Group Blog
 
All Blogs
 
The Dark Princess: Chapter 16 Tears of the Princess PART I [Warning R]




“ถ้าเธอต้องการอย่างนั้นจริง ๆ เธอก็น่าจะบอกจอมมารเสียตั้งแต่วันนั้นเลยนะว่าเธอต้องการแต่งงานกับเขามากกว่าฉันน่ะ” นายลูเซียสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาท่ามกลางอาการตกใจของเฮอร์ไมโอนี่และสเนป ขณะที่ดวงตาสีเงินที่ตอนนี้ดูราวกับจะลุกเป็นไฟของเขานั้นกำลังสำรวจใบหน้าขาวซีดของภรรยาแล้วจึงเลื่อนไปมองเพื่อนผู้เสพความตายของเขาก่อนที่ริมฝีปากบางของชายผมบลอนด์จะขยับด้วยท่าทีเดียดฉันท์หลังจากที่เขาได้เห็นท่าทีที่มาตอกย้ำคำพูดที่เขาเพิ่งได้ยินเมื่อครู่นี้ คำพูดที่ทำให้เขาคิดว่าเฮอร์ไมโอนี่ผู้เป็นภรรยาของเขานั้นแอบมีความสัมพันธ์กับเซเวอร์รัส สเนป เพื่อนเก่าแก่ของเขาเอง เพราะในตอนนี้ทั้งสองแสดงอาการที่น่าสงสัยออกมาอย่างเห็นได้ชัด สำหรับเฮอร์ไมโอนี่นั้นนอกจากใบหน้าที่ขาวซีดของเธอแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลของเธอซึ่งปกติจะแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ออกมาอย่างไม่มีปิดบังนั้นก็แสดงออกถึงความตกใจรวมทั้งหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน ส่วนสเนปถึงแม้ว่าเขาจะมีท่าทีสงบนิ่งและไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมามากเท่าหญิงสาว แต่ดวงตาสีดำรวมทั้งสีหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความตกใจรวมถึงความกังวลใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งมันมีไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่ลูเซียสเคยเห็นชายผมดำแสดงอาการแบบนี้ออกมา ซึ่งแต่ละครั้งนั้นล้วนจะเป็นตอนที่มีเรื่องสำคัญหรือไม่ก็เรื่องคอขาดบาดตายเกิดขึ้นทั้งสิ้น

หลังจากที่ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้องซึ่งเกิดจากประโยคที่ชายผมบลอนด์ได้พูดออกมานั้นดำเนินไปได้ไม่นานนักภรรยาของเขาก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาของเธอ

“ลูเซียส……ทำไ.......” เฮอร์ไมโอนี่พูดได้เพียงเท่านั้นก่อนที่คำพูดที่เหลือของเธอจะหายไปจากริมฝีปากเมื่อสามีของเธอตวัดสายตาของเขามามองเธออย่างรวดเร็ว ดวงตาสีเงินของนายมัลฟอยจ้องมองราวกับจะแผดเผาเธอเมื่อเขาพูดขึ้นมา

“เธอกำลังจะถามอย่างนั้นหรือว่าฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หรือเธอแปลกใจที่เห็นฉันมาปรากฏตัวที่นี่ทั้ง ๆ ที่ฉันน่าจะกำลังเข้าร่วมประชุมอยู่กับจอมมารและผู้เสพความตายคนอื่น ๆ มากกว่า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาก่อนจะค่อย ๆ ปรายตามองไปยังเพื่อนผู้เสพความตายของเขาที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากหญิงสาวนัก และเพราะสายตาที่นายลูเซียสใช้มองสเนปนั้นมันทำให้ชายผมดำเข้าใจทันทีว่าชายผมบลอนด์เข้าใจจุดประสงค์ที่เขามาปรากฏตัวที่คฤหาสน์มัลฟอยในเวลาที่เขารู้ดีว่าเฮอร์ไมโอนี่ผู้เป็นภรรยาของนายลูเซียสนั้นอยู่บ้านเพียงลำพังผิดเพี้ยนไปอย่างมากทีเดียวเมื่อนายมัลฟอยพูดขึ้น

