Group Blog
 
All Blogs
 
The Dark Princess : Chapter 2 The Dark Princess




ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังงงวยอยู่นั้น แสงสว่างวาบก็ปรากฏขึ้นตรงรูกุญแจของประตูบานหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างจากเธอนัก เด็กสาวขมวดคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อรู้ว่ามีใครบางคนร่ายคาถาเปิดประตูให้เธอจากข้างในราวกับต้องการให้เธอผ่านประตูนั้นเข้าไป กระทรวงต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่เลือกให้เธอมาทำการสอบในกองปริศนาแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่กองนี้เป็นที่ที่ใช้เก็บความลับอันมีค่ามหาศาลของโลกเวทย์มนตร์ไว้ แล้วทำไมพวกเขาถึงยอมให้เธอซึ่งยังไม่ได้เป็นแม้แต่มือปราบมารฝึกหัดเข้ามาทำการสอบที่นี่ได้

‘ แต่กระทรวงอาจจะต้องการให้เธอเข้ามาสอบที่นี่จริง ๆ ก็ได้ เพราะถึงอย่างไรเธอก็เคยเข้ามาที่นี่แล้วในครั้งที่มาช่วยซีเรียสตอนปีห้า หรือกระทรวงจะตั้งใจให้เธอจับฉลากได้กุญแจนำทางอันนี้อย่างนั้นเหรอ ’ อีกใจหนึ่งของเฮอร์ไมโอนี่คิดเช่นนั้น แต่เมื่อผ่านการไตร่ตรองโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีไปแล้ว เด็กสาวก็คิดว่ามันไร้สาระสิ้นดี! กระทรวงไม่มีทางให้เธอทำการมาสอบในที่แบบนี้เป็นอันขาด พวกเขายอมระเบิดตัวเองตายเสียดีกว่าปล่อยให้คนนอกเดินเข้ามาในกองปริศนาง่าย ๆ แบบนี้!

‘ เหลวไหลที่สุด กระทรวงไม่มีทางทำอะไรโง่ ๆ อย่างนี้แน่ มันต้องมีอะไรบางอย่างที่ผิดพลาด ฉันต้องกลับไป ’ เด็กสาวคิด พลางก้มไปมองปากกาขนนกเก่าโทรมซึ่งเป็นกุญแจนำทางของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ตั้งใจจะกลับไปยังสถานที่ที่เริ่มสอบ และอธิบายกับกรรมการผู้ดูแลการสอบว่ามีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น แต่ถ้าเธอทำเช่นนั้นแล้วกรรมการไม่เชื่อเธอล่ะ มันก็อาจทำให้เธอหมดสิทธิ์สอบในครั้งนี้ไปในทันที

‘ เอาไงดีล่ะเนี่ย ’ เด็กสาวคิด เธอมองปากกาขนนกสลับกับประตูบานนั้น แล้วก็หันมามองนาฬิกาที่ได้มาก่อนการสอบ มันบอกว่าเธอใช้เวลาอันมีค่าไปแล้วห้านาทีแล้ว

เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ อย่างไรเสียเธอก็ไม่มีทางหันหลังกลับแล้ว เพราะเธอไม่มีทางยอมให้ตัวเองหมดสิทธิ์สอบเพราะความสงสัยเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็แน่

เด็กสาวหย่อนนาฬิกาที่ถืออยู่ในลงในกระเป๋าเสื้อคลุม เพื่อจะได้ไม่ทำมันหายระหว่างการสอบ เธอกระชับไม้กายสิทธิ์ในมือก่อนจะตรงไปที่ประตูบานนั้น

เมื่อผ่านประตูเข้ามาได้เด็กสาวก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องสำหรับเก็บคำพยากรณ์ที่เธอเคยเข้ามากับแฮร์รี่และคนอื่น ๆ เพื่อมาช่วยซีเรียสเมื่อหลายปีก่อน เด็กสาวมองไปตามชั้นดำทะมึนที่มีลูกแก้วนับร้อยนับพันเรียงกันอยู่อย่างไม่สบายใจ เธอคิดว่ามันต้องมีบางอย่างผิดพลาดแน่ ๆ กระทรวงไม่น่าจะ ไม่ใช่สิ กระทรวงไม่มีวันส่งเธอเข้ามาทำการสอบในสถานที่ที่สำคัญเช่นนี้เป็นอันขาด คำพยากรณ์เหล่านี้มีความสำคัญต่อกระทรวงยิ่งนัก พวกเขาไม่มีทางเสี่ยงให้เกิดการเสียหายขึ้นแน่ ๆ แค่คำถามก็คือว่า ถ้ากระทรวงไม่ต้องการให้เธอเข้ามาที่นี่ แล้วใครล่ะที่ต้องการ!

