Group Blog
 
All Blogs
 

อะไรก็ได้ (๕๓) จะบริหารเวลาอย่างไรดี

อะไรก็ได้ (๕๓)

จากเรื่อง มนุษยสัมพันธ์ ของ ศ.ศิลาแลง ในนิตยสารทหารสื่อสาร ฉบับ มกราคม ๒๕๓๙ ยังมีข้อความที่น่าสนใจเหลืออยู่อีกท่อนหนึ่ง คือ จะบริหารเวลาทำอย่างไรดี

เวลาเป็นของมีค่า บินไปแล้วย้อนกลับมาใหม่ไม่ได้ มนุษย์ทุกคนมีเวลาเป็นทรัพย์สินธรรมชาติ ที่ได้มาเท่ากันทุกคน อยู่ที่ว่าใครสามารถนำเวลานั้นไปใช้ให้เป็นประโยชน์มากกว่ากันเท่านั้น บางคนเอาเวลาไปทิ้งเสียปล่อยเวลาไปวัน ๆ รอโน่นรอนี่ทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย พอใกล้จะตายก็มานึกถึงเวลาที่เคยมีอยู่ แต่ไม่ได้ทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน ตรงกันข้ามกับบางคน เอาเวลามาเจียระไนเป็นเพชรล้ำค่า คือทำประโยชน์ให้กับตนเองและสังคมได้มากมาย ฉะนั้นเมื่อเรามีเวลาอยู่ในมือเราแล้ว ก็ควรที่จะมารู้จักการบริหารเวลาให้เกิดประโยชน์ค่อไป

๑.รู้จักเวลาวางแผนการทำงานล่วงหน้า

การวางแผน คือการใช้สมองช่วยทำงาน ถ้าท่านไม่ใช้สมองท่านจะใช้ขามากขึ้น คือ ต้องทำงานหลายเที่ยวเหนื่อยหน่อย แต่ถ้ามีการวางแผนอย่างดีแล้ว ท่านก็จะไม่ต้องเหนื่อยมาก

การทำงานโดยไม่มีแผนงาน มันไม่ผิดอะไรกับการเดินทางโดยไม่ได้เตรียมเสบียง ขาดแผนที่เส้นทาง ไร้จุดหมาย ซึ่งโอกาสที่จะถึงจุดหมายปลายทาง คงยากยิ่งหรือเลือนลางเต็มทน การวางแผนทำให้เรารู้ว่าขั้นตอนไหนควรทำอย่างไร และเมื่อมีอุปสรรคเราจะแก้ปัญหาอย่างไร เท่ากับเป็นการเตรียมการที่ดี นับว่าสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ดังที่ ขงจื๊อเคยกล่าวว่า “บุคคลผู้ไม่คิดการล่วงหน้า ย่อมโศกาในภายหลัง”

๒.รู้จักแบ่งเวลาให้กับชีวิตครอบครัว งาน และสังคม

วงรอบของชีวิตคนเรา ต้องอยู่ร่วมกันในสังคม ตั้งแต่ครอบครัว จนกระทั่งไปถึงที่ทำงาน และสังคมทั่วไป

ครอบครัวคือสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุด สังคมปัจจุบันคนส่วนใหญ่ให้เวลากับสังคมมากเกินไป จนลืมครอบครัว ลูก พ่อ แม่ ขาดความอบอุ่น ถึงแม้ครอบครัวมีเงินทองมากมาย แต่ก็หาความสุขไม่ได้ เพราะพ่อแม่ให้เวลากับงานสังคมมากเกินไปนั่นเอง เขาอาจลืมไปว่าความสุขที่แท้จริงคือ ครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวมีความสุขร่วมกัน

การทำงานเพื่อให้ได้เงินมาเลี้ยงชีวิตตนเองและครอบครัวให้มีความสุข แต่ทุกวันนี้คนเราทำงานมากเกินไป มุ่งหวังแต่เงินทองเป็นตัวตั้ง บ้างก็ทำเพื่อเกียรติยศชื่อเสียง ซึ่งแท้จริงแล้วการทำงาน ควรทำอย่างมีความสุข มีปิติอิ่มใจ ส่วนผลพลอยได้นั้น เป็นเรื่องรองลงไป อย่าไปให้ความสำคัญมากนัก ถ้าหวังมากก็ผิดหวังมาก อย่างมากก็วิตกกังวลมากจนต้องเป็นโรคประสาท โรคมะเร็ง โรคเครียด ความดันโลหิตสูง ล้วนแต่เกิดจากการทำงานไม่เป็นสุขทั้งนั้น

