Group Blog
 
All Blogs
 

ทหารเสือแผ่นดินถัง ตอนที่ ๑๔ ทหารเสือสิ้นบุญ

ทหารเสือแผ่นดินถัง

ตอนที่ ๑๔ ทหารเสือสิ้นบุญ

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อ หลีจีนอ๋อง แต่งตั้งให้ หลีซุนเฮ้า บุตรเลี้ยงคนที่สิบสาม ซึ่งเป็นทหารเสือ มีบำเหน็จความชอบในการศึกหลายครั้ง ได้เป็นเจ้าเมืองซินจิวนั้น หลีคังกุน บุตรเลี้ยงคนที่เจ็ด กับ หลีซองซิน บุตรเลี้ยงคนที่สี่ ของหลีจีนอ๋อง ก็คิดอิจฉาน้อยใจว่าบิดารักบุตรไม่เสมอกัน ได้ปรึกษากันว่าตัวเราทั้งสองก็ได้ทำศึก มีบำเหน็จความชอบอยู่บ้าง แต่บิดาทำลืมเสียสิ้น จึงคบคิดกันจะหาอุบายใส่โทษหลีซุนเฮ้าอยู่มิได้ขาด อยู่มาทั้งสองก็เข้าไปหาหลีจีนอ๋องแล้วพูดว่า

“……..ทุกวันนี้ราชการก็เบาบางว่างลงมากแล้ว ข้าพเจ้าทั้งสองจะขอลาไปเที่ยวป่า ไล่เนื้อและหัดซ้อมยิงเกาทัณฑ์ สักเดือนหนึ่งจึงจะกลับมา……..”

หลีจีนอ๋องก็อนุญาตให้ไป ทั้งสองจึงจัดบ่าวไพร่พอสมควร ออกจากเมืองเปงจิว เดินตรงไปเมืองซินจิว เข้าไปหาหลีซุนเฮ้าเมื่อคำนับกันตามธรรมเนียมแล้ว หลีซุนเฮ้าก็ถามว่ามาด้วยกิจธุระสิ่งอันใด ทั้งสองก็บอกว่า

“……..ท่านออกจากเมืองมาเสียแล้ว หลีจีนอ๋องผู้บิดาเราเอาแต่เสพสุรา มัวเมาไปด้วยการเล่นต่าง ๆ แล้วสั่งให้ข้าพเจ้ามาแจ้งแก่ท่านว่า แต่บรรดาบุตรเลี้ยงซึ่งเปลี่ยนเป็นแซ่หลีนั้น ให้กลับไปใช้ตามแซ่เดิมเสียให้สิ้น………”

หลีซุนเฮ้าได้ฟังก็ตกใจจึงว่า เหตุใดหลีจีนอ๋องจึงไม่ให้เรานับตามแซ่หลีเล่า เราหายอมไม่ หลีซินซองจึงว่าซึ่งท่านจะขืนขัดคำสั่งในเวลานี้เห็นจะไม่ได้ จงผ่อนผันตามไปก่อน ภายหลังจึงค่อยคิดอ่านต่อไป หลีซุนเฮ้าก็คิดตริตรองว่า หนังสือหลีจีนอ๋องก็ไม่มีมา เป็นแต่คำ หลีกังคุนหลีซองซินก็เป็นบุตรเลี้ยงเหมือนกัน ตัวเขาก็ต้องเปลี่ยนแซ่ตามเดิม จะไม่ทำตามก็จะเป็นขัดบัญชา จึงให้ทหารเอาธงยี่ห้อหลีจีนอ๋องลงเสีย ให้ยกธงยี่ห้อของตัวชักขึ้น

หลีคังกุนและหลีซองซินก็คำนับลากลับมาเมืองเปงจิว เข้าไปคำนับหลีจีนอ๋องบิดาก็ถามว่า เจ้าลาไปเที่ยวป่าเดือนหนึ่งจึงจะกลับมา ที่ทำไมจึงกลับมาเสียโดยเร็วดังนี้ ทั้งสองพี่น้องก็บอกว่า เมื่อไปถึงเมืองซินจิวเห็นธงยี่ห้อสำหรับเมือง เป็นยี่ห้อของหลีซุนเฮ้า หาใช้ยี่ห้อของบิดาไม่ ได้สืบถามชาวบ้านชาวเมืองได้ความว่า หลีซุนเฮ้าคิดเอาใจออกห่างจากบิดา

หลีจีนอ๋องได้ฟังดังนั้นจึงว่า

“……หลีซุนเฮ้านี้เราก็รักใคร่เลี้ยงดูถึงขนาด ควรหรือจะมาคิดทรยศเราได้ ครั้นจะละไว้ก็จะกำเริบมีกำลังมากขึ้น จำจะต้องให้เอาตัวมาฆ่าเสีย จึงจะสิ้นเสี้ยนหนาม…….”

ขณะนั้น นางเล่าฮุย ภรรยาใหญ่ของหลีจีนอ๋องได้ยิน จึงลุกออกมาพูดกับสามีว่าหลีซุนเฮ้านี้เป็นคนมีกตัญญูซื่อตรงต่อยิ่งนัก ความซึ่งหลีคังกุน หลีซองซินมากล่าวนี้เห็นจะไม่จริง ด้วยทั้งสองนั้นเป็นคนอิจฉาไม่ชอบกัน ก็ย่อมรู้อยู่แล้ว การครั้งนี้ถ้ายังสงสัย ตนก็จะอาสาไปสืบเอาความจริงมาให้จงได้ หลีจีนอ๋องจึงว่าเจ้าจะไปเองก็ดีแล้ว จงเอา หลีซือหงวน ไปด้วย

นางเล่าฮุยกับหลีซือหงวนก็เดินทางไปเมืองซินจิว ก็เห็นธงสำหรับเมืองเป็นยี่ห้อของหลีซุนเฮ้าจริง สมดังคำของหลีคังกุนและหลีซองซินกล่าว ทั้งสองจึงหยุดยั้งอยู่นอกเมืองหาได้เข้าไปในเมืองไม่ หลีซุนเฮ้าได้ทราบก็ออกไปคำนับแล้วจึงถามว่า ท่านผู้มารดามาถึงเมืองซินจิว แล้ว เหตุใดจึงมาหยุดอยู่ไม่เข้าไปในเมืองเล่า นางเล่าฮุยว่าเราคิดถึงเจ้าจึงอุตส่าห์มาเยี่ยมเยือน ครั้นมาถึงเห็นธงยี่ห้อสำหรับเมืองผิดประหลาดไป ก็คิดฉงนสงสัยอยู่จึงไม่อาจเข้าไปในเมือง

หลีซุนเฮ้าได้ฟังก็ตกใจนัก จึงเล่าความตามที่หลีคังกุนและหลีซองซิน มาบอกให้เปลี่ยนธงยี่ห้อนั้น ให้นางเล่ากุยฟังทุกประการ นางเล่ากุยจึงว่าเจ้านี้เป็นคนใจเบา เสียกลเขาแล้วจงรีบไปเมืองเปงจิวด้วยกันเถิด จะได้ชี้แจงข้อความให้หลีจีนอ๋องสิ้นสงสัย แล้วทั้งสามคนก็รีบพากันกลับมาเมืองเปงจิว

ฝ่ายหลีคังกุนกับหลีซองซินให้คนสนิทติดตามนางเล่าฮุยไปฟังความ เมื่อรู้ว่านางเล่าฮุยพาตัวหลีซุนเฮ้ามาเกือบจะถึงเมืองเปงจิวแล้ว ก็ตกใจรีบออกไปบอกกับนางเล่าฮุยและหลีซือหงวนว่า หลีจีนอ๋องให้ทั้งสองไปสืบสวนว่า ที่ตำบลแม่น้ำอึ้งหอเกิดโจรผู้ร้ายซ่องสุมกันขึ้นมากนั้น เป็นความจริงหรือไม่ แล้วจึงให้กลับมาบอกหลีจีนอ๋อง นางเล่าฮุยนั้นก็คลางแคลงใจอยู่ ด้วยแจ้งว่าบุตรเลี้ยงทั้งสองคนนี้ มักพูดจาแอบอ้างคำสั่งหลีจีนอ๋องอยู่เนือง ๆ แต่ก็เกรงว่าจะมีความผิดที่ทำให้เสียราชการ จึงให้หลีซุนเฮ้ารีบเข้าไปหาหลีจีนอ๋องก่อน ตนเองกับบุตรคนโตจะไปสืบความที่แม่น้ำอึ้งหอ แล้วจะรีบกลับมา

ฝ่ายหลีจีนอ๋องแจ้งว่าหลีซุนเฮ้ามาหา แต่นางเล่าฮุยกับหลีซือหงวนยังไม่มา ไม่รู้ว่าได้ความจริงเท็จประการใด จึงสั่งให้คนใช้ไปบอกหลีซุนเฮ้าว่า เวลานี้ยังไม่สู้สบายต่อเวลาอื่นจึงจะให้เข้ามาหา หลีคังกุนกับหลีซองซินแจ้งว่าหลีจีนอ๋องกำลังเสพสุราเมา ห้ามไม่ให้หลีซุนเฮ้าเข้าไปหา ก็มีความยินดี จึงรีบมาเรียกพนักงานสิบคนถืออาวุธครบมือ พากันไปหาหลีซุนเฮ้าในที่พัก บอกว่า

“…..หลีจีนอ๋องมอบอาญาสิทธิ์ให้เราทั้งสองมาเอาตัวท่านไปฆ่าเสียเดี๋ยวนี้…”

หลีซุนเฮ้าก็ตกใจจึงว่า

“…..ข้าพเจ้าหาความผิดไม่ เหตุใดหลีจีนอ๋องจะฆ่าข้าพเจ้าเสียดังนี้เล่า……..”

หลีคังกุนก็มิได้ตอบประการใด สั่งให้ทหารเข้าจับหลีซุนเฮ้าทันที เมื่อทหารเข้าจับตัวนั้น ถ้าหลีซุนเฮ้าจะต่อสู้แล้ว ทหารเหล่านั้นที่ไหนจะสู้กำลังของหลีซุนเฮ้าได้ แต่บังเอิญที่หลีซุนเฮ้าเกรงอาญาสิทธิ์ของบิดา และไม่คิดที่จะขัดขืนจึงนิ่งให้ทหารจับผูกมัดแต่โดยดี และพาตัวมายังลานประหาร ก็ปรากฎว่าทุกคนเห็นเหมือนรูปเทพารักษ์ขี่เมฆมายืนลอยอยู่ตรงหน้า แล้วกล่าวกับหลีซุนเฮ้าว่า

“…..ตัวเจ้านี้สิ้นอายุถึงกำหนดแล้ว ถ้าตายไปในครั้งนี้ความสัตย์ซื่อสุจริตของเจ้าก็จะนำไปให้เป็นเทพารักษ์ อย่าคิดวิตกให้ใจวุ่นวายไปเลย จงตั้งสติให้ดีเถิด…….”

หลีซุนเฮ้าก็ประสานมือก้มหน้าคำนับลงสามครั้ง รูปเทพารักษ์นั้นก็หายไป หลีซุนเฮ้าก็ร้องบอกทหารว่า จงเร่งลงดาบเถิดเราจะไปแล้ว ทหารก็ฟันหลีซุนเฮ้าศรีษะขาด กระเด็นออกไป ถึงแก่ความตาย

ขณะนั้นมีผู้เอาความไปแจ้งแก่หลีจีนอ๋อง ว่าหลีคังกุนกับหลีซองซินแอบอ้างคำสั่งเอาตัวหลีซุนเฮ้าไปฆ่าเสียแล้ว หลีจีนอ๋องได้ฟังดังนั้นก็ตกใจสิ้นสตินิ่งอั้นไปเป็นครู่ใหญ่ ครั้นได้สติก็คิดแค้นสองพี่น้อง เหมือนเลือดตาจะหยดย้อยลง จึงสั่งให้ให้นายทหารเร่งไปจับตัวการทั้งสองมาให้ได้โดยเร็ว

เมื่อขณะที่หลีจีนอ๋องกำลังโกรธวุ่นวายอยู่นั้น นางเล่าฮุยกับหลีซือหงวนกลับมาถึง ก็เข้าไปคำนับแจ้งความตามที่หลีคังกุนกับหลีซองซินแอบอ้างคำสั่งหลีจีนอ๋อง ให้ไปสืบสวนโจรผู้ร้ายที่แม่น้ำอึ้งหอให้ฟังทุกประการ หลีจีนอ๋องก็ยิ่งซ้ำมีความโกรธเป็นอันมาก จึงให้เอาตัวหลีคังกุนกับหลีซองซินมาเฆี่ยนตีตบต่อยยับเยิน แต่ไม่ให้ตายจะเอาตัวไว้ตัดศรีษะเซ่นศพหลีซุนเฮ้า