‘ แต่นี่ไม่ใช่เวลามานั่งหาคำตอบนะ ที่เธอต้องทำคือออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ’

เด็กสาวสั่งตัวเองก่อนจะถอยกลับมาที่ประตู ซึ่งยังคงเปิดอ้าอยู่ แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับผ่านประตูนั้นออกไปไม่ได้ เพราะว่ามีร่าง ๆ หนึ่งขวางมันไว้ ร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมสีดำสนิทล่องลอยอยู่บนพื้นหน้าประตูห่างจากเธอไปราว ๆ 5 เมตร แต่ถึงกระนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็สามารถได้ยินเสียงหวืดหวิวยามที่มันสูดอากาศเข้าร่างกาย เธอรู้สึกหนาวเย็นยะเยือกราวกับจมลงไปในทะเลสาบกลางเดือนธันวาคม

โดยไม่มีการเตือนใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้คุมวิญญาณก็รุกเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว เร็วเกินกว่าจะเรียกว่าล่องลอยได้ เด็กสาวก้าวถอยหลังตามสัญชาติญาณ ในหัวของเธอดำมืดและเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง เฮอร์ไมโอนี่เสียความเป็นตัวเองไปชั่วขณะ เธอลืมแม้กระทั่งจะป้องกันตัวเอง!

ความหนาวเย็นแทบจะกรีดผิวเนื้อของเฮอร์ไมโอนี่เมื่อผู้คุมวิญญาณหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ ห่างเพียงเมตรเดียวเท่านั้น เด็กสาวรู้สึกว่าตัวเองกำลังจมดิ่งลงไปในความมืดมิด ไม่มีความรู้สึกอะไรนอกไปจากหนาวเย็นและสิ้นหวัง ในหัวของเธอเต็มไปด้วยเหตุการณ์ร้าย ๆ ทั้งที่เพิ่งเกิดขึ้นและเกิดขึ้นมานานแล้ว เธอเห็นภาพตัวเองเผชิญหน้ากับโทรลล์สูงสามเมตรเพียงลำพังในห้องน้ำหญิง เห็นตัวเองมีเขี้ยวยาวงอกออกมาจากปากตอนที่มัลฟอยเสกคาถาใส่เธอตอนเธออยู่ปีสี่ เห็นวันที่รอนตรงเข้ามาโวยวายเรื่องแมวของเธอกินสแคบเบอร์หนูของเขา เห็นภาพงานศพของดัมเบิลดอร์ ภาพผู้เสพความตายบุกโรงเรียน ภาพตอนที่คุณย่าของเธอเสียเมื่อตอนเธอยังเป็นเด็ก ภาพที่รอนเพื่อนรักโดนวางยาพิษในวันเกิดของเขาเองเมื่อตอนปีหก

ผู้คุมวิญญาณลอยเข้ามาชิดร่างของเด็กสาว มันมองเธอราวกับลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะมอบจุมพิตให้เธอดีหรือไม่ ท่ามกลางภาพเหตุการณ์น่ากลัวที่ไหลมาราวกับภาพฉายเหล่านั้น จู่ ๆ ก็มีเสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นในหัวของเธอ มันเป็นเสียงของแฮร์รี่ เพื่อนรักของเธอ



‘ กุญแจสำคัญคือมีสมาธิเท่านั้น อย่าตกใจอะไรง่าย ๆ มีสติอยู่ตลอดเวลา ’

ราวกับเสียงนั้นปลุกเธอขึ้นมากจากภวังค์ เฮอร์ไมโอนี่ได้สติขึ้นมาและพบว่าสิ่งเดียวที่เธอต้องทำในตอนนี้ก็คือต่อสู้! เด็กสาวยกไม้กายสิทธิ์ของเธอขึ้น และชี้ไปที่ผู้คุมวิญญาณ เธอรวบรวมสมาธิก่อนจะตะโกนก้อง

“เอกซ์เปกโตพาโทรนุม” กลุ่มควันสีเงินยวงพวยพุ่งออกมาจากปลายไม้ ผู้คุมวิญญาณผงะถอยหลังเมื่อกลุ่มควันนั้นพุ่งมาทางมัน

เมื่อเห็นว่าผู้คุมวิญญาณตัวนั้นผละหนีไปแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็กลับหลังหันแล้ววิ่งไปยังอีกทิศทางหนึ่งในทันที แต่เด็กสาวต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าข้างหลังเธอยังมีผู้คุมวิญญาณอีกสองตนคอยอยู่ เธอยกไม้กายสิทธิ์ขึ้น

“เอกซ์เปกโตพาโทรนุม” เฮอร์ไมโอนี่ร่ายคาถา แต่ก็ทำได้แค่ปล่อยกลุ่มควันสีเงินออกมาจากปลายไม้เท่านั้น จะว่าไปแล้วคาถาผู้พิทักษ์เป็นคาถาเดียวที่เธอมีปัญหา แถมยิ่งเวลาเผชิญหน้ากับผู้คุมจริง ๆ แบบนี้มันทำให้เธอไม่มีสติพอที่จะเสกผู้พิทักษ์ที่แขฌงแกร่งออกมาได้