สังคม เพื่อนฝูง ญาติมิตร ที่รู้จักรักใคร่เรา ควรแบ่งเวลาให้แต่พอสมควร มีบางท่านแบ่งเป็นสามส่วน ๆ ละ ๘ ช.ม. คือ ทำงาน ๘ ช.ม. สังคม ๘ ช.ม. และครอบครัว ๘ ช.ม. นั่นก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสถานการณ์ด้วย

๓.การฝึกทำงานทีละอย่างในขณะเดียวกัน

การทำงานทีละอย่างให้เสร็จนั้น เป็นเรื่องดูแล้วง่ายมาก แต่พอทำเข้า จริง ๆ กลับไม่ค่อยมีใครทำได้ พอลงมือทำงานอย่างหนึ่ง เดี๋ยวก็มีเรื่องอื่น ๆ เข้ามาแทรกแซง ก็เปลี่ยนงานไปอีก ทำให้งานที่เริ่มลงมือทำไม่เสร็จสักที ดังนั้นเราควรมาฝึกทำงานทีละอย่างให้สำเร็จกันดีกว่า ในวันหนึ่งเราจะทำงานได้มาก แต่ถ้าทำทีละหลาย ๆ อย่าง บางทีวันหนึ่งไม่มีอะไรสำเร็จเลยก็มี

พระชาวเวียตนามชื่อ ติช นัทฮันท์ บอกว่า “เราล้างชาม เพื่อล้างชาม” ฟังดูแปลกดี ทำไมพูดอย่างนั้น ท่านบอกว่าคนเราเวลาล้างจานก็สักแต่ว่าล้าง เอาน้ำล้างจานแล้วก็เสร็จ จิตใจก็คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย ไม่เคยคิดอยู่กับจานที่ล้างเลย จานก็ไม่สะอาดจิตก็ไม่สะอาด แต่ขณะเดียวกันท่านเอาจานมาค่อย ๆ ล้างด้วยน้ำอย่างช้า ๆ แล้วก็เอาที่ล้างจานค่อย ๆ ถู ให้สะอาด จิตจดจ่ออยู่กับจาน จานก็สะอาด จิตใจก็สะอาด นี่เรียกว่าทำงานแล้วได้ประโยชน์มาก คือทำทีละอย่างช้า ๆ ความผิดพลาดก็ไม่เกิดขึ้น

๔.รู้จักมอบหมายให้ผู้อื่นทำแทนบ้าง

คนทำงานเก่งนั้นไม่ใช่ทำอยู่คนเดียว เดี๋ยวจะกลายเป็นผู้จัดการสันดานเสมียน ไม่ยอมแบ่งงานให้ลูกน้องทำบ้าง ถ้าทำงานเก่งคนเดียวก็คงเป็นได้แต่ระดับต่ำ ๆ เพราะไม่สามารถบริหารคนให้ทำงานแทนตนเองได้ เมื่อสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จะยิ่งต้องรู้ว่า คนใดเหมาะสมกับงานใด จึงจะได้ชื่อว่าทำงานเป็น คนทุกคนทำงานได้ทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราจะแบ่งให้เขาอย่างไร จึงจะเหมาะสมเท่านั้นเอง.

##############




 

Create Date : 15 กันยายน 2553    
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 5:51:55 น.
Counter : 534 Pageviews.  

อะไรก็ได้ (๕๒) เวลา

อะไรก็ได้ (๕๒)

จากเรื่อง มนุษยสัมพันธ์ ของ ศ.ศิลาแลง ในนิตยสารทหารสื่อสาร ฉบับ มกราคม ๒๕๓๙ ยังมีข้อความที่น่าสนใจอยู่อีก คือ เวลา

มีปริศนาถามว่าอะไรเอ่ย ยักษ์ตนหนึ่งมีสามหน้า มีตาสองดวง ๆ หนึ่งสว่างอีกดวงริบหรี่มีสิบสองปาก แต่ละปากมีฟันสามสิบซี่ บินไปแล้วไม่กลับ มันไปพร้อมกับกินสรรพสิ่งในโลกให้ผุกร่อนพังทลาย คำตอบก็คือ กาลเวลา นั่นเอง

