|
ตอนที่ ๒๒ เสร็จศึกก็เป็นสุข (จบบริบูรณ์)
หลากชีวิตในพงศาวดารจีน
คนซื่อแห่งกังหนำ
ตอนที่ ๒๒ เสร็จศึกก็เป็นสุข
" เล่าเซี่ยงชุน "
เมื่อ พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ ตั้งให้ นางลีฮอง เป็นนางสนม รับราชการฝ่ายใน แต่ เนียฉู ทักท้วงว่าเป็นเหมือนดอกไม้ริมทาง ไม่มีผู้รับรองความประพฤติ และฮ่องเต้ได้ตรัสว่าขอรับรองเองนั้น เนียฉูเห็นว่าฮ่องเต้โปรดปรานนางลีฮองมากไม่สามารถจะทัดทานได้ จึงว่า
"....ถ้าพระองค์ทรงเมตตานางลีฮอง ไม่ให้เป็นที่สงสัย รังเกียจแห่งขุนนางทั้งปวงแล้ว จงรับสั่งให้ขุนนางเจ้าพนักงาน ทำเก๋งให้นางลีฮองพักอยู่ในสวนดอกไม้ก่อน ถ้าเรียบร้อยเป็นปกติได้ปีหนึ่ง จึงให้เข้ารับราชการตำแหน่งที่กุยฮุยจึงจะควร เกียรติยศก็จะปรากฏแก่นานาประเทศว่า พระองค์ทรงจัดการถูกต้องตามราชประเพณี....."
ฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็เห็นชอบด้วย จึงรับสั่งให้ กงเป๋า เป็นเจ้าพนักงาน ทำเก๋งให้เสร็จแต่ในสิบวัน แล้วเสด็จเข้าข้างในรับสั่งให้หานางลีฮองมาเฝ้า ตรัสเล่าความที่เนียฉูกับขุนนางกราบทูล และที่พระองค์รับสั่ง ให้นางลีฮองฟังทุกประการ
นางลีฮองทูลว่า ข้อที่ข้าราชการเขาสงสัยก็ถูกต้องตามประเพณี ควรที่พระองค์จะเชื่อฟัง ไปภายหน้าข้าราชการเขาจะได้ไม่รังเกียจ
ฮ่องเต้ก็มีพระทัยยินดี ด้วยเห็นว่านางลีฮองมีปัญญาลึกซึ้งสมควรแก่ตำแหน่ง
วันรุ่งขึ้นเวลาเช้า ฮ่องเต้เสด็จออก ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อย เฝ้าอยู่พร้อม จึงรับสั่งให้ เฮงซือหยิน คุมตัว เล่ากึน พวนอ๋อง กิมเหงา เข้ามาหน้าที่นั่งแล้วตรัสกับเล่ากึนว่า
ธรรมดา ขุนนางผู้ใหญ่ที่ซื่อตรง ชื่อเสียงปรากฏมาแต่ก่อน ย่อมจะตั้งอยู่ในยุติธรรมโอบอ้อมอารีมีเมตตากรุณาแก่ราษฎร มิได้เบียดเบียนให้เดือดร้อนสิ่งใด ตั้งใจแต่จะช่วยพระมหากษัตริย์บำรุงแผ่นดิน ให้อยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากความโลภและอิจฉาพยาบาท แต่ตัวนี้มิได้ตั้งอยู่ในสัตย์สุจริตและกตัญญูต่อเรา เอาคนพาลมาตั้งแต่งเป็นขุนนางในเมืองหลวง และหัวเมืองทั้งปวงโดยมาก แล้ว คบคิดกันเบียดเบียนข่มเหงราษฎรให้ได้ความเดือดร้อนต่าง ๆ จึงต้องจับตัวมาลงโทษ ครั้นหนีไปได้เราหมายใจว่าจะรู้สึกตัว มิได้ประพฤติการชั่วเหมือนแต่ก่อนจึงนิ่งไว้ ตัวกลับมีใจทรยศจะล้างผลาญชีวิตเราเสีย ด้วยฝีมือไพร่พลและอำนาจปีศาจ ก็ไม่อาจสามารถจะสู้เราผู้มีคุณได้ แพ้ภัยตัวเอง และพวนอ๋องกับกิมเหงาเล่า เราก็ชุบเลี้ยงให้มียศได้เบี้ยหวัดเงินเดือน ก็ไม่มีกตัญญูต่อเรา กลับเข้ากับเล่ากึนคนผิดคิดทำร้ายผู้มีคุณ จะสมความปรารถนาแล้วหรือ ครั้งนี้จะชวนกันคิดประการใด
ทั้งสามก็ทูลรับสารภาพผิด ฮ่องเต้ก็พระราชทานแพรแดง ให้พวนอ๋องรัดคอตายตามโทษ แต่เล่ากึนกับกิมเหงานั้น รับสั่งให้ทหารคุมตัวไปประจาน ที่กลางตลาด แล้วป่าวร้องราษฎรว่า ถ้าผู้ใดมีใจเจ็บแค้นเล่ากึนและกิมเหงา ก็ให้มาด่าว่าทุบตีตามชอบใจ ครบสามวันแล้วให้ตัด ศีรษะเสียบไว้ที่ประตูเมือง ทหารก็คุมไปทำตามรับสั่ง
แล้วฮ่องเต้ก็ดำริถึงความชอบของขุนนาง และนายทหารที่ตามเสด็จและทำสงครามมีความลำบาก
จึงทรงตั้งเนียฉูเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน
ให้เฮงซือหยินเป็นขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายทหาร
จิวหยงกับฮ่อจีนปังเป็นนายทหารใหญ่ซ้ายขวา
ให้กวดยี่หลง กับบ้วนยินเต็กเป็นขุนนางรักษาพระองค์ซ้ายขวา
ซงฮำฮือ ซงกิม ซงโป ก็เป็นขุนนางทั้งสามคน
โปยหิมนั้นให้รับราชการในตำแหน่งของบิดา
นายทหารที่ทำความชอบแต่ยังไม่มีภรรยา จึงพระราชทาน
นางเสียวเหนย เป็นภรรยา จิวหยง
ให้ นางมิหงวน น้องสาวโปยหิมเป็นภรรยา กวดยี่เหลง
ให้ นางกุยเซียน น้องสาวกวดยี่เหลงเป็นภรรยา บ้วนยินเต็ก
ให้ นางกุยหยง คู่แฝดกับ นางกุยเซียนเป็นภรรยา ซงกิม
ให้ นางซิวซุน น้องสาวบ้วนยินเต็กเป็นภรรยา ซงโป
แต่ ฮ่อจีนปัง กับ ลีเหลง สองคนนี้ มีภรรยาอยู่แล้วจึงมิได้พระราชทาน
แล้วมีหนังสือรับสั่งให้ จิวแซ เจ้าเมืองชีจิวเป็นขุนนางฝ่ายกรมเมือง และให้ยกครอบครัวมาอยู่ในเมืองหลวง
กับขอ นางซุยหงอ บุตรสาวให้เป็นภรรยา โปยหิม พระราชทานเงินทองสิ่งของต่าง ๆ ให้แก่ขุนนางนายทหารผู้มีความชอบเป็นอันมาก
ฝ่าย จิวหงวน ได้รับการฝึกหัดรู้ขนบธรรมเนียมแล้ว ฮ่องเต้ก็โปรดตั้งเป็นที่ ซินอ๋อง พระราชทานเสื้อหมวกเครื่องยศอย่างเจ้าต่างกรมให้ นางอึงสี มารดาเป็นอิดปินไทฮูหยิน ตั้ง นางเง็กเอง ภรรยาซินอ๋องเป็นอิดปินฮูหยิน แล้วตรัสถามว่าได้เป็นภรรยาสามีกันแล้วหรือ
ซินอ๋องกราบทูลว่ายังหาอยู่ด้วยกันไม่ ฮ่องเต้ตรัสถามว่าขัดข้องอย่างใด ซินอ๋องก็กราบทูลตามที่ นางซิวเก๊ก บอกว่า เต็งซือเสียง มาขอนางเง็กเองให้บุตรชายของตนไว้แล้ว
ฮ่องเต้ก็ทรงพระโกรธตรัสว่า เตงซือเสียงทำการขัดหนังสือเรา ผิดด้วยอย่างธรรมเนียมต้องจับตัวมาทำโทษให้หนัก ฮ่องเต้จึงพระราชทานกระบี่อาญาสิทธิ์ ให้ซินอ๋องคุมทหารห้าร้อยยกไปแต่งงานกับนางเง็กเองบุตรสาว โจเกียด ผู้ใดขัดขวางให้ฆ่าเสีย เสร็จการแล้วให้รีบพามารดากลับเข้ามาเมืองหลวง เราจะทำนุบำรุงให้มีความสุขสืบไป
พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ก็พาซินอ๋อง เข้าไปเฝ้าฮองไทเฮา พระราชมารดากับฮองเฮา ณ พระที่นั่งข้างใน ฮองไทเฮากับฮองเฮาก็ตรัสถามถึงความต่าง ๆ ซินอ๋องก็กราบทูลไปตามเรื่องที่ฮ่องเต้รับไว้เป็นบุตรเลี้ยงทุกประการ ฮองไทเฮาก็พระราชทานเงินทองให้ซินอ๋องไปใช้สอยตามทางเป็นอันมาก
แล้วซินอ๋องก็เดินทางออกจากเมืองหลวง มุ่งตรงไปเมืองห้างจิวบ้านของลุงที่มารดาอาศัยอยู่
ฝ่ายชาวเมืองห้างจิวทราบความ จึงไปบอกกับนางอึงสีมารดาซินอ๋องให้ทราบ นางก็มีความยินดี เจ้าเมืองและกรมการเมือง ก็ออกไปคอยรับอยู่นอกกำแพงเมือง แล้วคำนับเชิญให้เข้าไปในเมือง
ซินอ๋องสั่งให้ทหารตั้งค่ายพักอยู่นอกกำแพงแล้วเข้าไปกับบ่าวไพร่พอสมควร พักอยู่ที่บ้าน อึงซุย ผู้ลุง ซินอ๋องก็เล่าความหลังให้ฟังทุกประการ มารดาและลุงก็มีความยินดีเป็นอันมาก
ซินอ๋องแลเห็นนางเง็กเองก็จำไม่ได้ จึงถามว่าหญิงคนนี้มาแต่ไหน รูปงามเหมือนกับนางเง็กเอง นางอึงสีจึงเล่าความของนางเง็กเองให้ซินอ๋องฟัง ซินอ๋องได้ทราบก็ยินดี นางอึงสีกับ อึงซุยก็จัดแจงการ ให้ซินอ๋องกับนางเง็กเองอยู่ด้วยกัน และซินอ๋องก็พักอยู่เมืองห้างจิวหลายเวลา
วันหนึ่งคิดจะพามารดาและนางเง็กเองกลับไปบ้านเดิมคำนับ โจเกียด และ นาง นิมสี บิดามารดาของภรรยา แล้วจะได้จับเตงสือเซียงฆ่าเสียตามรับสั่ง นางเง็กเองรู้ว่าเตงสือเซียงไม่มีความผิด ด้วย นางซิวเก๊ก ทำอุบายขึ้นเอง แต่ก็ต้องนิ่งไว้ก่อน ด้วยกลัวบิดากับ นิมกุน ผู้น้าจะมีโทษ
