จะอายุมากด้วยกันแล้ว จึงถวายฎีกาขอความเป็นธรรมต่อพระเจ้าแผ่นดิน

คราวนี้เคราะห์กรรมจึงมาตกอยู่กับนางวันทอง ด้วยไม่สามารถจะตกลงใจว่าจะอยู่กับผู้ใด ในระหว่างขุนช้างผัวใหม่ หรือขุนแผนผัวเก่า หรือพระไวยลูกชาย พระพันวษาทรงพิโรธโกรธกริ้วประภาษว่าเป็นหญิงสองใจ เลี้ยงไว้ไม่ได้เป็นกาลีบ้านกาลีเมือง จึงมีรับสั่งให้เอาตัวไปประหารชีวิตเสีย อย่าให้เลือดตกลงดิน

คราวนี้ขุนช้างจึงได้รู้สึกถึงโทษตน ที่เป็นเหตุให้เมียรักถึงแก่ชีวิต โดยไม่อาจจะเอาเงินทองที่มีอยู่มากมายก่ายกองไปซื้อคืนมาได้

ฝ่ายขุนช้างนั่งเหงาไม่เข้าใกล้ ร้องไห้หน้าขาวราวกับผี
เสียใจไหลเล่อเพ้อพาที คราวนี้ตายแน่แล้วแม่คุณ
พุทโธ่อยู่หลัดหลัดมาพลัดกัน โอ้แม่วันทองตายเพราะอ้ายขุน
เนื้อหนังเจ้าจะพังลงเป็นจุณ เพราะอ้ายตุ่นโง่เง่าเข้ากราบทูล ฯ
ฯ ล ฯ

แม่มาตายกลางดินเขานินทา แม่ยอดฟ้าฝาบาตรกระจาดใหญ่
จะหาไหนเหมือนแม่แต่นี้ไป แม้นไม่ได้เช่นนี้ไม่มีเมีย
เรือนเหย้าข้าวของถวายพระ จะสละโกนหนวดไปบวชเสีย
ถึงลูกคุณหลานหม่อมจะยอมเยีย มีเมียไปทำไมไม่เหมือนกัน ฯ

จนกระทั่งถึงเวลาลงดาบ พระไวยที่รีบไปขออภัยโทษกลับมาไม่ทันเวลา แม้ขุนแผนซึ่งอยู่ที่นั้นด้วย ได้พยายามช่วยนางให้พ้นคมดาบ ก็ไม่สามารถจะช่วยได้ นางวันทองจึงสิ้นชีวิตไปตามกรรมของตน และยังมีชื่อเสียอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้

ฝ่ายว่าเจ้าจอมหม่อมขุนช้าง พอเห็นเขาฟันนางไม่อยู่ได้
รีบรัดเรียกหาพวกข้าไท ลงเรือทันใดไปสุพรรณ
เร่งตะบึงถึงบ้านพอตรู่ตรู่ กลัวแม่ยายจะรู้เรื่องฟ้องนั่น
หลบเหลื่อมเข้าไปในเรือนพลัน สะอื้นอั้นน้ำตาลงพราวตา ฯ

ชีวิตรักสามเส้าของขุนช้างขุนแผนและนางพิม ก็ถึงบทอวสานลงด้วยความเศร้าสลด และผู้แพ้ที่แท้จริงก็คือขุนช้าง เขาได้ก่อกรรมทำเวรต่อเนื่องมาด้วยความรัก ที่แฝงไว้ด้วยความริษยาอาฆาต ก็ด้วยความคิดที่ว่า แม้นเอ็งไม่รักกูจักเอานั้นเอง แล้วเขาก็ได้รับแต่ความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุดก็ต้องเสียคนรักไป อย่างไม่อาจที่จะกลับคืนมาให้เห็นหน้ากันได้อีก ตลอดชั่วชีวิต

###########

วารสารข่าวทหารอากาศ
ธันวาคม ๒๕๔๘




 

Create Date : 13 มีนาคม 2551    
Last Update : 13 มีนาคม 2551 9:36:21 น.
Counter : 1869 Pageviews.  

ขุนช้างล้านเศรษฐีมีแต่ทุกข์ ตอนที่ ๑

คุ้ยวรรณคดี

ขุนช้างล้านเศรษฐีมีแต่ทุกข์

ตอนที่ ๑ ตั้งใจคิดเอาว่าเจ้าพิม

ฑ.มณฑา

เป็นเรื่องน่าแปลกที่ขุนช้าง ซึ่งเป็นตัวเอกในวรรณคดีเรื่องเยี่ยมของไทย สมัยกรุง รัตนโกสินทร์นั้น มีชื่อขึ้นก่อนแต่กลับกลายเป็นผู้ร้าย ส่วนขุนแผนกลับเป็นพระเอก ขุนช้างเป็นตัวตัวละครที่แสนจะอาภัพไปทุกอย่างทุกประการ ด้วยความจงใจของผู้แต่ง ที่แกล้งจะให้เขาได้รับแต่ความผิดหวังอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งต้องเสียนางวันทองไปอย่างไม่มีวันกลับ ก็ดูเหมือนจะไม่มีผู้ใดสงสารเขาเลย มีแต่สมน้ำหน้า

ลองหวนกลับไปดูอดีต ตั้งแต่เขาเริ่มเกิด มารดาของเขานั้น เมื่อเห็นหน้าลูกชายแรกคลอดออกมา ก็อุทานว่า

นางเทพทองเหลียวหน้าคว้าลูกชาย
พลิกคว่ำพลิกหงายอยู่ตัวสั่น
ทุดลูกบัดสีเหมือนผีปั้น
หัวล้านในครรภ์ดังวงเดือน
เสียแรงอุ้มท้องประคองมา
ชกโคตรแม่อ้ายหมาขี้เรื้อนเปื้อน
เลี้ยงมันไว้ใยอายเพื่อนเรือน
หัวเหมือนโคตรข้างไหนให้เกิดมา ฯ

ครั้นโตขึ้นมีเพื่อนเล่นอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน คือพลายแก้ว และนางพิมพิลาไล ก็ตกเป็นรองของเพื่อนทั้งสองอยู่เสมอ อย่างเช่นครั้งหนึ่ง

……………….