แล้วหลีจีนอ๋องก็สั่งให้พนักงานเอาหีบไปใส่ศพหลีซุนเฮ้า มาตั้งไว้และแต่งการเซ่นวักเป็นอันมาก ครั้นถึงวันกำหนดฝังศพหลีจีนอ๋องและขุนนางทั้งปวงก็พากันไปพร้อมที่ฝังศพ เมื่อขณะจะยกศพลงฝังนั้น หลีจีนอ๋องก็สั่งให้ตัดศรีษะหลีคังกุนกับหลีซองซินเซ่นศพ ชดใช้กรรมที่ทำไว้ให้ตายตกไปตามกัน

ตั้งแต่นั้นมาหลีจีนอ๋องก็ไม่มีความสบาย เสพแต่สุราทุกวันไม่ใคร่จะสร่างเมา ถือเอาว่าเป็นการแก้ทุกข์แก้เสียใจ หาออกว่าราชการบ้านเมืองไม่

ฝ่ายจูอุนซึ่งเป็นเลียงอ๋องนั้น เมื่อหลีซุนเฮ้าตายแล้ว ก็มีอำนาจมากขึ้น ไม่เกรง กลัวผู้ใด และติดสินบนขุนนางผู้ใหญ่ให้เชิญเสด็จ พระเจ้าถังเจียวจง ย้ายไปประทับที่เมือง เปียน เหลียง แล้วเลียงอ๋องก็ข่มขู่บังคับให้ฮ่องเต้สละราชสมบัติให้ตน ขึ้นครองราชย์แทนทรงพระนามว่า พระเจ้าเหลียงไทโจ๊ฮ่องเต้ และให้นายทหารคนสนิทเอายาพิษไปให้พระเจ้าถังเจียวจงซึ่งถูกถอดเป็น จีอิมอ๋อง กินจนสิ้นชีวิตไป

เมื่อหลีจีนอ๋องรู้ข่าวก็ยกกองทัพไปตีเมืองเปียนเหลียง แต่ก็พ่ายแพ้แก่ทหารเอกของพระเจ้าไทโจ๊ บุตรชายก็ตายในที่รบถึงเจ็ดคน ตนเองก็แก่ชราแล้วไม่เข้มแข็งที่จะต่อสู้ศัตรูได้จึงอาเจียนเป็นโลหิต ถึงแก่ความตายในกลางศึก เมื่อายุได้แปดสิบสี่ปี คงเหลือบุตรชายอีกสามคน คือ หลีซือหงวน หลีลูอ๋อง และหลีซุนหยก ซึ่งทำศึกกับเมืองเปียนเหลียงต่อไป

ต่อมาพระเจ้าเหลียงไทโจ๊ฮ่องเต้ได้เอาบุตรสะใภ้ภรรยาของ จูอิวกุย บุตรคนโตเป็นนางสนม จูอิวกุยโกรธแค้นมากถึงกับชักกระบี่ไล่ฟันบิดา พระเจ้าไทโจ๊เห็นจวนตัวก็ร้องขึ้นว่าบุตรฆ่าบิดาดังนี้มีอยู่บ้างหรือ จูอิวกุยกลับตอบว่าเมื่อเป็นขุนนางอยู่นั้น ตัวก็ฆ่าเจ้าแผ่นดินเสีย เจ้าแผ่นดินไม่เหมือนบิดาคนทั้งหลายหรือ ว่าแล้วก็เอากระบี่ฟันถูกพระกรขาดไปข้างหนึ่ง แล้วฟันซ้ำถูกพระเศียรผ่าออกเป็นสองซีก สิ้นพระชนม์ในทันใดนั้นเอง จูอิวฉอง ผู้เป็นน้องเห็นพี่ชายฆ่าบิดา ก็เข้าสู้รบกับจูอิวกุย และฆ่าพี่ชายตายตกไปตามบิดาในที่นั้นเอง

จูอิวฉองก็ได้ครองราชสมบัติทรงพระนามว่า พระเจ้าเคียนฮวยฮ่องเต้ แต่ก็ถูกกองทัพของบุตรทั้งสามของหลีจีนอ๋อง ยกมาตีเมืองเปียนเหลียงแตก ขุนนางก็พากันเข้าไปในพระราชวังจับพระเจ้าเคียนฮวย ตัดศรีษะออกมามอบให้แม่ทัพของแซ่หลี ในเวลานั้นหลีลูอ๋องป่วยตายไปก่อนที่จะได้เมืองเปียนเหลียงแล้ว เหลืออยู่แต่หลีซือหงวนกับหลีซุนหยก ขุนนางประชุมปรึกษากันว่า เชื้อวงศ์ของพระเจ้าถังเจียวจงก็ถูจูอุนฆ่าเสียสิ้นแล้ว หลีซือหงวนนั้นแม้จะเป็นผู้ใหญ่แต่เป็นบุตรเลี้ยงของหลีจีนอ๋อง จึงยกให้หลีซุนหยกบุตรตัวของหลีจีนอ๋องขึ้นครองราชสมบัติในเมืองเปียนเหลียง ทรงพระนามว่า พระเจ้าจังจงฮ่องเต้ ให้หลีซือหงวนผู้พี่เป็นมหาอุปราชสำเร็จราชการแผ่นดิน และย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เมืองลกเอี๋ยง

แต่พระเจ้าจังจงฮ่องเต้ก็ไม่เอาราชการ มัวลุ่มหลงแต่อิสตรี และประพฤติการเล่นอันหาประโยชน์มิได้ อยู่ในราชสมบัติได้เพียงสามปี ก็ถูกพวกโต้โผงิ้วที่โปรดเอามาไว้ในพระราช วังเป็นกบฏ ปลงพระชนม์เสีย ขุนนางทั้งปวงจึงยกหลีซือหงวนขึ้นครองราชสมบัติ ทรงพระนามว่า พระเจ้าเหมงจงฮ่องเต้ ขณะนั้นมีอายุได้หกสิบปีเศษ พระองค์ก็ตั้งอยู่ในยุติธรรม มิได้มีโลภและหลง เอาพระทัยสอดส่องในกิจราชการใหญ่น้อยทั้งปวง ทรงตัดสินข้อคดีของราษฎรก็ถูกต้องตามกฎหมายแผ่นดิน มิได้มีพระทัยลำเอียงเห็นแก่หน้าบุคคลที่รักและชัง ทรงระวังขุนนางพนักงานไม่ให้ผู้ใดเบียดเบียนราษฎรได้ความเดือดร้อน ไพร่บ้านพลเมืองอยู่เย็นเป็นสุข ทำมาหากินเป็นปกติ หามีเหตุภัยสิ่งใดไม่ ราษฎรพากันสรรเสริญสิ้นทุกพวกทุกเหล่า

ครั้นถึงเทศกาลเข้าปีใหม่พระองค์ก็ให้ตั้งโต๊ะเครื่องเซ่นบูชา พระมหากษัตริย์และเทพยดาผู้ครองฟ้าและดิน ทรงอธิษฐานว่าตัวข้าพเจ้าผู้ชื่อ หลีซือหงวน ได้เป็นกษัตริย์ครองราชสมบัติในการนี้ ใช่จะเป็นเชื้อวงศ์สืบต่อมาก็หามิได้ ตัวข้าพเจ้าเกิดในแผ่นดินฮวนนอกประเทศจีน หลีจีนอ๋องเอามาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม บัดนี้อายุข้าพเจ้าล่วงมาได้หกสิบสองปีแล้ว ขอให้เทพยดาเจ้าบันดาลให้ผู้มีบุญซึ่งตั้งอยู่ในยุติธรรม มาครอบครองแผ่นดินทำนุบำรุงราษฎรให้เป็นสุขเจริญต่อไป อย่าให้มีภยันตรายเกิดฆ่าฟันประทุษร้ายกันเหมือนแต่ก่อน ๆ

พระเจ้าเหมงจงฮ่องเต้ทรงอธิษฐานดังนั้นทุก ๆ ปีมา เป็นเวลาแปดปี จนพระชนมายุถึงหกสิบเก้าปี.



##########

วารสารฟ้าหม่น
พฤษภาคม ๒๕๔๕



Create Date : 25 กรกฎาคม 2551
Last Update : 27 กรกฎาคม 2551 6:28:06 น. 0 comments
Counter : 52 Pageviews.




 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2554 15:18:13 น.
Counter : 889 Pageviews.  

ทหารเสือแผ่นดินถัง ตอนที่ ๑๓ บำเหน็จของนักรบ

ทหารเสือแผ่นดินถัง

ตอนที่ ๑๓ บำเหน็จของนักรบ

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อ จูอุน เตรียมการพร้อมแล้ว ก็ยกกองทัพไปบรรจบกับกองทัพของห้าหัวเมืองที่นัดกันไว้ แล้วเดินทัพไปจนถึงเมืองเปงจิว ม้าใช้ชาวด่านก็รีบเอาข่าวไปแจ้งแก่หลีจีนอ๋องว่า จูอุน เจ้าเมืองเปียนเหลียงกับเจ้าเมืองฮัวตง เมืองฮัวจิว เมืองเช่าจิว เมืองเอี้ยนจิว และเมืองฮุนจิว ก็ยกมาสมทบด้วย หลีจีนอ๋องได้แจ้งแล้วก็ปรึกษากับขุนนางนายทหาร ว่าเจ้าเมืองทั้งห้าเมืองนั้น ก็ไม่มีความขัดเคืองสิ่งใดกัน เหตุใดจึงพลอยยกกองทัพมากับจูอุน ชะรอยจูอุนจะแต่งกลอุบายเกลี้ยกล่อมให้มา การครั้งนี้เห็นว่าทหารสมทบกันหลายหมู่เหล่า ถึงมากก็เหมือนน้อย ถ้ารบติดพันกันเข้าก็คงจะเกิดการแก่งแย่งกัน

จิวเต๊กอุย จึงว่าจูอุนยกกองทัพเดินทางมา ทแกล้วทหารยังอิดโรยเหน็ดเหนื่อย ขอให้จัดกองทัพออกไปรบหักหาญเอาอย่าให้ตั้งตัวได้ หลีจีนอ๋องก็เห็นด้วย จึงสั่งให้ หลีซือหงวน คุมทหารห้าหมื่นยกออกไปตีทัพจูอุน ฝ่ายจูอุนก็ให้แม่ทัพหน้านำทหารออกจากค่ายมาสู้รบกับ หลีซือหงวน แต่รบกันอยู่ห้าสิบเพลงหาได้แพ้ชนะกันไม่ หลีจีนอ๋องอยู่บนหอรบกลัวหลีซือหงวนจะเสียทีจึงให้ตีม้าล่อเป็นสัญญาณขึ้น หลีซือหงวนก็ถอยทัพกลับเข้าเมือง

หลีซุนเฮ้าจึงว่า

“……..เวลาค่ำวันนี้ข้าพเจ้าจะอาสาออกไปปล้นค่ายข้าศึก จะขอเลือกเอาทหารขี่ม้าที่ฝีมือดีเข้มแข็งสักยี่สิบคนออกไปด้วย……….”

หลีจีนอ๋องท้วงว่า

“…….กองทัพจูอุนยกมาครั้งนี้ทแกล้วทหารมากนัก ซึ่งจะออกไปแต่ยี่สิบคนนั้น จะเหลือกำลังนักดอกกระมัง…………”

หลีซุนเฮ้าก็ว่า

“………ตัวข้าพเจ้าก็นับว่าเป็นทหารมีฝีมือ คงจะป้องกันอันตราย ช่วยทำการให้สำเร็จ ท่านอย่าวิตกว่าไปน้อยไปมากเลย………..”