ที่ว่ามี ๓ หน้า ก็คือฤดูกาล หน้าร้อน หน้าหนาว หน้าฝน
มีตา ๒ ดวง ก็คือ ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์
มี ๑๒ ปาก ก็คือ ๑๒ เดือนในหนึ่งปี
แต่ละปากมีฟัน ๓๐ ซี่ ก็คือ ๓๐ วันในหนึ่งเดือน
บินไปแล้วไม่กลับ ก็หมายความว่า เวลา ผ่านไปแล้วไม่หวนกลับคืนมาได้อีกเลย
แถมยังกินสรรพสิ่งทั้งโลก ให้ผุกร่อนไปตาม

มนุษย์เราเกิดมามีเวลาให้ใช้เท่าเทียมกันใน ๑ วัน มีให้ ๒๔ ชั่วโมง อยู่ที่ว่าใครจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์มากกว่ากันเท่านั้นเอง บางคนก็ปล่อยทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย และเขาก็ไม่มีสิทธิ์ ที่จะเรียกมันกลับคืนมาได้เลย

บางคนก็ใช้ทุกวินาที ให้มีค่าเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและมวลมนุษย์ เวลาผ่านไปทุกขณะ มันมิได้ผ่านไปเปล่า ๆ มันนำความเปลี่ยนแปลงไปด้วย ร่างกายสังขาร เสื่อมไปตามกาล วัตถุก็โทรมลง ร่างกายก็เปลี่ยนสภาพ จากเด็กเป็นหนุ่มสาว เป็นชรา และก็ตายจากโลกนี้ไป ฉะนั้นใครจะจับเวลานำมาเจียระไนเป็นเพชรอันล้ำค่าได้เท่านั้น หรือจะให้มันผ่านหน้าเราไป อย่างหน้าตาเฉยกระนั้นหรือ

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ท่านกล่าวไว้ว่า เวลาเป็นของน้อย เกิดมาเท่าไรเรารู้ แต่เหลือเท่าไรเราไม่รู้ เหมือนน้ำในรอยโค แดดส่องก็จะค่อย ๆ หมดไปทุก ๆ วัน

อายุของคนทั่ว ๆ ไปแล้ว วัยเด็กกับวัยชรา ครึ่งหนึ่งของชีวิตเข้าไปแล้ว ไหนจะคิดเวลาเจ็บป่วย หงุดหงิด รำคาญ เดินทาง นอน ฯลฯ สรุปแล้วเวลาเรามีอยู่ในโลกนี้ ดูช่างน้อยเสียเหลือเกิน ควรรีบทำเวลาที่เหลือน้อยนิดนี้ ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ เหมือนดังกลอนที่ วานิช จรุงกิจอนันต์ ได้เขียนเอาไว้ว่า

น้ำขึ้นให้รีบตักตระหนักไว้

ระหว่างวัยเวียนวานที่ผ่านผัน

เวลาของผองเรามีเท่ากัน

เมื่อจัดสรรถูกส่วนย่อมควรการ

มิว่าจักเติบใหญ่หรือวัยน้อย

กระไรปล่อยเวลาตนให้พ้นผ่าน

เกิดมาหนึ่งชีวิตนี้ย่อมมีงาน

จะสืบสานสิ่งดีให้มีมา

ทุกนาทีพากเพียรถ้าเรียนรู้

ที่มีอยู่ทุกนาทีนั้นมีค่า

ไยปล่อยกระแสธารกาลเวลา

ที่ผ่านมาถึงตนล่วงพ้นไป.




 

Create Date : 14 กันยายน 2553    
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 5:51:12 น.
Counter : 530 Pageviews.  

อะไรก็ได้ (๕๑) แม้ความหวังสิ้นภินท์ทลาย

อะไรก็ได้ (๕๑)


ใน พ.ศ.๒๕๐๑ กรมการทหารสื่อสาร จัดทำนิตยสารอยู่สามเล่ม คือ “ทหารสื่อสาร” หนังสือของเหล่า ส.ในกองทัพบก “วปถ.ปริทรรศน์ “ หนังสือสำหรับสถานีวิทยุประจำถิ่น ที่ตั้งอยู่ทุกจังหวัดทหารบก และมณฑลทหารบก ทั่วประเทศ “สารสัมพันธ์” หนังสือสำหรับสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๗ ขาวดำ สนามเป้า ซึ่งออกเป็นรายเดือนบ้าง สองเดือนบ้าง

ในนิตยสาร วปถ.ปริทรรศน์ ฉบับประจำดือนมีนาคม ๒๕๐๑ ในหน้ากวี ก็มีบทกลอนของ เพทาย ทิพยสุนทร ชื่อ “แม้ความหวังสิ้นภินท์ทลาย” จึงเอามาเทียบกับ ของทหารสื่อสาร ตอนที่แล้ว