ข้างพลายแก้วอุตริว่า

เราเล่นเป็นผัวเมียกันเถิดรา
ขุนช้างร้องว่าข้าชอบใจ
นางพิมว่าไปอ้ายนอกคอก
รูปชั่วหัวถลอกกูหาเล่นไม่
พลายแก้วว่าเล่นเถิดเป็นไร
ให้ขุนช้างนั้นไซร้เป็นผัวพลาง ฯ

นึกว่าจะดีพอเล่นไปได้หน่อยหนึ่ง พลายแก้วเล่นเป็นชู้เข้าไปชกขุนช้าง ก็เลยเกิดการชกต่อยกันใหญ่

นางพิมด่าให้ไอ้ตายโหง
พวกอ้ายโล้งโต้งกูไม่เล่นได้
อ้ายหัวล้านขี้ถังมันจังไร
แล้วพาฝูงข้าไทไปเรือนพลัน ฯ

นางพิมก็เลิกเล่นพาบ่าวไพร่กลับไปบ้าน เจ้าช้างก็เลยเจ็บตัวฟรี

อยู่มาพอลูกช้างเจริญวัยขึ้น ขุนศรีวิชัยพ่อของขุนช้าง ก็พาไปถวายตัวกับ พระพันวษา เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นพ่อลูก ก็ทรงมีรับสั่งว่า

ฮ้าเฮ้ยอ้ายขุนศรีวิชัย
นั่นมึงพาลูกใครเข้ามาหวา
ดูหัวหูน่าสมเพชเวทนา
เป็นเชื้อวงศ์พงศาของผู้ใด
ฤๅลูกหลานหว่านเครือของมึงเอง
หัวล้านโจงเหม่งไม่เอาส่ำได้
จะเอามาให้กูหรือว่าไร
มีธูปเทียนดอกไม้ใส่พานมา ฯ

ขุนศรีวิชัยก็กราบทูลว่า เป็นบุตรชายของตนเอง ขอทูลเกล้าถวายไว้เป็นทหาร พระพันวษาก็ตรัสว่า เดี๋ยวนี้มันยังเด็กเล็กอยู่ รอไว้ให้โตกว่านี้จึงให้เข้ามารับราชการ แล้วก็พระราชทานเสื้อผ้าให้เป็นรางวัล

อยู่มาจนขุนช้างโตเป็นวัยรุ่น ก็มีนายโจรใหญ่ชื่อจันศร ยกพวกเข้าปล้นบ้านขุนศรีวิชัย ซึ่งเป็นเศรษฐีใหญ่ในเมืองสุพรรณ ตัวขุนศรีวิชัยโดดลงจากเรือนไป ทิ้งลูกเมียไว้ให้โจรจับเอาไปขู่เข็ญให้บอกที่ซ่อนทรัพย์

พวกโจรสับสนอยู่กล่นเกลื่อน ตีฝาเคาะเรือนทุบโอ่งไห
โห่ฉาวกราวเกรียวเที่ยวค้นไป ครั้นจับได้แม่ลูกให้ผูกคอ
เทพทองร้องขอชีวิตฉัน ขุนช้างกลัวตัวสั่นตาปอหลอ
ยั่นกูอีเฒ่าเอาให้พอ เทพทองร้องขอแต่โทษตัว
พวกขโมยจูงมาที่กลางบ้าน อ้ายหัวล้านนี้ฤๅคือเจ้าผัว
เทพทองร้องว่านี่ลูกตัว ผัวกลัวเขาทิ้งวิ่งหนีไป
อ้ายขโมยเอาไฟเข้าลนก้น มึงจะทนหรือจะบอกออกความให้
เงินทองข้าวของไว้ที่ใด มัดแขนแอ่นไพล่อย่าปิดกู
เทพทองร้องว่าข้าจนใจ ขโมยเอาดินใส่ระเบิดหู
ขุนช้างกราบกรานวานเอ็นดู ขอโทษแม่ตูจงงดไว้
เงินทองของดีมีห้าพัน อยู่ในกำปั่นจะบอกให้
อ้ายขโมยโห่มี่มันดีใจ ผ่ากำปั่นใบใหญ่ขนออกมา ฯ

เมื่อได้ทรัพย์สินเงินทองแล้ว พวกโจรก็ยกขบวนเดินทางกลับ โดยผูกคอแม่ลูกลากไปในขบวนเป็นตัวประกัน แต่ขุนศรีวิชัยที่หนีไปนั้น ได้ชวนชาวบ้านมาเป็นพวกได้ร่วมสองร้อย คอยดักซุ่มอยู่ตามทางที่พวกโจรจะผ่าน พอมาถึงก็จู่โจมเข้าตีพวกโจรโดยไม่ทันให้รู้ตัว เกิดการสู้รบกันอลหม่าน ขุนศรีวิชัยนั้นก็มีฝีมืออยู่พอตัว ทั้งคงกระพันฟันแทงก็ไม่เข้า เข้าสู้กับจันศรนายโจรอยู่หลายท่า แต่สุดท้ายถูกพวกโจรกลุ้มรุมเข้าจับตัวไว้ได้

พวกขโมยพร้อมล้อมจับตัว เอาดาบสับหัวหาเข้าไม่
ผูกคอแทงผึงตึงตึงไป ดังว่าแทงขอนไม้ไม่เข้ามัน
เอาดาบฟันผ่าลงบ่าฉับ เยินยับหักร้นไปจนกั่น
ขโมยว่าอ้ายนี่มันดีครัน หอกดาบหักสบั้นยับเยินไป ฯ

ลงท้ายพวกโจรก็จับขุนศรีวิชัยมัดเหมือนหมู แล้วเอาหลาวแทงเข้าทางรูทวาร จึงขาดใจตายไปอย่างน่าเอน็จอนาถ ขุนช้างกับมารดาหนีรอดไปได้ ขุนช้างจึงเป็นกำพร้าบิดาตั้งแต่นั้นมา

อยู่มาอีกนานจนเป็นหนุ่ม ขุนช้างก็อยากจะมีเมียเป็นธรรมดาของคนมีทรัพย์ จึงไปสู่ขอบุตรสาวของหมื่นแผ้ว อยู่บ้านรั้วใหญ่

จะกล่าวถึงขุนช้างเมื่อรุ่นหนุ่ม หัวเหมือนนกตะกรุมล้านหนักหนา
เคราคางขนอกรกกายา หน้าตาดังลิงค่างที่กลางไพร
ไปสนิทติดพันเจ้าแก่นแก้ว ลูกตาหมื่นแผ้วบ้านรั้วใหญ่
สู่ขอพ่อแม่ก็ปลงใจ ขุนช้างจึงได้เป็นภรรยา
มาอยู่กับเรือนเป็นเพื่อนนอน ร่วมเรียงเคียงหมอนได้ปีกว่า
ล้มเจ็บจับไข้หลายเวลา แล้วกลายมาเป็นริดสีดวง ฯ

ขุนช้างก็เป็นทุกข์ร้อน หาทางรักษาเท่าไรก็ไม่หาย แม้จะมีเงินทองมากมาย ก็ไม่สามารถซื้อชีวิตภรรยาไว้ได้

อยู่มาแก่นแก้วก็ดับจิต สิ้นชีวิตขุนช้างนั่งร้องไห้
ปลงศพเผาผีอึงมี่ไป ทำบุญส่งให้เนืองเนืองมา ฯ

อยู่มาจนถึงปีระกาเดือนสิบเป็นวันพระ ที่วัดป่าเลไลยวัดใหญ่ในสุพรรณบุรี มีเทศน์มหาชาติทั้งสิบสามกัณฑ์ ขุนช้างก็รับเป็นเจ้าภาพกัณฑ์กุมาร ในงานนี้ขุนช้างก็ได้พบเห็นนางพิมเพื่อนเล่นเมื่อยังเยาว์ ซึ่งเป็นเจ้าภาพกัณฑ์มัทรี และเจ้าพลายแก้วซึ่งบวชเป็นเณรมาเทศน์กัณฑ์มัทรีแทนสมภาร ขุนช้างนั้นหลงรักนางพิมตั้งแต่แรกเห็น แต่ความที่ตัวรูปชั่วหัวล้าน นางก็เลยไม่สนใจ มัวไปสบตากับเณรแก้วเสีย ขุนช้างก็กลับมาละเมอเพ้อพกอยู่ที่บ้าน

ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนช้าง คะนึงนางนิทราหาหลับไม่
พลิกคว่ำคร่ำครวญรัญจวนใจ โอ้แม่พิมพิลาไลยของขุนช้าง
ฟังเสียงเกลี้ยงกลมเมื่อเจ้าว่า วาจาแจ้วเจื้อยแจ่มกระจ่าง
อรชรอ้อนแอ้นบั้นเอวบาง หมื่นนางก็ไม่มีเหมือนนางเดียว
เจ้าห่มสีทับทิมริมขลิบทอง สอดสองซับในสไบเขียว
แขนอ่อนท่อนท้ายแม่พริ้งเพรียว งามตาเมื่อเจ้าเหลียวชำเลืองมา ฯ

ตั้งแต่นั้นมาขุนช้างก็เฝ้าแต่คิดถึงนางพิม ทั้งกลางวันกลางคืน ไม่กินข้าวกินปลามีอาการเผลอเรอใจลอย ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตอนนี้ท่านบรรยายไว้ยาวมาก แต่เพื่อที่จะให้เห็นว่าอาการกำเริบรักของขุนช้างนั้น น่าสมเพชเพียงใด จึงขอคัดเอามาดังนี้

จะกล่าวถึงเจ้าจอมหม่อมขุนช้าง ความสมัครรักนางให้ป่วนปั่น
แต่เวียนคิดถึงพิมนิ่มนวลจันทร์ ตั้งแต่วันฟังเทศน์ไม่บันเทา
เช้าเย็นเป็นทุกข์ทุกเวลา ไม่เห็นหน้าพิมน้อยก็สร้อยเศร้า
นอนหลับกลับเพ้อละเมอเมา จนล่วงเข้าปลายเดือนไม่เคลื่อนคลา
ให้รุ่มร้อนนอนนั่งไม่เป็นสุข หลับแล้วรื้อลุกขึ้นมืดหน้า
กอดหมอนนอนซึมไม่ลืมตา ข้าวปลาไม่นึกจะอยากกิน
อดเปรี้ยวอดหวานไม่พานไส้ อกใจตึกตึกนึกถวิล
ใครพูดจาว่าไรไม่ได้ยิน มัวถวิลถึงเจ้าพิมพิลาไลย ฯ

ในกระบวนบ่าวของขุนช้างนั้น มีอยู่คนหนึ่งที่เป็นห่วงเป็นใยเจ้านายอย่างยิ่ง ชื่อนางกริม คอยติดตามดูแลอาการอยู่อย่างใกล้ชิด คอยฟังเสียงเรียกว่านายจะใช้สอยสิ่งใด จะได้จัดหาให้ทันตามความต้องการ วันหนึ่งตอนรุ่งสางนางกำลังยืนอยู่ที่ตีนบันได ได้ยินเสียงเจ้านายเรียกแว่วอยู่ในมุ้ง ก็ร้องขานแล้วรีบขึ้นมาเรือนมาทันที

เจ้าขุนช้างดีใจได้ยินขาน เสียงหวานจับใจเป็นหนักหนา
จัดแจงแต่งตัวยังมัวตา อีกริมคลานเข้ามาจนข้างมุ้ง
ขุนช้างกอดคอหัวร่อร่า แม่เอ๋ยทำไมมาจนจวนรุ่ง
กอดจูบลูบท้องประคองพุง จะสะดุ้งกระเดื่องดิ้นไปทำไม
อีกริมดีใจว่านายรัก หาพลิกผลักพูดจาอย่างไรไม่
พลอยพริ้งนิ่งแน่ให้ตามใจ ขุนช้างโลมไล้อยู่ไปมา
ฟอนเฟ้นเน้นนมชมสำราญ เห็นย้อยยานยื่นยาวเป็นหนักหนา
ผิดพิมนิ่มน้องที่ต้องตา ยุดถามใครหวามาแปลกปลอม
อีกริมฟังนายสบายยิ้ม ฉันเองอีกริมเจ้าค่ะหม่อม
เรียกฉันเข้ามาแล้วว่าปลอม ครั้นมิยอมกลัวหม่อมพาโลตี ฯ

ความจริงจึงเปิดเผยออกมาว่า ขุนช้างนั้นนอนละเมอเรียกชื่อนางพิม แต่บ่าวฟังเป็นกริม เลยนึกว่าเรียกตน ด้วยความจงรักภักดี ไม่อยากให้นายผิดหวัง จึงเสนอตัวเข้าไปถึงในมุ้ง ครั้นจับได้ว่าอะไร ๆ ก็ไม่เหมือนนางพิม การณ์ก็ได้เลยไปไกลเสียแล้ว

ขุนช้างนิ่งอึ้งไม่เจรจา มันขะเรอเก้อขะรากระไรนี่
เรียกพิมได้อีกริมมาทันที มันก็ดีครันครันถลันมา
กูเรียกพิมอีกริมมึงรับขาน กำลังพล่านกูไม่ทันได้ดูหน้า
มึงก็มีดอยู่ในเรือนเหมือนกับพร้า เลยไขว่คว้าเคล้าคลึงจนถึงใจ ฯ

ขุนช้างก็คงจะคิดเหมือนพระอภัยมณี เมื่อตอนที่ถูกนางผีเสื้อยักษ์ ลักพาลงไปอยู่ในถ้ำที่ท่านว่า การโลกีย์ดีชั่วย่อมมัวเมา เหมือนอดข้าวกินมันกันเสบียง หรืออย่างที่เถ้าแก่พูดกับน้องเมียว่า ลื้อก็กิงข้าวของอั๊วเหมืองกัน แต่ขุนช้างคิดว่าเป็นพร้าในเรือนจะหยิบมาใช้เมื่อไรก็ได้ เลยเกิดเป็นเรื่อง

อัศจรรย์ลั่นเลื่อนในคงคา เภตราระลอกกระฉอกไหว
ฟูมฝั่งกระทั่งฝาซ่าเซ็นไป ไหลเหลิงดาดฟ้าลงมาริม
ขุนช้างเพลิดเพลินเจริญใจ หยอกเย้าเคล้าไปกระหยิ่มกริ่ม
ตั้งใจคิดเอาว่าเจ้าพิม นอนยิ้มอยู่ในมุ้งจนรุ่งราง ฯ

ดูเอาเถิดความอาภัพของขุนช้าง แม้แต่ความรัก ก็ต้องคิดฝันเอาเอง โดยที่สาวเจ้าไม่ได้รู้สึกรู้สมอะไรด้วยเลย ความผิดหวังของเขาที่ได้รับจากหญิงที่เขารัก มิได้มีอยู่เพียงแค่นี้ แต่มีอยู่ตลอดชีวิตเลยทีเดียว แม้เขาจะพยายามแข่งแย่งชิงดีกับขุนแผน เพื่อให้ได้นางวันทองมาครอบครองชนิดไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ก็ตาม แต่สุดท้ายก็ต้องสูญเสียหญิงที่รักไปจนได้

ด้วยความชอกช้ำจนสุดที่จะประมาณ

#########

วารสารข่าวทหารอากาศ
ตุลาคม ๒๕๔๘

























 

Create Date : 13 มีนาคม 2551    
Last Update : 13 มีนาคม 2551 9:43:19 น.
Counter : 1246 Pageviews.  