ครั้นรุ่งขึ้นซินอ๋องจึงเอาเงินพันตำลึง ให้อึงซุยตอบแทนคุณที่ได้รักษามารดาไว้ แล้วว่าข้าพเจ้าจะลาพามารดาและภรรยากลับไปบ้าน ถ้าท่านมีทุกข์ร้อนสิ่งใด จงมีหนังสือไปถึงข้าพเจ้าจะช่วยตามกำลัง
อึงซุยมีความอาลัยนางอึงสีผู้น้องและซินอ๋องหลานยิ่งนัก แต่จะขัดขวางหน่วงเหนี่ยวไว้ก็ไม่ได้ จึงจัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงกัน แล้วซินอ๋องก็คำนับลาพามารดาและภรรยา ออกจากเมืองห้างจิวไปเมืองสงกังฮู ครั้นถึงเจ้าเมืองและกรมการเมือง ก็ออกมารับเชิญเข้าให้เมือง
ซินอ๋องพักอยู่ในเมืองสงกังฮูพอหายเหนื่อยแล้ว ก็จัดของจะไปคำนับโจเกียดกับภรรยา ขุนนางได้ทราบก็แจ้งว่า บ้านท่านโจเกียดเกิดเพลิงไหม้ ท่านโจเกียดกับนิมกุนและบ่าวไพร่ตายในเพลิงสิ้น เหลือแต่นางนิมสีกับคนใช้ชื่อซิวเก๊กเท่านั้น บัดนี้ได้อาศัยอยู่ที่วัดก๊กยี่
นางเง็กเองได้ฟังก็เสียใจร้องไห้เป็นอันมาก แล้วจึงชวนซินอ๋องไปที่วัด นางนิมสีกับหลวงชีก็ออกมาต้อนรับคำนับตามธรรมเนียม นางเง็กเองตรงไปคำนับมารดาแล้วต่างก็ร้องไห้
นางนิมสีคิดว่าบุตรสาวตายไปแล้ว นางเง็กเองก็เพิ่งจะทราบว่าบิดากับน้าชายตาย นางก็คำนับที่ป้ายชื่อบิดาร้องไห้ร่ำไรเป็นอันมาก
ซินอ๋องก็คำนับมารดาภรรยาตามประเพณี แล้วว่ากล่าวปลอบโยนให้นางเง็กเองคลายความโศก แล้วต่างก็เล่าความหลัง ตั้งแต่พลัดพรากจากกันให้ฟังทุกประการ
นางเง็กเอง จึงเล่าความตามที่นิมกุนคิดร้ายต่อซินอ๋อง และป้ายความผิดไปให้เตงสือเซียง แต่นางซิวเก๊กก็ ออกอุบายแก้ไข จนรอดมาได้พบกันในวันนี้
ซินอ๋องได้ฟังก็หายโกรธเตงสือเซียง และเข้าไปคำนับนางซิวเก๊กแล้วว่า ท่านมีคุณแก่ข้าพเจ้าครั้งนี้หาที่สุดมิได้ นางซิวเก๊กจึงว่าข้าพเจ้าช่วยคิดการให้พ้นภัย ได้สำเร็จประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เพราะหมายว่าไปภายหน้าจะได้พึ่งบุญท่าน
ซินอ๋องก็มีความยินดี จึงว่าเรื่องนี้โจเกียดกับ นิมกุนก็ตายไปแล้ว จะว่ากล่าวต่อไปทำไมเล่า จึงชวนนางเง็กเองจัดของเซ่นป้ายชื่อโจเกียด เสร็จแล้วก็พาภรรยากับนางนิมสี และนางซิวเก๊ก กลับมาลาเจ้าเมืองกรมการ ยกกองทัพกลับเมืองหลวง กราบทูลเนื้อความทั้งปวงให้ฮ่องเต้ทรงทราบถ้วนทุกประการ และขอนางซิวเก๊กเป็นภรรยาน้อย
ฮ่องเต้ก็โปรดตั้งให้นางซิวเก๊กเป็นเองฮูหยิน แล้วรับสั่งพนักงานสร้างวังให้อยู่เป็นที่สำราญ
ฝ่าย นางเฮงสี ภรรยาเดิมของกิมเหงานั้น ครั้นทราบว่ากิมเหงาตาย ตัวก็เป็นหม้ายไม่มีที่พึ่ง และทราบว่าจิวหยงกับนางเสียวเหนยมีวาสนาพากันได้ความสุข ตนเองมีแต่ทุกข์จะอยู่ไปทำไมไม่มีประโยชน์ จึงผูกคอตายเสีย
ฮ่อจีนปังกับจิวหยงทราบความ ก็กราบทูลฮ่องเต้ทรงทราบ ฮ่องเต้มีพระทัยสงสารว่าเป็นคนสัตย์ซื่อ จึงรับสั่งให้ทำการฝังศพเหมือนอย่างภรรยา ขุนนางผู้ใหญ่
ฝ่ายนางลีฮองซึ่งออกไปอยู่เก๋งในสวนดอกไม้ มีขันทีระแวดระวังตามประเพณี ก็จงรักภักดีโดยสุจริต มิได้คิดสิ่งใดให้ขุ่นเคืองพระเนตรพระกรรณ ครบปีหนึ่งแล้ว ขุนนางทั้งปวงก็สิ้นความรังเกียจพร้อมกันกราบทูลฮ่องเต้ว่า นางลีฮองนั้นประพฤติการดี สมควรที่จะชุบเลี้ยงแล้ว
ฮ่องเต้ก็มีพระทัยยินดี ให้ขันทีและพนักงานจัดรถไปรับนางลีฮองเข้าสู่พระราชวัง ตั้งให้เป็นกุยฮุยรับราชการสืบไป
พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้สำราญพระทัยอยู่กับนางฉายเหียและนางลีฮอง เป็นสุขสืบมา ถึงเวลาก็ออกว่าราชการโดยยุติธรรมมิได้ขาด ตั้งแต่นั้นมาบ้านเมืองก็มีความเรียบร้อยฝนฟ้าตกต้องตามฤดู ราษฎรทำมาหากินเป็นสุขทั่วทั้งพระราชอาณาเขต
ความจากเกร็ดพงศาวดารจีนเรื่อง อิวกังหนำ ซึ่ง เล่าเซี่ยงชุน นำมาเรียบเรียงมาเป็น ชุด คนซื่อแห่งกังหนำ ก็บริบูรณ์แต่เพียงนี้.
##########
Create Date : 16 มิถุนายน 2551 | | |
Last Update : 16 มิถุนายน 2551 9:10:46 น. |
Counter : 744 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ตอนที่ ๒๑ สิ้นศัตรูร้าย
หลากชีวิตในพงศาวดารจีน
คนซื่อแห่งกังหนำ
ตอนที่ ๒๑ สิ้นศัตรูร้าย
" เล่าเซี่ยงชุน "
ครั้นถึงเวลาเช้า กวดยี่เหลง ก็คุมทหารยกออกไปถึงหน้าค่ายพวกโจร ร้องด่าท้าทายด้วยคำหยาบ กิมเหงา ก็ขึ้นม้าถือทวนคุมไพร่พลออกจากค่าย เข้าสู้รบกับกวดยี่เหลงได้ประมาณยี่สิบเพลง ยังไม่แพ้ชนะกัน พวนอ๋อง ก็คุมทัพช้างออกมา กวดยี่เหลงก็แกล้งทำเป็นตกใจขับม้าพาทหารถอยหนี กิมเหงากับพวนอ๋องเห็นได้ที ก็ขับช้างและไพร่พลไล่เป็นตลุมบอนทหารและไพร่พลก็สับสนกัน กวดยี่เหลงถอยทัพพลางให้ทหารหลบไปตามข้างชายป่า แล้วก็พาพวกที่เหลือรีบหนีมาจนถึงหน้าเมือง
เฮงซือหยิน บ้วนยินเต็ก และ โปยหิม ก็ให้ทหารชักรถบรรทุกรูปหล่อที่ใส่ถ่านเพลิงไว้ภายในหนุนขึ้นไป และพัดถ่านจนลุกแดงดังจะย้อย กวดยี่หลงก็พาทหารถอยลงมาอยู่ข้างหลัง พวนอ๋องกับกิมเหงาก็สั่งหมอควาญให้ขับช้างวิ่งมาโดยเร็ว หมายจะเข้าหักเอาเมืองโซจิว ให้ได้ ในเวลานั้นไม่ทันได้สังเกตว่า บนรถมีรูปคนที่ร้อนแดงอยู่ ช้างข้างหน้าเอางวงคว้ารูปหล่อเกี่ยวกระหวัด รัดแล้วกระชากด้วยกำลังแรง รูปหล่อนั้นร้อนจัดก็ไหม้หนังติดแน่น สะบัดงวงไม่หลุดเจ็บเหลือทน วิ่งเสือกสนร้องด้วยเสียงอันดัง ช้างที่ตามหลังยังไม่ได้จับ ก็พลอยตกใจแตกตื่นอลหม่าน สลัดหมอควาญตกลงจากหลัง แล้วเหยียบย่ำพวกโจรเจ็บป่วยล้มตายลงเป็นอันมาก
กวดยี่หลงก็ขับทหารไล่และให้จุดประทัดสัญญา ทหารที่ซ่อนอยู่ชายป่าก็ระดมเข้าตีพร้อมกัน ฆ่าฟันพวกโจรตายไปอีกมาก พวนอ๋องกับกิมเหงาเห็นเสียทีก็ตกใจ ขับช้างและม้าหนีกลับเข้าค่าย เฮงซือหยินและกวดยี่หลงก็คุมทหาร ไล่ไปตีหักค่ายเป็นสามารถ พวกโจรต้านทานไม่ไหวต้องแตกพ่าย พวนอ๋องกับกิมเหงาก็พา เล่ากึน ออกหลังค่ายหนีไปโดยเร็ว จิวหยง กับ ลีเหลง ที่คอยดักอยู่ก็ขับทหารตีกระหนาบออกมาทั้งสองข้าง ไล่ฆ่าฟันไพร่พลของเล่ากึนตายเป็นอันมาก กิมเหงาก็ฝ่าฟันพาเล่ากึนพวนอ๋องรีบหนีไปจนถึงเมืองกังเหลงฮู้ ตรวจดูไพร่พลเหลือตายมาประมาณหมื่นเศษ ถูกอาวุธถึงเจ็บป่วยก็มาก ที่ดีอยู่เป็นส่วนน้อย ก็เสียใจนัก จึงเกณฑ์ราษฎรสมทบกับไพร่พลขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้แน่นหนา
เฮงซือหยินกับกวดยี่หลง เมื่อตีค่ายเล่ากึนแตกเก็บได้เครื่องสาตราวุธ และเสบียงอาหารเป็นอันมาก ก็เดินทัพมาพบจิวหยงและลีเหลง และรวมทหารเข้าเป็นกองเดียวกัน รีบยกพลไปตั้งค่ายประชิดเมืองกังเหลงฮู้ หวังกำจัดพวกโจรให้สิ้น แต่การก็มิได้เป็นโดยง่าย ด้วยกิมเหงาได้หญิงสองคนรู้เวทย์มนต์คาถามาช่วยทำศึก จนเฮงซือหยินกับพวกต้องถอย มาตั้งค่ายอยู่หน้าเมืองโซจิวตามเดิม เล่ากึนกับพวก ก็ยกทหารตามมาตั้งค่ายประชิดค่ายเมืองโซจิวไว้ หญิงทั้งสองคนก็คิดอ่านจะตีเมืองโซจิวให้แตก และจะเลยไปตีเมืองหลวงด้วย
ฝ่าย ฮ่อจีนปัง ตั้งแต่ฮ่องเต้กับจิวหยงออกจากบ้านไปแล้วก็คอยฟังข่าวอยู่ช้านาน จนได้ทราบความจากชาวเมืองกังหนำสิ้นทุกประการ จึงลามารดาไปเกณฑ์ทหารตามหัวเมืองได้ห้าพันรีบยกมาเมืองโซจิว เฝ้าฮ่องเต้แล้วก็ออกไปสมทบกับกองทัพของเฮงซือหยิน ณ ค่ายหน้าเมือง