“อันที่จริงคนที่น่าจะแปลกใจน่าจะเป็นฉันมากกว่านะ เพราะฉันไม่คิดว่าจะกลับมาเจอเขาอยู่กับเธอสองต่อสองในห้องทำงานของฉันซึ่งน่าจะเป็นสถานที่ต้องห้ามสำหรับเธอในเวลาที่ฉันควรจะต้องอยู่ในที่ประชุมพอดี” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาหากแต่แฝงไว้ด้วยความโกรธเกรี้ยวจนเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกขนลุก หญิงสาวพยายามจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่สเนปกลับชิงพูดขึ้นก่อน

“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ ลูเซียส ผมมาที่นี่เพื่อเอายารักษาบาดแผลมาให้ภรรยาของคุณเท่านั้น” ชายผมดำพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ หากแต่ดวงตาที่เคยดูไร้ความรู้สึกของเขานั้นกลับแฝงไว้ด้วยความวิตกกังวล อีกทั้งเฮอร์ไมโอนี่ยังสังเกตเห็นว่าอดีตอาจารย์ของเธอเลื่อนมือไปที่กระเป๋าเสื้อคลุมซึ่งเป็นที่ที่พ่อมดส่วนมากใช้เก็บไม้กายสิทธิ์อย่างระมัดระวังขณะที่ลูเซียสมีสีหน้าขบขันปนรังเกียจกับคำพูดของสเนป

“ภรรยาของฉันอย่างนั้นหรือ เซเวอร์รัส” ชายผมบลอนด์ทวนคำพูดนั้นด้วยน้ำเสียงประชดประชันขณะที่เขาก้าวเข้าไปใกล้เพื่อนผู้เสพความตายของเขามากขึ้นโดยที่มือข้างหนึ่งของนายมัลฟอยกุมไม้เท้าที่มีไม้กายสิทธิ์ซ่อนอยู่ไว้แน่น “ในเมื่อแกก็รู้ว่าเธอเป็นภรรยาของฉัน แล้วแกก็ยังจะกล้าเข้ามาทำเรื่องแบบนี้ในบ้านของฉันอีกอย่างนั้นหรือ!” เขาตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ขณะที่สเนปยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเมื่อเขาพูดต่อ

“ผมบอกคุณแล้วนะลูเซียส ว่าผมมาที่นี่เพื่ออะไร แต่ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมจะขอย้ำอีกครั้งนะว่าสิ่งที่คุณคิดว่าเกิดขึ้นมันเป็นการเข้าใจผิด ผมไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับภรรยาของคุณทั้งนั้น ผมมาที่นี่เพื่อแค่จะเอายารักษาบาดแผลมาให้เธอรวมทั้งอธิบายถึงสรรพคุณของมันให้เธอฟังเท่านั้น” ชายผมดำพยายามอธิบายอย่างใจเย็น แต่ดูเหมือนว่าชายผมบลอนด์จะไม่อยู่ในอารมณ์ที่ต้องการจะฟังเหตุผลอะไรทั้งสิ้นเมื่อเขาชักไม้กายสิทธิ์ขึ้นและชี้ไปที่ชายผมดำอย่างรวดเร็วจนเฮอร์ไมโอนี่แทบจะอุทานขึ้นมา

“แกคิดว่าฉันจะเชื่อคำโกหกของแกอย่างนั้นหรือ สเนป! แกคิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าแกไม่พอใจแค่ไหนที่จอมมารเลือกที่จะยกเจ้าหญิงให้แต่งงานกับฉันแทนที่จะเป็นแก ฉันรู้ดีว่าแกผิดหวังแค่ไหนที่ต้องเห็นฉันเป็นคนที่ได้แต่งงานกับเจ้าหญิงและได้ครอบครองอำนาจของเธอ แต่ฉันก็ไม่คิดมาก่อนว่าแกจะใช้วิธีสกปรกมาเข้าหาเธอตอนที่ฉันไม่อยู่แบบนี้ รวมทั้งฉันเองก็ไม่คิดด้วยว่าเธอก็อยากจะแต่งงานกับแกเหมือนกัน……..” นายลูเซียสกัดริมฝีปากที่ประโยคสุดท้ายราวกับเขาไม่ต้องการจะพูดถ้อยคำดังกล่าวออกมาดัง ๆ พลางมองร่างตรงหน้าด้วยแววตาราวโรจน์ราวกับเขาพร้อมที่จะร่ายคาถากรีดแทงใส่ชายผมดำได้ทุกเมื่อ และเมื่อชายผมบลอนด์ขยับไม้กายสิทธิ์ของเขาอีกครั้งเนื่องจากเขาสังเกตเห็นมือข้างหนึ่งของสเนปที่เลื่อนเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมของตัวเอง เฮอร์ไมโอนี่ก็อุทานขึ้นมาในทันที