เกิดมาเป็นขุนแผนแสนสนุก ตอนที่ ๒

คุ้ยวรรณคดี ฉบับรวบรัด

เกิดเป็นขุนแผนแสนสนุก

ตอนที่ ๒ พิเคราะห์ดูหน้านวลควรจะรัก

ฑ .มณฑา

ต่อมาขุนแผนหนีเวรมหาดเล็กในวัง ไปหานางลาวทองซึ่งป่วยอยู่ที่บ้าน พระพันวษากริ้วว่า รักเมียมากกว่าราชการ จึงให้ไปตะเวนด่านไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้า

ขุนแผนเดินป่าไปด้วยความแค้น ที่ขุนช้างเป็นผู้ทูลว่าตนว่าตนหนีราชการ ทั้ง ๆ ที่รับฝากเวรไว้แล้ว ขุนแผนตระเวนไปจนพบหมื่นหาญชาญไชย นายตำบลบ้านถ้ำ ซึ่งมีลูกสาวสวยชื่อนางบัวคลี่

ครานั้นขุนแผนแสนศักดา เที่ยวมาทุกตรอกออกทุกบ้าน
เดินตัดลัดป่ามาช้านาน มาถึงไร่หมื่นหาญเข้าทันใด
เห็นตัดต้นยูงยางลงขวางลำ แล้วปักทำเขื่อนขอบไว้รอบไร่
แลเห็นคนทำงานพลุกพล่านไป ประหลาดใจลัดแลงแฝงเข้ามา
แลเห็นตัวบัวคลี่อยู่ที่ห้าง สำอางนวลละอองผ่องผิวหน้า
พึ่งรุ่นสาวกระทัดรัดจำรัสตา ทั้งทรงศรีกิริยาก็น่าชม
ตะลึงลืมปลื้มปลาบให้วาบใจ อยากจะใคร่เป็นคู่ได้สู่สม
เป็นกุศลดลจิตคิดนิยม ปลงอารมณ์รักใคร่ใจผูกพัน ฯ

ขุนแผนจึงสมัครเข้าไปเป็นลูกน้อง และบังเอิญได้ช่วยชีวิตหมื่นหาญให้พ้นความตาย จากการถูกวัวกระทิงขวิดในป่า หมื่นหาญจึงยกลูกสาวให้เป็นภรรยา ขุนแผนซึ่งกำลังเปล่าเปลี่ยวเดียวดายอยู่ในป่าก็ยินดียิ่ง

เมื่อเสร็จพิธีเซ่นผีสู่ขวัญแล้ว นางสีจันทน์แม่ยาย ก็ส่งตัว
ลูกสาวเข้าห้องหอ พร้อมกับปลอบว่า ไม่ต้องกลัวหรอกการมีผัวน่ะ

อันซึ่งการประเวณีไม่มีครู กลัวจะรู้เสียหนักไม่พักสอน
ประเดี๋ยวใจได้สุขสิ้นทุกข์ร้อน พ่อแม่มาแต่ก่อนก็เหมือนกัน ฯ

เมื่ออยู่สองสองในห้องกับขุนแผน นางบัวคลี่ก็ผลัดผ่อนว่า

ก็รู้ว่าคุณพ่อยกยอให้ จะไปไหนพ้นมือฤๅขาพี่
จงงดน้องไว้สักสองสามราตรี ประเวณีอย่างไรฉันไม่เคย ฯ
ขุนแผนก็ไม่ยอมให้เวลาผ่านไปโดยไร้ประโยชน์
เจ้าพลายแก้วฟังนางทางว่าวอน จะผัดผ่อนใยเล่าเจ้าพี่เอ๋ย
แก้วตาอย่าปรารมภ์การชมเชย ถึงไม่เคยก็จะรู้ในครู่เดียว
ว่าพลางทางเป่าเทพรัญจวน ให้ปั่นป่วนซาบซ่านในทรวงเสียว
จูบแก้มแนมนมเข้ากลมเกลียว อย่าบิดเบี้ยวให้บอบระบมกาย ฯ

แต่เรื่องราวไม่ได้ราบเรียบอย่างที่คิด พลายแก้วอยู่กับนางบัวคลี่นานไป จนนางบัวคลีตั้งท้อง หมื่นหาญเห็นว่าขุนแผนมีฝีมือเหนือกว่า ก็คิดริษยาเพราะไม่ต้องการให้ผู้ใดมาใหญ่กว่าตน คราวนี้เลยต้องมาเกลี้ยกล่อมลูกสาวให้ฆ่าผัวเสีย นางบัวคลี่นั้นรักพ่อมากกว่าผัวอยู่แล้ว จึงยอมวางยาพิษใส่อาหารให้ขุนแผนกิน แต่โหงพรายประจำตัวขุนแผนห้ามไม่ให้กิน จึงรอดตาย

แล้วขุนแผนก็แก้แค้นด้วยการฆ่านางบัวคลี่ เอาลูกในท้องมาทำพิธีกรรมให้เป็นกุมารทอง องรักษ์ประจำตัวเสีย แล้วก็ออกจากบ้านหมื่นหาญไปตีดาบฟ้าฟื้น เป็นอาวุธคู่มือ และได้ม้า สีหมอกเป็นพาหนะคู่ใจ ตระเวนไพรไปได้ไม่นาน ก็คิดถึงนางวันทอง และแค้นขุนช้างไม่หาย จึงเดินทางไปเมืองสุพรรณ หมายใจจะชิงนางวันทองกลับมาเป็นของตน

แต่ก่อนที่ขุนแผนจะได้ลงมือตามที่คิด เกิดเข้าห้องผิดไปเจอนางแก้วกิริยา ลูกสาวของเจ้าเมืองสุโขทัย ซึ่งทำเงินหลวงขาดหาย ต้องพานางมาขายฝากไว้กับขุนช้าง เพื่อเอาเงินสิบห้าตำลึงไปใช้หนี้หลวง แต่ขุนช้างรักเมียคนเดียวจึงไม่ได้ยุ่งเกี่ยวด้วย ปล่อยให้คู่แค้นมาเจอเข้าจนได้

เจ้าร่างน้อยนอนนิ่งบนเตียงต่ำ คมขำงามแฉล้มแจ่มใส
คิ้วคางบางงอนอ่อนละไม รอยไรเรียบรับประดับดี
ผมเปลือยเลื้อยประลงจนบ่า งอนปลายเกศาดูสมศรี
ที่นอนน้อยน่านอนอ่อนดี มีหมอนข้างคู่ประคองเคียง
กระจกแจ่มจัดใส่คันฉ่องน้อย ไม้สอยซ่นงางามเกลี้ยง
ฉากบังจัดตั้งไว้ข้างเตียง อัฒจันทร์ตั้งเรียงในห้องน้อย
ห้องแคบอุตส่าห์แอบไม่แออัด รู้จักจัดเครื่องเรือนไว้ใช้สอย
ทั้งกระโถนขันน้ำและจอกลอย ดูน้อยน้อยงามรับกับรูปคน
เอะใจมิใช่เจ้าวันทอง ฤาพี่น้องนึกแหนงแคลงฉงน
ท่วงทีก็มิใช่เป็นคนจน เครื่องกินก็พิกลดูผิดนัก
หรือจะเป็นเมียน้อยอ้ายขุนช้าง ไยไม่วางห้องชมให้สมศักดิ์
พิเคราะห์ดูหน้านวลควรจะรัก ถ้าชายชมก็จะชักให้นวลคลาย
คิดพลางทางแอบเข้าแนบน้อง ต้องเต้านึกชมอารมณ์หมาย
เอนอิงพิงทับแล้วขับพลาย ร่ายลมละลวยลงให้ลานใจ ฯ