ฮ่อจีนปังก็ช่วยคิดอุบายจัดค่ายกลสู้รบกับกองโจรเป็นสามารถ แต่ก็ไม่มีทางเอาชนะได้ จนกระทั่ง โอเอียนเซียน ซึ่งจำศีลภาวนาจนเป็นผู้วิเศษ อยู่ที่เขาไฉเหียซัว ห่างออกไปสามสิบลี้ พิเคราะห์เห็นว่าหญิงสองคนที่เป็นพวกโจรนั้น คือปีศาจจำแลง จึงมาช่วยกำจัดปีศาจทั้งสองซึ่งทำการทุจริตเสีย จนพวกโจรต้องพ่ายแพ้ และตัวนายทั้งสามคือ เล่ากึน พวนอ๋อง และกิมเหงา ต้องถูกจับ แล้วเฮงซือหยินก็ให้ฮ่อจีนปังยกทหารหมื่นหนึ่งไปกำจัดพวกโจรที่ยึดเมืองกังเหลงฮู้ จนหมดสิ้นเสี้ยนหนามลง
เฮงซือหยินก็พาโอเอียนเซียนกับทหารทั้งปวง คุมเชลยทั้งสามกลับเข้าเมืองโซจิว เฝ้าพระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ กราบทูลความแต่ต้นจนโอเอียนเซียนมาช่วยตีกระบวนค่ายกล จนพวกโจรแตกจับตัวเล่ากึน พวนอ๋อง และกิมเหงา ได้ ให้ทรงทราบทุกประการ ฮ่องเต้ก็มีพระทัยยินดี ให้เบิกเงินทองและสิ่งของมีค่า มาพระราชทานแก่ผู้ชนะศึกโดยสมควรแก่ความชอบ นายทหารทั้งปวงก็คุกเข่าลงถวายบังคมรับของพระราชทานพร้อมกัน แต่โอเอียนเซียนไม่ยอมรับ กราบทูลว่าของทั้งนี้ใช่นิสัยพวกเซียนใช้สอย จงเอาไว้จะได้พระราชทานแก่ทหารทั้งปวงที่มีความชอบเถิด ฮ่องเต้จึงตรัสว่า
".....ท่านผู้วิเศษมาช่วยสงเคราะห์จึงกำจัดพวกโจรได้ หาไม่พวกข้าพเจ้าก็จะตายด้วยอำนาจปีศาจ คุณของท่านอยู่กับข้าพเจ้ามาก จะได้สิ่งไรตอบแทนเล่า....."
โอเอียนเซียนทูลว่า
".....ซึ่งข้าพเจ้ามาทั้งนี้ ด้วยพิเคราะห์ดู รู้ว่าชะตาแผ่นดินไต้เหม็งยังไม่สูญ จะสืบเชื้อวงศ์ต่อไปอีกหลายชั่ว ซึ่งเกิดเหตุนี้เพราะพระองค์ทรงประพฤติการที่ไม่เป็นประโยชน์ ประกอบแต่การเล่นเป็นพระราชธุระ ยิ่งกว่าราชการบ้านเมือง จึงเกิดขุ่นเคืองในพระทัย ได้ความทุกข์และวิตกเป็นอันมาก นี้หากพระบารมีคุ้มครองอยู่ ศัตรูก็พ่ายแพ้ไปราษฎรจึงได้ความสุข ตั้งแต่นี้ไปขอพระองค์จงตั้งอยู่ในราชประเพณี อย่าทรงเล่นเหมือนแต่ก่อน บ้านเมืองจึงจะได้ถาวรสืบไป....."
ฮ่องเต้มีพระทัยอาลัยโอเอียนเซียนยิ่งนัก จึงตรัสว่า
".....ท่านอาจารย์เป็นผู้วิเศษรู้เหตุต่าง ๆ ในโลก สั่งสอนสิ่งใดไว้ ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตาม ครั้นจะชวนท่านทำราชการก็เห็นไม่ได้ ด้วยนิสัยเป็นเซียน รักษาความสุขและที่สงัด ข้าพเจ้าก็จนใจ....."
แล้วโอเอียนเซียนก็ถวายบังคมลา กลับไปอยู่ที่เขาไฉเหียซัวตามเดิม ฮ่องเต้ก็สำราญพระทัยอยู่ในเมืองโซจิวอีกหลายเวลา
วันหนึ่งเสด็จออกขุนนางนายทหารทั้งปวงเฝ้าอยู่พร้อมกัน จึงรับสั่งให้จัดโต๊ะและสุรามาตั้ง พระราชทานขุนนางนายทหารกินเสร็จแล้ว เนียฉู จึงเชิญพระอักษรของฮองไทเฮามาถวาย ฮ่องเต้ทอดพระเนตรแจ้งความแล้ว ก็ทรงรับสั่งว่าจะกลับเข้าเมืองหลวง และตรัสกับสั่งขุนนางหัวเมืองที่ยกกองทัพมาช่วยว่า ท่านพากันคุมทหารยกมากำจัดพวกโจรครั้งนี้ เพราะมีกตัญญูต่อแผ่นดิน ความชอบของท่านมีอยู่แก่เรา เป็นอันมาก จงกลับไปรักษาบ้านเมืองตามเดิม ภายหลังจึงจะเลื่อนยศตามสมควร ขุนนางหัวเมืองทั้งปวง ก็ถวายบังคมลาพากันยกทหารกลับไป
พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ก็มีรับสั่งให้เนียฉู จัดเตรียมการยกกองทัพกลับ แล้วให้จิวหยงกับ ลีเหลง เอารถไปรับ นางลีฮอง มาโดยเร็ว นางลีฮองก็จัดแจงข้าวของขึ้นรถจากโรงเตี๊ยมที่ตำบลนำเล่าติ๋นมาเฝ้าที่เมืองโซจิว ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นก็มีพระทัยยินดี ให้เข้าไปอยู่กับ นางฉายเหีย ข้างใน เนียฉูก็ทูลถามว่า หญิงคนนี้พระองค์ได้มาแต่ไหน ฮ่องเต้ก็ตรัสเล่าความที่มาพักอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยม จนตั้งนางลีฮองเป็นกุยฮุย ให้ฟังทุกประการ เนียฉูแจ้งดังนั้นจะทูลทัดทานก็เห็นว่าการได้ล่วงมาจนทรงแต่งตั้งเสียแล้ว ประการหนึ่งลีเหลงก็มีความชอบ ได้ช่วยปราบเสี้ยนหนามแผ่นดินด้วยจึงนิ่งเสีย
ครั้นรุ่งเช้าฮ่องเต้ก็ตรัสสั่งเจ้าเมืองโซจิวและขุนนางกรมการ ให้ช่วยกันรักษาบ้านเมือง บำรุงราษฎรให้มีความสุขสืบไป จึงจะชุบเลี้ยงตั้งแต่งขึ้นเป็นใหญ่โดยควรแก่ความชอบ เจ้าเมืองโซจิวและขุนนางกรมการทั้งปวงก็คุกเข่าลงถวายบังคมพร้อมกัน ฮ่องเต้ก็เสด็จขึ้นทรงรถพา ซงฮำฮือ บิดานางฉายเหีย กับขุนนางและนายทหารออกจากเมืองโซจิว ให้ฮ่อจีนปังกับ จิวหยงเป็นทัพหน้า เฮงซือหยินคุมตัวเล่ากึนกับพวนอ๋องและกิมเหงา ใส่เกวียนมาเปนทัพหลัง ถึงเมืองใดเจ้าเมืองกรมการนายบ้าน และราษฎรก็ตั้งเครื่องบูชารับเสด็จทุกตำบล ฮ่องเต้ก็ยินดีเพลิดเพลินพระทัย จนถึงแดนเมืองปักเกียคือเมืองหลวง ขุนนางใหญ่น้อยรู้ก็มาคอยรับเสด็จอยู่นอกกำแพงเมือง
ฝ่าย จิวหงวน ตั้งแต่ลามารดาออกจากบ้าน อึงซุย ผู้ลุง จะเข้าเมืองปักเกีย เดินตามทางได้ยินชาวบ้านพูดว่า ฮ่องเต้ยกกองทัพกลับเข้าเมืองหลวง พอถึงเห็นขุนนางคอยรับเสด็จอยู่ ก็เข้าไปนั่งอยู่ด้วย พอพระเจ้าเจงเต็กเสด็จมาถึง ผู้รอรับเสด็จทั้งปวงก็คุกเข่าลงถวายบังคม ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นจิวหงวนก็มีพระทัยยินดี จึงประทับปราศรัยแก่ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยโดยสมควร แล้วรับสั่งให้ หลีเป๋า เซียจือ รับเอา จิวหงวนไปฝึกหัดให้รู้ขนบธรรมเนียม แล้วก็เสด็จ เลยเข้าพระราชวัง
ฝ่าย แบ๊เทีย น้องภรรยาเฮงซือหยิน กับขุนนางตงฉินทั้งปวง เห็นเฮงซือหยินมิได้ตาย แต่ตามเสด็จกลับมาก็ดีใจ แบ๊เทียตรงเข้าไปคำนับเฮงซือหยินแล้วถามว่า คำคนทั้งปวงลือมาว่าท่านโจนน้ำตายเหตุใดจึงยังอยู่ เฮงซือหยินหัวเราะแล้วก็เล่าความหลังให้ฟังทุกประการ เมื่อได้ฟังต่างก็สรรเสริญว่าคิดการถูกต้อง สมควรที่จะนับถือว่ามีสติปัญญาโดยแท้
พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ ก็เสด็จไปเฝ้าฮองไทเฮาพระราชมารดา ทูลขอโทษ ฮองไทเฮาทอดพระเนตรเห็นก็มีพระทัยยินดี ตรัสถามถึงความหลัง ฮ่องเต้ก็ทูลให้ทรงทราบสิ้นทุกประการ ฮองไทเฮาก็ตกพระทัยจึงตรัสว่า นี้หากว่าบุญของเจ้ามาก เซียนมาช่วยจึงได้พ้นอันตราย แต่นี้ไปจะทำการสิ่งใดให้ถูกต้องตามราชประเพณีจึงจะมีความสุข
ฮ่องเต้ก็รับคำฮองไทเฮา แล้วคำนับลาออกมาประทับที่ว่าราชการ ขุนนางฝ่ายทหารและพลเรือนเฝ้าอยู่พร้อม จึงมีรับสั่งให้รับนางกุยฮุยทั้งสองไว้ในพระราชวัง เนียฉูก็ทูลว่า
"....นางฉายเหียนั้นเป็นเชื้อขุนนางมาหลายชั่ว ควรที่จะเป็นกุยฮุยรับราชการฝ่ายใน ข้าพเจ้าพอประกันได้คงไม่เป็นอันตราย แต่นางลีฮองนั้นมีสติปัญญาประกอบด้วยรูปร่างลักษณะดี ควรที่จะเป็นข้าราชการก็จริง แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าตั้งโรงเตี๊ยมขายข้าวและสุรา คนไปมาไม่ขาด เปรียบเหมือนดอกไม้ใกล้ทางเดิน ข้าพเจ้ามีความรังเกียจอยู่ ใครจะเป็นผู้ค้ำประกัน....."