ผู้คุมวิญญาณตัวหนึ่งผงะถอยหลังไปเพราะกลุ่มควันที่เฮอร์ไมโอนี่เสกขึ้นมา แต่ผู้พิทักษ์ที่อ่อนแอนั้นไม่สามารถต้านทานผู้คุมวิญญาณได้พร้อมกันถึงสองตัว อีกตัวหนึ่งที่ไม่ถอยหลังนั้นก้าวเข้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่ มันคว้าร่างของเธอไว้ด้วยมือเหี่ยว ๆ ตกสะเก็ดของมันก่อนที่เธอจะหนีได้ทัน ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมนั้นยื่นเข้ามาใกล้หน้าเธอ เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงหวีดหวิวราวกับเสียงหวูดรถไฟแต่น่ากลัวกว่าหลายเท่าอยู่ใต้โปงผ้านั่น มันกำลังจะมอบจุมพิตให้เธอ!

แต่ก่อนที่ผู้คุมวิญญาณจะใช้มือตกสะเก็ดของมันอีกข้างหนึ่งดันใบหน้าเธอขึ้น อะไรบางอย่างที่เป็นสีเงินยวงก็วิ่งเข้าหาพวกมัน ผู้คุมวิญญาณเหล่านั้นแตกฮือเมื่อผู้พิทักษ์วิ่งตรงเข้ามา มันรีบปล่อยเฮอร์ไมโอนี่ก่อนจะล่องลอยไปคนละทิศคนละทาง

เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเด็กสาวก็พบว่าเธอกำลังนั่งอยู่บนพื้นหินเย็น ๆ หลังพิงชั้นวางลูกแก้วพยากรณ์อยู่ และตรงหน้าของเธอนั้นเป็นผู้พิทักษ์ตัวหนึ่งที่มีรูปร่างเป็นม้า มันมีสีเงินยวงตลอดทั้งตัว ดวงตาสีเงินกลมโตของมันมองมาทางเฮอร์ไมโอนี่อย่างมีความหมาย

“ขอบใจนะ” เธอพูดหลังจากหายตกใจแล้ว “ฉันว่าฉันควรจะต้องกลับไปแล้วล่ะ นี่มันบ้ามากจริงไหม มีที่ไหนบ้างที่ใช้ผู้คุมวิญญาณในการสอบอย่างนี้น่ะ” เด็กสาวบอกกับผู้พิทักษ์ที่เธอไม่ทราบว่าใครเป็นคนเสกมันขึ้นมา

“ว่าแต่ เธอเป็นผู้พิทักษ์ของใครกัน ใครที่ช่วยฉันไว้” เด็กสาวถามมัน แน่นอนว่ามันไม่อาจตอบเธอได้ ม้าตัวนั้นหันหลังกลับ มันออกวิ่งเหยาะ ๆ ไปข้างหน้าก่อนจะหยุดหันมามองเธอราวกับต้องการให้เธอตามมันไป

เฮอร์ไมโอนี่มองมันอย่างสงสัย แต่ในที่สุดเด็กสาวก็ลุกขึ้นและตามผู้พิทักษ์ตัวนั้นไป เธอคิดว่าใครก็ตามที่เสกมันขึ้นมาคงไม่มีเจตนาร้ายกับเธอแน่ ๆ

แต่เด็กสาวไม่รู้เลยว่าเธอคิดผิดอย่างมหันต์ทีเดียว

.................................................

เฮอร์ไมโอนี่เดินตามร่างสีเงินยวงของผู้พิทักษ์ไป มันนำเธอลึกเข้าไปในห้องเก็บคำพยากรณ์ เด็กสาวก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงตามมันไปแทนที่จะรีบออกไปจากที่นี่เสีย เพื่อไปแจ้งกระทรวงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นเพราะว่าอยากรู้ว่าคนที่เสกคาถาผู้พิทักษ์เพื่อช่วยเธอนั้นเป็นใคร และเขามาทำอะไรที่นี่

ร่างม้าผู้พิทักษ์ที่ส่องแสงสว่างไสวราวกับดวงจันทร์เบื้องบนนั้นค่อย ๆ เดินช้าลงและมันก็มาหยุดอยู่ตรงชั้นเก็บลูกแก้วพยากรณ์ชั้นหนึ่ง ม้าตัวนั้นหันศีรษะมามองเฮอร์ไมโอนี่ราวกับต้องการให้เธอเข้าไปหามัน แต่เมื่อเด็กสาวเดินไปใกล้ร่างสีเงินยวงของมันก็จางหายไป

เฮอร์ไมโอนี่มองไปรอบกายอย่างประหลาดใจ ผู้พิทักษ์ตัวนี้เป็นของใครกัน แล้วมันนำเธอมาที่นี่ทำไม แต่เมื่อดูจากรูปการแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็คิดว่าคนที่เสกคาถาผู้พิทักษ์ต้องอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเธอเป็นแน่ แล้วเขาต้องการให้เธอมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์บางอย่างถึงได้ส่งผู้พิทักษ์มานำทางเธอ แต่เพื่ออะไรล่ะ นั่นแหละที่เด็กสาวไม่อาจทราบได้