นางแก้วกิริยาตื่นขึ้นมาเจอหน้า ชายที่ตนไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิตก็ตกใจ ถามไถ่ที่มาที่ไปอยู่เป็นเวลานาน หลายหน้ากระดาษ นางเจียมตนว่าเป็นทาสเขา แต่ขุนแผนก็ไม่ถอย คงพูดจาภาษาเจ้าชู้ หว่านล้อมให้นางใจอ่อน จนกระทั่ง

ว่าพลางทางเปลื้องเครื่องคาด แขวนพาดฉากลงประจงจับ
อุ้มนางวางตักสะพักรับ ก็ทอดทับระทวยลงดังท่อนทอง ฯ

หลังจากนั้นขุนแผนก็ถอดแหวนจากนิ้ว มอบไว้ให้นางแก้วกิริยาเพื่อใช้ถ่ายตัวจากการเป็นหนี้ขุนช้าง แล้วก็เหลือเป็นทุนค้าขาย รอคอยว่าเมื่อไหร่ขุนแผนจะกลับมา จนกระทั่งขุนแผนและนางวันทองเข้ามอบตัวสู้คดีความ เรื่องหนึ่งหญิงสองชาย นางแก้วกิริยามาพบเข้ากลางทาง จึงตามมารับใช้ทั้งสองผัวเมีย พระหมื่นศรีผู้อุปถัมภ์ของขุนแผนยังออกปากว่า

เอ็งไปป่าพาไปแต่วันทอง ที่นั่งรองนั้นได้มาแต่ไหน
อ้ายพ่อเอ๋ยเชลยมันเหลือใจ แต่ทุกข์ยากแล้วยังได้สำรองมา
ขุนแผนว่าเมียเกล้ากระผม นานนมแต่ยังไม่ไปป่า
ทิ้งไว้ให้อยุ่กับมารดา พอกลับมาพบกันที่กลางทาง ฯ

ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องรักสามเส้า ระหว่างนางวันทองกับขุนช้างและขุนแผน ซึ่ง ยืดยาวไปอีกหลายบท แต่ขุนแผนก็มีเมียอยู่ห้าคนเพียงแค่นี้ นอกจากนางบัวคลี่ที่มีลูกเป็นกุมารทองแล้ว
นางวันทองก็มีลูกกับขุนแผนชื่อพลายงาม
และนางแก้วกิริยานั้นมีลูกชื่อพลายชุมพล
นางลาวทองมีลูกชายชื่อพลายณรงค์ ซึ่งมาปรากฏตัวในบทที่ ๔๙
ส่วนนางสายทองนั้น ไม่ปรากฏว่ามีลูกกับขุนแผนแต่อย่างใด

และในสมัยต่อมา ที่พลายงามกับพลายชุมพลโตเป็นผู้ใหญ่ จนมีเรื่องราวพัวพันกันอีกหลายบทหลายตอนนั้น ก็ไม่ได้กล่าวถึงนางสายทองอีกเลย

ขุนแผนนั้นอายุยืนไปจนพระพันวษาสวรรคตแล้ว อีกไม่นานก็ถึงกาลกิริยาลงใน บทที่ ๔๕

หลวงแผนนั้นก็แก่ชราภาพ ตั้งแต่ปราบศัตรูหมู่ทหาร
ถึงกองกรรมที่แกทำมากประมาณ กำหนดกาลแกก็ล่วงพิราลัย
ทั้งนางแก้วกิริยานางลาวทอง เมียทั้งสองก็แก่ถึงตักษัย
ก็ตายสิ้นตามกันเพราะนานไป พ่อแม่ใครลูกได้เผาตามเหล่ามา ฯ

พระเอกในวรรณคดีอมตะของไทย ซึ่งเดิมชื่อ พลายแก้ว แล้วรับราชการจนได้เป็น ขุนแผนแว่นไว ต่อมาได้เป็น พระสุรินทฦๅไชยมไหสูรย์ภักดี เจ้าเมืองกาญจนบุรีนั้น ก็หมดอายุขัยลงเพียงนี้

แต่ความเจ้าชู้ของขุนแผนนั้น เป็นที่เล่าลือและนับถือกัน ในหมู่ชายชาตรีทั้งหลายมานานนับร้อยปีจนถึงปัจจุบัน ไม่มีวันเสื่อมคลาย.

###########




 

Create Date : 12 มีนาคม 2551    
Last Update : 12 มีนาคม 2551 14:12:58 น.
Counter : 3089 Pageviews.  

เกิดเป็นขุนแผนแสนสนุก ตอนที่ ๑

คุ้ยวรรณคดี ฉบับรวบรัด

เกิดเป็นขุนแผนแสนสนุก

ตอนที่ ๑ พี่รักนุชสุจริตน้ำจิตรัก

ฑ.มณฑา

ตัวละครเอกในวรรณคดีของไทย นอกจากพระอภัยมณีของท่านสุนทรภู่ และ จะเด็ดผู้ชนะสิบทิศของท่านยาขอบแล้ว ก็เห็นมีแต่ขุนแผนแสนสนิท ในแผ่นดินสมเด็จพระพันวษา นี่แหละ ที่มีเมียมากพอจะเทียบเคียงกันได้ ซึ่งแม้แต่คนในยุคปัจจุบันก็ต้องยอมรับนับถือ เสาะหาพระพิมพ์ขุนแผนมาบูชา ทั้ง ๆ ที่ตัวขุนแผนเองก็เพียงแค่เคยบรรพชาเป็นสามเณรเท่านั้น

ขุนแผนมีชื่อเดิมว่าพลายแก้ว เกิดที่เมืองสุพรรณบุรี เป็นบุตรของขุนไกรพลพ่ายกับนางทองประศรี เมื่อยังเยาว์บิดาต้องราชภัยถึงประหารชีวิต แม่จึงต้องพาหนีมาอาศัยญาติของพ่อ อยู่ที่เขาชนไก่เมืองกาญจนบุรี พอพลายแก้วอายุได้สิบห้าปี แม่ก็พาไปบวชเป็นสามเณรที่วัดส้มใหญ่ สมภารบุญซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของขุนไกร ก็สั่งสอนวิชาการต่าง ๆ ให้เณรแก้วเรียนรู้จนหมดสิ้นตำราแล้ว เณรแก้วจึงขอลากลับมาเมืองสุพรรณ อยู่กับสมภารมีวัดป่าเลไลย ร่ำเรียนวิชา เวทยศาสตร์ชั้นสูงขึ้นไปอีก และหัดเทศน์ได้คล่องแคล่ว สุ้มเสียงไพเราะมีเสน่ห์ญาติโยมติดใจกันเกรียวกราว