“อย่าค่ะ!” ร่างเล็กของหญิงสาวร้องขึ้นพร้อมก้าวเข้าไปข้างหน้าสองก้าว ราวกับเธอพร้อมที่จะเข้าไปรั้งแขนข้างที่ถือไม้กายสิทธิ์นายมัลฟอยเอาไว้เพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายอดีตอาจารย์ของเธอเองในทันที และถึงแม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะยังไม่ได้ทำสิ่งใดที่เป็นการปกป้องสเนปลงไป แต่น้ำเสียงและท่าทีของเธอก็บ่งบอกออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอพร้อมที่จะเข้าไปยับยั้งสามีของเธอจากการทำร้ายชายผมดำอย่างเต็มที่ เพราะเมื่อเป็นเช่นนั้นมันกลับยิ่งทำให้นายลูเซียสปักใจเชื่อในสิ่งที่เขาสงสัยมาก่อนหน้านี้มากขึ้นเมื่อเขาหันมามองภรรยาของเขาด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราดพร้อมกับพูดขึ้น

“เธอเป็นห่วงมันอย่างนั้นหรือ!” ชายผมบลอนด์คำรามออกมา พลางมองภรรยาของตนด้วยสายตาผิดหวังระคนโกรธเกรี้ยว ในวินาทีนั้นเองเฮอร์ไมโอนี่คิดว่านายลูเซียสจะลงมือทำร้ายเธอเสียแล้วเมื่อเธอได้มองสบแววตาที่ดุดันของเขา แต่ถึงกระนั้นก็ตามหญิงสาวก็พยายามพูดประโยคที่เธอคิดว่ามันน่าจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นออกไป

“ไม่ใช่นะคะ คุณกำลังเข้าใจผิดนะคะ ลูเซียส” เฮอร์ไมโอนี่พยายามอธิบายแต่ดูราวกับชายผมบลอนด์จะไม่ยอมเชื่อเธออีกต่อไปเมื่อเขาพูดลอดไรฟันออกมา

“ฉันเข้าใจผิดอย่างนั้นหรือ งั้นเธอจะบอกว่าที่ฉันได้ยินที่เธอพูดออกมานั้นฉันก็หูฝาดไปเองสินะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา หากแต่ดวงตาสีเงินของเขาที่กำลังจ้องมองเธอนั้นดูราวกับจะลุกเป็นไฟจนเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับหัวใจของเธอตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเธอได้เห็นสายตาของสามีที่มองมา และเมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงไม่อาจจะหาคำพูดอะไรออกมาพูดได้อีกต่อไปนอกจากส่งสายตาอ้อนวอนไปทางเขา แต่ถึงกระนั้นดูเหมือนว่าชายผมบลอนด์จะไม่ยอมสงสารหรือใจอ่อนให้กับภรรยาสาวของเขาอีก ตรงกันข้ามเขากลับมองข้ามสายตาที่กำลังอ้อนวอนเขาของภรรยาไปพร้อมกับหันไปหาสเนปที่บัดนี้ชักไม้กายสิทธิ์ของเขาขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว

“คุณจะสู้กับผมที่นี่ก็ได้นะ ลูเซียส ถ้าคุณต้องการแบบนั้น แต่ถึงยังไงก็ตามผมก็ยังจะยืนยันว่าผมไม่ได้ทำอะไรก็ตามที่คุณคิดลงไป รวมทั้งผมก็ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะทำเรื่องแบบนั้นด้วย ผมมาที่นี่เพียงเพื่อต้องการเอายารักษาบาดแผลมาให้คุณนายมัลฟอยเท่านั้น” สเนปพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ราวกับว่าคำพูดของเขานั้นเป็นจริงทุกประการ จนกระทั่งเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังยืนดูเหตุการณ์อยู่คิดว่าถ้าเธอเป็นนายลูเซียสที่ไม่ได้ล่วงรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เธอก็อาจจะเชื่อคำพูดของชายผมดำที่เขาบอกว่าเขามาที่นี่เพื่อเอายารักษามาให้เธอเท่านั้นก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามดูเหมือนว่านายมัลฟอยจะไม่มีท่าทีว่าจะเชื่อคำพูดของเพื่อนเก่าแก่ของเขาเลยแม้แต่น้อยเมื่อเขาพูดขึ้นอีกครั้ง