หลีจีนอ๋องได้ฟังดังนั้นก็ว่า

”………สุดแต่ปัญญาของเจ้าเถิด เราก็เคยได้เห็นฝีมือและปัญญาของเจ้าปรากฎ มาหลายครั้งแล้ว…………”

หลีซุนเฮ้าได้รับอนุญาตแล้ว ก็ออกมาเลือกทหารชักชวนกันได้ครบยี่สิบคน แล้วให้ตั้งโต๊ะเลี้ยงกันเป็นที่รื่นเริงสบาย พอถึงเวลาค่ำประมาณสองยาม ทั้งหมดก็ใส่เสื้อเกราะถืออาวุธขึ้นม้าตรงไปยังค่ายของเมืองฮัวตง ก็พากันเข้าฟันประตูค่ายหักเข้าไปได้ ไล่ฆ่าฟันทหารเป็นอลหม่าน เฮงตองหยอง เจ้าเมืองฮัวตงนอนหลับอยู่ เมื่อตกใจตื่นขึ้นไม่ทันใส่เสื้อเกราะ ก็ขึ้นม้าถืออาวุธจะเข้าสู้รบกับข้าศึก แต่ทหารของตนต่างแตกหนีไปสิ้นแล้ว เหลือแต่ตัวคนเดียวไม่มีผู้ใดติดตามมา ก็ตกใจรีบขับม้าหนีออกไปทางหลังค่าย หลีซุนเฮ้ากับทหารยี่สิบคนก้ไล่ฆ่าฟันทหารเมืองฮัวตงล้มตายลงเป็นอันมาก ทหารที่แตกหนีก็ไปถึงค่ายจูอุน ทหารที่รักษาค่ายไม่รู้ว่าข้าศึกมามากน้อยเพียงใด ก็ตกใจพากันแตกตื่นทิ้งค่ายเสียแล้วหนีกระจายไป หลีซุนเฮ้าได้ชัยชนะแล้ว ก็พาทหารทั้งยี่สิบคนกลับเข้าเมืองเมื่อเวลาจวนจะรุ่งสว่าง แจ้งความที่ได้สู้รบปล้นค่ายข้าศึก ให้หลีจีนอ๋องได้ฟังทุกประการ หลีจีนอ๋องก็มีความยินดี จึงจัดของอย่างที่ดีมีราคากับเงินทอง ให้เป็นของรางวัลแก่หลีซุนเฮ้ากับทหารทั้งยี่สิบคน

ฝ่ายทหารในกองทัพของจูอุน ตั้งแต่เสียทีแก่หลีซุนเฮ้าแล้ว ก็มีความครั่นคร้ามเป็นอันมาก ผู้ใดออกชื่อหลีซุนเฮ้าขึ้นแล้วก็เป็นที่สดุ้งตกใจ เวลากลางคืนก็หวาดหวั่นนอนหลับหาเป็นปกติไม่ นายทหารหัวเมืองทั้งห้าก็ปรึกษากับทหารเลวทั้งปวงว่า นายเรายกกองมากับจูอุนครั้งนี้เห็นหาประโยชน์ไม่ มาพลอยล้มตายเสียเป็นอันมาก จะกินนอนก็ไม่ปกติ เราจะชวนกันกลับไปบ้านเมือง หาความสบายเสียดีกว่าอยู่พลอยตายกับเขา คิดพร้อมใจกันดังนั้นแล้วก็พากันกลับไปหมดทุกเมือง เจ้าเมืองทั้งห้าเห็นทหารหนีไปเสียดังนั้น ครั้นจะติดตามไปห้ามปรามไว้ ก็กลัวจะเกิดรบพุ่งฆ่าฟันกันเอง จึงชวนกันเข้าไปหาจูอุนแล้วว่า

“……ทหารข้าพเจ้าทั้งห้านั้น พากันหนีไปเสียเป็นอันมาก ยังติดตัวข้าพเจ้าอยู่ก็แต่คนสนิทเคยใช้สอย ตัวข้าพเจ้าทั้งห้าคนนี้ จะอยู่ช่วยราชการท่านไปจนสำเร็จ……”

จูอุนก็ว่า

“………เป็นธรรมดาอยู่แล้ว การศึกสงครามขอแรงกันมาช่วยดังนี้ ถ้าได้ทีก็พร้อมมูลกันอยู่ ถ้าเสียทีก็เป็นแต่อย่างนี้หาไว้ใจได้ไม่ ครั้งนี้เราก็ยกมาตั้งประชิดเมืองเปงจิวอยู่แล้ว ท่านทั้งปวงจะคิดเห็นอุบายประการใดบ้าง จึงจะได้ชัยชนะแก่ข้าศึก……..”

เตียะไช จึงว่าตนเป็นแม่ทัพหน้า จะขอยกไปเข้าสู้รบกับข้าศึกให้เต็มฝีมือ ขอให้จัดกองทัพหนุนให้แข็งแรงเถิด จูอุนก็สั่งให้ เซียะเลงตัด กับ เจียะเหมา นายทหารเอกอีกสองคนคุมทหารคนละกองออกไปกับแม่ทัพหน้า ทั้งสามคนก็แต่งตัวขึ้นม้าถืออาวุธ นำทหารไปท้าทายหลีซุนเฮ้าอยู่หน้าเมืองเปงจิว หลีจีนอ๋องจึงให้หลีซุนเฮ้ากับ สิออถัน และ อันฮิวฮิว ทหารเอกคู่ใจออกสู้รบไปตามคำท้า อันฮิวฮิวเข้ารบกับเซียะเลงตัดได้ประมาณแปดสิบเพลงยังหาเพลียงพล้ำกันไม่ เจียะเหมาจึงเอาเกาทัณฑ์ยิงไปถูกม้าของอันฮิวฮิวโผนไป อันฮิวฮิวก็พลัดตกจากหลังม้า เตียะไซเห็นได้ทีก็ขับม้าเงื้ออาวุธเข้าไปจะฟันซ้ำ สิออถันจึงยิงเกาทัณฑ์กัดไปถูกศรีษะเตียะไซ ตกม้าลง ทหารทั้งสองฝ่ายก็ช่วยกันเข้าแก้เอานายกลับไปได้ทั้งสองข้าง แต่เตียะไซพอกลับไปถึงค่ายก็ขาดใจตาย

จูอุนเห็นดังนั้นก็จัดทหารให้ทหารเอกอีกห้าคน เป็นกองหนุนเข้ารบกับหลีซุนเฮ้าอีก หลีซุนเฮ้ากับทหารเอกทั้งสองก็ดาหน้าเข้ารบกับทหารของจูอุนเป็นสามารถ หลีซุนเฮ้าขับม้าไปด้านใดทหารข้าศึกก็หลบหลีกหาอาจเข้ามาต่อต้านไม่ ทหารข้าศึกก็ล้มตายลงเป็นอันมาก จูอุนเห็นทหารรวนเรล้มตายเจ็บป่วยเบาบางลงจวนจะเสียที ก็สั่งให้ตีม้าล่อส่งสัญญาณถอยทัพกลับเข้าค่าย หลีซุนเฮ้าก็นำทหารไล่รุกติดตามไปจนถึงเย็นจวนค่ำ จึงเลิกทัพกลับเข้าเมือง

จูอุนก็มีความวิตกด้วยยกออกรบกับหลีซุนเฮ้าครั้งใด ก็เสียกำลังพลเป็นอันมากทุกครั้ง ถ้าจะตั้งค่ายประชิดเมืองอยู่อย่างนี้ หลีซุนเฮ้าก็คงจะออกมาปล้นค่ายอีก คิดแล้วก็สั่งให้ถอยกองทัพออกไปตั้งค่ายห่างเมืองเปงจิวสี่สิบลี้ และตรึกตรองหาอุบายที่จะเอาชัยชนะหลีจีนอ๋องให้จงได้

พอดี เต้งเทียนอ๋อง ซึ่งจูอุนให้เป็นกองลำเลียงคุมเสบียงอาหารมาถึง ก็เข้าไปคำนับจูอุน ถามว่าได้สู้รบกับข้าศึกเป็นประการใดบ้าง จูอุนก็ทอดใจใหญ่สั่นศรีษะว่าทหารในกองทัพของเรามากก็จริง แต่ฝีมือรบสู้อ่อนกว่าทหารหลีจีนอ๋อง ยังหาได้ชัยชนะไม่ เต้งเทียนอ๋องก็ขออาสาคุมทหารออกไปรบกับหลีซุนเฮ้าสักครั้งหนึ่ง จูอุนก็มีความยินดีจัดทหารห้าหมื่นให้เต้งเทียนอ๋อง ยกออกไปถึงหน้าเมืองเปงจิว แล้วบอกทหารหลีจีนอ๋องว่าจะมารบกับหลีซุนเฮ้าให้ถึงแพ้ชนะ

หลีจีนอ๋องจึงพูดกับหลีซุนเฮ้าว่า

“……..เต้งเทียนอ๋องคนนี้เป็นคนมีความคิดเจ้าอุบายมาก เมื่อครั้งก่อนก็แต่งกลล่อลวงเราที่แม่น้ำอึงหอครั้งหนึ่ง แล้วก็หนีสูญตัวหายไป ครั้งนี้เจ้าจะออกไปรบกับเต้งเทียนอ๋อง อย่าได้ประมาท จงคิดระวังกลอุบายให้จงมาก……….”

หลีซุนเฮ้าจึงว่า

“……..ข้าพเจ้าทำศึกสงครามที่ใหญ่หลวงมาหลายครั้งแล้ว แต่อย่างเช่นความคิดฝีมือเต้งเทียนอ๋องนี้ หาควรที่บิดาจะวิตกไม่……..”

แล้วหลีซุนเฮ้าก็คุมทหารยกออกจากประตูเมือง ไปถึงหน้าทัพเต้งเทียนอ๋อง และร้องถามไปว่า

“……..ท่านนี้หรือชื่อเต้งเทียนอ๋อง เจ้าความคิดกลอุบายดี ครั้งก่อนเราเที่ยวตาม หานักหนาก็ไม่พบปะ หนีไปซ่อนเร้นอยู่ที่ไหน ครั้งนี้ท่านจะเอาศรีษะมาให้เราหรือ……..”

เต้งเทียนอ๋องก็ว่า

“……..ครั้งก่อนเราเป็นห่วงอยู่ด้วยมารดาเราแก่ชรา กลัวว่ารบชนะท่านแล้วราชการติดพันไป จะได้ปฏิบัติรักษามารดาไม่ บัดนี้มารดาเราดับสูญสิ้นธุระแล้ว เราจึงจะมารบขอศรีษะท่านไปเป็นบำเหน็จความชอบ……….”

หลีซุนเฮ้าก็ขับม้ารำทวนเข้ารบกับเต้งเทียนอ๋องได้สี่เพลง เต้งเทียนอ๋องทานกำลังหลีซุนเฮ้าไม่ได้ เสียทีถูกจับตัวได้ให้ทหารมัดพาเข้าไปในเมือง แล้วหลีซุนเฮ้าก็ขับทหารให้เข้าไล่ฆ่าฟันทหารเต้งเทียนอ๋องล้มตายลงเป็นอันมาก ที่เหลือตายก็หนีไปสิ้น หลีซุนเฮ้าก็เลิกทัพกลับเข้าเมืองเปงจิว

หลีจีนอ๋องเห็นหลีซุนเฮ้าจับเต้งเทียนอ๋องมาได้ก็ดีใจ สั่งให้ทหารเอาตัวเต้งเทียนอ๋องไปประหารเสีย แล้วจึงหยิบเอาป้านสุรามารินใส่ถ้วยใหญ่ ส่งให้หลีซุนเฮ้ากิน เวลานั้นหลีซุนเฮ้ากำลังเหนื่อย รับเอาสุรากินเข้าไปจนสิ้นถ้วยแล้ว พูดอยู่กับหลีจีนอ๋องประมาณครู่หนึ่งก็ไม่สบาย ให้คลื่นใส้อาเจียนออกมา แล้วล้มลงสิ้นสติไม่เป็นสมประดี หลีจีนอ๋องก็ตกใจเข้าประคองหลีซุนเฮ้าไว้ และให้หาหมอมาประกอบยาให้กิน อาการค่อยคลายได้สติขึ้น หมอจึงบอกกับหลีจีนอ่องว่าซึ่งหลีซุนเฮ้าป่วยครั้งนี้ เพราะกำลังเหนื่อยมากินสุราเข้าไปมาก จึงได้เกิดลมร้ายขึ้นในทรวงอก เห็นอาการว่าจะป่วยยืดยาวอยู่ หลีจีนอ๋องก็เสียใจบ่นว่า

“……..เราผิดเองหลีซุนเฮ้าจึงได้ป่วยอาการมากถึงเพียงนี้ ครั้งนี้การศึกสงครามก็ยังติดพันอยู่ จะได้ผู้ใดออกไปสู้รบกับข้าศึกแทนหลีซุนเฮ้าเล่า……..”

แล้วหลีจีนอ๋องก็สั่งให้นายทหารไปปิดประตูเมืองรักษาประจำหน้าที่ไว้ให้มั่นคง จนกว่าหลีซุนเฮ้าจะหายป่วย จึงจะให้ยกออกไปสู้รบกับข้าศึกอีก

ทาง ด้านจูอุนนั้น เมื่อ กอซือกี่ แม่กองลำเลียงอีกคนหนึ่ง คุมเสบียงมาถึงและทราบว่า เต้งเทียนอ๋องออกไปรบกับหลีซุนเฮ้า แล้วถูกจับตัวไปฆ่าเสีย ก็มีใจโกรธแค้นยิ่งนัก จึงขออาสาออกไปรบกับหลีซุนเฮ้า แม้จูอุนจะไม่เชื่อว่าจะเอาชัยชนะแก่หลีซุนเฮ้าได้ แต่ก็ไม่มีนายทหารเอกอีกแล้ว จึงจัดทหารให้กอซือกี่สามหมื่นยกออกไปร้องท้าทายหลีซุนเฮ้าที่หน้าเมือง แต่ก็หามีผู้ใดพูดจาโต้ตอบแต่ประการใดไม่ กอซือกี่ก็ออกมาท้าทายอยู่ถึงสามวัน

หลีจีนอ๋องแจ้งว่าจูอุนให้ทหารมาร้องท้าทายอยู่ทุกวัน ก็สั่งกำชับมิให้ผู้ใดเอาความไปบอกกับหลีซุนเฮ้า ซึ่งกำลังป่วยอยู่ กอซือกี่เห็นทางในเมืองเงียบสงบ ก็ให้ทหารตีกลองและม้าล่อโห่ร้องเยาะเย้ยเสียงอื้ออึง จนหลีซุนเฮ้าได้ยินจึงถามคนสนิทว่าได้ยินเสียงอื้ออึงหนักหนาด้วยเหตุอันใด นายทหารคนสนิททั้งสองก็พูดบ่ายเบี่ยงบิดพริ้ว หลีซุนเฮ้าก็ว่าเรารู้แล้วว่า จูอุนให้ทหารยกมาเยาะเย้ยเรา ท่านทั้งสองก็เป็นผู้มีฝีมือ เหตุไฉนจึงพากันนิ่งเฉย ให้ข้าศึกมาประมาทล้อเล่นเช่นนี้ควรแล้วหรือ ทั้งสองก็ว่าหลีจีนอ๋องสั่งมิให้ผู้ใดออกรบ จนกว่าท่านจะคลายหายป่วย หลีซุนเฮ้าก็โกรธนักจึงว่า

“…….ธรรมดาเกิดมาเป็นชายชาติทหารแล้ว ซึ่งจะนิ่งให้ข้าศึกหมิ่นประมาทเช่นนี้หาควรไม่ ตัวเราถึงเจ็บป่วยอยู่เล็กน้อยก็ตามทีเถิด จะยกออกไปปราบข้าศึกเสียให้จงได้…….”