ฮ่องเต้ได้ฟังเนียฉูทูลดังนั้นจึงตรัสถามขุนนางที่เฝ้า ว่าผู้ใดจะรับประกันนางลีฮองได้บ้าง ก็ไม่มีผู้ใดยอมรับประกันด้วยเห็นจริงตามคำเนียฉูทูลทุกประการ ฮ่องเต้ก็ทรงขัดเคืองจึงตรัสว่า ถ้าขุนนางไม่มีใครประกันได้ เราก็รับประกันเอง
แล้วเนียฉูจะทำประการใด จึงจะไม่ให้ขัดพระทัยฮ่องเต้. ##########
Create Date : 15 มิถุนายน 2551 | | |
Last Update : 15 มิถุนายน 2551 19:16:38 น. |
Counter : 379 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ตอนที่ ๒๐ โจรกังฉิน
หลากชีวิตในพงศาวดารจีน
ยอดคนแผ่นดินเหม็ง
ตอนที่ ๒๐ โจรกังฉิน
" เล่าเซี่ยงชุน "
ฝ่าย จิวหยง นำ เฮงซือหยิน กับ เนียฉู เดินทางหลายวัน มาถึงแดนเมืองโซจิว เห็นราษฎรอุ้มลูกจูงหลานเดินร้องไห้มาตามทาง จิวหยงมีความสงสัยก็เข้าไปซักถาม ราษฎรก็บอกความว่า ฮ่องเต้เสด็จมาเที่ยวดูดอกเขงที่เมืองโซจิว รู้ถึงพวก เล่ากึน ซึ่งตั้งเป็นโจรอยู่ที่เขาอิมเขงเนีย จึงยกกองทัพมีพลหลายหมื่นมาตีบ้านเมืองได้หลายตำบล และบัดนี้เข้าล้อมเมืองโซจิวไว้แน่นหนา ได้ยินข่าวว่าทหารในเมืองออกสู้รบก็พ่ายแพ้แก่พวกโจร ข้าพเจ้าทั้งหลายนี้อยู่นอกเมือง จึงพากันหนีจะไปอาศัยอยู่ตำบลอื่น
เนียฉูก็ตกใจว่าการจวนถึงเพียงนี้ ท่านจะคิดประการใด จิวหยงจึงว่าท่านทั้งสองจงรีบไปเกณฑ์ทหาร ตามหัวเมืองที่ใกล้ในแขวงกังหนำนี้ ข้าพเจ้าจะไปหา กวดยี่หลง ที่เขาธอฮวยซัว ชวนกันคุมทหารมาสมทบกับท่าน ยกไปปราบปรามเล่ากึนกับพรรคพวกเสียให้ราบคาบในครั้งนี้ เนียฉูกับเฮงซือหยินเห็นชอบด้วย ต่างก็แยกทางกันรีบไปโดยเร็ว
จิวหยงไปถึงเขาธอฮวยซัว กวดยี่เหลงคำนับแล้วก็ถามว่า บัดนี้บั้นโซ้ยเสด็จพักอยู่ที่ไหน เหตุใดท่านจึงมาแต่ผู้เดียว จิวหยงก็เล่าความตามที่ราษฎรบอกให้ฟังทุกประการ แล้วว่าท่านจงจัดทหารยกไปช่วยโดยเร็ว จะได้มีความชอบในแผ่นดิน ชื่อก็จะปรากฏไปภายหน้า กวดยี่หลงจึงจัดทหารพร้อมแล้ว ให้จิวหยงเป็นทัพหน้า ให้ นางกุยเซียน กับ นางกุยหยง น้องฝาแฝดเป็นกองลำเลียงทัพหลัง ตนเองเป็นแม่ทัพ ยกลงจากเขาตรงไปเมืองโซจิวโดยเร็ว
เนียฉูกับเฮงซือหยินยกทหารมาถึงเมืองโซจิวก่อน เห็นพวกโจรตั้งค่ายล้อมเมืองไว้ทั้งสี่ด้าน ก็ขับทหารเข้าตีเป็นตลุมบอน กิมเหงาก็คุมไพร่พลเข้าสู้รบเป็นสามารถ ทหารของเนียฉูน้อยกว่าพวกโจรหลายส่วน สู้พวกโจรไม่ได้ต้องถอย กิมเหงาเห็นได้ทีก็รุกไล่ติดตามไปจนถึงตำบลนำเล่าติ๋น พอดีจิวหยงคุมพลมาถึงก็เข้าช่วยเนียฉู พวกโจรต้านทานไม่ไหวก็แตกหนีกลับไป จิวหยงคุมทหารไล่ไปจนถึงค่ายที่ล้อมเมืองอยู่ จึงให้ตั้งค่ายประชิดไว้ เมื่อกวดยี่หลงกับน้องสาว และเนียฉูกับเฮงซือหยิน ตามมาถึงก็ตั้งค่ายเรียงอยู่โดยลำดับ
ทั้งสองฝ่ายสู้รบกันอยู่หลายเวลา ลงท้ายจิวหยงออกอุบายให้เฮงซือหยิน กับ กวดยี่หลง เข้าตีค่ายกิมเหงาในตอนดึก แล้วทำเป็นแพ้ล่อให้กิมเหงาไล่ติดตาม ไปไกล จิวหยงก็ลอบเข้าไปเผาค่ายพวกโจร จนแสงเพลิงสว่างดังกลางวัน ฮ่องเต้ทรงทราบว่ามีกองทัพมาช่วย จึงให้ ซงโป กับ ลีเหลง คุมทหารออกช่วยตีกระหนาบจนค่ายโจรแตก เล่ากึน ซึ่งเฝ้าค่ายต้องพาไพร่พล หนีไปสมทบกับกิมเหงา ที่เมืองกังเหลงฮู้ แล้วส่งหนังสือไปถึง พวนอ๋อง ที่เมืองฮูปักให้ยกพลมาช่วยโดยเร็ว
จิวหยงพร้อมด้วยกวดยีหลง เนียฉู และเฮงซือหยิน ก็เข้าเมืองโซจิว มาเฝ้า พระเจ้า เจงเต็กฮ่องเต้ กราบทูลข้อความที่ได้รบพุ่ง มีชัยชนะแก่พวกโจร ให้ทรงทราบทุกประการ
ฮ่องเต้ก็มีพระทัยยินดี ตรัสถามเนียฉูว่า ท่านมานี้ด้วยธุระสิ่งใด เหตุใดจึงพบเฮงซือหยิน เนียฉูก็กราบทูลความตั้งแต่ขันทีนำพระอักษรมาให้ดูจึงได้รีบมาตามเสด็จ และได้พบกับเฮงซือหยิน ซึ่งคิดว่าตายไปแล้ว ก็ชวนกันสืบเสาะหาฮ่องเต้ จนได้พบกับจิวหยงซึ่งกลับมาจากเมืองฮุยจิว เมื่อทราบว่าพวกโจรล้อมเมืองโซจิวอยู่ จึงไปเกณฑ์ทหารหัวเมืองในแขวงกังหนำยกมา จิวหยงก็ไปหากวดยี่หลงชวนกันยกกองทัพมาอีกทางหนึ่ง จึงได้ช่วยกันตีพวกโจรแตกไป
แล้วเนียฉูก็กราบทูลถึงเรื่องเล่ากึน คิดร้ายต่อเฮงซือหยิน เมื่อหลายปีก่อน จนเฮงซือหยินต้องคิดอุบายว่าโจนน้ำตายไปพวกกังฉินจะได้สิ้นวิตก ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าเพราะเราหลงเชื่อถ้อยคำเล่ากึน ขุนนางและราษฎรจึงได้ความเดือดร้อน มันไม่คิดถึงคุณกลับทรยศจะทำลายชีวิตเราเสีย และครั้งนี้เพราะเราผู้เดียว มาเที่ยวให้ผิดราชประเพณี จนท่านทั้งหลายพลอยได้ความลำบาก
จิวหยงก็ทูลว่าครั้งนี้ได้กวดยี่หลงเป็นกำลัง จึงกำจัดพวกโจรได้โดยง่าย ฮ่องเต้ก็รับสั่งว่าถ้ากลับไปเมืองหลวงจะปูนบำเหน็จรางวัลโดยควรแก่ความชอบ แล้วตั้งให้เฮงซือหยินเป็นแม่ทัพ จิวหยงกวดยี่หลงเป็นนายทหารใหญ่ซ้ายขวา เตรียมเครื่องสัตราวุธและฝึกทหารให้พร้อมไว้
ฝ่ายพวนอ๋องเจ้าเมืองฮูปัก เตรียมจัดกองทัพจะไปช่วยเล่ากึน โดยหาซื้อช้างมาได้หลายร้อยเชือก ให้หมอควาญฝึกหัดจนดุร้ายชำนาญในการกระบวนศึก ครั้นแจ้งในหนังสือฉบับที่สองของเล่ากึน ก็รีบยกกองทัพช้างไปถึงเมืองกังเหลงฮู้ เล่ากึนก็ต้อนรับเป็นอันดี พวนอ๋องพักอยู่หลายเวลาจนทหารหายเหนื่อยแล้ว ก็ยกกองทัพไปเมืองโซจิว ให้กิมเหงาเป็นทัพหน้า พวนอ๋องเป็นทัพหนุน เล่ากึนเป็นทัพหลัง เมื่อถึงก็ตั้งค่ายลงไว้มั่นคง แล้วก็ยกกองทัพช้างไปซุ่มไว้แต่เวลากลางคืน
ครั้นรุ่งเช้าเล่ากึนก็ให้กิมเหงาคุมไพร่พลไปร้องท้ารบที่หน้าเมืองโซจิว ฮ่องเต้ก็รับสั่งให้จิวหยง กวดยี่เหลงเป็นทัพหน้า เฮงซือหยินเป็นทัพหนุน ยกออกไปรบกับกิมเหงาได้ไม่กี่เพลง กิมเหงาก็ทำเสียทีถอยหนี จิวหยงกับกวดยี่เหลงก็ขับม้าไล่ตามไป เฮงซือหยินก็คุมทหารหนุนไปทางประมาณสามลี้
พวนอ๋องซึ่งซุ่มทัพอยู่ ก็ให้ทหารขับช้างออกเหยียบย่ำ ไล่แทงทหารเมือง โซจิวล้มตายลงเป็นอันมาก เฮงซือหยินจิวหยงและกวดยี่เหลงเห็นเช่นนั้น ก็ตกใจถอยทหารกลับ พวนอ๋องก็ขับทัพช้างไล่ตามบดขยี้มาจนถึงหน้าเมืองโซจิว แม่ทัพทั้งสามก็พาทหารที่เหลือหนีเข้าเมือง ปิดประตูลงเขื่อนไว้แน่นหนา
พวนอ๋องขับทัพช้างจะเข้าทำลายประตูเมือง ทหารบนเชิงเทินก็ยิงเกาทัณฑ์และคั่วกรวดทรายเทลงมาดังห่าฝน ถูกช้างและคนเจ็บป่วยเป็นอันมาก ต้องถอยกลับไป
แม่ทัพทั้งสามก็รีบไปเฝ้าฮ่องเต้ กราบทูลความตามที่เสียทีมา ให้ทรงทราบ แล้วทูลว่าศึกครั้งนี้เข้มแข็งนัก ด้วยพวกโจรมีทัพช้างเป็นกำลัง จะสู้รบซึ่งหน้าเห็นไม่ได้ ต้องคิดหาอุบายให้ชอบก่อนจึงจะมีชัยชนะ ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าการครั้งนี้เรามอบให้ท่านทั้งสามปรึกษาหารือกัน เห็นควรประการใดก็แล้วแต่ท่าน ทั้งสามนายก็ถวายบังคมลากลับมาคิดอุบายที่จะกำจัดพวกโจรต่อไป