เพราะต้องการจะหาคำตอบ เฮอร์ไมโอนี่จึงเข้าไปสำรวจชั้นเก็บลูกแก้วตรงที่ผู้พิทักษ์เดินมาหยุดรอเธอก่อนที่มันจะหายไป เด็กสาวพบว่ามันเป็นชั้นหมายเลข 99 เธอมองดูลูกแก้วพยากรณ์เหล่านั้นอย่างสงสัย และแล้วจู่ ๆ ลูกแก้วหนึ่งในจำนวนนับร้อยที่วางอยู่ก็เรืองแสงขึ้นมา เด็กสาวหันไปรอบกายเพื่อหาที่มาของคาถา แต่เธอก็ไม่พบต้นตอของคนที่เสกมันขึ้นมาเลย เฮอร์ไมโอนี่ตรงเข้าไปใกล้ลูกแก้วลูกนั้น และเริ่มพิจารณามัน

มันก็เหมือนลูกแก้วทั่ว ๆ ไป ขุ่นมัวและเต็มไปด้วยกลุ่มควันที่หมุนวนอยู่ภายใน มันมีขนาดเท่าฝ่ามือของเธอ แต่เมื่อเด็กสาวขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น เธอก็เห็นสิ่งที่ติดอยู่ที่ลูกแก้วอันนั้น ป้ายเล็ก ๆ เก่าคร่ำคร่าพอ ๆ กับห้องเก็บคำพยากรณ์แห่งนี้ เฮอร์ไมโอนี่พยายามเพ่งอ่านข้อความที่เลือนรางนั้น และเธอก็ตัวชาเมื่ออ่านมันจบ

เจ้าหญิงแห่งความมืด

เฮอร์ไมโอนี่ (ซิลเวีย) เกรนเจอร์

กับสงครามครั้งสุดท้าย

ทำไมลูกแก้วนี่ถึงมีชื่อของเธอติดอยู่ แล้วทำไมถึงมีคำว่า ‘ เจ้าหญิงแห่งความมืด ’ ที่เธอเคยได้ยินหลายต่อหลายครั้งในความฝันอยู่ด้วย! เฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจรู้ได้เลย แต่เธอรู้อยู่อย่างเดียวว่าคำอธิบายทั้งหมดจะต้องอยู่ในลูกแก้วนั่น แล้วทางเดียวที่เธอจะได้มันมาก็คือการหยิบลูกแก้วนี่ขึ้นมาจากชั้น

เด็กสาวเอื้อมมือที่สั่นระริกไปหยิบมันออกมา เธอกุมลูกแก้วพยากรณ์ไว้ในมือ เด็กสาวรู้สึกถึงสัมผัสที่เย็นเฉียบราวน้ำแข็งของมัน เธอกำมันไว้ในมือแน่นขณะที่รอฟังคำพยากรณ์ด้วยใจระทึก!

แต่ก่อนที่ลูกแก้วนั้นจะบอกคำพยากรณ์แก่เฮอร์ไมโอนี่ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของเธอ มันดังก้องไปทั่วห้องราวกับผู้มาเยือนไม่ต้องการปกปิดการมาของตนเอง เด็กสาวหันไปยังที่มาของเสียงนั้นอย่างตื่นตระหนก แล้วสิ่งที่เธอเห็นก็คือร่างดำทะมึนร่างหนึ่งที่สวมหน้ากากราวกับภูตผี ยืนอยู่ไม่ห่างจากเธอนัก ผู้เสพความตายนั่นเอง!

เฮอร์ไมโอนี่ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นแต่เธอก็ช้าไป

“เอกซ์เปลลิอาร์มัส” เสียงทุ้มดังขึ้นภายใต้หน้ากาก มันเป็นเสียงที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ราวกับเธอเคยได้ยินมันมาก่อนแต่ก็จำไม่ได้ว่าเป็นเสียงของใคร ไม้กายสิทธิ์ในมือเธอถูกปลดออก ร่างสูงนั้นยื่นมือมารับไว้อย่างชำนาญ

เฮอร์ไมโอนี่กำลูกแก้วพยากรณ์ในมือไว้แน่นพลางรู้สึกว่าตัวเองช่างโง่เขลาเหลือเกินที่เดินเข้ามาติดกับดักของผู้เสพความตายอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่พวกมันเคยใช้แผนคล้าย ๆ กันนี้ล่อแฮร์รี่มาที่กระทรวงปริศนาครั้งหนึ่งแล้ว แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าพวกผู้เสพความตายจะต้องการลูกแก้วพยากรณ์ที่มีชื่อของเธอ อันที่จริงเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคำพยากรณ์เกี่ยวกับตัวเธอถูกเก็บรักษาอยู่ที่นี่