“แกจะให้ฉันเชื่อแกอย่างนั้นหรือ สเนป” ลูเซียสพูดขึ้นอย่างเหยียดหยาม ซึ่งทั้งน้ำเสียง แววตา และสีหน้าของเขาในตอนนี้นั้นดูราวกับเขาไม่ได้พูดอยู่กับเซเวอร์รัส สเนปที่เป็นเพื่อนกับเขามาเนิ่นนาน หากแต่เขากำลังพูดอยู่กับใครอีกคนหนึ่งที่ไม่สมควรจะได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกันจากเขา เพราะน้ำเสียงที่เขาใช้พูดกับชายผมดำนั้นมันช่างเต็มไปด้วยการดูถูก ดูแคลน และเยาะเย้ยถากถางราวกับเขากำลังพูดอยู่กับศัตรูหรือไม่ก็คนที่ต่ำต้อยกว่าเขาอย่างพวกเลือดสีโคลนก็ไม่ปาน

“ผมไม่ได้บังคับให้คุณเชื่อผม ลูเซียส และผมก็ยินดีที่จะรับคำท้าดวลจากคุณหากคุณต้องการเช่นนั้น เพียงแต่ผมคิดว่าหากผมหรือคุณได้รับบาดเจ็บหรือเกิดอะไรที่ร้ายแรงกว่านี้ขึ้น ผมว่าจอมมารคงจะต้องไม่พอใจอย่างแน่นอนถ้าหากท่านรู้ว่าลูกสมุนสองคนของท่านมาทะเลาะเบาะแว้งกันด้วยเรื่องที่เกิดจากความเข้าใจผิดแบบนี้” สเนปพูดขึ้นด้วยท่าทีที่สุขุม แม้ว่ามือข้างหนึ่งของเขาจะยังคงถือไม้กายสิทธิ์ไว้ในเชิงเตรียมพร้อมซึ่งดูจะขัดกับคำพูดของเขาอยู่มากก็ตาม แต่เพราะคำพูดนั้นเองที่ทำให้นายลูเซียสมีท่าทีที่สงบนิ่งลง ราวกับการเอ่ยถึงเจ้านายของเขาของสเนปนั้นได้ไปเตือนสติให้กับชายผมบลอนด์ และแม้ว่าในตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่คาดว่าเธอจะได้เห็นการทุ่มเถียงรวมถึงการต่อสู้กันของผู้เสพความตายสองคนตรงหน้าซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือสามีของเธอเองเสียแล้ว แต่ในอึดใจต่อมาหญิงสาวก็รู้ว่าเธอคิดผิดเมื่อเธอเห็นว่านายลูเซียสมีท่าทีสงบนิ่งมากขึ้น ดวงตาสีเงินของเขามีแววตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูดออกมา

“ออกไปจากคฤหาสน์ของฉันซะ ก่อนที่ฉันจะสาปแก” ชายผมบลอนด์พูดพร้อมกับกระดกไม้กายสิทธิ์ของเขาไปทางประตูห้องทำงานซึ่งเปิดอยู่ และเมื่อเห็นเช่นนั้นสเนปจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากยอมเดินออกจากห้องไปยังห้องสมุดแต่โดยดี โดยที่มือของเขายังคงกุมไม้กายสิทธิ์ไว้แน่นราวกับเขาคิดว่านายมัลฟอยจะร่ายคาถาสาปเขาเข้าในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง แต่นายลูเซียสกลับไม่ได้ทำอย่างที่ชายผมดำคิด ตรงกันข้ามนายมัลฟอยทำเพียงแค่เหลือบมองภรรยาของเขาแวบหนึ่งก่อนจะเดินตามสเนปไปติด ๆ และเมื่อทั้งสามมายืนอยู่ในห้องสมุดที่มีเตาผิงเรียบร้อยแล้ว ชายผมบลอนด์ก็ตวัดไม้กายสิทธิ์ขึ้นครั้งหนึ่งเพื่อเสกกระถางสีเงินที่บรรจุผงฟลูขึ้นมาบนที่วางกระถางที่ว่างเปล่า และเมื่อเห็นเช่นนั้นชายผมดำเองก็เข้าใจดีว่านายลูเซียสต้องการให้เขาใช้ผงฟลูเดินทางออกไปจากคฤหาสน์ของเขาในทันที