ฝ่าย โปยหิม กับ บ้วนยินเต็ก ได้ยินข่าวว่ากองทัพเมืองโซจิวเสียทีแก่พวกโจรซึ่งมีกองทัพช้าง โปยหิมจึงว่าฮ่องเต้หลงใหลเล่ากึนซึ่งเป็นขุนนางกังฉิน จึงได้ความเดือดร้อนแก่พระองค์ ไม่น่าปราณีเลย แต่เรารู้เหตุแล้วครั้นจะนิ่งเสีย ก็ผิดทางกตัญญูต่อแผ่นดินไป ส่วนเล่ากึนนั้นก็คิดทำร้ายบิดาถึงสิ้นชีวิตจึงมีความแค้นอยู่เป็นอันมาก
บ้วนยินเต็กจึงว่า ธรรมดาผู้ที่สัตย์ซื่อแต่โบราณ ย่อมถือการกตัญญูเป็นที่ตั้ง มิได้คิดอาฆาตพยาบาทต่อท่านผู้มีคุณ คือบิดามารดาและพระมหากษัตริย์เป็นต้น จึงจะมีความเจริญยืดยาวอยู่นาน ถ้าผู้ใดเป็นพาลคิดทำร้ายผู้มีพระคุณ ถึงตัวประกอบด้วยยศศักดิ์ และอำนาจวาสนาอันใหญ่ยิ่ง บริบูรณ์ทั้งทรัพย์สินสักเท่าใด ก็ไม่อาจสามารถจะถาวรอยู่ได้คงเสื่อมสูญไปเป็นแท้ ด้วยเหตุอกตัญญูเหมือนเล่ากึนนี้
พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ทรงชุบเลี้ยงเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ไว้พระทัยเชื่อถือต่างพระเนตรพระกรรณ ให้ว่าราชการแผ่นดิน ก็ไม่สุจริตคิดแต่จะหาผลประโยชน์เงินทอง โดยไม่เห็นแก่พระมหากษัตริย์ที่พระราชทานยศศักดิ์ให้ ผิดประเพณีขุนนางที่ซื่อตรงแต่ก่อน ครั้นทรงทราบจึงจับตัวไปทำโทษ หนีได้กลับมีใจทรยศคิดร้ายต่อท่านผู้มีคุณ ก็พ่ายแพ้ไปครั้งหนึ่งแล้ว ยังมิหนำซ้ำชวนพวกพ้องยกมาทำร้ายอีก และว่า
".....ท่านกับข้าพเจ้ารู้แล้ว ต้องยกไปช่วยจึงจะว่ามีกตัญญูต่อแผ่นดินประการหนึ่งถ้ากำจัดเล่ากึนได้สมความคิด ก็เหมือนช่วยแก้แค้นแทนบิดา ชื่อเสียงก็จะปรากฏสืบไป....."
โปยหิมได้ฟังก็เห็นชอบด้วย บ้วนยินเต็กจึงให้คนใช้ไปจัดซื้อทองขาวมาได้มากแล้ว ให้ช่างหล่อเป็นรูปคน ข้างในนั้นโปร่งมีรอยต่อที่คอทุกรูป ได้ประมาณร้อยเศษ แล้วจึงตีกลองสัญญาเรียกไพร่พลมาพร้อม จัดกระบวนทัพให้โปยหิมเป็นกองหน้า นางมิหงวนกับนางซิวซุน ผู้น้องเป็นทัพหนุน ตัวบ้วนยินเต็กเป็นทัพหลวง ยกพลคุมรูปหล่อตั้งไปบนรถ เดินกองทัพลงจากเขาจูเลงซัวตรงไปเมืองโซจิว ตั้งค่ายอยู่นอกเมืองแล้วให้คนเข้าไปแจ้งแก่เฮงซือหยินแม่ทัพใหญ่
เฮงซือหยินก็มีความยินดีเปิดประตูเมืองรับไว้ โปยหิมกับบ้วนยินเต็กก็เข้าไปคำนับ และเล่าเรื่องหลังให้ทราบ แล้วก็พากันไปเฝ้าฮ่องเต้กราบทูลให้ทรงทราบทุกประการ
ฮ่องเต้ก็ตรัสแก่บ้วนยินเต็กและโปยหิมว่าแต่ก่อนไม่ทันตรองเพราะเชื่อฟังคนไม่สุจริต บิดาท่านทั้งสองจึงถึงแก่ความตาย โทษอยู่กับเราเป็นอันมาก และครั้งนี้เรามีความทุกข์ ท่านก็มิได้พยาบาทอาฆาตต่อเรา ชวนกันยกทัพมาช่วยด้วยใจกตัญญู สมควรที่เป็นชายชาติทหารเหล่ากอขุนนางสัตย์ซื่อมาแต่ก่อน มีความชอบต่อเราเป็นอันมาก ถ้ากำจัดพวกโจรเสร็จแล้ว กลับเข้าเมืองหลวงเราจะชุบเลี้ยงแต่งตั้งให้เป็นขุนนางสืบแซ่และตระกูลต่อไป ทั้งสองนายก็ยินดีคุกเข่าลงถวายบังคมแล้วทูลลากลับไปค่าย
ครั้นวันรุ่งขึ้นเช้าเฮงซือหยินให้หานายทัพนายกองมาพร้อมแล้ว ปรึกษาว่าข้าศึกมีช้างเป็นกำลัง ท่านทั้งปวงจะคิดประการใดจึงจะสู้ทัพช้างได้ นายทัพนายกองทั้งปวงยังไม่เห็นอุบายอย่างไร ก็พากันนิ่งเฉยอยู่ แต่บ้วนยินเต็กกับโปยหิม เข้าไปใกล้เฮงซือหยินแล้วกระซิบแจ้งความตามอุบายให้ทราบ เฮงซือหยินก็ยินดีเป็นอันมาก สรรเสริญว่าท่านคิดทำมานี้ดีนัก สมควรที่จะเป็นนายทหาร ทำนุบำรุงแผ่นดินสืบไป
พอเวลาค่ำเฮงซือหยินจึงสั่งให้จิวหยงกับลีเหลง คุมทหารคนละหมื่นไปซุ่มอยู่หลังค่ายพวกโจร แล้วกำชับว่าถ้าพวกโจรแตกหนีจงตีซ้ำเติมฆ่าเสียให้สิ้น ให้กวดยี่หลงคุมทหารห้าพันไปท้ารบหน้าค่ายพวกโจรแล้วทำเสียทีถอยหนี ถ้าพวกโจรขับทัพช้างไล่ จงแบ่งให้ทหารหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ตามชายป่า แม้ได้ยินปะทัดสัญญาจงเข้าระดมรบให้พร้อมกัน
ตัวเฮงซือหยินกับ บ้วนยินเต็กและโปยหิมนั้น คุมทหารสามหมื่นชักรถรูปหล่อเป็นทัพหนุน ให้ ซงโป คุมทหารอยู่รักษาเมือง พรุ่งนี้เช้าก็จะได้รู้กันว่าใครจะชนะ. ##########
Create Date : 13 มิถุนายน 2551 | | |
Last Update : 13 มิถุนายน 2551 11:51:26 น. |
Counter : 511 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ตอนที่ ๑๙ โจรจำใจ
หลากชีวิตในพงศาวดารจีน
ยอดคนแผ่นดินเหม็ง
ตอนที่ ๑๙ โจรจำใจ
" เล่าเซี่ยงชุน "
กลับไปกล่าวถึงกองโจรอีกก๊กหนึ่งซึ่งมี บ้วนยินเต็ก และ โปยหิม เป็นหัวหน้า ตั้งอยู่ที่เขาจูเฮาซัว โปยหิมนั้นเป็นบุตรของ ตังเทงอุน ขุนนางตำแหน่งรับหนังสือขึ้นถวายฮ่องเต้ มีน้องสาวคนหนึ่งชื่อ นางมิหงวน มารดาชื่อ นางเฮียบสี พี่น้องสองคนนี้รูปร่างงามมีสติปัญญาจะประพฤติสิ่งใดก็ถูกใจกัน ถ้าฤดูฝนฤดูหนาวเล่าเรียนหนังสือ ศึกษาตำราพิชัยสงคราม ถ้าฤดูร้อนฝึกหัดเพลงอาวุธ และขี่ม้าได้แคล่วคล่องชำนาญ
เมื่อหลายปีมาแล้วขณะเมื่อ เล่ากึน ยังเป็นใหญ่อยู่ในพระราชวัง เอียอิดเซง เจ้าเมืองเซียมไซทำหนังสือราชการแจ้งเรื่องที่ โจรก๊ก เฮงตินพัว ยกพลมาตีหัวเมืองหลายแห่ง ส่งไปเมืองหลวง ตังเทงอุนได้รับหนังสือแล้วก็รีบนำไปถวายฮ่องเต้ในพระราชวัง แต่เล่ากึนต้องการให้ฮ่องเต้ได้เพลินเพลินในการเล่นต่าง ๆ จึงแขวนป้ายห้ามเฝ้าไว้หน้าประตู ตังเทงอุนแจ้งว่าหนังสือนี้สำคัญ ด้วยหัวเมืองใหญ่บอกเข้ามาเป็นการร้อนจะรอช้าไว้ไม่ได้ ต้องกราบทูลให้ทรงทราบในวันนี้ ก็จะเข้าไปให้ได้ พวกของเล่ากึนก็ฉุดเอาไว้ แล้วก็โต้เถียงกันอื้ออึงอยู่
เล่ากึนได้ยินเสียงก็ออกมาถามเรื่องราว พวกของเล่ากึนก็บอกว่า ตังเทงอุนจะเข้าไปข้างในให้ได้ ข้าพเจ้าห้ามไว้กลับด่าว่าหยาบช้าต่าง ๆ พลอยถึงท่านด้วย เล่ากึนก็โกรธสั่งให้พวกเหล่านั้นจับตังเทงอุน เอาไม้เคาะปากจนฟันหักไปหลายซี่ ตังเทงอุนเจ็บเหลือทนอ้าปากไม่ขึ้น ก็ด่าพึมพำอยู่ในคอ แล้วสบัดหลุดออกได้จึงตรงเข้าไปจะตีเล่ากึน แต่เล่ากึนก็หนีเข้าข้างในเสีย ตังเทงอุนจะตามเข้าไป พวกของเล่ากึนก็ช่วยกันยุดไว้ ตังเทงอุนน้อยใจเป็นอันมาก ตะโกนด่า เล่ากึนด้วยเสียงอันดัง แล้วเอาศรีษะฟาดเข้ากับประตูขาดใจตาย
พวกของเล่ากึนก็ทุบป้ายมังกรที่ห้ามเฝ้านั้นแตก แล้วเล่ากึนก็กราบทูลฮ่องเต้ว่า ตังเทงอุนจะเข้ามาเฝ้าเมื่อถูกห้ามก็โกรธ ทุบป้ายนั้นเสียไม่เกรงพระอาญา ภายหลังรู้สึกตัวกลัวผิด จึงเอาศรีษะฟาดประตูแตกตาย พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ ก็เชื่อ รับสั่งให้เอาศพตังเทงอุนรักษาไว้ก่อน แล้วจะให้ไปจับบุตรภรรยามาทำโทษภายหลัง