หลีจีนอ๋องรู้ความก็รีบมาห้ามปราม และหลีซือหงวนผู้พี่ก็ขออาสาออกไปรบแทนเอง หลีจีนอ๋องจึงจัดทหารขี่ม้าพันหนึ่งทหารเดินเท้าห้าพัน ให้หลีซือหงวนออกไปรบแทนหลีซุนเฮ้าแต่หลีซือหงวนก็เสียทีแก่กอซือกี่ถูกล้อมไว้ หลีจีนอ๋องดูอยู่บนเชิงเทินก็ให้ทหารเอกของหลีซุนเฮ้ายกพลออกไปช่วยแก้ไขเอาหลีซือหงวนกลับมาได้ แล้วก็ไม่ให้ผู้ใดออกรบอีกเลย กอซือกี่ก็มีใจกำเริบ คุมทหารออกมาร้องท้าทายชวนรบอยู่ทุกวัน

หลีจีนอ๋อง มีความวิตกอาการป่วยของหลีซุนเฮ้า จึงให้หาหมอมาประชุมปรึกษาคิดประกอบยารักษา และให้ หลีคังกุน กับ หลีซองซิน เป็นคนคอยพยาบาล และห้ามไม่ให้พูดถึงเรื่องข้าศึก แต่ทั้งสองพี่น้องเห็นว่าบิดารักบุตรไม่เท่ากัน อยากจะให้หลีซุนเฮ้าออกไปตายในที่รบเสีย จึงช่วยกันยุยงให้หลีซุนเฮ้าโกรธข้าศึกที่เอาชนะหลีซือหงวนได้

หลีซุนเฮ้าก็มีความแค้นนัก ลุกขึ้นโดยด่วนใส่เกราะถืออาวุธออกมาขึ้นม้า เรียกทหารของตนที่มีฝีมือประมาณสามสิบคน ให้ตามไปรบกับกอซือกี่ แม้หลีจีนอ๋องจะออกมาห้ามก็ไม่ฟัง หลีซุนเฮ้าเข้ารบกับกอซือกี่ได้แค่สิบเพลง ก็จับตัวกอซือกี่ได้แล้วมัดพาเอาเข้ามาให้ หลีจีนอ๋อง ทหารทั้งปวงเห็นก็สรรเสริญว่า

“………เวลานี้ท่านยังป่วยมากกำลังก็อิดโรยไม่บริบูรณ์ ยังอาจสามารถจับกอซือกี่มาได้โดยเร็ว คนในแผ่นดินทั้งโลกนี้ เห็นจะหามีผู้ใดสู้ท่านไม่ได้แล้ว…”

หลีจีนอ๋องจึงสั่งให้เอาตัวกอซือกี่ไปประหารเสีย หลีซุนเฮ้าก็ขอให้งดก่อนด้วยเห็นว่ากอซือกี่มีฝีมือเข้มแข็งอยู่ อยากจะได้ไว้เป็นทหาร หลีจีนอ๋องก็ยอมให้ กอซือกี่ได้ยินดังนั้น ก็พูดกับหลีซุนเฮ้าว่า

“……….ตัวเราเป็นข้าศึก ท่านจับมาได้จะเลี้ยงไว้เป็นทหารนั้น ยังกระไรอยู่หรือ จงเร่งฆ่าเราเสียโดยเร็วเถิด……..”

หลีซุนเฮ้าจึงว่า

“……เรามีความรักใคร่จะเลี้ยงไว้ท่านก็ไม่ยอม แต่เราได้ออกปากขอชีวิตท่านต่อ บิดาเราแล้ว ครั้นเราจะกลับฆ่าเสียก็เป็นคำสองไป เราจะปล่อยท่านเสีย ท่านจะว่าประการใด…”

กอซือกี่จึงว่า

“…….ถ้าท่านมีเมตตาไม่เอาโทษปล่อยไปแล้ว บุญคุณของท่านจะมีอยู่แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าหาคิดอกตัญญูสู้รบท่านอีกไม่ จะกลับไปบ้านทำไร่นา หาเลี้ยงชีวิตไปตามกำลัง เมื่อท่านมีการสิ่งใดหนักหนาแล้ว ก็จะมาช่วยสนองคุณท่าน แต่ครั้งนี้จะยอมอยู่กับท่านนั้นไม่ได้ จะเป็นคนอกตัญญูต่อจูอุนไป………”

หลีซุนเฮ้าได้ฟังดังนั้นก็สั่งให้จัดเสื้อผ้ามาให้ กอซือกี่ก็คำนับลากลับไปอยู่บ้านเดิมที่ซัวตั๋ง ส่วนทหารของกอซือกี่เห็นนายถูกจับตัวไปแล้ว ก็แตกตื่นพากันหนีกลับมาแจ้งความกับ จูอุนที่ค่าย จูอุนก็เสียใจด้วยเสียทหารเอกทหารเลวไปมากแล้ว จึงสั่งให้เลิกทัพกลับไปเมืองเปียน เหลียง คอยหาโอกาสจะกลับมาแก้แค้นต่อไป

หลีจีนอ๋องแจ้งข่าวว่าจูอุนยกทัพกลับไปแล้วก็มีความยินดี นางเล่าฮุย ภรรยาของหลีจีนอ๋องก็เข้ามาพูดจาไต่ถามการศึก หลีจีนอ๋องก็เล่าความที่หลีซุนเฮ้ามีชัยต่อข้าศึกให้ฟังทุกประการ นางเล่าฮุยจึงว่าหลีซุนเฮ้านี้ทำความชอบชนะศึกมาหลายครั้ง ควรจะยกให้มียศบรรดาศักดิ์มากขึ้นจึงจะควร เมืองเปงจิวก็มีหัวเมืองขึ้นอยู่หลายเมือง ควรยกให้หลีซุนเฮ้าเป็นผู้สำเร็จราชการสักเมืองหนึ่ง จึงจะสมกับความชอบ หลีจีนอ๋องจึงให้หาหลีซุนเฮ้ามาบอกว่า

“…เจ้าได้อาสาแผ่นดินปราบข้าศึกศัตรูทำความชอบไว้ต่อเรามากนัก บัดนี้เราจะ ยกเมืองซินจิวให้เจ้าไปอยู่สำเร็จราชการ จะได้มียศศักดิ์ชื่อเสียงปรากฎสืบบุตรและหลานต่อไป…”

หลีซุนเฮ้าก็ว่า

“……ท่านเอาข้าพเจ้ามาเลี้ยงรักใคร่ให้เป็นบุตรบุญธรรมนั้น พระคุณหาที่สุดมิได้ ที่ข้าพเจ้าทำศึกสงครามสนองคุณท่าน ยังหาสมควรกับที่ท่านเมตตากรุณาข้าพเจ้าไม่ ซึ่งท่านจะให้ข้าพเจ้าไปอยู่เสียที่เมืองอื่นนั้น ยังไม่สู้เต็มใจ จะขอทำราชการอยู่ใกล้ ๆ ให้ท่านใช้ทุกเวลา………..”

หลีจีนอ๋องจึงว่า

“…….อยู่ไกลอยู่ใกล้ก็เหมือนกัน บัดนี้ตัวเราแก่ชราแล้วจึงได้ปลูกฝังเจ้าให้มีถิ่นฐานที่อยู่ อย่าได้รังเกียจบิดพริ้วไปเลย……….”

แล้วหลีจีนอ๋องก็ให้นายทหารคู่ใจหกคนกับทหารเลวสองหมื่น ที่ขึ้นอยู่กับหลีซุนเฮ้าไปเป็นกำลัง หลีซุนเฮ้าก็คำนับลามาจัดรวบรวมบุตรภรรยาและทหารเหล่านั้น ยกไปอยู่เมือง ซินจิว แล้วจัดแจงที่บ้านปลูกตึก กับที่พักของนายทหารและไพร่พลอยู่เรียบร้อยบริบูรณ์.

##########

วารสารฟ้าหม่น
พฤษภาคม ๒๕๔๕

Create Date : 25 กรกฎาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 20:21:05 น. 0 comments
Counter : 41 Pageviews.




 

Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2554 9:25:50 น.
Counter : 466 Pageviews.  

ทหารเสือแผ่นดินถัง ตอนที่ ๑๒ ฮ่องเต้สิ้นกรรม

ทหารเสือแผ่นดินถัง

ตอนที่ ๑๒ ฮ่องเต้สิ้นกรรม

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อ ชั่นเล่งจือ ขึ้นไปบนยอดเขาแล้ว ก็บอกกับ ชันเหลง ชันเฮ้า นายทหารเอกทั้งสองว่า หลีจีนอ๋อง กับ หลีซุนเฮ้า ขึ้นมาแต่สองพ่อลูกหามีทหารติดตามมาไม่ อาวุธสำหรับมือก็ไม่ได้มี จงรีบไปจับเอาตัวฆ่าเสีย ทั้งสองก็บอกว่าหลีซุนเฮ้าเป็นคนมีฝีมือเข้มแข็งนัก ข้าพเจ้าสองคนกลัวจะจับไม่ได้ ชั่นเล่งจือจึงว่าตัวมีอาวุธสำหรับถือทั้งสองแล้วสิ จะมากลัวคนไม่มีอาวุธเล่า การเป็นทีแล้วจงเร่งไปจับฆ่าเสียเถิด

ชันเหลงชันเฮ้าก็ขับม้าถืออาวุธ รีบลงมาจะฆ่าสองพ่อลูก หลีซุนเฮ้าเห็นดังนั้นก็ตกใจกระโดดขึ้นม้าชักถอยห่างออกไป ชันเฮ้าจึงขับม้าสอึกเข้าไปแทง หลีซุนเฮ้าหลบได้เอามือคว้าจับทวนชันเฮ้ากระชากได้ แล้วเอาทวนแทงถูกชันเฮ้าตาย ชันเหลงเห็นชันเฮ้าถูกอาวุธก็ขับม้ารำง้าวเข้าไปช่วย หลีซุนเฮ้าก็ร้องตวาดด้วยเสียงอันดัง ชันเหลงตกใจเสียที หลีซุนเฮ้าก็เอาทวนแทงตกจากหลังม้าตายตามไปอีกคนหนึ่ง

ฝ่าย หลีขี พระราชบุตรของพระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ เห็นหลีซุนเฮ้าฆ่าชันเหลงชันเฮ้าตายทั้งสองคน ก็ตกใจคิดจะหนีไปก็กลัวจะไม่พ้น จึงแข็งใจเข้าไปพูดกับหลีจีนอ๋องว่า

“………พระเจ้าตงหัวพระราชบิดาของข้าพเจ้า ก็มีพระทัยรักใคร่ชุบเลี้ยงท่านถึงขนาดแล้ว ประการหนึ่งพระเจ้าตงหัวก็มิได้มีความขัดเคืองสิ่งไรท่าน เหตุใดเล่าท่านจึงได้มาคิดเป็นกบฏดังนี้……..”