มืดมิด............................ทุกทิศแลสลัวมัวหม่น
พายุพัดคะนึงอึงอล.........เมฆฝนเลื่อนปลิวปลิวไกล
หมู่ไม้หักโค่นโอนราบ........ฟ้าวาบวับฟาดหวาดไหว
ผงคลีมืดคลุ้มกลุ้มไป.........วิปริตทั่วในแดนสกล

ฟ้ามัว................................น่ากลัวทั่วทุกแห่งหน
เหลือแสงเทียนอยู่คู่กมล......ได้ยลแสงเรืองรำไร
ลมพัดเปลวกระพริบริบหรี่.....สิ้นสีแล้วกลับสดใส
แม้โลกจะปรวนแปรไป...........อุ่นใจไม่สิ้นแสงเทียน

ดุจธรรม................................ส่องนำกมลไปไม่เปลี่ยน
ช่วยมนุษย์หลุดพ้นวนเวียน......พากเพียรพ้นห่วงบ่วงกรรม
แม้ฝ่าอุปสรรคหนักไฉน............แม้ไร้ผู้อุ้มอุปถัมภ์
แม้ต้องเหนื่อยยากตรากตรำ......กลืนกล้ำขมขื่นฝืนกาย

อย่าหมอง.................................แม้มองไม่เห็นที่หมาย
แม้ความหวังสิ้นภินท์ทลาย.........โชคร้ายระดมถมทวี
อย่าเสื่อมสูญสิ้นศรัทธา.................รักษาเกียรติและศักดิ์ศรี
ยึดมั่นสัจธรรมความดี....................ไม่หรี่เรื่อแรง...ดุจแสงเทียน.

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๐๐ ถึงตุลาคม ๒๕๐๑ วิกฤตการณ์ของบ้านเมือง กำลังสับสนวุ่นวายคล้ายกับที่เกิดอยู่ในปัจจุบัน ผู้เขียนคงจะเขียนเพื่อปลอบใจตนเอง แล้วก็เลยเอามาลงพิมพ์ ในนิตยสารฉบับเล็ก ๆ นี้ เพราะไม่รู้ว่าจะส่งไปลงที่ไหน

แต่ถ้าลืมปี พ.ศ.ที่เขียนเสีย และเอามาพิมพ์ใน พ.ศ.๒๕๕๓ ก็จะไม่มีผู้อ่านคนใดจับได้เลย ว่าลอกมาจากของเก่า เมื่อ ๕๒ ปีที่แล้ว.

#################






 

Create Date : 13 กันยายน 2553    
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 5:50:39 น.
Counter : 537 Pageviews.  

อะไรก็ได้ (๕๐) เจ้าพระยา

อะไรก็ได้ (๕๐)

เมื่อค้นหาหนังสือเก่ามาอ่านใหม่ เพื่อศึกษาความคิดความสนใจ ในสมัยสี่สิบปีที่ผ่านมา จากนิตยสาร ทหารสื่อสาร ฉบับประจำเดือน กรกฎาคม ๒๕๑๘ ก็พบเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในคอลัมน์ อะไรก็ได้ แต่ไปอยู่ใน มุมกวี ของ “กัปตันนัมเบอร์วัน” ซึ่งเขารำพึงถึง “เจ้าพระยา” ดังนี้

เห็นสายน้ำเจ้าพระยาพาให้คิด
เป็นดุจสายโลหิตที่ไหลหลั่ง
จากถิ่นเหนือ ยม น่าน และ ปิง วัง
เป็นพลังนิรมิตชีวิตไทย
หล่อเลี้ยงทุ่งรวงทองทั้งสองฟาก
เป็นรกรากของปู่ย่ามาแต่ไหน
ทั้งเรือแพขึ้นล่องคล่องดังใจ
เป็นสายใยโยงจิตใกล้ชิดกัน
จากเหนือสุดจรดอ่าวไทยไม่ไกลห่าง
เป็นเส้นทางขายค้าพาสุขสันต์
ได้อาศัยแม่คงคาสาระพัน
เป็นคุณอนันต์แก่คนไทยไม่ลืมเลือน

เจ้าพระยาเป็นมารดาแห่งสยาม
ฝากฝังนามคู่ไผทหาใดเหมือน
ควรจำไว้ให้สนิทติดใจเตือน
อย่าแชเชือนหลงใหลไม่ใยดี
เป็นท้องถิ่นสุดท้ายไทยยึดมั่น
ศัตรูบั่นแบ่งแยกไม่แตกหนี
ร่วมใจกันต่อสู้กู้ปัฐพี
เพื่อไทยนี้คงอยู่คู่ “เจ้าพระยา”