คนใช้ของตังเทงอุนก็กลับมา บอกภรรยาตังเทงอุนให้ทราบ สามคนแม่ลูกก็เสียใจจนสลบลง คนใช้แก้ไขสองพี่น้องฟื้นขึ้นมาได้ แต่นางเฮียบสีนั้นขาดใจตายไป บุตรทั้งสองเห็นมารดาตาย ก็ยิ่งเสียใจมีความโกรธแค้นพวกเล่ากึนมากขึ้น จึงช่วยกันจัดแจงฝังศพมารดา แล้วเอาทรัพย์สิ่งของมอบให้คนใช้แจกจ่ายแบ่งปันกัน แล้วสั่งให้รีบไปอาศัยอยู่ที่อื่นโดยเร็ว ตัวเราพี่น้องมีความเจ็บแค้นมากไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว พวกคนใช้ทั้งปวงจะขอตามไปด้วยก็ห้ามไว้ เพราะตั้งใจจะเข้าไปฆ่าเล่ากึน แก้แค้นแทนบิดามารดา
เมื่อคนใช้ไปหมดแล้ว โปยหิมกับนางมิหงวนก็คุกเข่าลงคำนับ ที่หลุมศพมารดา ร้องไห้คร่ำครวญว่า บิดามารดามีคุณเลี้ยงมาข้าพเจ้ายังมิได้แทนคุณเลย ครั้งนี้บิดามารดาตาย ก็มิได้นุ่งขาวห่มขาวคำนับรักษาศพ เพราะมีความแค้นพวกเล่ากึนนัก ขอบิดามารดาจงช่วยข้าพเจ้าด้วย
แล้วโปยหิมอายุสิบเก้าปี กับนางมิหงวนอายุสิบเจ็ดปี ก็แต่งตัวให้รัดกุม ถืออาวุธ คู่มือดูสง่ากล้าแข็งดุจเสือและมังกร รีบเข้าไปในพระราชวัง ขันทีซึ่งเฝ้าประตูอยู่ก็เข้ามาห้าม โปยหิมก็ผลักเอาขันทีผู้นั้นล้มลงแล้วตรงเข้าไปข้างใน พวกเล่ากึนเห็นคนบุกรุกเข้ามาก็ปิดประตูใน โปยหิมก็ผลักประตูด้วยกำลังแรงจนหักพังลง พวกเล่ากึนก็ตกใจหนีไปสิ้น พี่น้องก็ไล่ตามไปถึงเก๋งข้างใน ค้นหาเล่ากึนทั่วทุกแห่งมิได้พบ เจอขันทีคนหนึ่งก็เอาทวนจ่อที่คอ ให้บอกว่าเล่ากึนอยู่ที่ไหน ขันทีก็บอกว่าเล่ากึนกินโต๊ะเสพสุราอยู่กับฮ่องเต้ที่เก๋งข้างใน แล้วก็ชี้ทางให้ สองพี่น้องก็ปล่อยตัวแล้วรีบไปตามทางที่บอกนั้น
ขันทีผู้นั้นมิใช่พวกของเล่ากึน จึงออกจากพระราชวัง ไปหา เนียฉู ขุนนางผู้ใหญ่ที่บ้าน แจ้งความให้ฟังทุกประการ เนียฉูรู้จักตังเทงอุนจึงรีบเข้าไปในพระราชวัง โดยเร็ว
ฝ่ายโปยหิมกับนางมิหงวนเข้าไปถึงข้างใน ฮ่องเต้กำลังเสวยสุราอยู่กับพวกเล่ากึน เห็นสองพี่น้องถืออาวุธเข้ามาท่วงทีดุร้าย ก็ตกพระทัยไม่รู้ว่ามีเหตุผลสิ่งใด โปยหิมก็เงื้อทวนจะแทงเล่ากึน ฮ่องเต้กับเล่ากึนตกใจก็ลงจากเก้าอี้หนีไป ทั้งสองไล่ตามไป โปยหิมเอาทวนแทงพรรคพวกเล่ากึนคนหนึ่ง กลางหลังทะลุอกขาดใจตาย นางมิหงวนเอากั๋นฟาดถูกหน้าผากอีกคนหนึ่งตาย ฮ่องเต้พาเล่ากึนหนีรอดไปเฝ้าฮองไทเฮา ทูลความให้ทราบทุกประการ
ฮองไทเฮาได้ฟังก็ตกพระทัย ขึ้นไปดูบนหอสูงเห็นทั้งสองพี่น้องไล่เข้ามา ฮองไทเฮาถามว่าสองคนนี้เป็นบุตรผู้ใดใครสั่งสอนจึงกล้าถืออาวุธเข้ามาในพระราชวัง ทำให้ฮ่องเต้ตกพระทัยแล้วฆ่าขุนนางผู้ใหญ่เสียดังนี้ ไม่กลัวความผิดหรือ
พี่น้องสองคนได้ยินและเงยหน้าขึ้นดู เห็นหญิงใส่เสื้อมังกรก็รู้ว่าฮองไทเฮา จึงคุกเข่าลงคำนับ กราบทูลชื่อแซ่และว่าเป็นบุตรของตังเทงอุนทำราชการซื่อตรงมาหลายชั่วแล้ว ครั้งนี้บิดานำใบบอกหัวเมืองเข้ามากราบทูล เล่ากึนกับพวกจับบิดาทุบตีเอาไม้เคาะฟันหักหลายซี่ บิดามีความน้อยใจจึงเอาศรีษะฟาดเสาประตูตาย มารดาได้ทราบก็เสียใจร้องไห้จนขาดใจตาย ข้าพเจ้ามีความแค้นเท่าฟ้าและดิน ซึ่งล่วงพระราชอาญาเข้ามานี้ก็รู้ว่าผิด แต่เหลือที่จะอดกลั้น ขอพระองค์ทรงเมตตาปล่อยเล่ากึนกับพวกออกมาให้ฆ่าเสีย ข้าพเจ้าทั้งสองจะยอมรับพระราชอาญาตาย
ฮองไทเฮาได้ฟังก็ตรัสว่า เจ้าทั้งสองจงกลับไปเสียก่อน เราจะว่ากล่าวฮ่องเต้ชำระให้ ทั้งสองได้ฟังรับสั่งแล้วก็ไม่อาจขัด จึงถวายบังคมลากลับออกมา ทหารรักษาพระองค์ที่เป็นพวกเล่ากึน ก็กรูเข้ามาสกัดหน้าไว้ ทั้งสองก็เข้าสู้รบกับทหาร และแทงเจ็บป่วยไปอีกหลายคน
พอดีเนียฉูเข้ามาถึงก็ห้ามไว้ แล้วบอกว่าซึ่งเจ้าทำทั้งนี้ ความผิดจะมาถึงตัวเพราะการไม่ตลอด เล่ากึนยังไม่ตายจะคิดอุบายกราบทูลยุยงต่าง ๆ โทษเจ้าก็จะถึงชีวิต จงรีบหนีไปเสียให้พ้นจากเมืองหลวงโดยเร็ว สองคนพี่น้องได้ฟังก็คำนับลาเนียฉูรีบหนีไป
เมื่อโปยหิมกับนางมิหงวนไปแล้ว พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้เสด็จออกมา เห็นศพขุนนางทั้งสองและทหารที่เจ็บป่วย นอนร้องครวญครางอยู่ ก็ทรงพระโกรธรับสั่งให้เล่ากึนคุมทหารพันหนึ่ง รีบไปบ้านตังเทงอุนจับบุตรภรรยา และผู้คนในเรือนมาให้สิ้น แต่ก็ไม่พบผู้คนและข้าวของสิ่งใด เพราะขนหนีไปหมดแล้ว เล่ากึนก็กลับมากราบทูลให้ทรงทราบ
ฮ่องเต้ก็รับสั่งให้เขียนประกาศไปตามหัวเมืองต่าง ๆ ผู้ใดจับได้จะให้ทองพันตำลึง และให้ เจียวฮอง คุมทหารสองพันไปสืบจับตัวสองพี่น้องนั้นมาให้จงได้ เจียวฮองก็คุมทหารไปจนถึงเมืองหงยุนกุ้ยก็ไม่พบ แต่กลับได้ กิมเหงา มาเป็นทหารคู่ใจจนได้ร่วมคิดการใหญ่ในภายหลัง
ฝ่ายโปยหิมกับนางมิหงวนเดินไปตามทาง ก็ปรึกษากันว่าจะไปอาศัยอยู่กับบิดาของมารดา ซึ่งเป็นเจ้าเมืองฮอหนำ ชื่อ เฮียบเซียงซุน แต่ถ้าไปทางใหญ่พบทหารมากก็จะเสียที ควรจะไปทางเล็กแม้จะอ้อมถึงช้าก็คงจะไม่มีภัย ทั้งสองก็เดินไปจนถึงตำบลแซจิวฮู้แดนเมืองซัวตั๋งมีเขาใหญ่ชื่อจูเลงซัว เห็นต้นไม้ร่มเย็นก็หยุดพัก พอให้หายเหนื่อย เห็นคนเดินถืออาวุธมาประมาณหกสิบคน ร้องว่าท่านทั้งสองจะไปทางนี้ต้องเอาเงินมาให้เรา
โปยหิมไม่ยอมให้ก็เข้าสู้รบกัน นายโจรถูกโปยหิมถีบล้มลง และเอาเท้าเหยียบไว้ไม่มีใครช่วยได้ โปยหิมจึงว่าเราจะฆ่าท่านบัดนี้ก็เสียดายคมอาวุธ จะปล่อยให้ไปบอกนายใหญ่ คุมสมัครพรรคพวกมารบกัน ถ้าเราแพ้จะให้เงินทอง
นายโจรผู้นั้นก็ไปบอกไต้อ๋องกับน้องสาว ลงจากเขามาสู้รบกับโปยหิม และนาง มิหงวนเป็นสองคู่ หัวหน้าโจรสู้ฝีมือโปยหิมไม่ได้เสียทีถูกโปยหิมแทงขาม้าล้มลง อาวุธหลุดจากมือ แต่โปยหิมกลับเข้าพยุงให้ลุกขึ้น แล้วว่าข้าพเจ้าทำล่วงเกินต่อท่านขออภัยเถิด หัวหน้าโจรก็คำนับแล้วว่า ขอบคุณท่านนักเราเสียทีท่านมิได้ทำอันตราย แล้วก็ห้ามนางทั้งสองให้เลิกรบกัน
ต่างคนต่างถามชื่อแซ่ หัวหน้าโจรก็บอกว่าชื่อ บ้วนยินเต็ก น้องสาวชื่อ นางซิวซุน แล้วถามว่าท่านมีธุระสิ่งใดจึงมาถึงที่นี่ โปยหิมก็บอกชื่อของตนกับน้องสาว แล้วเล่าความเดิมให้ฟังโดยตลอด
บ้วนยินเต็กว่าท่านทำผิดเป็นการใหญ่ ฮ่องเต้ทรงขัดเคือง คงจะสั่งให้ทหารคอยจับ ท่านจะไปอาศัยเจ้าเมืองฮอหนำกลัวจะไม่พ้นภัย ด้วยเจ้าเมืองเป็นผู้ใหญ่คนไปมามิได้ขาด ถ้ามีผู้รู้กราบทูลจะผิดถึงญาติท่านด้วย ทั้งตัวท่านก็จะได้ความลำบาก