หลีจีนอ๋องจึงว่า

“……..ข้าพเจ้าจะได้เป็นกบฏประทุษร้ายต่อพระเจ้าตงหัวนั้นหามิได้ ข้าพเจ้ายกกองทัพมาครั้งนี้ ก็จะกำจัดข้าศึกศัตรู ป้องกันรักษาพระเจ้าตงหัว ให้พ้นภัยอันตราย เหตุใดท่านจึงมาว่าตัวขัาพเจ้าเป็นกบฏดังนี้เล่า………”

หลีขีจึงเล่าความตามที่ชั่นเล่งจือกราบทูลพระเจ้าตงหัว จนพระเจ้าตงหัวหนีออกจากเมืองเชียงอาน มาอยู่บนเขาเกยปอซัว ชั่นเล่งจือให้เชิญเสด็จขึ้นไปอยู่บนยอดเขาหลายวัน หามีผู้ใดได้เฝ้าพบปะไม่ เดี๋ยวนี้จะเป็นประการใดก็ไม่รู้

หลีจีนอ๋องได้ฟังดังนั้นก็มีความโกรธยิ่งนัก จึงใช้ให้คนลงไปตามทหารเชิงเขาขึ้นมา แล้วให้ไปจับตัวชั่นเล่งจือมาได้ หลีจีนอ๋องจึงถามว่า

“…….เหตุใดตัวเอาความเท็จผูกพันใส่โทษเราว่าเป็นกบฏ ทูลพระเจ้าตงหัวให้ขัดเคืองเรา แล้วแต่งอุบายพาพระเจ้าตงหัวหนีทิ้งเมืองเสีย มากักขังไว้ที่เขานี้………”

ชั่นเล่งจือก็อิดเอื้อนหารับตามความจริงไม่ หลีจีนอ๋องจึงสั่งทหารให้แหกปาก ลากลิ้นชั่นเล่งจือออกมาจะตัดเสีย ชั่นเล่งจือกลัวเจ็บก็แจ้งความตามจริงว่า คบคิดกับจูอุนจะชิงราชสมบัติ จึงพาพระเจ้าตงหัวขึ้นไปข้างบนเขา และให้ชันเหลงชันเฮ้าช่วยกันบีบพระศอจนถึงแก่สวรรคตไปแล้ว แล้วชั่นเล่งจือก็โดดไปเอาศรีษะกระแทกศิลาจะให้ตาย

หลีจีนเฮ้าจึงให้ทหารจับตัวมาผ่าปากลากลิ้นตัดตัวแขนขา เป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่ทิ้งเรี่ยรายไป

แล้วหลีจีนอ๋องกับหลีขีพระราชบุตร ก็พาขุนนางขึ้นไปบนยอดเขา เห็นซากศพพระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ทรุดโทรมอยู่กับแผ่นดิน ต่างก็พากันร้องไห้เศร้าโศกบ่นคร่ำครวญไปว่า การซึ่งเป็นดังนี้ก้เพราะฮ่องเต้หลงชุบเลี้ยงชั่นเล่งจือ อันเป็นคนโลภหาประมาณมิได้ ให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ สำเร็จราชการแผ่นดิน ชั่นเล่งจือก็กระทำความผิดเพื่อปกปิดความผิดเป็นชั้น ๆ จนถึงปลงเสียซึ่งพระชนม์พระมหากษัตริย์ อันเป็นเจ้านายผู้มีคุณเป็นที่สังเวชอนาถใจนัก

ครั้นค่อยคลายความโศกเศร้าลงแล้ว จึงสั่งให้นายช่างเอาไม้หอมมาทำหีบใส่พระศพฮ่องเต้ แล้วก้เชิญพระศพพาพระราชบุตรพระญาติวงศ์และขุนนางกลับมาเมืองเชียงอาน เมื่อถึงเมืองหลวงแต่งการพระศพฮ่องเต้ตามอย่างพระมหากษัตริย์สำเร็จเรียบร้อยแล้ว หลีจีนอ๋องจึงประชุมขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อย ปรึกษาพร้อมกันยกให้ไท้จือหลีขีพระราชบุตรใหญ่ขึ้นเป็นกษัตริย์ ถวายพระนามว่า พระเจ้าถังเจียวจงฮ่องเต้

พระเจ้าถังเจียวจง จึงให้เจ้าพนักงานจัดเงินทองและแพรเป็นอันมาก มาพระราชทานให้เป็นบำเหน็จรางวัลแก่หลีจีนอ๋อง แล้วทรงปรึกษาการแต่งตั้งขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อย ครบที่ตามตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว หลีจีนอ๋องก็กราบถวายบังคมลาพรเจ้าถังเจียวจง กลับไปอยู่เมืองเปง จิวตามเดิม

หลีจีนอ๋องรักษาเมืองเปงจิวอยู่มาอีกนาน ก็ได้รับหนังสือจาก งักเอียงจินเจ้าเมืองทองไถ แจ้งว่าจูอุนยกกองทัพมาล้อมเมืองทองไถไว้ ด้วยเหตุจะแย่งชิง นางยูฉุย บุตรหญิงของ เฮงตัด เจ้าเมืองชังจิว ให้แต่งงานกับ จูอิวเตียน บุตรคนโตของจูอุน แต่เฮงตัดได้ยกนางให้แก่ งักซุนฮุย บุตรชายของตน จึงเกิดรบพุ่งฆ่าฟันกันขึ้น และว่า

“………บัดนี้จูอุนยกกองทัพมาล้อมเมืองทองไถไว้ ทแกล้วทหารข้าพเจ้าที่จะรักษาเมืองก็น้อยตัว ขอท่านได้เมตตายกกองทัพมาช่วยป้องกันเมือง ซึ่งเป็นข้าขอบขัณฑเสมาของพระเจ้าถังเจียวจงไว้ อย่าให้ต้องไปเป็นเมืองเชลยของจูอุนเสียเลย………”

หลีจีนอ๋องก็ให้หลีซุนเฮ้าเป็นแม่ทัพหน้า ตนเองคุมทัพหลวงออกจากเมืองเปงจิว ไปถึงเมืองทองไถก็ตั้งค่ายลงที่ชัยภูมิอันมั่นคง จูอุนก็ก็ใส่เกราะขึ้นม้าถืออาวุธนำทหารออกไปประจันหน้ากับหลีจีนอ๋อง เมื่อเห็นจูอุนยกมาหลีจีนอ๋องก็ร้องออกไปว่า

“……ตัวท่านเป็นขุนนางพระเจ้าแผ่นดินถัง ชุบเลี้ยงให้มาครองเมืองเปียนเหลียง ก็เป็นเมืองใหญ่อยู่แล้ว ท่านยังมีจิตคิดกำเริบไม่อิ่มในอิสริยยศ ตั้งตัวขึ้นเป็นอ๋องแล้วไม่อยู่ในยุติธรรม ประพฤติทุจริตคิดแย่งชิงเอาเมียเขา แล้วมิหนำซ้ำยกกองทัพมาตีเอาบ้านเมืองเขาอีกเล่า และการที่ท่านประพฤติดังนั้นหาใช่ปัญญามนุษย์ไม่ เหมือนกับสัตว์เดรัจฉาน………”

จูอุนได้ฟังดังนั้นก็มีความโกรธยิ่งนัก หาพูดจาโต้ตอบประการใดไม่ ขับม้าเงื้อทวนเข้าไปจะแทงหลีจีนอ๋อง หลีซุนเฮ้าก็ขับม้าเข้ามาสกัดสู้รบกับจูอุนทันที จูอุนเห็นหลีซุนเฮ้าก็ตกใจเหมือนหนึ่งเนื้อเห็นเสือหนูเห็นแมว รีบชักม้าพาทหารกลับเข้าค่ายไป แล้วก็สั่งทหารทั้งปวงว่า

“……..เรายกมาตีเมืองทองไถก็ช้านานแล้ว ยังหาได้ชัยชนะไม่ บัดนี้หลีจีนอ๋องยกมาช่วยเป็นสองแรงเข้า เห็นจะไม่ได้เมืองทองไถ จำเราจะเลิกทัพกลับไปเมืองเปียนเหลียง ทำนุบำรุงทแกล้วทหาร ให้มีกำลังบริบูรณ์ แล้วจึงยกมาตีเมืองทองไถให้จงได้ ท่านทั้งปวงจงตระเตรียมบอกกันให้รู้ทั่วเถิด ว่าเราจะเลิกทัพกลับไปในเวลาค่ำวันนี้…….”

ครั้นถึงเวลาค่ำจูอุนก็นำทัพออกเดินกลับไป ทหารทั้งหลายก็พากันตื่นตกใจว่าหลีซุนเฮ้ายกทหารติดตามมา ก็รีบหนีแตกตื่นเบียดเสียดเหยียบกันล้มตายเป็นอันมาก ข้าวของและเสื้อเกราะเครื่องศาตราวุธตกทิ้งเรี่ยรายไปตามทาง ต่อพ้นแดนเมืองทองไถมาแล้วจึงได้สงบเรียบร้อยเดินเป็นปกติ

ฝ่ายงักเอียงจินแจ้งว่าหลีจีนอ๋องยกทัพมาถึง และจูอุนเลิกทัพหนีไปแล้ว ก็มีความยินดีเปิดประตูเมืองออกมาคำนับ เชิญหลีจีนอ๋องและหลีซุนเฮ้าเข้าไปในเมือง แล้วให้แต่งโต๊ะเลี้ยงดูกันเป็นที่รื่นเริง งักเอียงจินก็สรรเสริญว่า

“……..จูอุนยกกองทัพมาตีเมืองทองไถครั้งนี้ด้วยความโกรธ ทำศึกขับเคี่ยวกันอยู่ช้านาน ถ้าท่านไม่ยกมาช่วยแล้ว ที่ไหนจูอุกจะเลิกกลับไปโดยง่าย บุญคุณของท่านครั้งนี้มีอยู่กับข้าพเจ้าเป็นอันมาก ขอเชิญท่านหยุดพักทหารอยู่ในเมืองสักสองสามเวลาก่อน จึงค่อยกลับไป….”

หลีจีนอ๋องก็พักอยู่สองสามวัน แล้วก็ลางักเอียงจิน เลิกทัพกลับไปเมืองเปงจิว

ฝ่ายจูอุนกลับมาถึงเมืองเปียนเหลียงแล้ว ก็ไม่มีความสบายคิดโกรธแค้น งักเอียงจิน และหลีจีนอ๋องยิ่งนัก จึงปรึกษากับขุนนางนายทหารหาทางที่จะแก้แค้น กัวะซองจิว ก็คิดอุบายว่า พระเจ้าถังเจียวจงได้เสวยราชย์ครั้งนี้ บรรดาเจ้าเมืองทั้งปวงก็เข้าไปเฝ้าถวายบังคมทั้งสิ้น เหลืออีกห้าเมืองที่ยังหาได้ไปไม่ จึงให้จูอุนทำหนังสือเป็นรับสั่งฮ่องเต้ ไปขู่เข็ญว่าจะให้หลีจีนอ๋อง ยกทัพไปปราบปรามฆ่าเจ้าเมืองและขุนนางทั้งห้านั้นให้สิ้น

เจ้าเมืองห้อตง เมืองฮัวจิว เมืองเช่าจิว เมืองเอี้ยวจิว และเมืองฮุนจิว ได้รับหนังสือรับสั่งปลอมแล้วก็พากันตกใจ ต่างปรึกษาหารือกันว่าครั้งนี้ภัยอันตรายคงจะมาถึงเราทั้งห้าเมืองแล้ว ผู้ใดจะมีความคิดประการใดจึงจะรักษาเมืองไว้ได้ จูอุนทราบความก็ทำหนังสือเป็นไมตรี เชิญเจ้าเมืองทั้งห้าไปให้มาที่เมืองเปียนเหลียง

ครั้นมาถึงพร้อมกันแล้ว จูอุนก็ต้อนรับพูดจาเกลี้ยกล่อม เชิญให้กินโต๊ะเสพสุราเป็นที่สบาย แล้วจึงว่า

“……..หลีจีนอ๋องตั้งตัวเป็นใหญ่มีใจกำเริบ คิดจะปราบปรามหัวเมืองทั้งปวงให้อยู่ในอำนาจ เมืองท่านทั้งห้านี้ได้ให้ขุนนางไปมาหาหลีจีนอ๋องอยู่บ้างหรือไม่…….”

เจ้าเมืองทั้งนั้นก็ว่าครั้งนี้พระเจ้าถังเจียวจง สงสัยลงเอาข้าพเจ้าทั้งห้าหัวเมืองนี้ว่าเป็นกบฏ จะให้หลีจีนอ๋องยกกองทัพมาปราบปราม พวกข้าพเจ้ามีความวิตกนักจึงได้พากันมาหาท่าน ขอเอาบุญบารมีอำนาจท่านเป็นที่พึ่งกันภัยอันตราย จูอุนจึงยุว่า

“……..พระเจ้าถังเจียวจงจะลงโทษท่านทั้งห้าเมืองนี้ ก้เพราะเชื่อถืออำนาจหลีจีนอ๋องว่าไม่มีใครเสมอสู้รบได้ ถ้าท่านมาร่วมคิดกับเราตัดทอนอำนาจหลีจีนอ๋องเสียได้แล้ว ก็จะสิ้นภัยอันตรายซึ่งจะมีมาแต่พระเจ้าถังเจียวจง…….”

เจ้าเมืองทั้งห้าก็ยอมเข้าเป็นพวกจูอุนทั้งสิ้น แล้วแต่จะคิดอย่างไรก็ยอมตัวให้ใช้ทุกอย่าง จูอุนจึงให้เจ้าเมืองเหล่านั้นกลับไปเกณฑ์ทหารตระเตรียมเครื่องศาตราวุธ รวบรวมสะสมเสบียงอาหารไว้ให้พร้อม เมื่อถึงกำหนดนัดให้ยกกองทัพมาประจบกัน ไปตีเมืองเปงจิวทำลายล้างหลีจีนอ๋องเสียให้จงได้ เจ้าเมืองทั้งห้าก็คำนับลากลับไปเตรียมการตามคำของจูอุน.