กลอนบทนี้อยู่ในยุคที่คนไทยมีความคิดแตกแยก ครั้งสำคัญครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่มีการสู้รบระหว่างคนไทยด้วยกัน ยืดเยื้อมาจนถึง พ.ศ.๒๕๒๓ จึงได้ยุติลง

เมื่อเวลาผ่านมาอีก สามสิบปี เหตุการณ์ที่คล้ายกันก็เกิดขึ้นอีก และได้ดำเนินมากว่า ๕ ปี กว่า แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะยุติลงได้อย่างไร และเมื่อไร.

##########




 

Create Date : 12 กันยายน 2553    
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 5:49:42 น.
Counter : 529 Pageviews.  

อะไรก็ได้ (๔๙) มนุษยสัมพันธ์ (๒)

อะไรก็ได้ (๔๙)

มนุษยสัมพันธ์ ของ ศ.ศิลาแลง ตอนต่อไป

๔.อย่าบอกว่าเขาผิดเป็นอันขาด

จงเคารพต่อความคิดเห็นของอีกฝ่ายหนึ่ง อย่าบอกว่าผู้ใดผิดเป็นอันขาด ท่านจะกล่าวหาว่าผู้อื่นทำผิดด้วยสายตา ด้วยสำเนียงหรือด้วยอากัปกิริยาก็ตาม ย่อมมีความหมายทำนองเดียวกันกับท่านลั่นวาจาออกไป ถ้าท่านกล่าวหาใครสักคนว่าเขาทำผิด ท่านจะทำให้เขานั้นเห็นพ้องกับท่านว่าเขาผิดจริงหรือเปล่า ทั้งนี้เพราะการกล่าวหาของท่าน เปรียบเหมือนท่านชกกร้วมเข้าที่สติปัญญาของเขา ดุลยพินิจของเขา ความภูมิใจของเขา และความเคารพตนเองของเขา ผลก็คือจะทำให้เขาผู้นั้นต้องการจะโต้ตอบบ้าง และจะไม่สามารถเปลี่ยนความคิดเห็นของเขาได้เลย ทั้งนี้เพราะท่านทำให้เขาเจ็บใจนั่นเอง

มีมนุษย์อยู่ไม่กี่คน ที่เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยเหตุผล เราส่วนมากต่างก็เป็นสัตว์โลกซึ่งมีคติ และลำเอียง เราส่วนมากต่างถูกรบกวน ด้วยความหวาดระแวง ความริษยา ความขี้สงสัย ความกลัว ความอิจฉาและทิฐิ เราส่วนใหญ่ไม่ชอบเปลี่ยนใจในสิ่งที่เรายึดมั่น เช่นการนับถือศาสนา การชอบในสิ่งต่าง ๆ

ในบางครั้งเราจะพบว่า เราเปลี่ยนใจของเราอย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องมีเรื่องขัดใจหรือเกิดความสะเทือนใจอันรุนแรงใด ๆ แต่ถ้ามีใครมาบอกเราว่าเราผิด เราจะรู้สึกฉิวในคำกล่าวหานั้น และใจของเราจะเกิดอาการกระด้างกระเดื่องขึ้นมา เราต่างก็เป็นคนไม่สู้จะเอาใจใส่เสียเลย ว่าความเชื่อถือของเราอยู่ในลักษณะอย่างไรบ้าง แต่ถ้าหากมีใครมาข่มเหงน้ำใจของเรา เราจะเกิดความเชื่อในสิ่งที่เราเชื่อแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ไม่ใช่ความคิดของเราหรอกที่เราหวงนัก แต่เราหวงแหนความนับถือตนเอง โดยจะไม่ยอมให้ถูกข่มขู่ต่างหาก

๕.ถ้าท่านผิดจงสารภาพ

ถ้าเรารู้ตัวว่าเราได้ทำผิด จะไม่ดีกว่าหรือที่เราจะกล่าวถึงความผิดของเราก่อนที่อีกฝ่ายหนึ่งจะแย้มปาก การตำหนิติเตียนตนเองย่อมจะน่าฟังกว่าคนแปลกหน้ามาตำหนิติเตียนเรา ใช่ไหมท่าน