โปยหิมได้ฟังก็ถอนใจใหญ่แล้วว่า เกิดมาทุกวันนี้ดีและชั่วรักษาตัวยาก ซึ่งทำผิดก็เพราะคิดถึงคุณบิดามารดา ตามแต่บุญและกรรมจะนำไป ถึงอายุที่สุดลงเพียงไหนก็หยุดอยู่เท่านั้น พูดแล้วก็ร้องไห้ บ้วนยินเต็กก็ชักชวนให้อยู่ด้วยกันก่อน เกลี้ยกล่อมผู้คนให้มากแล้วจึงค่อยยกไปกำจัดพวกไม่สุจริตเสีย โปยหิมก็ว่าจะอยู่เป็นโจรด้วยนั้นไม่ได้จะเสียชื่อแซ่
บ้วนยินเต็กก็เล่าความหลังว่า บิดาของตนก็เป็นขุนนางซื่อตรง ถวายเรื่องกล่าวโทษเล่ากึน แล้วกลับถูกลงโทษถึงตาย จึงหนีมาตั้งตัวเป็นไต้อ๋อง รวบรวมกำลังผู้มีฝีมือและสติปัญญาไว้ เมื่อใดขุนนางกังฉินคิดกบฏขึ้น ก็จะได้ยกไปกำจัดเสียช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินให้ราษฎรมีความสุข เหมือนหนึ่งแก้แค้นแทนบิดา ใช่ว่าจะตั้งเป็นโจรปล้นชิงราษฎรเมื่อไรเล่า ความทุกข์ของท่านและข้าพเจ้าก็เหมือนกัน อย่าได้มีความรังเกียจเลย โปยหิมได้ฟังก็ยินดีอยู่ด้วยแล้วทั้งสี่ก็สาบานเป็นพี่น้องร่วมชีวิตกัน บ้วนยินเต็กอายุยี่สิบสี่ปีเป็นพี่ใหญ่ โปยหิมเป็นที่สอง นางซิวซุนเป็นที่สามนางมิหงวนเป็นสุดท้อง
ตั้งแต่นั้นมาก็เลิกประพฤติเป็นโจร อุตส่าห์ทำไร่ไถนาหาเลี้ยงชีวิตโดยสุจริต บ้วนยินเต็กก็ให้พวกพ้องผลัดเปลี่ยนกันไปสืบข่าวในเมืองหลวงมิได้ขาด จึงได้ทราบข่าวว่า ฮ่องเต้ได้มีรับสั่งให้จับเล่ากึนกับพวกประหารชีวิตเสีย แต่กิมเหงาพาหนีไปได้ โปยหิมก็สั่งไพร่พลให้ติดตามหาเล่ากึน ก็ไม่ได้ข่าวว่าไปหลบอยู่ที่ใด
ต่อมาจึงได้ข่าวว่า ฮ่องเต้มาเที่ยวและประทับพักอยู่ที่เมืองโซจิว เล่ากึนอยู่ที่เขาอิมเขงเนียก็คุมพลมาล้อมเมืองไว้
บ้วนยินเต็กจึงชวนโปยหิมให้ยกพลไปช่วยรบกับพวกกังฉิน แต่โปยหิมนั้นมีความแค้น ทั้งเล่ากึนและฮ่องเต้ จึงลังเลอยู่.
##########
Create Date : 12 มิถุนายน 2551 | | |
Last Update : 12 มิถุนายน 2551 8:06:11 น. |
Counter : 406 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ตอนที่ ๑๘ คนดีตายยาก
หลากชีวิตในพงศาวดารจีน
คนซื่อแห่งกังหนำ
ตอนที่ ๑๘ คนดีตายยาก
" เล่าเซี่ยงชุน "
ย้อนกลับไปกล่าวถึงขุนนางที่ชื่อ เฮงซือหยิน ชาวเมืองเจียเพงกุ้ยเป็นผู้มีน้ำใจสัตย์ซื่อมีสติปัญญารู้วิชาฝ่ายทหารจะจัดการสิ่งใดก็ถูกต้อง มีฝีมือเข้มแข็งชำนาญในเพลงอาวุธ และเรียนรู้ตำราพิชัยสงครามมีสติปัญญาและความคิดเหมือนอย่าง ซุนบูจู๊ ครั้งแผ่นดินเลียดก๊ก และ ขงเบ้ง ครั้งแผ่นดินสามก๊ก
เล่ากึน ขันทีผู้ใหญ่ที่เป็นกังฉินก็มีความรัก อยากได้ไว้เป็นพวกพ้อง ให้คนมาชักชวนเกลี้ยกล่อมหลายครั้ง เฮงซือหยินก็ไม่ยอมเข้าด้วย เห็นว่าเล่ากึนเป็นคนไม่สุจริต
เฮงซือหยินเป็นคนชอบกันกับ เอียบวนเอง ชาวเมืองห้างจิวได้เคยพูดกับเอียบวนเองไว้ว่า
ข้อหนึ่ง คนที่กตัญญูทำราชการมีความชอบ ได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่จนชราลง ทูลลาออกจากที่กลับไปอยู่บ้านเดิมของตัวก็มี
ข้อสอง คนที่มีความสัตย์ ทำราชการสนองพระเดชพระคุณเจ้านายโดยสุจริต ได้เป็นใหญ่ขึ้นแล้วภายหลังสู้คนสอพลอที่ประจบประแจงไม่ได้ ต้องถอดเสียจากราชการก็มี
ข้อสาม คนที่มีกำลังช่วยอาสาแผ่นดิน ทำศึกปราบปรามศัตรู ชื่อเสียงปรากฎ ครั้นบ้านเมืองเป็นสุขแล้ว ต้องตายด้วยราชอาญาต่าง ๆ ก็มี
ข้อสี่ คนที่มีความเพียรทำราชการโดยสุจริต ตั้งใจจะให้เป็นประโยชน์แก่แผ่นดินและเจ้านายของตัว มิได้คิดแก่ลำบากอยากจะให้ชื่อปรากฎไว้ ครั้นเจ้านายได้เป็นใหญ่บริบูรณ์ขึ้นแล้ว คนเข้ามาอาสาหาประโยชน์ใส่ตัว ยุยงส่งเสริมคนทำความชอบไว้แต่เดิม กลับต้องออกจากที่อย่างนี้ก็มี
ข้อห้า คนที่ทำราชการพอประมาณ คิดการแต่ที่จะรักษาตัวให้พ้นความผิด ถึงคราวจะได้เป็นใหญ่ ก็ได้เป็นใหญ่อย่างนี้ก็มี
ทั้งห้าข้อนี้ ผู้ใดจะหมายเป็นแน่นั้นไม่ได้ ตามแต่วาสนาของตัวได้ทำมา
ต่อมา เมื่อหลายปีมาแล้ว เล่ากึนหาเหตุทูลให้พระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ถอดออกจากที่ แต่ให้ไปเป็นนายอำเภอตำบลบ้านเลงเตีย ขึ้นอยู่กับเมืองกุยจิว เฮงซือหยินมีความโทมนัสน้อยใจ จึงสั่งบุตรภรรยาให้เก็บทรัพย์สิ่งของลงเรือ รีบไปตามรับสั่ง
ฝ่ายเล่ากึนคิดว่าเฮงซือหยินมีสติปัญญา ฝีมือเข้มแข็ง น้ำใจสัตย์ซื่อ ขุนนางและราษฎรรักใคร่มาก ถ้าไปถึงตำบลเลงเตียแล้ว จะมีความพยาบาทคิดเป็นศัตรูขึ้น จำจะฆ่าเฮงซือหยินเสีย จึงจะสิ้นเสี้ยนหนามต่อไป แล้วจัดหาคนที่สนิทมีฝีมือ ได้แปดคนสั่งเป็นความลับให้ไปซุ่มอยู่ที่แม่น้ำจีตึงกัง คอยฆ่าเฮงซือหยินกับบุตรภรรยาเสียให้สิ้น
เฮงซือหยินล่องเรือมาถึงแม่น้ำจีตึงกัง เห็นแม่น้ำนั้นลึกมีเขาทั้งสองข้างทางลำน้ำก็แคบพอให้เรือเดินได้ลำเดียว เป็นทางเปลี่ยวคับขันนัก นึกสะดุ้งในใจจึงให้ถอยเรือกลับหลังมาประมาณหนึ่งเส้น พอเวลาค่ำก็จอดพักนอนอยู่ที่นั้น
เฮงซือหยินคิดว่าตำบลเลงเตียก็มีผู้รักษาอยู่แล้ว เหตุไรจึงให้มาอีกเล่า เห็นจะเป็นอุบายของเล่ากึน มีความโกรธแกล้งให้เรามาทางนี้ แล้วให้คนมาคอยทำร้ายเป็นมั่นคง
จึงคิดอุบายเขียนหนังสือขึ้นฉบับหนึ่งลาบุตรภรรยา และให้เอียบวนเองช่วยพาครอบครัว ไปส่งที่เมืองฮอหนำบ้านเดิมด้วย แล้วเฮงซือหยินก็ถอดเสื้อกางเกงและหมวกกองไว้ริมตลิ่ง แล้วหนีไปอยู่ตำบลเขาปูอิซัว แกล้งทำเป็นบ้าบอ คนทั้งปวงไม่มีใครสงสัยคิดว่าเป็นคนเสียจริต
ครั้นเวลารุ่งเช้าบุตรภรรยา เห็นแต่หมวกเสื้อกางเกงกองอยู่ คิดว่าเฮงซือหยินโจนน้ำตาย ก็ร้องไห้เศร้าโศกเป็นอันมาก จึงไปหยิบหมวกเสื้อกางเกงลงมาในเรือ เห็นหนังสือสลักหลังถึงเอียบวนเอง จึงเอาไปให้ตามคำสั่ง เอียบวนเฮงอ่านทราบความแล้วก็ส่งบุตรภรรยาเฮงซือหยินไปอยู่ที่เมืองฮอหนำ
ส่วนเฮงซือหยินก็ลงเรือ เที่ยวเร่ร่อนไปไม่อยู่เป็นที่ วันหนึ่งนั่งเรือไปในแม่น้ำแขวงเมืองอังฮุย ขณะร้องเพลงเล่นเป็นปริศนา ก็มีคนร้องเรียกชื่อด้วยเสียงอันดังอยู่ริมตลิ่ง เฮงซือหยินเหลียวไปดูก็เห็น เนียฉู ขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองหลวงยืนอยู่ จึงให้คนใช้พายเรือแอบเข้าไป ต่างคนก็คำนับกัน
เนียฉูก็ว่าข้าพเจ้าสำคัญว่าท่านขึ้นไปเป็นสุขอยู่บนชั้นฟ้า เหตุไฉนยังมาอยู่เมืองมนุษย์อีกเล่า ท่านทำอุบายประการใดหรือ เฮงซือหยินก็หัวเราะแล้วเล่าความแต่หลังให้เนียฉูฟังทุกประการ แล้วถามว่าท่านมาถึงนี่มีธุระสิ่งไร เนียฉูก็บอกความตามเรื่องของตนให้ฟังแล้วว่า
"...คนทั้งปวงเล่าลือกันว่าท่านโจนน้ำตาย แต่ข้าพเจ้าสงสัยนัก ด้วยตัวท่านประกอบทั้งสติปัญญาอันสามารถ การแต่เท่านั้นเหตุไฉนจะทำลายชีวิตเสีย ไม่คิด เอาก็เป็นอัศจรรย์....."