##########

วารสารฟ้าหม่น
มีนาคม ๒๕๔๕

Create Date : 23 กรกฎาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 20:29:26 น. 0 comments
Counter : 43 Pageviews.




 

Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2554 14:05:35 น.
Counter : 526 Pageviews.  

ทหารเสือแผ่นดินถัง ตอนที่ ๑๑ ทำดีได้โทษ

ทหารเสือแผ่นดินถัง

ตอนที่ ๑๑ ทำดีได้โทษ

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ฝ่าย หลีจีนอ๋อง แจ้งความว่า พระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ ตั้งให้ จูอุน เป็นที่เลียงอ๋อง ก็มีความสงสัยว่า เหตุไฉนหนอจูอุนคนนี้ เดิมก็เป็นพวกฮ่องเฉา บำเหน็จความชอบสิ่งใดในการศึกก็ไม่มี แต่ฮ่องเต้ได้ตั้งขึ้นเป็นอ๋อง เป็นที่อัศจรรย์ใจนัก คิดดังนั้นแล้วก็ทำหนังสือขึ้นฉบับหนึ่ง มอบให้ หลีซืนหงวน บุตรคนใหญ่ถือเข้าไปกราบทูลถามฮ่องเต้ในเรื่องนี้

หลีซือหงวนก็เดินทางไปเมืองเชียงอาน เอาหนังสือไปส่งให้ ชั่นเล่งจือ ขุนนางผู้ใหญ่สำเร็จราชการ ชั่นเล่งจือทราบความในหนังสือนั้นแล้วก็ปิดความเสีย หาได้นำขึ้นกราบทูลฮ่องเต้ไม่ ตัวหลีซือหงวนก็หาได้เข้าเฝ้าไม่ รออยู่ในเมืองหลวงเป็นเวลาเดือนเศษแล้ว ก็ไม่ได้ความประการใด จึงให้คนใช้ถือหนังสือลับไปแจ้งแก่บิดา เมื่อคนใช้กลับมาถึงเมืองเปงจิว หลีจีนอ๋องกำลังป่วยอยู่ แจ้งเรื่องแล้วก็มีความวิตกร้อนใจเป็นอันมาก จึงพูดว่าถ้าหายป่วยแล้วจะไปเมืองเชียงอาน เข้าเฝ้ากราบทูลถามพระเจ้าตงหัวด้วยตนเอง

ชั่นเล่งจือได้ทราบข่าวก็วิตกว่า ถ้าหลีจีนอ๋องเข้ามาเฝ้าฮ่องเต้แล้ว ความซึ่งตนแอบทำรับสั่งแต่งตั้งให้จูอุนเป็นเลียงอ๋องนั้น ก็จะทะลุทลายขึ้น จึงเข้าไปเฝ้ากราบทูลพระเจ้า ตงหัวว่า มีคำคนพูดกันเป็นอันมากว่า หลีจีนอ๋องกับ หลีซุนเฮ้า ผู้บุตรคิดเป็นกบฏจะยกมาตีเมืองเชียงอาน พระเจ้าตงหัวก็ตกพระทัย ด้วยพระองค์ไม่มีสติปัญญาที่จะพิจารณาเท็จและจริงให้จะแจ้ง เชื่อถือเอาแต่ถ้อยคำของชั่นเล่งจือไปฝ่ายเดียว ก็ทรงขัดเคืองจึงตรัสว่า

“……..หลีจีนอ๋องเราก็ชุบเลี้ยงให้มียศบรรดาศักดิ์หนักหนาแล้ว ควรหรือมาคิดประทุษร้ายต่อเราได้ เมื่อการเป็นดังนี้แล้ว ท่านเห็นผู้ใดซึ่งจะไปปราบปราม กำจัดหลีจีนอ๋อง ได้เล่า……..”

ชั่นเล่งจือจึงกราบทูลว่า

“……….เห็นอยู่แต่จูอุนผู้เดียวมีสติปัญญาและฝีมือก็เข้มแข็งชำนิชำนาญการทัพศึก ทั้งทแกล้วทหารก็มีเป็นอันมาก ควรจะยกกองทัพไปต้านทานปราบปรามหลีจีนอ๋องได้ ขอพระองค์จงรับสั่งให้จูอุนยกไปเถิด……….”

ฮ่องเต้ก็ว่า

“……..สุดแล้วแต่ท่านจะเห็นควร ท่านจงมีหนังสือไปถึงจูอุน ให้เกณฑ์ทหารยกกองทัพไปกำจัดหลีจีนอ๋องเสีย อย่าให้ทันยกมาตีเมืองเราก่อนได้……….”

ชั่นเล่งจือก็กราบถวายบังคมออกมา ทำหนังสือไปถึงจูอุนว่ามีผู้กราบทูลพระเจ้าตงหัวว่า หลีจีนอ๋องซ่องสุมทแกล้วทหารคิดจะเป็นกบฏ จะยกกองทัพมาตีเมืองหลวง พระเจ้า ตงหัวมีรับสั่งให้ท่านยกกองทัพไปปราบปรามหลีจีนอ๋องเสียโดยเร็ว ครั้นทำหนังสือแล้วก็ให้คนใช้ที่สนิทถือไป แล้วสั่งความลับไปนอกหนังสือว่า การครั้งนี้เราคิดอ่านเป็นทีอยู่แล้ว ให้จูอุนตรึกตรองให้สมกับการที่เราคิดไว้ จูอุนจึงจะได้เป็นใหญ่ยืดยาวต่อไปได้

คนใช้ก็เดินทางไปถึงเมืองเปียนเหลียง เอาหนังสือรับสั่งให้จูอุน แล้วแจ้งความนอกหนังสือให้จูอุนทราบ ตามที่ชั่นเล่งจือสั่งมา จูอุนได้แจ้งความก็มีความยินดี สั่งให้เกณฑ์ทหารสามสิบหมื่น แล้วสั่งให้ทำธงปลอมเป็นยี่ห้อของหลีจีนอ๋อง ยกกองทัพออกจากเมืองเปียนเหลียง เดินทางไปเมืองเชียงอาน

ฝ่ายหลีซือหงวนรอจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้เป็นเวลาช้านาน เข้าไปเตือนชั่นเล่งจือก็ผัดเพี้ยนบิดเบือนไป พอแจ้งข่าวว่าชั่นเล่งจือกราบทูลฮ่องเต้ กล่าวโทษหลีจีนอ๋องผู้บิดากับหลีซุนเฮ้า ว่าจะคิดกบฏก็ตกใจ รีบเดินทางออกจากเมืองเชียงอาน กลับไปบอกบิดาที่เมืองเปงจิวทุกประการ

หลีจีนอ๋องได้แจ้งข่าวจากบุตรชายแล้ว ก็มีความโกรธเป็นอันมาก ให้เกณฑ์ทหารห้าหมื่น แล้วตนเองกับหลีซุนเฮ้าก็ยกกองทัพไปยังเมืองเชียงอาน เพื่อเข้าเฝ้ากราบทูลพระเจ้า ตงหัวฮ่องเต้ ให้ทรงทราบความจริง

ฝ่ายจูอุนยกกองทัพที่ปลอมเป็นทหารของหลีจีนอ๋อง เดินทางมาถึงแม่น้ำเปาเหลงชวน แล้วก็ตั้งค่ายพักอยู่ริมฝั่งน้ำ ทหารม้าใช้สืบราชการของเมืองเชียงอาน ก็รีบเข้าไปแจ้งข่าวให้กราบทูลฮ่องเต้ว่ามีกองทัพยกมาเป็นอันมาก มีธงยี่ห้อหลีจีนอ๋องตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเปาเหลงชวน

พระเจ้าตงหัวก็ตกพระทัย ตรัสปรึกษากับขุนนางว่าหลีจีนอ๋องเป็นกบฏ ยกกองทัพมาครั้งนี้ ผู้ใดจะรับอาสาออกไปต้านทานสู้รบได้บ้าง ก็มีนายทหารผู้หนึ่งชื่อ ง่วยอิว กราบทูลจะขออาสาออกไปสู้รบเอาชัยชนะ ฉลองพระเดชพระคุณให้จงได้ ชั่นเล่งจือจึงว่า

“……..ท่านนี้เป็นขุนนางฝ่ายทหารก็จริงอยู่ แต่ยังไม่เคยทำศึกสงคราม อย่าพูดเอาแต่ง่าย ๆ เลย การครั้งนี้สำคัญอยู่…….”

ง่วยอิวก็ว่าปู่และบิดาของตนก็เป็นนายทหาร ได้ทำศึกสงครามมาหลายครั้ง ตนเองก็ไปด้วยทุกครั้ง เหตุใดจึงมาดูหมิ่นดังนี้เล่า ชั่นเล่งจือก็ตวาดเอาว่า

“…….ตัวเป็นแต่ขุนนางผู้น้อย ราชการสิ่งใดที่มีมา ขุนนางผู้ใหญ่ต้องปรึกษากันยังไม่ทันจะตกลง ตัวเสือกเข้ามาจะรับอาสา อวดสติปัญญาและฝีมือดังนี้ หาสมควรไม่………”

ง่วยอิวได้ฟังดังนั้นก็เป็นอันจนใจ ต้องนิ่งก้มหน้าอยู่มิได้ตอบแต่ประการใด ชั่นเล่งจือจึงกราบทูลว่า

“……..ศึกหลีจีนอ๋องครั้งนี้ยกมาจวนจะถึงเมืองแล้ว ครั้นจะรักษาเมืองก็กลัวว่าจะไม่ทันท่วงที เห็นว่าควรจะต้องทิ้งเมืองเสีย เสด็จไปอยู่เมืองไซคีจิว จะได้เกณฑ์กองทัพหัวเมืองเข้ามาช่วยสู้รบเหมือนครั้งก่อน……….”

พระเจ้าตงหัวไม่ทราบในกลอุบายของชั่นเล่งจือ จึงตรัสว่าเมื่อเห็นการดังนั้นแล้ว ก็จงรีบตระเตรียมกันให้พร้อม ค่ำวันนี้จะได้หนีไป พอถึงเวลาดึกประมาณสองยาม พระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ก้เสด็จออกจากเมืองเชียงอาน ชั่นเล่งจือก็ให้คนสนิทไปแจ้งแก่จูอุนให้ทราบ จูอุนจึงยกกองทัพติดตามพระเจ้าตงหัวไป

เมื่อขบวนของพระเจ้าตงหัวพากันอพยพมาใกล้จะถึงเมืองเกยปอกุน ทหารที่อยู่ระวังหลังก็ขึ้นมากราบทูลว่ากองทัพของหลีจีนอ๋อง ยกติดตามมาเกือบจะทันอยู่แล้ว ฮ่องเต้ก็ตกพระทัย ชั่นเล่งจือจึงกราบทูลว่าจะต้องหาที่พักให้ได้เสียก่อน และเขาเกยปอซัวนี้เป็นที่สูงกว้างขวาง พอจะหยุดยั้งสู้รบกับข้าศึกได้ ว่าแล้วก็พาฮ่องเต้กับครอบครัวและบริวาร ขึ้นไปอยู่บนเนินเขาเกยปอซัว จูอุนตามมาถึงก็สั่งให้ทหารตั้งค่ายล้อมเชิงเขาไว้มั่นคง

ฝ่ายหลีจีนอ๋องยกกองทัพมาถึงเมืองเชียงอานแล้ว ก็ทราบความว่า ชั่นเล่งจือคิดอุบายหลอกลวงพระเจ้าตงหัว ให้ทิ้งเมืองหลวงหนีไปเสีย และมีกองทัพของจูอุนที่ปลอมแอบอ้างยี่ห้อหลีจีนอ๋องยกไล่ติดตามไป ก็แบ่งทหารให้หลีซือหงวนอยู่รักษาเมืองเชียงอาน ส่วนตนเองกับหลีซุนเฮ้าก็รีบยกทหารตามไปโดยเร็ว จนถึงเขาเกยปอซัวเห็นกองทัพของจูอุนตั้งล้อมเชิงเขาอยู่ จึงสั่งให้ทหารตั้งค่ายกระหนาบไว้อีกชั้นหนึ่ง

ในขณะนั้นพระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ขึ้นไปดูอยู่บนเขา เห็นกองทัพข้าศึกตั้งล้อมไว้แน่นหนาไม่มีท่าทางจะออกได้ ก็ตกพระทัยกลัวยิ่งนัก จึงรับสั่งแก่ชั่นเล่งจือว่าครั้งนี้เห็นจะเป็นอันตรายเสียจริงดอกกระมัง จะคิดแก้ไขประการใดจึงจะพ้นภัยไปได้ ชั่นเล่งจือก็คิดในใจว่าตนเองได้ล่อลวงฮ่องเต้การเกินมาถึงบัดนี้แล้ว ถ้ามีผู้ใดกราบทูลขึ้นฮ่องเต้ก็คงจะไม่เลี้ยงเป็นแน่ จึงกราบทูลว่า

“……..ข้าพเจ้าเห็นอุบายอยู่อย่างหนึ่ง แต่จะกราบทูลที่นี่ไม่สมควร เชิญพระองค์เสด็จขึ้นไปบนยอดเขาให้พ้นขุนนางทั้งปวง ข้าพเจ้าจึงจะทูลชี้แจงให้ทรงทราบ………..”