และเมื่อเป็นเช่นนั้นสเนปจึงเดินไปหน้าเตาผิง เขาเอื้อมมือไปหยิบผงฟลูขึ้นมาจากกระถางกำหนึ่งก่อนที่จะเดินเข้าไปในเตาผิงอย่างระมัดระวัง เมื่อเขาเข้าไปยืนในเตาผิงเรียบร้อยแล้ว ชายผมดำก็เงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีเงินของเพื่อนเก่าแก่ของเขาที่กำลังยืนมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชาก่อนจะเลื่อนสายตาของเขาไปมองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังหน้าซีดอยู่เบื้องหลังนายมัลฟอยในขณะนี้

แม้ในตอนนี้สเนปจะเป็นห่วงหญิงสาวรวมทั้งกังวลถึงความปลอดภัยของความลับของเขาที่บัดนี้เธอได้กลายมาเป็นผู้รู้เห็นคนหนึ่งไปแล้วอยู่มากก็ตาม แต่สเนปก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ในตอนนี้ เนื่องจากเขาไม่ต้องการจะสู้กับลูเซียสทั้งในตอนนี้หรือตอนไหนก็ตามถ้าเขาสามารถหลีกเลี่ยงมันก็ได้ เพราะเขาไม่ต้องการให้การต่อสู้ระหว่างเขาและชายผมบลอนด์ล่วงรู้ไปถึงหูจอมมารเข้าซึ่งมันอาจจะนำความเดือดร้อนอย่างใหญ่หลวงมาสู่พวกเขารวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่ด้วยก็เป็นได้ ดังนั้นในตอนนี้ชายผมดำจึงไม่อาจจะทำอะไรได้มากนัก เขาไม่อาจทำได้แม้กระทั่งการมองสบตาหญิงสาวผู้เป็นอดีตลูกศิษย์ของเขานานเกินไปด้วยซ้ำ เมื่อเขาตัดสินใจโยนผงฟลูลงบนเตาผิงก่อนจะพูดขึ้นอย่างชัดเจนว่า “ศูนย์บัญชาการณ์ศาสตร์มืด”

สิ้นเสียงของสเนป เปลวไฟสีมรกตก็ลุกขึ้นท่วมร่างของเขา และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งร่างสูงของชายผมดำผู้เป็นอดีตอาจารย์ของเธอก็หายไปแล้ว เหลือเพียงแต่ร่างใหญ่ของสามีที่เพิ่งหันกลับมามองเธอด้วยแววตาที่ดูเย็นชาระคนดุดัน

และไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดหรือทำอะไรออกไปร่างใหญ่นั้นก็ย่างสามขุมเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว พร้อมกับที่มือแข็งแกร่งของเขาเลื่อนเข้ามาจับแขนของเธอไว้ก่อนที่จะพาเธอเดินออกจากห้องสมุดไป



…………………………………………….



“คุณจะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ!” หญิงสาวร้องออกมาเมื่อเธอถูกพาตัวออกมาจากห้องสมุดไปยังระเบียงทางเดินของบ้านขณะที่เธอพยายามใช้แรงที่มีอยู่น้อยนิดของเธอแกะแขนของเธอออกจากการเกาะกุมของสามี แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เพราะว่ามือของนายลูเซียสนั้นกุมแขนของเธอไว้แน่นราวกับคีมเหล็ก และแม้ว่าเธอจะดิ้นรนขัดขืนอย่างมากก็ตามเธอก็ทำได้เพียงแค่ให้เขาลำบากขึ้นเล็กน้อยในการคุมตัวเธอไปในที่ที่เขาต้องการเท่านั้น และเมื่อชายผมบลอนด์เริ่มจะรำคาญการดิ้นรนที่เธอกำลังทำอยู่นั้น เขาก็หันมาหาหญิงสาวผู้เป็นภรรยาของเขาแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดุดันเมื่อพวกเขาเดินมาถึงบันไดที่จะพาพวกเขาลงไปยังชั้นสองของคฤหาสน์ว่า