อยู่มาถึงวันงานสงกรานต์ ชาวบ้านพากันมาตักบาตรทำบุญที่วัดป่าเลไลยอย่างคับคั่ง เณรแก้วนั่งก้มหน้าต่อท้ายแถวพระสงฆ์รับบิณฑบาตร ก็มีสีกาสาวคนหนึ่งตักบาตรให้มากผิดปกติ จึงเงยหน้าขึ้นดู ก็เกิดอาการ

ใจเต้นบึกบึกนึกเป็นครู่ เหมือนเคยเล่นกับกูกูจำได้ ชื่อว่าสีกาพิมพิลาไล สาวขึ้นสวยกระไรเพียงบาดตา

ตั้งแต่นั้นมาเณรแก้วก็เฝ้าแต่ระลึกถึงใบหน้าของนางพิม เพื่อนเก่าตั้งแต่เด็กเมื่อสมัยอยู่สุพรรณ ไปจนถึงงานทำบุญวันสารทเดือนสิบ เณรแก้วขึ้นธรรมาสน์เทศน์มหาชาติกัณฑ์มัทรี แทนท่านสมภารซึ่งป่วยไข้ไม่สบาย นางพิมก็เปลื้องผ้าสไบถวายติดกัณฑ์เทศน์ ซึ่งทำให้เจ้าเณรหวั่นไหวไปทั้งคืน จากนั้นก็หาทางไปพบปะพูดจากับสีกาพิม โดยมีนางสายทองพี่เลี้ยงของนางพิม เป็นสื่อคอยชักนำให้ได้พบกันในไร่ฝ้าย โดยเณรแก้วขอลาสึกมาชั่วคราว

ในฉากนี้กวีผู้รจนาเรื่องขุนช้างขุนแผน ได้บรรจงแต่งบทรักอันสวยงามไว้หลายบท ซึ่งเป็นที่รู้จักกันเป็นส่วนมาก เช่น

พี่รักนุชสุจริตน้ำจิตรัก ไม่หาญหักก่อนดอกแต่โดยได้
ผลักมือรื้อฉวยชายสไบ เพราะอาลัยกำเริบที่ในทรวง
งดโทษพี่เถิดเจ้าจงเอาบุญ อย่าเคืองขุ่นคั่งแค้นเฝ้าแหนหวง
นมเจ้างอนงามปลั่งดังเงินยวง ประโลมล่วงน้องหน่อยอย่าน้อยใจ ฯ

หรืออย่างเช่น

ประจงจูบลูบผมแล้วชมพักตร์ น่ารักนวลเนื้อเจ้านิ่มนิ่ม
น้ำตาคลอเปี่ยมอยู่เรียมริม เจ้าเยื้อนยิ้มสักหน่อยเถิดกลอยใจ
สงสารไหว้วอนให้ผ่อนวาง รักนางมิใคร่จะไกลได้
พี่จะหอบเสน่หาลาไป เหลืออาลัยที่จะทรมาน
หยิบมือพิมน้อยประทับทรวง แม่ดูดวงจิตพี่ออกฟุ้งซ่าน
เวลาค่ำแม่จงจำสังเกตการ จะไปบ้านหาพิมพิลาไลย
ช้อนคางพลางจูบประคองชม แนบเนื้อแนบนมเจ้าผ่องใส
พวงพุ่มตูมตั้งยังเป็นไต อาลัยลูบโลมทั้งกายา ฯ

เณรแก้วกลับมาวัดแล้วก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนจากชุดฆราวาส รออยู่จนดึกประมาณสองยาม จึงออกจากวัดไปบ้านนางพิมตามที่ได้ลั่นวาจาไว้ แล้วก็ย่องเข้าไปในห้องปลอบประโลมนางอยู่นานจนกระทั่งถึงบท ว่าพลางทางกอดกระหวัด อย่าสะบัดเลยไม่พ้นฝีมือพี่ นางพิมนั้นก็ขืนขัดปัดป้อง อยู่อีกสิบบรรทัดจึงกลายเป็น

ถ้อยทีถ้อยมีเสน่หา กำเริบรสกามาหมื่นไหม้ ฟักฟูมอุ้มแอบด้วยอาลัย ต่างมิใคร่จะสนิทนิทรา

แล้วเณรแก้วก็กลับมาครองเพศเป็นสามเณรต่อไป โดยไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้ดีกว่านั้น นอกจากความรักและความคิดถึงนางพิม ตามประสาคนหนุ่มที่ได้พบรักแรก จนกระทั่งสายทองพี่เลี้ยงนางพิมมาส่งข่าวว่า ขุนช้างเพื่อนผู้เป็นเศรษฐีใหญ่เมืองสุพรรณ ได้มาทาบทามจะขอนางพิม และนางศรีประจันมารดาก็เห็นดีด้วย เณรแก้วจึงร้อนใจแต่ก็ไม่วายจะเกาะแกะนาง สายทอง เป็นการขอบคุณที่ช่วยมาส่งข่าว แต่บังเอิญท่านสมภารมีมาเห็นเข้า จึงเอาไม้เท้าฟาดเข้าให้จนแตกกระเจิงไปทั้งคู่ เณรแก้วจึงต้องหนีไปอยู่ที่วัดแค

สมภารคงก็รับไว้ด้วยความเมตตา ว่าเป็นลูกชายของเพื่อนเก่า และหาทราบถึงความประพฤติของเจ้าเณรที่แล้วมาไม่

เณรแก้วเรียนวิทยาการ ต่าง ๆ จากอาจารย์คง อยู่เป็นเวลาไม่นานนัก นางพิมที่ถูกแม่ตีเพราะไม่ยอมแต่งงานกับขุนช้าง ก็ชวนนางสายทองตามมาเจอเข้าที่วัดแค และชวนให้เณรสึกไปขอกับแม่ เณรก็ว่าไม่มีเงินทองจะเลี้ยงดูกัน นางพิมก็ออกปากว่าจะให้เงินของตนเอง แต่เมื่อเห็นเณรยังลังเลก็เลยยื่นไม้ตายว่า จะอยู่กับเณรที่นี่แหละไม่กลับไปบ้านแล้ว เจ้าเณรก็ร้องว่าอย่าอยู่เลยบิณฑบาตรเลี้ยงไม่ไหว แล้วก็หยอกเอินพอให้คลายความคิดถึง โดยไม่กระดากผ้าเหลือง จนนางพิมทนไม่ไหวต้องลากลับ พร้อมทั้งกำชับให้สึกให้ได้ในคืนนี้

ค่ำคืนนั้นเณรแก้วก็ขอลาสึก กับท่านสมภารคง แม้อาจารย์จะทักท้วงก็ไม่ยอมฟัง แล้วก็แต่งตัวเป็นชาวบ้านย่องขึ้นเรือนนางพิมในกลางดึก และเมื่อพบกันหลังจากที่คิดถึงคนึงหากันอยู่เป็นเวลานาน อะไรจะเกิดขึ้น เพียงตัดพ้อต่อว่าต่อขานกันได้ไม่กี่บรรทัด ก็เกิดอาการ

กำเริบราคเสียวกระสันประหวั่นจิต หวุดหวิดวุ่นวายกายกระฉ่อน
พระพายพัดวัดคลื่นในสาคร กระท้อนกระทบกระทั่งฝั่งกระเทือน ฯ

