Group Blog
 
All Blogs
 
อะไรก็ได้ (๔๒) ผู้ตามรอยพระอรหันต์

อะไรก็ได้ (๔๒)

ในนิตยสารทหารสื่อสาร ฉบับประจำเดือน กันยายน ๒๕๓๖ มีเรื่องที่น่าสนใจคือ พุทธทาสภิกขุ ผู้ตามรอยพระอรหันต์ ซึ่งกล่าวถึงท่านภายหลังที่ได้มรณภาพ ไปเพียงสองเดือน โดย “ประภัสสร” จึงได้คัดลอกมาให้อ่านเพื่อรำลึกถึงท่าน ในวาระใกล้จะครบรอบ ๑๗ ปี คือ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓

ข่าวใหญ่ที่สำคัญที่สุด ของพุทธศาสนิกชน ในรอบ ๔ เดือนที่ผ่านมา คงจะไม่มีเรื่องใดที่สะเทือนใจยิ่งไปกว่าที่ ท่านพุทธทาส หรือ พระธรรมโกศาจารย์ แห่งสวนโมกขพลาราม ถึงแก่มรณภาพ เมื่อ ๘ กรกฎาคม ๒๕๓๖

ท่านพุทธทาสภิกขุ เดิมชื่อ เงื่อม เกิดเมื่อ ๒๗ พฤษภาคม ๒๔๔๙ เป็นบุตรของนายเซี้ยง นางเคลื่อน พานิช มีน้องชายชื่อ ยี่เก้ย ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น นายธรรมทาส และน้องสาวชื่อ กิมซ้อย ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับการศึกษาขั้นต้นถึงชั้น มัธยมปีที่ ๓

พ.ศ.๒๔๖๙ ได้อุปศฒฐ?ฌ)ฯฑณธ๓กษุ ณ พระอุโบสถวัดอุบล ได้รับฉายา อินทปัญโญ และไปจำพรรษาที่วัดใหม่พุมเรียง อุปสมบทอยู่ ๓ พรรษา ก็สอบได้นักธรรมเอก ต่อมาได้ไปศึกษาบาลีที่กรุงเทพสอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค

เมื่อได้ศึกษาบาลีเพียงพอแก่การค้นคว้า หาความรู้จากพระไต่ปิฎกแล้ว ท่านจุ่งมุ่งที่จะดำเนินชีวิต ตามรอยพระอรหันต์ ด้วยการปฏิบัติตามหลักธุดงควัตรของพระพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาล พอปลายปี พ.ศ.๒๔๗๔ ท่านจึงเดินทางจากกรุงเทพ กลับไปที่ไชยา เลือกได้พื้นที่ของวัดร้างในป่าพุมเรียง อยู่ริมหนองน้ำตระพังจิกเป็นที่พำนัก ตั้งชื่อว่า สวนโมกขพลาราม และอุทิศตนเพื่อศึกษาปฏิบัติธรรม เช่นเดียวกับภิกษุในสมัยที่ พระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพอยู่ โดยมีปนิธานว่า

“ข้าพเจ้ามอบกายและชีวิต ถวายแด่พระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นนายของข้าพเจ้า เพราะเหตุด้วยว่ามานี้ ข้าพเจ้าจึงมีชื่อว่า พุทธทาส”

ตั้งแต่วันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๔๗๕ จนตลอดระยะ ๒ ปีแรก ท่านพุทธทาสพักอยู่เพียงผู้เดียวในสวนโมกขพลาราม ต้องอดทนต่อความยากลำบากต่าง ๆ ใช้เวลาศึกษาธรรมะในพระไตรปิฎก อย่างละเอียดและลึกซึ้ง จนเข้าใจแจ่มแจ้งแทงตลอด และต่อมาจึงได้เผยแพร่ธรรมะออกไป เป็นข้อเขียนในหนังสือพิมพ์ พุทธศาสนา ซึ่งดำเนินการโดย นายธรรมทาส พานิช น้องชายของท่าน เมื่อหนังสือพิมพ์พุทธศาสนาได้แพร่หลายออกไปอย่างกว้างขวาง จึงมีพระภิกษุที่สนใจ เข้าไปร่วมปฏิบัติธรรมกับท่านพุทธทาส เช่น ท่านปัญญานันทะภิกขุ ท่านเขมาภิรัต เป็นต้น

จนถึง พ.ศ.๒๔๘๗ สวนโมกขพลาราม จึงได้ขยับขยายมาอยู่ในพื้นที่ใหม่ บริเวณเขาพุทธทอง และได้ขึ้นทะเบียนเป็นวัดธารน้ำไหล จากนั้นจึงค่อย ๆ ขยายออกไปจนมีสภาพอย่างปัจจุบัน

ท่านพุทธทาสได้เลื่อสมณศักดิ์ ตามลำดับ ดังนี้

พ.ศ.๒๔๘๙ พระครูอินทปัญญาจารย์
พ.ศ.๒๔๙๓ พระอริยนันทมุนี
พ.ศ.๒๕๐๐ พระราชชัยกวี
พ.ศ.๒๕๑๔ พระเทพวิสุทธิเมธี
และสุดท้ายเป็นที่ พระธรรมโกศาจารย์

ท่านพุทธทาส ได้ถึงแก่มรณภาพเมื่อ ๘ กรกฎาคม ๒๕๓๖ ด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองแตก หลังจากที่ได้ล้มป่วยลง ตั้งแต่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๓๖ และสุดความสามารถของคณะแพทย์ โรงพยาบาลศิริราช จะเยียวยารักษาได้

คณะศิษย์ได้จัดการศพ ให้เป็นไปตามพินัยกรรม ที่ท่านได้เขียนไว้เมื่อ ๒๘ มีนาคม ๒๕๓๖ คือ ไม่มีการฉีดยาศพ ไม่มีพิธีรดน้ำศพ ไม่มีการสวดพระอภิธรรม และไม่มีพิธีกรรมใดใดทั้งสิ้น คงนำร่างบรรจุหีบไม้ซึ่งได้เตรียมไว้แล้ว นำไปฝังยังที่กำหนดไว้ ใกล้ศาลาธรรมโฆษ เป็นเวลา ๓ เดือน เมื่อจะเผาห้ามไม่ให้ตั้งเมรุใหญ่โต ให้เผาอย่างง่ายที่สุด ในสวนโมกขพลาราม แล้วนำอัฐิบรรจุไว้ในแท่นซึ่งได้เตรียมไว้ ที่ศาลาธรรมโฆษแห่งเดียว

(ยังมีต่อ)


Create Date : 29 มิถุนายน 2553
Last Update : 29 มิถุนายน 2553 8:05:55 น.



Create Date : 30 สิงหาคม 2553
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 5:43:46 น. 0 comments
Counter : 439 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.