“ถ้าเธอยังไม่ยอมหยุดขัดขืนล่ะก็ ฉันก็จะสาปเธอให้ตัวแข็งเสียเลย!” นายลูเซียสพูด พลางมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาที่บอกเธอว่าเขาทำอย่างที่พูดได้แน่นอน และเมื่อเห็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงหยุดดิ้นรนขัดขืนในทันที และเลือกที่จะหันมาขอร้องร่างตรงหน้าแทน

“ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันเจ็บ…” เธอขอพร้อมกับพยายามบิดข้อมือเล็กของเธอออกจากการเกาะกุมของเขา หากแต่คราวนี้กลับไม่มีความปราณีอยู่ในดวงตาสีเงินที่บัดนี้กำลังจ้องมองเธออยู่เลยเมื่อชายผมบลอนด์ตอบออกมา

“เก็บน้ำตาของเธอไว้ออดอ้อนผู้ชายคนอื่นน่าจะดีกว่านะ เพราะฉันจะไม่หลงกลของเธออีกต่อไปแล้ว” เขาพูดพร้อมกับแสดงสีหน้ารังเกียจออกมาราวกับหญิงสาวนั้นได้กลายมาเป็นเลือดสีโคลนที่เขารังเกียจขึ้นมาในฉับพลัน แต่ถึงกระนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ยังไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากจะพยายามอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟังว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลยแม้แต่น้อย

“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ” หญิงสาวพูดออกมาอย่างหมดหวัง เมื่อเธอสบดวงตาที่มองมาที่เธออย่างไร้ความปราณีของสามีซึ่งทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่าเธอกำลังตกอยู่ในสภาวะที่ลำบากมากกว่าทุกครั้งที่เธอเคยเจอมาเสียแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาพูดประโยคต่อไปออกมาพร้อมกับที่เขาก้าวเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นจนหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะถอยหนีออกจากเขาไปอย่างน้อยครึ่งก้าว แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าการทำเช่นนั้นเป็นความพยายามที่ไร้ผลเมื่อนายลูเซียสที่กำลังกุมข้อมือเล็กของเธอไว้นั้นดึงแขนของเธอเพื่อรั้งร่างเล็กให้กลับมาหาเขาอีกครั้งอย่างง่ายดายพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า

“ถึงเธอจะอยากไปแต่งงานกับผู้ชายคนไหนก็ตาม แต่ถึงยังไงเธอก็ได้แต่งงานกับฉันรวมทั้งเธอก็เป็นภรรยาของฉันแล้ว เธอไม่มีสิทธิ์จะไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหนอีกนอกจากฉัน ไม่อย่างนั้นฉันก็จะทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของที่แท้จริงของเธอคือใครกันแน่!” เขาตะโกนออกมา ขณะที่หญิงสาวจ้องมองเขาด้วยดวงตาสีน้ำตาลที่คลอเอ่อไปด้วยน้ำตาเมื่อนายมัลฟอยยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นจนเขาสามารถมองเห็นแม้กระทั่งประกายของแสงที่ส่องกระทบหยาดน้ำตาของเธอเมื่อเขาพูดขึ้นอีกครั้ง

“เธอเป็นของฉัน เธอเป็นภรรยาและเป็นสมบัติของฉันเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น!” นายลูเซียสพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดหากแต่หนักแน่นจนเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับคำพูดเหล่านั้นของชายผมบลอนด์เป็นมีดที่กรีดหัวใจของเธอ โดยเฉพาะคำพูดที่ว่าเธอเป็นสมบัติของเขาซึ่งบ่งบอกว่าเขาไม่ได้มองเธอในฐานะมนุษย์อย่างที่เธอเป็น แต่เธอกลับเป็นเพียงแค่สิ่งของ เป็นแค่สมบัติชิ้นหนึ่งของเขาเท่านั้น และเพราะคำพูดนั้นเองที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าเธอไม่ได้มีความผิดเลยแม้แต่น้อยที่คิดว่าเธออยากจะแต่งงานกับสเนปมากกว่าผู้ชายที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้