ท่านจงพูดปรักปรำลงโทษตัวของท่านในประการต่าง ๆ ถ้าหากว่าว่าท่านรู้ตัวว่าอีกฝ่ายหนึ่ง คิดหรือต้องการจะพูด หรือตั้งใจจะพูดอย่างไร และท่านจงพูดก่อนอีกฝ่ายหนึ่งจะมีโอกาสแย้มปาก ซึ่งเป็นการลดความโมโหโทโสของเขาให้สงบลงได้ จากการกระทำเช่นนี้ ท่านมีโอกาสอันงดงามร้อยต่อหนึ่ง ที่จะจูงใจให้เขาเป็นคนใจเดียวกัน

จากนี้ไปอีกไม่นาน ท่านและข้าพเจ้าต่างจะไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ และจะไม่มีใครรู้จัก ชีวิตนี้เป็นของสั้นจนเกินไป เพราะฉะนั้นอย่าปล่อยให้ชีวิตอันสั้นของเรา สร้างความรำคาญให้แก่ผู้อื่น โปรดคิดดูเสียให้ดี ท่านมิได้มีอะไรดีวิเศษมากมาย ที่จะคุยอวดโดยไม่รู้จักจบสิ้นกันเสียที

๖.การเข้าถึงเหตุผลของผู้อื่น

ถ้าบุคคลใดมีใจปวดร้าวอยู่ด้วยความขุ่นแค้น และโกรธเคืองท่าน ท่านจะไม่สามารถจูงใจเขา ให้คล้อยตามแนวความคิดของท่านเป็นอันขาด แม้จะใช้หลักตรรกวิทยาที่มีอยู่ทั้งหมดในโลก พ่อแม่ชอบดุด่า นายหรือผัวที่ชอบใช้อำนาจ หรือเมียที่ชอบจู้จี้ ควรจะรู้ความจริงว่า จากการปฏิบัติดังกล่าว จะไม่ทำให้อีกฝ่ายหนึ่ง เกิดความต้องการที่จะเปลี่ยนใจ

ท่านและข้าพเจ้าสามารถบังคับบีบคั้น ให้บุคคลใดมีความเห็นสอดคล้องกับเราได้ ถ้าเราใช้วิธีสุภาพอ่อนโยนอย่างกันเอง ยิ่งอ่อนโยนและยิ่งกันเองมากมายเท่าใด ก็ยิ่งดีเท่านั้น เราสามารถจูงใจเขาเหล่านั้น ให้สอดคล้องตามแนวควมคิดของเราได้

มีภาษิตที่กล่าวเป็นความจริงอยู่ประโยคหนึ่ง น้ำผึ้งเพียงหยดเดียว จับแมลงได้มากกว่าน้ำบอระเพ็ดหนึ่งลิตร เพราะฉะนั้นถ้าท่านต้องการจูงใจผู้อื่น ให้เห็นดีเห็นชอบในวัตถุประสงค์ของท่าน สิ่งแรกที่สุดที่ท่านจะต้องปฏิบัติ ก็คือทำให้เขาเชื่อถือว่าท่านเป็นมิตรสุจริตของเขา ด้วยเหตุนี้เองถ้าท่านจะใช้น้ำผึ้งสักหยดหนึ่ง เหยาะลงในหัวใจอีกฝ่ายหนึ่งให้ชื่นฉ่ำ ซึ่งท่านจะพูดอะไรกับเขาก็ตาม จะเป็นทางอันล้ำเลิศ ที่จะดึงเหตุผลของเขาให้หันมาสอดคล้องกับท่าน ความสุภาพอ่อนโยนและไมตรีจิตร จะต้องมีอิทธิฤทธิ์ มากกว่าฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด และใช้กำลังบังคับเสมอ.

#############


Create Date : 24 สิงหาคม 2553
Last Update : 24 สิงหาคม 2553 5:44:46 น. 3 comments
Counter : 6 Pageviews. Add to




สวัสดีตอนเช้าๆ จ้า^^


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 24 สิงหาคม 2553 เวลา:8:51:31 น.




มันมีกี่ข้อคะเนี่ย


โดย: zagai2002 วันที่: 24 สิงหาคม 2553 เวลา:11:36:11 น.




สวัสดีตอนเช้าของอีกวันหนึ่งครับ คุณหาแฟนตัวเป็นเกลียว



ทั้งหมดมี ๖ ข้อแค่นี้แหละครับคุณzagali2002

โดย: เจียวต้าย วันที่: 25 สิงหาคม 2553 เวลา:6:08:00 น.





 

Create Date : 30 สิงหาคม 2553    
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 5:48:54 น.
Counter : 557 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.