ร่างใหญ่นั้นย่างสามขุมมาทางเธอ เด็กสาวทำท่าจะถอยหนีแต่เมื่อเธอทำเช่นนั้นร่างนั้นก็ชี้ไม้กายสิทธิ์มาที่เธอ

“อย่าขยับ แล้วก็อย่าคิดหนีด้วย ทางที่ดีเธอควรส่งของที่อยู่ในมือมาให้ฉันดีกว่านะเกรนเจอร์” เสียงหนึ่งดังมาจากร่างที่กำลังชี้ไม้กายสิทธิ์มาทางเธอ และในครั้งนี้เด็กสาวจำได้ว่าเขาเป็นใคร

“คุณ!” เธอร้องออกมา

“จริงสินะ เธอก็รู้จักฉันนี่นา งั้นเราก็ไม่ควรจะปิดบังหน้าตากันแล้วใช่ไหม” ร่างใหญ่นั้นพูดก่อนจะร่ายคาถาเพื่อให้หน้ากากของเขาจางหายไป และเมื่อเขาทำเช่นนั้นใบหน้าขาวซีดของร่างสูงก็ปรากฏต่อสายตาของเฮอร์ไมโอนี่

ร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าและเป็นคนปลดไม้กายสิทธิ์ของเธอก็คือ ลูเซียส มัลฟอย!

.................................................

“อรุณสวัสดิ์คุณเกรนเจอร์ เราไม่ได้เจอกันนานเลยจริงไหม” ลูเซียสพูดเสียงนุ่ม ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หน้าซีดเผือด

“คุณต้องการอะไร!” เธอตะโกนออกมา

“ไม่น่าถามเลย เธอก็รู้นี่นาว่าฉันต้องการอะไร” เขากล่าว “สิ่งที่อยู่ในมือเธอนั่นไง ลูกแก้วพยากรณ์”

“ถ้าคุณเข้ามาฉันจะทำลายมันซะ” เฮอร์ไมโอนี่ขู่ แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเธออยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบก็ตาม

“เธอคิดว่าเธอจะใช้ลูกไม้เก่า ๆ เหมือนอย่างที่พอตเตอร์เคยใช้กับฉันได้เหรอเกรนเจอร์” เสียงของลูเซียสฟังดูเกรี้ยวกราดขึ้นมาในทันที “แอ็กซีโอลูกแก้ว!” เขาตะโกนก้อง

ลูกแก้วที่ถูกเด็กสาวกำไว้ในมืออย่างแน่นหนาลอยไปหาลูเซียสด้วยแรงคาถาทันที เขายิ้มอย่างพอใจขณะที่รับมันมา แล้วก็ไม่ลืมที่จะเสกคาถาป้องมันกันอีกชั้นหนึ่งก่อน เพราะเขาไม่อาจเสี่ยงที่จะทำงานพลาดเหมือนคราวที่แล้วได้

เมื่อแน่ใจว่าลูกแก้วพยากรณ์ปลอดภัยภายใต้คาถาคุ้มกันของเขา ลูเซียสก็หันมาทางเฮอร์ไมโอนี่

“ฉันต้องขอบใจเธอนะที่ช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ฉันนึกอยู่แล้วเชียวว่าแค่เธอคนเดียวคงจัดการได้ไม่ยาก”

“คุณต้องการลูกแก้วนั่นไปทำไม” เด็กสาวถามขึ้น

“ฉันรู้สึกว่าเธอจะมีนิสัยแย่ ๆ เกี่ยวกับการถามสิ่งที่ตัวเองก็รู้อยู่แล้วนะ เกรนเจอร์ เธอก็รู้นี่ว่าฉันต้องการคำพยากรณ์ที่อยู่ในลูกแก้วนี่” ลูเซียสตอบ

“แต่คำพยากรณ์นั่นมีชื่อฉันติดอยู่มันเกี่ยวกับฉัน” เธอเถียงออกไป เด็กสาวนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าโวลเดอมอร์จะต้องการคำพยากรณ์เกี่ยวกับเธอไปทำไมกัน เพราะเธอไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขา เธอไม่ใช่แฮร์รี่ ไม่ใช่คนที่ถูกเลือก เธอเป็นแค่เด็กที่เกิดจากมักเกิ้ลเท่านั้น

“เห็นได้ชัดว่าเธอประเมินค่าตัวเองต่ำไปมากทีเดียว เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์.....ไม่ใช่สิ ฉันต้องเรียกเธอว่า เฮอร์ไมโอนี่ ซิลเวียถึงจะถูก” เขากล่าว เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เธอไม่เข้าใจว่าเขาพูดถึงอะไรและดูเหมือนลูเซียสจะอ่านสีหน้าของเธอออก