แล้วพลายแก้วก็ชวนนางพิมไปอาบน้ำกันจนชื่นอกชื่นใจ จึงกลับไปนอนต่อ แต่พอนางพิมหลับสนิทแล้ว พลายแก้วก็ค่อยย่องไปหานางสายทอง แม่สื่อตัวดีเพื่อจะให้บำเหน็จรางวัลตามที่ได้พูดไว้ นางสายทองก็ทำกระบิดกระบวนอยู่นานพอควร ลงท้ายก็ทำตาปริบปรอยเหมือนจะง่วง ปล่อยให้เจ้าพลายอิงเอนทับลงกับเตียง แล้วก็

ค่อยขยับจับเขยื้อนแต่น้อยน้อย ฝนปรอยฟ้าลั่นสนั่นเปรี้ยง
ลมพัดซัดคลื่นสำเภาเอียง ค่อยหลีกเลี่ยงแล่นเลียบตลิ่งมา ฯ

งานนี้เผอิญนางพิมตื่นขึ้น และตามหาพลายแก้วจนมาเจอเข้าอย่างจัง คาหนัง คาเขา เลยเกิดการต่อปากต่อคำจนเกือบเป็นเรื่องใหญ่ แต่จอมเจ้าชู้ขมังเวทย์อย่างพลายแก้ว ก็สามารถทำให้สงบลงได้ไม่ยากนัก

เรื่องทำท่าว่าจะลงเอยด้วยดี เพราะพลายแก้วได้แต่งงานกับนางพิม อย่างถูกต้องตามประเพณี แต่ครองคู่กันได้ไม่กี่วัน พลายแก้วก็ถูกเกณฑ์ไปทัพรบกับเมืองเชียงใหม่ ด้วยวิชาอาคมสารพัดที่ได้ร่ำเรียนมาจากอาจารย์ทั้งสามวัด

พลายแก้วแม่ทัพไทยก็สามารถเอาชนะข้าศึกได้โดยไม่เหนื่อยแรงสักเท่าไร แต่ในขณะที่พักอยู่ยังบ้านจอมทอง แสนคำแมนนายบ้านสำนึกถึงบุญคุณพลายแก้ว ที่ไม่ได้ทำร้ายชาวบ้านตำบลนี้ให้เป็นอันตราย จึงคิดจะยกนางลาวทองบุตรสาวให้เป็นรางวัล

ฝ่ายว่าผัวเมียทั้งสองรา ต่างพูดตามประสาเป็นผู้ใหญ่
ข้อยออกมาหาพญาไทย ด้วยขอบใจท่านนักที่ป้องกัน
ร้อยบ้านพันเมืองไม่หลอเหลือ เป็นเบือฉิบหายด้วยห่ำหั่น
จนน้ำกินบ่ได้ไหลเป็นมัน ฟันดังฟันปลาปราครือ
แต่บ้านจอมทองของข้าน้อย บ่ยับย่อยชาวทัพเข้านับถือ
ข้าวของสิ่งไรอยู่ในมือ มิได้ยื้อแย่งทำให้ช้ำใจ
ข้อยขอบคุณท่านเป็นเที่ยงแท้ ถึงคุณพ่อคุณแม่บ่ปานได้
ท่านจะยกทัพกลับเมืองไทย สิ่งใดข้าวของก็บ่มี
ตามจนตามยากมาฝากบ้าง เป็นเสบียงกลางทางจนถึงที่
เงินทองของตูบ่สู้มี จะแจกรี้พลท่านที่ขึ้นมา
ข้อยมีแต่ลูกสาวลาวทอง กับข้าวของหน่อยนิดคิดมาหา
เจ้าลาวทองลูกแก้วผู้แววตา ให้เป็นข้าช่วงใช้ไปจนตาย
ไร้ญาติขาดแล้วนะนายเด อย่าทอดเททุ่มทิ้งให้เสียหาย
ข้อยขอฝากตัวเจ้าขรัวนาย ด้วยพลัดพรายพ่อแม่ไปแต่ตัว ฯ

ซึ่งก็เหมือนกับยื่นอ้อยเข้าปากช้างนั่นเอง พลายแก้วหรือจะปฏิเสธ นางลาวทองรู้ว่าพลายแก้ว มีเมียอยู่ที่อยุธยาแล้วจึงไม่เต็มใจ แต่ทนพ่อแม่อ้อนวอน และคาถาอาคมของท่านแม่ทัพไม่ได้ เพราะ

พลายแก้วเห็นนางยังประหม่า พูดไม่เงยหน้าขึ้นจากที่
ครั้นจะสนทนาให้ช้าที เซ้าซี้อยู่ก็เนิ่นเกินเวลา
จึงเอื้อมมือหยิบหมากที่ในพาน อัดอั้นใจอ่านพระคาถา
ด้วยเคยเชื่อใจแต่ไรมา ไม่ช้าส่งให้พี่เลี้ยงพลัน
ช่วยยื่นหมากไปให้เจ้าลาวทอง ทั้งสองพี่กินหมากในพานนั่น
สนทนาเวลาก็ดึกครัน ไปเถิดวันอื่นจึงขึ้นมา
พี่เลี้ยงรับหมากมายื่นให้ เจ้าลาวทองรับไว้ไม่เงยหน้า
ไม่กินกลัวจะไม่ให้ไคลคลา ครั้นกินหมากมนตราให้เสียวใจ
ตั้งแต่ยามเย็นนางมาอยู่ หาได้ดูหน้าตาเจ้าพลายไม่
ครั้นต้องหมากมนตร์เคี้ยวประเดี๋ยวใจ ก็อาลัยลอบเหลือบชำเลืองตา ฯ

พลายแก้วจึงดำเนินการขั้นต่อไป ตามตำรา

ร้อยชั่งนั่งใยไม่บังควร เวลาจวนรุ่งสางสว่างห้อง
เลียมลูบจูบโฉมประโลมลอง ประคองกอดอุ้มแก้วขึ้นเตียงพลัน ฯ

นางลาวทองจึงตกเป็นภรรยาคนที่สามของพลายแก้ว อย่างช่วยไม่ได้ แล้วเมื่อเลิกทัพกลับพระนคร พลายแก้วก็พานางลาวทองมาจนเจอกับนางพิมพิลาไลย ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อเป็นนางวันทอง และจำใจต้องแต่งงานกับนายขุนช้างไปเสียแล้ว พลายแก้วซึ่งรบชนะศึกมีความชอบ ได้บรรดาศักดิ์เป็นขุนแผนแสนสท้าน จึงไปตั้งครอบครัวอยู่กับนางลาวทอง ที่เมืองกาญจนบุรี.

##########


นิตยสารต่วยตูน
มีนาคม ๒๕๔๖ ปักษ์หลัง












อยากจะเป็นขุนแผนแสนสนุก
..
รำพันสวัสดิ์
..