พระเจ้าตงหัวฮ่องเต้ก็เสด็จขึ้นไปกับชั่นเล่งจือ และห้ามคนทั้งปวงไม่ให้ตามขึ้นไปด้วย แล้วชั่นเล่งจือก็ให้ ชันเหลง ชันเฮ้าซึ่งเป็นนายทหารคนสนิทคอยเฝ้าอยู่ต้นทาง ห้ามมิให้ผู้ใดผ่านขึ้นไป ส่วนตนเองกลับลงมาบอกความแก่ ไท้จือหลีขี และพระญาติวงศ์กับขุนนางทั้งปวงว่า พระเจ้าตงหัวจะจำศีลอยู่บนยอดเขาสักเจ็ดวัน ห้ามมิให้ผู้ใดขึ้นไปเฝ้า และหาเครื่องเสวยขึ้นไปถวาย มีรับสั่งให้ตนหาสิ่งของเป็นเครื่องบวช ขึ้นไปถวายให้เสวยแต่ตัวผู้เดียว แล้วชั่นเล่งจือ ก็สั่งให้เจ้าพนักงานเครื่องจัดเครื่องเจ ให้ตนนำขึ้นไปถวาย ไท้จือหลีขีและขุนนางทั้งหลายทั้งปวงก็เชื่อฟังมิได้มีใครขัดขืน

ฝ่ายจูอุนเห็นหลีจีนอ๋องยกกองทัพมาตั้งค่ายกระหนาบไว้ จึงสั่งให้นายทหารยกทหารออกไปรบกับหลีจีนอ๋อง ด้วยทหารของจูอุนมีมากกว่าหลายเท่า แม้หลีซุนเฮ้ากับนายทหารคนสนิทจะสู้รบฆ่าทหารของจูอุนตายไปเป็นอันมาก แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะได้ จนถึงเวลาค่ำต่างฝ่ายก็กลับเข้าค่ายไป

จูอุนเห็นนายทหารของตนล้มตายลงด้วยฝีมือหลีซุนเฮ้าหลายสิบคน ก็คิดครั่นคร้ามฝีมือและทหารของหลีจีนอ๋องเป็นอันมาก จึงปรึกษากับนายทหารทั้งปวงว่า

“……….หลีจีนอ๋องยกกองทัพมาครั้งนี้ ทแกล้วทหารล้วนแต่มีฝีมือเข้มแข็งเป็น อันมาก กองทัพเราเดี่ยวนี้ก็ขัดสนเสบียงอาหาร ด้วยเรายกกองทัพมาช้านานแล้ว ซึ่งจะอยู่สู้รบ ขับเคี่ยวไปกับหลีจีนอ๋องนั้น ก็เห็นจะไม่ได้ชัยชนะ จำเราจะยกเลิกกองทัพกลับไปเมืองเปียน เหลียง ทำนุบำรุงทแกล้วทหารให้มีกำลังพร้อมมูลด้วยเสบียงอาหารแล้ว จึงจะกลับมารบกับหลีจีนอ๋องอีก………….”

แล้วก็สั่งให้นายทหารตรวจเตรียมกันให้พร้อมไว้ พอเวลาดึกประมาณสองยามเศษ จูอุนก็เลิกกองทัพ กลับไปเมืองเปียนเหลียง

ครั้นเวลารุ่งเช้า หลีจีนอ๋องมิได้เห็นกองทัพของจูอุน ก็รู้ว่าเลิกหนีไปเสียสิ้นแล้ว จึงให้ทหารไปเที่ยวสืบฟังข่าวพระเจ้าตงหัว ก็ได้ความว่าเสด็จอยู่บนเขาเกยปอซัว หลีจีนอ๋องก็ให้ทหารพักอยู่เชิงเขาตนเองกับหลีซุนเฮ้าก็ขี่ม้าไม่ถืออาวุธ ขึ้นไปบนเขาจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ครั้นขึ้นไปถึงที่ขุนนางพระญาติพระวงศ์และบริวารทั้งหลายพักอยู่ ก็หาเห็นองค์ฮ่องเต้ไม่

ชั่นเล่งจือก็ร้องห้ามว่า

“………ท่านอย่าเพิ่งเข้ามา เราจะไปกราบทูลพระเจ้าตงหัวให้ทราบเสียก่อน….”

หลีจีนอ๋องกับหลีซุนเฮ้า จึงลงจากหลังม้านั่งพักรออยู่ ชั่นเล่งจือก็หายขึ้นไปบนยอดเขาแต่ผู้เดียว ทั้งสองพ่อลูกก็หาได้รู้ว่าชตากรรมของฮ่องเต้ จะเป็นประการใด.

##########

วารสารฟ้าหม่น
มีนาคม ๒๕๔๕

Create Date : 23 กรกฎาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 20:30:40 น. 0 comments
Counter : Pageviews.




 

Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2554 10:16:31 น.
Counter : 419 Pageviews.  

ทหารเสือแผ่นดินถัง ตอนที่ ๑๐ ทำชั่วได้ดี

ทหารเสือแผ่นดินถัง

ตอนที่ ๑๐ ทำชั่วได้ดี

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ฝ่าย จูอุน เจ้าเมืองเปียนเหลียงก่อนที่จะมีหนังสือเชิญ หลีจีนอ๋อง เข้าไปกินเลี้ยงในเมืองนั้น ได้ปรึกษากับ จูหงี ผู้น้องแล้วว่า

“…….หลีจีนอ๋องกับเราเป็นคนไม่ชอบกัน เราคิดจะฆ่าหลีจีนอ๋องมานานแล้ว ก็ยังหาสมความคิดไม่ บัดนี้หลีจีนอ๋องคุมทหารเที่ยวลาดตระเวน มาพักอยู่ที่หน้าเมือง เราจะคิดอุบายทำหนังสือไปเชิญให้เข้ามาแล้ว เราจะให้ทหารจับฆ่าเสีย ท่านจะเห็นประการใด…..”

จูหงีก็เห็นด้วย จูอุนจึงได้ทำหนังสือเชิญหลีจีนอ๋อง โดยคิดว่าหลีจีนอ๋องจะมีคนติดตามเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นหลีจีนอ๋องพานายทหารเอกมาถึงสี่คน และทหารถืออาวุธครบมืออีกสามพัน ก็คิดว่าการซึ่งคิดไว้แต่เดิมนั้นเห็นจะใช้ไม่ได้ แต่ก็ให้นายทหารคนสนิทเตรียมทหารให้พร้อมไว้ หากได้ท่วงทีก็จะได้ลงมือ

เมื่อหลีจีนอ๋องเดินเข้ามาเกือบจะถึงประตูบ้าน จูอุนกับน้องชายก็ออกไปต้อนรับถึงนอกประตู ทำทีกิริยาอ่อนน้อมคำนับหลีจีนอ๋อง แล้วเชิญเข้าไปในตึกที่รับแขก หลีจีนอ๋องจึงสั่งทหารที่ติดตามมานั้นให้พักอยู่นอกบ้าน ให้แต่นายทหารและทหารติดตามเข้าไปประมาณสามสิบคน แล้วก็นั่งพูดจากับจูอุนอย่างคนคุ้นเคยกัน จูอุนจึงสั่งให้ยกโต๊ะออกมาเลี้ยง ขณะเมื่อกินโต๊ะอยู่นั้น จูอุนก็พูดขึ้นว่า

“………ข้าพเจ้าได้ฝึกหัดทหารให้รำเพลงกระบี่ ท่าทางอย่างใหม่ไว้แปดคน จะขอเอามารำให้ท่านดูเล่นพอเป็นที่สบาย……..”

พูดแล้วก็พยักหน้าเรียกทหารทั้งแปดคนเข้ามารำกระบี่ สิออถัน นายทหารคนหนึ่งที่ติดตามหลีจีนอ๋อง ก็บอกกับจูอุนว่าข้าพเจ้ามีความชำนาญในเพลงกระบี่ จะรำให้ท่านดูบ้าง พูดแล้วก็ลุกขึ้นจากโต๊ะชักกระบี่ออกรำ คอยป้องกันสู้รบกับทหารของจูอุนทั้งแปดคน ทหารของจูอุนเห็นสิออถันคล่องแคล่วว่องไวในเพลงกระบี่ ก็ไม่อาจจะเข้ามาใกล้หลีจีนอ๋องได้ จูอุนเห็นดังนั้นก็โกรธ มีสีหน้าอันวิปลาส และพยักหน้ากวักมือเรียกทหารที่ล้อมอยู่ ให้เข้ามาจับหลีจีนอ๋อง

ฝ่ายหลีจีนอ๋องระวังตัวคอยจับกิริยาจูอุนอยู่แล้ว ก็เอามือคว้าคอเสื้อจูอุนไว้ แล้วชักกระบี่ออกจะฟัน จูอุนก็ตกใจซบหน้าลงบนโต๊ะ ทหารของหลีจีนอ๋องที่กำลังกินโต๊ะทั้งสามสิบคน ก็ลุกขึ้นชักกระบี่เงื้อง่าอยู่ทุกคน ทหารของจูอุนที่จัดเตรียมเอาไว้เห็นจูอุนเสียที ก็ไม่อาจเข้ามาทำร้ายหลีจีนอ๋องได้ หลีจีนอ๋องจึงร้องว่า

“……….ตัวให้ไปเชิญเรามากินโต๊ะ เราก็มาด้วยดี ตัวคิดทำร้ายเราดังนี้ เราจะฆ่าเสียก็จะได้ แต่เกรงอยู่ด้วยคำคนจะนินทาว่า มากินในเมืองเขาแล้วกลับฆ่าเจ้าของชิงเอาสมบัติบ้านเมืองเขา จึงได้งดยั้งมือไว้ ท่านจงให้ทหารเปิดประตูบ้านเมือง ส่งเราไปโดยสะดวก ถ้ามีผู้ขัดขวางอยู่ที่ใด เราจะฆ่าตัวท่านเสียในที่นั้น……..”

ว่าดังนั้นแล้วก็จูงจูอุนเดินมาตามทาง จนออกประตูเมืองจึงได้ปล่อยจูอุนกลับไป จูอุนเสียทีหลีจีนอ๋องครั้งนี้ได้ความอัปยศแก่ทหาร และไพร่บ้านพลเมืองเป็นอันมาก ถึงเวลาค่ำจึงประชุมทหาร เตรียมคบเพลิงเครื่องอาวุธพร้อมมือกัน พอเวลายามเศษก็ยกกองทัพออกจากเมือง จะไปปล้นค่ายหลีจีนอ๋อง แต่หลีจีนอ๋องเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ก็ขับทหารออกสู้รบกันเป็นสามารถ ล้มตายลงด้วยกันทั้งสองฝ่ายยังหาแพ้ชนะกันไม่ จนถึงเวลาเช้า

ฝ่าย หลีซุนเฮ้า ซึ่งยกทหารแยกไปทางทิศใต้ ถึงแม่น้ำอินิฮอแขวงเมืองซิวเกียงกุ้ย ก็ให้ทหารไปเที่ยวยืมเรือชาวบ้านจะข้ามแม่น้ำ ก็พบกับ เฮ่งง่วนเจียง นายโจรคุมพรรคพวกประมาณยี่สิบคนเศษ ได้ยินข่าวเล่าลือว่าหลีซุนเฮ้ามีฝีมือกล้าหาญเข้มแข็ง ส่วนตนเองนั้นก็ได้ชื่อว่ามีฝีมือไม่มีผู้ใดเทียบ คิดจะลองฝีมือให้ลูกน้องชม จึงขี่ม้าถือกระบองเหล็กเข้ามาหาหลีซุนเฮ้า แล้วว่าแม่น้ำนี้ตัวเราเห็นเจ้าของ ถ้าผู้ใดจะข้ามไปก็ต้องเอาเงินมาเสียให้แก่เรา จึงจะให้ข้ามไป

หลีซุนเฮ้าจึงตอบว่า

“……..พระเจ้าตงหัวให้เรามาเที่ยวลาดตระเวน ตรวจตามหัวเมืองใหญ่น้อย ตัวท่านเป็นอะไรจึงได้บังอาจมาพูดดังนี้……..”

เฮ่งง่วนเจียงก็ว่า

“……..ถ้าท่านไม่เสียเงินค่าทางให้แก่เราแล้ว จงดูกระบองเหล็กที่เราถืออยู่นี้ จะตีคนตายหรือไม่……..”