“เธอเคยได้ยินคำว่า ‘ เจ้าหญิงแห่งความมืด ’ บ้างไหมมิสซิลเวีย” เขาพูดอย่างเป็นปริศนา เด็กสาวตัวชาเมื่อได้ยินชื่อนั้น เธอตกใจจนลืมสงสัยไปเลยว่าทำไมนายลูเซียสถึงเรียกเธอว่า ‘ ซิลเวีย ’ แทนที่จะเป็น ‘ เกรนเจอร์ ’

‘ เขารู้ได้อย่างไร? ’เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างสับสน และแน่นอนว่าลูเซียสจับสีหน้าที่ดูร้อนรนของเธอได้ดี เขายิ้มกริ่ม

“เธอเคยได้ยินสินะ แต่เธอคงไม่รู้ว่ามันคืออะไร......ใช่มั้ย” เขาทิ้งท้ายไว้ด้วยคำพูดที่กระตุ้นความอยากรู้ของเฮอร์ไมโอนี่ ลูเซียส มัลฟอยคนนี้เป็นคนที่มีวาทศิล์ปด้านการเจรจาต่อรอง เขารู้วิธีที่จะเกลี้ยกล่อมคนอื่นให้คล้อยตามได้เป็นอย่างดี

“ฉันไม่เคยสนใจมัน” เด็กสาวพูดเสียงกร้าว ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วเธอสนใจมันมากกว่าอะไรทั้งหมด เพราะมันคือสิ่งที่เธอได้ยินในความฝันมาเป็นเวลาหลายเดือน และเธอก็อยากรู้เรื่องของมันเป็นอย่างมาก อยากรู้มากกระทั่งยอมหยิบลูกแก้วพยากรณ์ออกมาจากชั้นโดยไม่คิดมาก่อนว่ามันจะเป็นกับดัก

และแน่นอนว่าลูเซียสรู้ทันความคิดของเธอเป็นอย่างดี

“แต่จากการที่เธอหยิบสิ่งนี้......” เขาชี้ไปที่ลูกแก้วพยากรณ์ที่ลอยอยู่ในครอบแก้ว ซึ่งเขาเสกไว้ให้คอยปกป้องมันจากอันตรายทั้งปวง “ขึ้นมา แถมพยายามจะปกป้องมันจากฉัน ฉันคิดว่าเธอควรจะสนใจชื่อนั้นเป็นอย่างมากทีเดียว” ลูเซียสกล่าว เฮอร์ไมโอนี่หลบตาเขา เขาอ่านเธอออกทุกอย่างราวกับเขาสามารถได้ยินความคิดของเธอ

“แล้วมันคืออะไรล่ะ” เด็กสาวถามขึ้น “เจ้าหญิงแห่งความมืดที่คุณว่า มันคือเรื่องอะไรกัน แล้วเธอเป็นใคร” เธอยิงคำถามใส่เขา อย่างเดียวที่เธอทำได้ในตอนนี้ก็คือถ่วงเวลาไว้ แม้เฮอร์ไมโอนี่จะรู้ดีว่าโอกาสหนีรอดของเธอมีน้อยพอ ๆ กับโอกาสที่นายลูเซียสจะนำลูกแก้วกลับไปวางบนชั้นก็ตาม แต่เธอก็หวังว่าเธออาจจะถ่วงเวลาเขาไว้ได้นานพอที่เจ้าหน้าที่ของกระทรวงจะระแคะระคายว่ามีคนบุกเข้ามาที่นี่

“ฉันไม่หลงกลเธอหรอก เกรนเจอร์” เขาพูดอย่างรู้ทัน “ถ้าเธอต้องการจะถ่วงเวลาเพื่อหนีไปจากที่นี่ล่ะก็อย่าคิดเสียให้ยากเลย” เขากล่าวพลางมองข้ามไหล่ของเธอไป เด็กสาวมองตามและพบว่าข้างหลังเธอมีร่างดำทะมึนอีกสองร่างค่อย ๆ ก้าวเข้ามา

ร่างสองร่างนั้นไม่ได้ปกปิดหน้าตาเหมือนอย่างลูเซียสในตอนแรก แต่พวกมันก็แต่งกายด้วยชุดสีดำเช่นเดียวกับเขา เมื่อทั้งสองเข้ามาใกล้เฮอร์ไมโอนี่ก็จำได้ว่าผู้เสพความตายที่มาใหม่นั้นคือ เบลลาทริกซ์ เลสสแตรงค์ และสามีของเธอ โรโดลฟัดจ์

เมื่อเห็นว่าปราศจากหนทางหนีเด็กสาวจึงหันกลับมาเผชิญหน้าลูเซียสอีกครั้ง แม้ว่าตอนนี้ใบหน้าของเธอซีดเกือบจะเท่า ๆ ใบหน้าของเขาแล้วก็ตาม

“เรียบร้อยไหม ลูเซียส” เบลลาทริกซ์เอ่ยขึ้น แทนคำตอบลูเซียสพยักหน้าไปทางลูกแก้วพยากรณ์ที่ลอยอยู่ในระดับอกของเขาอย่างปลอดภัยในครอบคาถา