น้ำตาของหญิงสาวไหลอาบแก้มเนียนเมื่อเธอพูดประโยคต่อไปออกมา

“ฉันไม่ได้ต้องการจะเป็นสมบัติหรือสิ่งของที่ใครจะมาเป็นเจ้าของได้…….” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาหากแต่เต็มไปด้วยความปวดร้าว “แต่ถ้าฉันสามารถเลือกได้ ฉันก็ต้องการจะแต่งงานกับเขามากกว่าคุณ!” หญิงสาวพูดออกไปทั้งน้ำตาโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าคำพูดที่เธอเพิ่งเอ่ยออกไปนั้นมันจะส่งผลนำความเดือดร้อนมาสู่ตัวเธอมากแค่ไหน หรือแม้ว่าเธอจะล่วงรู้ในเรื่องนี้ก็ตาม แต่เธอก็ไม่อาจที่จะยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว เธอทนที่จะต้องตกอยู่ใต้อำนาจของผู้ชายคนนี้มามากพอแล้ว และเธอก็จะไม่ยอมให้เขาคิดว่าเขาสามารถครอบงำหรือเป็นเจ้าของชีวิตของเธอได้อีกต่อไป!

แต่ถึงจะคิดเช่นนั้นก็ตาม อีกใจหนึ่งหญิงสาวก็รู้ดีว่าเธอไม่อาจจะต่อต้านหรือขัดขืนชายตรงหน้าซึ่งบัดนี้ได้ควบคุมชีวิตของเธอไว้ในกำมือของเขาอย่างเบ็ดเสร็จได้แต่อย่างใด รวมทั้งเธอกลับเพิ่งรู้สึกตัวว่าเธอได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงลงไปก็ในตอนที่เธอได้เห็นดวงตาที่ราวโรจน์ไปด้วยความโกรธของสามี ซึ่งทำให้เธอรู้สึกราวกับถูกแผดเผาด้วยดวงตาสีเงินคู่นั้นของเขา และในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาในทันทีเมื่อมือใหญ่ของเขาเลื่อนมากุมใบหน้าเรียวของเธอไว้พร้อมกับที่นายลูเซียสพูดลอดไรฟันออกมา

“ดี ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะแสดงให้เธอเห็นว่าเธอเป็นของฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น!” ชายผมบลอนด์พูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน และเมื่อสิ้นคำพูดของเขานายลูเซียสก็ลากภรรยาเดินลงบันไดไปยังห้องนอนของพวกเขาในทันทีโดยที่คราวนี้เขาไม่ให้โอกาสเธอดิ้นรนหรือขัดขืนเลยแม้แต่น้อย เมื่อเขาใช้กำลังของเขาลากร่างเล็กของเฮอร์ไมโอนี่ไปในทิศทางที่เขาต้องการ เพื่อไปยังสถานที่ที่เขาจะสามารถสั่งสอนให้เธอได้รู้เสียทีว่าแท้ที่จริงแล้วเขาต่างหากที่เป็นเจ้าของเธอ และเธอก็เป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น!



หากแต่ทั้งลูเซียสรวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่นั้นไม่มีโอกาสได้ล่วงรู้เลยว่า บทสนทนารวมทั้งการทุ่มเถียงและทะเลาะเบาะแว้งของพวกเขานั้นไม่ได้เป็นความลับเลยแม้แต่น้อย เพราะจากอีกมุมหนึ่งของทางเดินเดรโกกำลังยืนมองพ่อของเขาและแม่เลี้ยงกำลังโต้เถียงกันโดยที่ทั้งสองไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าชายหนุ่มรับรู้เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นรวมทั้งล่วงรู้ทุกคำที่ทั้งสองพูดกันจนกระทั่งร่างของทั้งสองนั้นหายลับจากสายตาของเขาไป



…………………………………………….