หลีซุนเฮ้าได้ฟังก็โกรธ ไม่ทันที่จะแต่งตัว รีบขึ้นม้าถือทวนออกไปจะแทงคู่ต่อสู้ เฮ่งง่วนเจียงก็ขับม้าสอึกเข้าไปเอากระบองเหล็กตีหลีซุนเฮ้า แต่ถูกหลีซุนเฮ้าคว้าจับกระบองไว้ได้ และกระชากมาด้วยกำลังแรง ตัวเฮ่งง่วนเจียงก็พลัดตกลงจากหลังม้า หลีซุนเฮ้าจึงว่า

“……ตัวอวดว่าเป็นคนมีฝีมือเข้มแข็ง แล้วเหตุใดจึงให้เราชิงเอากระบองเหล็กมาได้ บัดนี้เราจะตีลงไปท่านก็คงจะตาย แต่เราเห็นว่าจะฆ่าเสียนั้นหาเห็นมีเกียรติยศไม่ จงรีบหนีไปเสียให้พ้นเถิด……….”

เฮ่งง่วนเจียงแพ้ฝีมือหลีซุนเฮ้าครั้งนี้อัปยศแก่พวกโจรนัก ลุกขึ้นได้ก็วิ่งหนีซุกซ่อนไป เมื่อหลีซุนเฮ้าจัดทหารให้ข้ามฟากได้หมดแล้ว ก็พากันเดินทางต่อไปตามหัวเมืองต่าง ๆ จนถึงเมืองเปียนเหลียง ในคืนที่หลีจีนอ๋องกำลังสู้รบอยู่กับจูอุน เสียงกลองรบอื้ออึง จนถึงเวลาเช้า หลีซุนเฮ้าจึงนำทหารเข้ารบกับฝ่ายเมืองเปียนเหลียง

จูอุนเห็นมีกองทัพกระหนาบมา ทหารของตนรวนเรจะเสียที จึงยกทหารกลับเข้าเมือง หลีซุนเฮ้าก็เข้าไปคำนับหลีจีนอ๋องถามเรื่องราว หลีจีนอ๋องก็เล่าความตามที่ได้เกิดเหตุ ให้ฟังทุกประการ หลีซุนเฮ้าได้แจ้งก็มีความโกรธยิ่งนัก จึงว่าตนจะคุมทหารเข้าตีหักเอาเมืองเปียน เหลียง แก้แค้นจูอุนเสียให้จงได้ หลีจีนอ๋องก็ท้วงว่า

“……….เมืองเปียนเหลียงนี้ เป็นเมืองขึ้นอยู่ในพระเจ้าอยู่หัว จูอุนก็เป็นขุนนาง พระเจ้าตงหัวตั้งแต่งให้มารักษาเมือง ครั้นเราจะหักหาญเข้าตีเอาบ้านเมือง ฆ่าจูอุนเสีย ก็เป็นการละเมิดอยู่ หาสมควรกับที่เป็นผู้ใหญ่ไม่ เมื่อจูอุนผิดเหลือเกินประการใด ควรเราจะมีหนังสือบอกเข้าไปกราบทูลพระเจ้าตงหัวให้ทราบก่อน จึงจะดี……….”

หลีซุนเฮ้าได้ฟังก็เห็นชอบด้วย ทั้งสองจึงรวมทหารเข้าด้วยกัน แล้วเลิกทัพกลับไปตั้งที่เมืองเปงจิวตามเดิม

ฝ่ายจูอุนครั้นแจ้งว่าหลีจีนอ๋องยกกองทัพกลับไปแล้ว ก็ปรึกษากับน้องชายและขุนนางนายทหารว่า เมื่อหลีจีนอ๋องกลับไปถึงเมืองเปงจิวแล้ว ก็คงจะบอกกล่าวโทษตนไปถึง พระเจ้าตงหัว ถ้าฮ่องเต้รับสั่งให้หลีจีนอ๋องยกกองทัพมาตีเมืองเรา ท่านทั้งปวงจะคิดประการใด

จูหงีจึงว่า

“……..ซึ่งหลีจีนอ๋องจะยกกองทัพมาตีบ้านเมืองเรานั้น ข้าพเจ้าหาสู้วิตกไม่ ด้วยเสบียงอาหารที่เมืองเราก็บริบูรณ์ ทแกล้วทหารก็มีพอจะรักษาเมืองได้ แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า ท่านทุกวันนี้กับหลีจีนอ๋องไม่ชอบกัน พระเจ้าตงหัวพระทัยก็โลเล เอาเป็นยุติธรรมไม่ได้ ขอท่านจงคิดเกลี้ยกล่อม หาคนที่มีฝีมือเข้มแข็งและมีสติปัญญา กับทั้งทหารเลวมาทำนุบำรุงไว้ให้มาก ตั้งตัวเป็นเอกราชขึ้นอีกก๊กหนึ่ง……….”

ห้องจิว ขุนนางที่ปรึกษาของจูอุน จึงพูดขึ้นว่า

“……..ที่จูหงีว่าดังนี้ก็ดีอยู่ แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า คนซึ่งจะเข้ามาเกลี้ยกล่อมถ่อมตัวให้ท่านใช้ได้ จะคิดหน้าระวังหลัง ขยะแขยง กลัวจะไม่ได้คนมากรวดเร็ว ถ้าท่านคิดให้พระเจ้าตงหัวตั้งท่านเป็นอ๋อง มียศใหญ่ขึ้นแล้ว คนทั้งปวงก็จะนิยมมาเข้าเกลี้ยกล่อมอยู่กับท่าน เป็นอันมากโดยเร็ว……..”

จูอุนจึงว่า ท่านจะคิดอย่างไรจึงจะให้พระเจ้าตงหัวตั้งขึ้นเป็นอ๋องได้ ห้องจิวก็ว่า

“…….ข้าพเจ้าทราบอยู่ว่าในเมืองหลวงทุกวันนี้ พระเจ้าแผ่นดินก็โง่เขลา พระทัยก็โลเล หามีสติปัญญาไม่ ราชการก็สำเร็จเด็ดขาดอยู่กับชั่นเล่งจือ จะเพ็ดทูลประการใด พระเจ้า ตงหัวก็ไม่อาจจะขัดขืน ชั่นเล่งจือเป็นคนไม่มีสติปัญญา ประกอบไปด้วยความโลภแก่กล้านัก ถ้าท่านจัดของที่ดี ๆ มีราคามากไปกำนัลแล้ว จะปรารถนาสิ่งใดก็คงจะได้สมความคิด…….”

จูอุนได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงทำหนังสือฉบับหนึ่งไปถึง ชั่นเล่งจือ กับจัดสิ่งของมีราคาและทองคำเป็นอันมาก มอบให้ขุนนางสองนายคุมไปเมืองเชียงอาน พร้อมกับกำชับว่า

“………ท่านทั้งสองนี้ เราก็นับถืออยู่ว่าเป็นคนมีสติปัญญา จงพูดจาด้วยกล อุบาย ให้ชั่นเล่งจือหลงไปด้วยลาภสักการ คิดเอาประโยชน์ของเราให้สำเร็จจงได้……..”

ขุนนางทั้งสองก็เดินทางไปหาชั่นเล่งจือที่เมืองเชียงอาน เอาหนังสือและของกำนัลส่งให้ ชั่นเล่งจือรับหนังสือแล้วเปิดผนึกอ่าน มีความว่า

ข้าพเจ้าได้สามิภักดิ์ทำราชการแผ่นดิน ก็มีบำเหน็จความชอบอยู่ แต่ครั้งนี้ หลีจีนอ๋องมีอำนาจข่มขี่เกียดกันข้าพเจ้าเสีย ชื่อเสียงจึงลับไป ได้ความอัปยศนัก ข้าพเจ้าขอพึ่งท่านได้ช่วยทำนุบำรุงให้ได้เป็นที่เลียงอ๋อง มียศบรรดาศักดิ์เสมอกับหลีจีนอ๋อง ครั้งนี้ข้าพเจ้าได้เข็มขัดสายประดับหยกคู่หนึ่ง กับเพชรพลอยและทองคำแพร ส่งมาให้เป็นกำนัลแก่ท่าน ขอท่านจงได้รับไว้ใช้สอย โดยความเมตตาแก่ข้าพเจ้าเถิด

ชั่นเล่งจือได้อ่านทราบความ แล้วเห็นสิ่งของกำนัลมากมายดังนั้น ก็มีความยินดี จึงรับปากกับขุนนางที่นำมาว่าจะช่วยให้สำเร็จจงได้ ครั้นถึงเวลาพระเจ้าตงหัวเสด็จออกชั่นเล่งจือก็เข้าไปเฝ้ากราบทูลว่า

“……..ข้าพเจ้าคิดตริตรองดู ในราชการแผ่นดินทุกวันนี้ หลีจีนอ๋องมาปราบปรามฮ่องเฉา ได้เมืองเชียงอานคืนถวาย พระองค์ก็ยกย่องตั้งแต่งให้มียศใหญ่ ทั้งหลีจีนอ๋องและหลีซุนเฮ้า หัวเมืองและราษฎรทั้งปวงก็นิยมนับถือ กลัวว่าหลีจีนอ๋องและหลีซุนเฮ้าจะมีใจกำเริบ คิดการกบฏขึ้น ด้วยถือว่าไม่มีผู้ใดจะอาจต้านทานต่อฝีมือได้ เป็นเอกอยู่แต่พวกหลีจีนอ๋องพวกเดียว พระองค์ควรจะคิดทอนกำลังให้มีที่กีดที่ขวางเสียบ้างจึงจะดี………..”

พระเจ้าตงหัวก็รับสั่งว่า ท่านเห็นการวิตกดังนี้แล้ว จะคิดอย่างไรต่อไปอีกเล่า ชั่นเล่งจือจึงกราบทูลว่า

“………ข้าพเจ้าเห็นว่า จูอุนเจ้าเมืองเปียนเหลียงนั้น เป็นคนมีสติปัญญาฝีมือก็เข้มแข็ง แล้วก็ได้เป็นผัวนางเง็กลวนเอง ซึ่งเป็นกนิษฐาของพระองค์ ควรพระองค์จะตั้งให้จูอุนเป็นที่เลียงอ๋องมียศใหญ่ จะได้เป็นที่กีดขวางหลีจีนอ๋องไว้บ้างจึงจะดี……..”

ฮ่องเต้จึงรับสั่งว่า

“…………จูอุนคนนี้เป็นพวกคิดกบฏกับฮ่องเฉา ครั้นได้นางเง็กลวนเองเป็นภรรยาแล้ว นางเง็กลวนเองชักจูงมาได้กลับใจมาเข้ากับเรา เมื่อครั้งหลีจีนอ๋องยกกองทัพไปปราบฮ่องเฉานั้น จูอุนยกไปแล้วก็กลับมาเสีย หาได้สู้รบมีบำเหน็จความชอบสิ่งไรไม่ เป็นคนใจไม่ซื่อตรง จะให้เราตั้งแต่งเป็นอ๋องขึ้นอย่างไร………..”

ชั่นเล่งจือก็กราบทูลว่า

“……..ธรรมดาพระมหากษัตริย์ ซึ่งรักษาระวังสิริราชสมบัตินั้น จะตั้งแต่งขุนนางและทหารก็ต้องตั้งเป็นซ้ายพวกหนึ่งขวาพวกหนึ่ง เพื่อจะให้กีดให้ค้านกันเป็นธรรมดาดังนี้ ครั้งนี้พระองค์มาให้มีอำนาจแก่หลีจีนอ๋องพวกเดียว เห็นผิดราชประเพณีอยู่ กลัวจะเป็นภัยแก่ราชสมบัติ และจูอุนทุกวันนี้ก็เป็นเจ้าเมืองใหญ่ มีสติปัญญากล้าหาญ ถ้าพระองค์ไม่เอาใจไว้บ้างแล้ว ก็คงจะคิดวิปลาสไปเป็นแน่………..”

ฮ่องเต้จึงรับสั่งว่า ถ้าเห็นการดังนั้นแล้วก็จงยกที่นาให้สักสามร้อยไร่เถิด ชั่นเล่งจือก็มีความยินดี ครั้นสิ้นเวลาเฝ้าแล้วก็กราบลามาบ้าน ทำหนังสือแอบอ้างรับสั่ง ตั้งให้จูอุนเป็นที่เลียงอ๋อง มีอำนาจคุมทหารปราบโจรผู้ร้ายซึ่งจะเกิดขึ้นในแผ่นดิน และพระราชทานที่นาสามร้อยไร่เป็นบำเหน็จ แล้วประทับตราของตนเป็นสำคัญ มอบให้ขุนนางสองคนนำกลับไปให้จูอุน

จูอุนได้ตราตั้งสมปรารถนาแล้ว ก็มีใจกำเริบเกลี้ยกล่อมซ่องสุมทแกล้วทหารไว้เป็นอันมาก เพื่อจะทำการใหญ่ต่อไป ในไม่ช้านี้.

##########

วารสารฟ้าหม่น
มกราคม ๒๕๔๕

Create Date : 23 กรกฎาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 20:32:01 น. 0 comments
Counter : 13 Pageviews.




 

Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2554 13:29:02 น.
Counter : 475 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.