“ดี งั้นก็รีบจัดการนังเด็กนี่เสียสิ เราจะได้กลับไปรายงานจอมมารเสียที คุณคงไม่อยากให้นายท่านต้องรอนานใช่ไหม” เบลลาทริกซ์พูดพลางเขี่ยไม้กายสิทธิ์เล่นด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย น่าแปลกเธอไม่สนใจที่จะขอลูเซียสทรมานเฮอร์ไมโอนี่แม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเธอกลับบอกให้เขาจัดการเด็กสาวอย่างรวดเร็วซึ่งมันออกจะผิดวิสัยของเธอไปหน่อย แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่ทันได้สังเกตถึงความผิดปกตินั้น เพราะสมองของเธอว่างเปล่าตั้งแต่วินาทีที่เบลลาทริกซ์บอกให้ลูเซียสฆ่าเธอแล้ว!

“จริงสินะ ผมจะจัดการเดี๋ยวนี้แหละเบลลา” ลูเซียสกระดกไม้ขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ตาโต เธอรู้สึกราวกับเลือดภายในกายแข็งตัวขึ้นฉับพลัน เขากำลังจะฆ่าเธอ

เด็กสาวหลับตา เธอไม่มีทางหนีอีกแล้ว!

‘ ลาก่อนค่ะพ่อแม่ แฮร์รี่ รอน ’ เธอคิดในขณะที่เตรียมตัวรับวาระสุดท้าย แม้เธอจะไม่เห็นภาพตรงหน้าก็ตามแต่เด็กสาวก็ได้ยินเสียงนายลูเซียสกำลังพึมพำคาถา และวินาทีต่อมาแสงจ้าบาดตาก็สว่างวาบขึ้น!

.................................................



เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อพบว่าตัวเองกำลังลอยอยู่ แต่เมื่อเธอลืมตาเพื่อมองภาพตรงหน้าให้ชัด ๆ เด็กสาวก็รู้ว่าร่างกายของเธอไม่ได้ลอยอยู่กลางอากาศแต่อย่างใด แต่เธอกำลังถูกอุ้ม และบุคคลที่โอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นผู้ชายคนสุดท้ายที่เธอต้องการจะให้แตะต้องตัวเธอ ลูเซียส มัลฟอย!

เมื่อเห็นเช่นนั้นเด็กสาวก็พยายามดิ้นรน แต่เธอพบว่ามันเปล่าประโยชน์ เพราะตอนนี้ตัวเธอแข็งเหมือนหินและไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เขาร่ายคาถาใส่เธอ้้และทำให้เธอเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้!

ลูเซียสปรายตามามองเฮอร์ไมโอนี่ และเมื่อเขาเห็นว่าเธอตื่นแล้วเขาก็ทำหน้านิ่งเฉยอย่างไม่สนใจและอุ้มร่างของเธอต่อ ทั้งสองผ่านเข้ามาในทางเดินแคบ ๆ ทำด้วยหินที่เก่าแก่และสกปรก เด็กสาวพยายามเบิกตามองให้มากที่สุดว่าเธออยู่ที่ไหนแต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนเธอก็ไม่สามารถเห็นไปได้มากกว่าผนังที่ทำด้วยหินและเสื้อคลุมของนายลูเซียสเลย

เขาอุ้มเธอมาหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่งซึ่งมีผู้เสพความตายเฝ้าอยู่สองคน และเมื่อสองคนนั้นเห็นการมาของลูเซียส ร่างที่ยืนยามอยู่ก็ร่ายคาถาเปิดประตูพร้อมกับหลีกทางให้

ภายในเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเพดานต่ำที่มีขนาดกว้างขวาง ผนังทั้งสี่ด้านปูด้วยหินแบบหยาบ ๆ ในห้องมีคบไฟแบบแขวนผนังประดับอยู่เป็นจุด ๆ ที่มุมห้องมีรูปปั้นปีศาจหน้าตาหน้ากลัว แลบลิ้นเป็นแฉกยาวเฟี้อยแลดูสยดสยองตั้งอยู่ และที่ตั้งเด่นอยู่กลางห้องนั้นเป็นแท่นหินที่มีขนาดเท่ากับเตียงนอนใหญ่ ๆ ยกสูงจากพื้นราว ๆ 1 ฟุต ลูเซียสอุ้มเด็กสาวไปวางไว้ที่นั่น

เมื่อร่างของเธอถูกวางลงเฮอร์ไมโอนี่จึงเพิ่งสังเกตว่าตรงแท่นหินที่เธอกำลังนอนอยู่นี้ไม่ได้เป็นแค่แท่นหินเรียบ ๆ แต่อย่างใด แต่มันมีโซ่ตรวจเก่าคร่ำคร่าคู่หนึ่งวางอยู่ ปลายของโซ่ยึดแน่นกับฐานของแท่นหิน และหัวใจของเฮอร์ไมโอนี่ก็กระตุกวูบเมื่อลูเซียสจับร่างของเธอขึ้นนั่งและล่ามแขนสองข้างเธอเข้ากับโซ่นั่น