พูดแล้วต่างคนก็หัวเราะกัน เนียฉูจึงชวนเฮงซือจินให้ไปช่วยติดตามหาพระเจ้าเจง เต็กฮ่องเต้ด้วยกัน เฮงซือหยินก็ไม่ยอม เนียฉูจึงว่าเล่ากึนซึ่งเป็นศัตรูท่านก็หนีไปแล้ว ควรที่ท่านจะกลับไปทำราชการ ทำนุบำรุงแผ่นดินให้ราษฎรมีความสุขสืบไป เฮงซือหยินก็พูดจาบิดพริ้ว เนียฉูก็อ้อนวอนหลายครั้ง เฮงซือหยินขัดมิได้ก็ยอมรับ
แล้วสั่งคนใช้ให้เอาเรือกลับที่พัก ตนเองก็ขึ้นบกพาเนียฉูเดินไปถึงเมืองกังหนำ เที่ยวสืบหาก็ไม่ได้ความว่าฮ่องเต้เสด็จอยู่ที่ใด เนียฉูนึกขึ้นมาได้ว่า จิวหยงเป็นชาวเมืองฮุยจิว คงจะพาฮ่องเต้ไปเมืองนั้น จึงชวนกันเดินไปตามทางถึงแดนเมืองฮุยจิว
ถึงกลางทางก็พบกับจิวหยง ซึ่งจัดแจงเซ่นไหว้ที่ฝังศพปู่ย่าและบิดากลับมา จิวหยงก็เข้าไปคำนับแล้วถามว่าท่านทั้งสองจะพากันไปไหน เนียฉูว่าเรามาเที่ยวตามหาฮ่องเต้ บัดนี้พระองค์เสด็จอยู่ที่ใด เราอุตส่าห์สืบเสาะหาหลายเมืองแล้วมิได้พบ
จิวหยงจึงว่า โทษข้าพเจ้าครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก แต่จนใจด้วยพระองค์ตามมา มิได้รู้ท่านทั้งสองต้องลำบาก แล้วก็เล่าความตั้งแต่ต้นจนแยกกับฮ่องเต้ แล้วว่าบัดนี้เสด็จพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมตำบลนำเล่าติ๋น ข้าพเจ้าจะนำท่านทั้งสองไปเชิญเสด็จ กลับเข้าพระราชวัง
ฝ่าย สือเซียง บิดาเลี้ยงของ กงซุนเขียน ที่ตั้งลุยไถนั้นเป็นพรรคพวก ของ เล่ากึน ครั้นฮ่องเต้มีพระอักษรให้ถอดเสียจากที่ขุนนาง จำคุกไว้ที่เมืองชีจิว ก็มีความโกรธแค้นเป็นอันมาก จึงเขียนหนังสือลอบให้คนใช้ถือไปถึงเล่ากึน ซึ่งตั้งเป็นกองโจรอยู่ที่เขาอิมเขงเนีย
มีความว่าพระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ เสด็จมาเที่ยวอยู่ในแขวงเมืองกังหนำ ข้าพเจ้าไม่มีความผิดสิ่งใด แกล้งใส่ความทำโทษข้าพเจ้าให้ได้ความเจ็บอาย ประการหนึ่งข้าพเจ้าทราบว่า ตัวท่านก็มิได้มีความผิดฮ่องเต้เชื่อฟังคนยุยง จะฆ่าท่านเสีย หากบุญของท่านหนีมาได้จึงไม่ตาย ความแค้นของท่านกับข้าพเจ้าก็คล้ายกัน ถ้าท่านจะคิดประการใดจงเร่งทำโดยเร็ว กำลังที่ฮ่องเต้ยังเที่ยวอยู่ในแขวงนี้ ด้วยไม่มี ขุนนางและทหารติดตามมา ถ้าท่านยกกองทัพไปจับฆ่าเสียเห็นจะได้โดยง่าย
เล่ากึนจึงให้คนใช้ไปสืบ ที่เมืองชีจิวก็มิได้พบ ครั้นมาถึงเมืองโซจิว ก็ทราบว่าฮ่องเต้พักอยู่ที่บ้านซงฮำฮือ ก็ปรึกษากับ กิมเหงา คิดการจะกำจัดพระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้เสีย จึงเขียนหนังสือฉบับหนึ่งถึง พวนอ๋อง เจ้าเมืองฮูปัก มีความว่า
"...ด้วยเดิมท่านพูดกับข้าพเจ้าไว้ว่า ทำ การสิ่งใดจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ข้าพเจ้าทราบความว่าพระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้เสด็จมาเที่ยวในแขวงเมืองกังหนำแต่พระองค์เดียว ไม่มีขุนนางนายทหารที่มีฝีมือเข้มแข็งติดตามมา บัดนี้พักอยู่ที่เมืองโซจิว ขอท่านจงคุมทหารไปช่วยกันตีเมืองโซจิว จับพระเจ้าเจงเต็กฆ่าเสีย แล้วปราบปรามบ้านเมืองให้เรียบร้อยตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่ ท่านกับข้าพเจ้าก็จะมีความสุขสืบไป..."
เขียนแล้วเข้าผนึกมอบให้คนใช้ถือไปถึงพวนอ๋องที่เมืองฮูปัก แล้วเล่ากึนก็จัดไพร่พลและเสบียงพร้อมเสร็จก็ให้กิมเหงา เป็นทัพหน้ายกออกจากเขาอิมเขงเนีย มุ่งตรงไปเมืองโซจิว หัวเมืองเล็กน้อยซึ่งขึ้นกับเมืองกังหนำ ก็กลัวอำนาจออกมาอ่อนน้อมยอมสามิภักดิ์มิได้สู้รบ
กิมเหงาก็ยกล่วงเข้ามาถึงเมืองกังเหลงฮู้ อึงสีหอง เจ้าเมืองก็แจ้งเมืองกังฮวยให้ส่งทหารมาช่วย แต่ก็ต้านทานไม่ไหวกิมเหงายกเข้าเมืองได้ เจ้าเมืองก็คุมทหารห้าร้อยตีแหวกหนีไปเมืองโซจิว
เจียซองเจ้ง เจ้าเมืองโซจิวก็ตกใจรีบไปที่บ้าน ซงฮำฮือ แจ้งเรื่องที่เสียเมืองกังเหลงฮู้ ให้กราบทูลพระเจ้าเจงเต็กฮ่องเต้ทรงทราบ ฮ่องเต้ก็ตกพระทัยจึงรับสั่งให้เปิดประตูรับ อึงสีหอง และ เตียเซียงซุน นายทหารเข้ามา ทั้งสองก็มัดมือเข้าไปคุกเข่าคำนับขออภัยโทษ
ฮ่องเต้ก็รับสั่งให้แก้มัดออกเสีย แล้วตรัสว่า
"....ธรรมดาศึกสงคราม ย่อมมีแพ้และชนะด้วยกันทุกคน ซึ่งท่านเสียทีมาทั้งนี้เพราะพวกโจรกำลังมาก ท่านทั้งสองไม่ควรจะมีโทษ ประการหนึ่งเพราะเราปลอมมาแล้วทำให้แพร่งพรายไป ราษฎรจึงได้ความเดือดร้อน โทษนี้ตกอยู่แก่เรา..."
ตรัสแล้วก็สั่งให้เกณฑ์ทหารขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้มั่นคง
ฝ่ายเล่ากึนกับกิมเหงาตีเมืองกังเหลงฮู้ได้ ปราบปรามราษฎรเป็นปกติแล้ว ก็ยกกองทัพออกจากเมืองตามอึงสีหองไป ผ่านเมืองเลงแบและเมืองนิมฮวย เจ้าเมืองทั้งสองก็มิได้สู้รบ ออกอ่อนน้อมยอมสามิภักดิ์โดยดี กิมเหงาก็ยกกองทัพเลยมาถึงเมืองโซจิวโดยเร็ว ขับไพร่พลเข้าล้อมไว้ทั้งสี่ด้าน
ฮ่องเต้พาขุนนางนายทหารขึ้นไปดูบนเชิงเทิน เห็นพวกโจรล้อมเมืองไว้แน่นหนาก็ตกพระทัย จึงตรัสว่าท่านทั้งหลายจะคิดประการใด จึงจะกำจัดพวกโจรได้
ก๊กบุนเตียน นายทหารเมืองโซจิว ก็ขออาสาออกรบกับพวกโจรฟังกำลังดูก่อน ฮ่องเต้ก็ให้นายทหารอีกสามนาย คุมทหารห้าพันออกไปตีค่ายพวกโจร กิมเหงาก็ขับพลเข้าสู้รบเป็นสามารถ ไพร่พลพวกโจรมากกว่าทหารจึงตีค่ายไม่แตก ต้องถอยกลับเข้าเมือง
ฮ่องเต้จึงรับสั่งให้ทหารเตรียมเครื่องสาตราวุธ และก้อนศิลา รักษาหน้าที่เชิงเทินจงกวดขัน เสร็จแล้วกลับมาปรึกษาราชการ ทรงดำริหาช่องอุบายที่จะกำจัดโจรกังฉินก๊กนี้ต่อไป.
##########
Create Date : 11 มิถุนายน 2551 | | |
Last Update : 11 มิถุนายน 2551 6:26:30 น. |
Counter : 424 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|