ลมพัดชายทุ่ง
ลมร้อนผ่าว ความคุ้นเคยยินยอมให้มันรำเพยเบาๆ

ผมกำลังอ่านบทความ
ให้ตาย บทความน่าอ่านมาก
บทความในมือผมไม่เก่า แต่นักเขียนเก่ามากแล้ว
ผมดูออก ผู้เขียนเป็นมือเก่า แลเท่าที่รู้ ยิ่งเก่ายิ่งชวนอ่าน ขอบอก

“เกิดมาเป็นขุนแผนแสนสนุก”
แค่ได้ยินชื่อเรื่องก็เย้ายวนใจแล้ว

หลายคนคิดว่าผมตกยุค
เปล่า ผมปฏิเสธเสียงแข็ง

พูดถึงขุนแผนทีไร ผมใจเต้นเป็นหนุ่มแตกพานทุกที
จริง แต่ใจเต้น หรือว่าเนื้อส่วนไหนเต้นไม่เป็นส่ำ ผมไม่ค่อยจะแน่ใจ
บทอัศจรรย์ในไร่ฝ้ายเป็นเหตุ

โอ นึกถึงทีไรจับไข้ทุกที
จับไข้สั่น
ผมอ่านตอนที่ว่าตั้งแต่ยังเล็ก ใครไม่เคยอ่านเสียดายแย่
จะไม่ให้เสียดายได้อย่างไร
“พวยพุ่มตูมตั้งยังเป็นไต อาลัยลูบโลมทั้งกายา ฯ”

แถมบรรดาพระเอกในวรรณคดีก็มักมีหลายบ้าน
จริง นอกจากขุนแผนแล้ว พระอภัยมณี แล จะเด็ดแห่งผู้ชนะสิบทิศเป็นตัวอย่าง

ตัวอย่าง หรือจะให้เอาตัวเป็นเยี่ยงอย่าง ผมไม่แน่ใจ
ทว่า
“ได้ก็ดี” จิตใต้สำนึกของผมกระซิบเสียงกระเส่า

ผมชอบพลายแก้ว
พลายแก้วเป็นเณร สิบห้าหยกๆสิบหกหย่อนๆ กำลังพอเหมาะพอมือ
ถึงแม้หัวโล้นก็ยังพราวเสน่ห์
ต้องตาทั้งสีกาพิมพ์ แล พี่เลี้ยงชื่อสายทอง

ผมกำลังแอบกลืนน้ำลายไปตามลีลาตัวอักษรของนักประพันธ์
ใช่ ผมอิจฉาพลายแก้ว

ต่อมาพ่อเณรก็รับเหมาทั้งนายทั้งบ่าว ฉาวคาผ้าเหลือง
บาปกรรม บาปกรรม
เรื่องกำๆแบๆ แลคล้ายคลิปวิดีโอฉาวของหลวงพี่กับสีกา
แบบว่า เป็นไฟล์คลาสสิก แนวเดียวกันไม่แตกต่าง

เลยให้รู้สึกขัดใจในเนื้อนาวรรณกรรมโบร่ำโบราณ
ทำไมครูเขียนกลอนเกลาองก์ เหมือนจะชี้ชวนให้ผมเสียคน

ใช่ ผมเคยเสียคน
ไม่สิ ผมเกือบได้คนโดยประมาทสวาทเสียว ต่างหาก
พูดตรงๆ ผมแอบลอกเลียนแบบโดยไม่ตั้งใจ สื่อเป็นเหตุ
ก็ พฤติกรรมของพลายแก้วนี่แหละที่เป็นผู้ต้องหา

คิดแล้วสมควรติดเรต ห ห้ามอ่านทั้งกระทรวง
ปล่อยให้ชาวบ้านตาดำๆเยี่ยงเราๆ เสพสุขไปเพียงลำพังจะดีกว่า

ในความคำนึง
ลมพายุพัดกระหน่ำเรือนนางพิมหนักไม่น้อย
“พระพายพัดวัดคลื่นในสาคร กระท้อนกระทบกระทั่งฝั่งกระเทือน ฯ”
ขนาดฝั่งยังกระเทือน เรือนจะไม่ไหวเชียวหรือ

พายุบ้าอะไรพัดกระหน่ำแต่เฉพาะในห้องนอนนางพิม
ผมบ่นตอนอายุราวแปดเก้าขวบ
แต่แล้วผมก็เลิกบ่น หันกลับมาอ่านต่อเอาเมื่อตอนเล่นบทพายุเป็น

ลำพังวิชาติดตัวผมไม่ค่อยจะมี คิดหาเอาภายภาคหน้า
ดีที่ได้อ่านวรรณคดี โดยเฉพาะขุนช้างขุนแผน
วิชาหลายแขนงแอบสอนกันในวรรณกรรม

กระทั่งวิชาเดินเรือก็มีให้
บอกวิธีการเอาชนะธรรมชาติคลุ้มคลั่งอย่างแยบยล

หากเรือแล่นยังไม่พ้นสันดอน แต่เกิดฝนฟ้าคะนอง
ลางที นายเรือมือใหม่อาจถึงกับมือไม้สั่น ทำอะไรไม่ถูก
แต่ผมไม่กลัว
เคยเดินเรือมาตั้งแต่ปากน้ำยันปากคลองท้องตลิ่ง
ไม่ว่าน้ำลดหรือเจิ่งนอง ผมจึงไม่เคยหวั่น

หลายท่านอาจเคยอ่านกลเม็ดการท่องร่องน้ำมา
“ค่อยขยับจับเขยื้อนแต่น้อยๆ ฝนปรอยฟ้าลั่นสนั่นเปรี้ยง
ลมพัดซัดคลื่นสำเภาเอียง ค่อยหลีกเลี่ยงแล่นเลียบตลิ่งมา ฯ”
เท่าที่จำได้ เป็นตอนที่พลายแก้วพาสายทองสาวใช้นางพิมไปแอบล่องเรือ

เพลาเจอพายุ สายทองคงร้องหวีดว้ายหวาดเสียว เสียงดังไปหน่อย
ปรากฏว่า นางพิมที่หลับไป ตื่นขึ้นมาได้ยิน
เลยเห็น สำเภาของพลายแก้วกำลังแหวกร่องน้ำสายทอง ชนิดจะๆ
แล้ว เป็นเรื่อง

ลมชายทุ่งที่ว่าร้อน
ลมวรรณกรรมร้อนกว่านัก ผมเร้ารุ่มเหงื่อตกกีบ
ลีลาการเขียนในบทความทำเอาผมหนาวๆร้อนๆ

อ่านไปหลุกหลิกไป
เปล่าอยากล่องเรือ ก็ยุงมันชุม

เรื่องแนวนี้ลองเดาว่าลงหนังสืออะไร
ถูกต้อง
ผมรู้ ส่วนใหญ่ตอบถูก
ใช่ครับ ต่วยตูน
ฉบับ มีนาคม ๒๕๔๖ ปักษ์แรก

ยังมีอีกหลายวรรคหลายตอนที่เด็ดสะเด่าเร้าทรวง
ผมนมแตกพานมาพร้อมกับต่วยตูน
แต่เรื่องนี้ หลุดหูหลุดตาไปได้ไงก็ไม่รู้
วันนี้ได้อ่านแล้ว รู้สึกอิ่มเอมอารมณ์เป็นพิเศษ


ใคร่ขอสดุดีนักเขียนมือเก่าท่านนี้ด้วย “ช่อการะเกดในดวงใจ”
“ฑ. มณฑา” คือนามปากกาเจ้าของเรื่อง




จากคุณ : วรุณนฤมล - [ 21 ก.ค. 50 22:37:34 ]








--------------------------------------------------------------------------------










 

Create Date : 12 มีนาคม 2551    
Last Update : 24 กันยายน 2555 8:05:19 น.
Counter : 1544 Pageviews.  


เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.