เด็กสาวมองเขาอย่างตกใจเมื่อรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร เธอพยายามขัดขืนแต่ก็ไร้ประโยชน์เมื่อตอนนี้เธอทำไม่ได้แม้กระทั่งเปล่งเสียงร้อง ลูเซียสสบตาเฮอร์ไมโอนี่ขณะกำลังล่ามโซ่เธอ เขายิ้มเยาะออกมาเมื่อเห็นแววตื่นตระหนกในดวงตาสีน้ำตาลที่เคยหยิ่งทระนงของเด็กสาว เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกถึงความเย็นเยียบของเหล็กที่รัดรอบข้อมือเธอเมื่อเขาจัดการล่ามโซ่เธอเสร็จ น้ำตาเริ่มรื้นดวงตาคู่สวยเมื่อเธอรู้ว่าเธอได้ตกเป็นเชลยชายตรงหน้าเสียแล้ว!

เมื่อแน่ใจว่าเด็กสาวตรงหน้าถูกล่ามอย่างแน่นหนาดีแล้ว ลูเซียสก็โบกไม้กายสิทธิ์เบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าร่างของเธอเบาหวิวและเริ่มขยับได้ เธอคลายจากการถูกสะกดแล้ว แต่ถึงอย่างไรเสียเธอก็ไม่อาจหนีไปไหนได้เพราะโซ่แข็งแรงที่ล่ามแขนทั้งสองข้างของเธอไว้กับแท่นหินนี่อย่างแน่นหนา เธอลองขยับแขน แต่ก็รู้ดีว่าเปล่าประโยชน์ ในขณะที่ลูเซียสมองการกระทำของเธออย่างเยาะ ๆ

เด็กสาวเงยหน้าไปสบตาเขา

“ที่นี่ที่ไหน คุณจับฉันมาทำไม ทำไมไม่ฆ่าฉันเสีย” เธอถามออกไปเป็นชุดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด เธอไม่สนแล้วว่าตัวเองจะตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบเพียงไร

“ฉันนึกว่าเธอจะฉลาดกว่านี้เสียอีกเกรนเจอร์” ลูเซียสพูด “ที่ฉันไม่ฆ่าเธอ ไม่ใช่เพราะฉันไม่อยากฆ่า และแน่นอนว่าฉันก็ไม่ลังเลด้วยหากต้องทำ แต่ที่ฉันจับตัวเธอมาที่นี่ก็เพราะฉันได้รับคำสั่งจากจอมมาร ให้พาเธอมาพบท่านในสภาพเป็น ๆ แบบนี้” เขาอธิบาย

“ฉันไม่เข้าใจ โวลเดอมอร์จะต้องการตัวฉันไปทำไม ในเมื่อเขาก็ให้คุณไปเอาคำพยากรณ์นั่นมาแล้ว” เฮอร์ไมโอนี้พูดขึ้น และราวกับการเรียกชื่อจอมมารได้ไปกระตุ้นต่อมความโกรธซักอย่างของลูเซียสเข้า เขาตรงเข้ามาที่เธอทันทีที่เธอพูดชื่นนั้นจบ มือใหญ่ของเขาคว้าคางเด็กสาวไว้และบีบมันแน่น แววตาสีเงินทอประกายเกรี้ยวกราด

“เธอกล้าดียังไงถึงพูดชื่อนั้นออกมา! เธอนึกเหรอว่าเธอเป็นเจ้าหญ.........” ลูเซียสกัดริมฝีปาก “แล้วจะพูดชื่อนั้นออกมาได้เหมือนเรียกชื่อพอตเตอร์น่ะ!” เขาคำรามพลางบีบกรามของเธอแน่น ความเจ็บปวดที่ใบหน้าทำให้เด็กสาวแทบน้ำตาไหล เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บ แต่เสียงของเธอก็ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงอู้อี้ในลำคอเลย และนายลูเซียสคงจะเล่นงานเธอมากกว่านี้แน่ ๆ ถ้าหากไม่มีร่างหนึ่งปรากฏกายขึ้นก่อน

“ลูเซียส” เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างแผ่วเบา หากแต่ลูเซียสกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน มันเป็นเสียงที่นุ่มลึกแต่แฝงความโหดเหี้ยมเอาไว้ เฮอร์ไมโอนี่มองข้ามไหล่ของนายลูเซียสไปยังร่างที่มาใหม่ แล้วเธอก็พบว่าร่างนั้นเป็นบุคคลที่เธอไม่อยากพบมากที่สุดในตอนนี้ มากเสียยิ่งกว่าลูเซียส มัลฟอยหลายเท่านัก

เพราะร่างที่มาใหม่นั้นก็คือ จอมมาร

*************************************************




Create Date : 30 ตุลาคม 2552
Last Update : 30 ตุลาคม 2552 21:12:18 น. 0 comments
Counter : 1317 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.