ในไม่ช้าทั้งสองก็มาถึงห้องนอนของพวกเขาเมื่อนายลูเซียสบอกรหัสผ่านสำหรับเปิดประตูห้องอย่างรีบเร่งพร้อม ๆ กับที่เขาพยายามจะรั้งร่างบางของภรรยาไว้ข้างกาย ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เองก็พยายามจะดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมของร่างใหญ่ แต่เธอก็ไม่อาจจะหลุดพ้นจากเงื้อมมือของชายผมบลอนด์ได้เลยเมื่อเขาลากเธอเข้าไปในห้องนอนหลังจากที่ประตูห้องเปิดออก นายมัลฟอยเหวี่ยงร่างเล็กของเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปภายในห้องก่อนที่เขาจะหันไปร่ายคาถาเพื่อล็อคห้องอย่างแน่นหนา และเมื่อนายลูเซียสหันกลับมาหาเธออีกครั้ง ภาพที่เขาเห็นก็คือภาพของหญิงสาวผู้เป็นภรรยาของเขาที่กำลังยืนอยู่กลางห้องนอนที่กว้างใหญ่ของพวกเขาในท่าทีสับสน ใบหน้างามของเธอขาวซีดด้วยความหวาดกลัว แต่ถึงกระนั้นก็ตามดวงตาสีน้ำตาลของเธอก็ฉายแววเด็ดเดี่ยวออกมายามที่เขาเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น

แม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะพยายามหนีเมื่อร่างใหญ่ของชายผมบลอนด์เดินเข้ามาใกล้ แต่หญิงสาวก็ทำไม่สำเร็จเนื่องจากนายลูเซียสที่ไวกว่านั้นเข้ามารวบตัวของเธอเอาไว้ได้ทันท่วงที และเมื่อเธอรู้สึกตัวอีกทีเธอก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของชายผมบลอนด์เสียแล้ว!

“ปล่อยฉันนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องพร้อมกับดิ้นรนให้ตัวเองหลุดจากการเกาะกุมของร่างใหญ่ตรงหน้า แต่แน่นอนว่าการกระทำของเธอนั้นไม่ประสบผลสำเร็จเลยแม้แต่น้อยเมื่อสามีของเธอรั้งร่างของเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนาจนไม่ว่าหญิงสาวจะดิ้นรนมากแค่ไหนก็ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีทางหลุดออกไปจากอ้อมกอดของเขาได้เลย และในขณะที่กำลังมองภรรยาของตัวเองดิ้นรนอยู่นั้นเองนายลูเซียสก็พูดขึ้น

“เธอรังเกียจฉันนักหรือไง” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความโกรธเกรี้ยว หากแต่มีแววปวดร้าวแฝงอยู่ในดวงตาสีเงินที่เคยดูเย็นชาของเขา แต่หญิงสาวในอ้อมแขนของเขากลับไม่มีโอกาสได้สังเกตเห็นแววตานั้นของนายลูเซียสเลยเมื่อดวงตาสีเงินของเขาเปลี่ยนไปเป็นดวงตาที่ดูโกรธขึ้งอย่างรวดเร็วขณะที่เขาพูดประโยคต่อไปออกมา

“ถึงเธอจะรังเกียจฉันแค่ไหน แต่ยังไงเธอก็ไม่มีวันปฏิเสธความจริงได้หรอกว่าฉันเป็นสามีของเธอและเธอก็เป็นภรรยาของฉัน!” เขาพูดลอดไรฟันออกมาพร้อมกับมองเธอด้วยแววตาที่ดุดันก่อนที่เขาจะก้มลงจูบเธอที่ริมฝีปากอย่างรุนแรง! โดยที่หญิงสาวไม่มีทางขัดขืนการกระทำของร่างตรงหน้าได้เลย!



แม้ว่าจะเคยถูกสามีของเธอจูบมาหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าจูบในครั้งนี้ของชายผมบลอนด์นั้นเป็นจูบที่เกิดจากโทสะและการต้องการแสดงความเป็นเจ้าของมากกว่าอะไรทั้งหมด เพราะมันเต็มไปด้วยความรุนแรงและการครอบครองเช่นเดียวกับในตอนที่เขาจูบเธอเป็นครั้งแรก หากแต่สัมผัสของชายผมบลอนด์ในครั้งนี้กลับรุนแรงมากกว่าในตอนนั้นมาก เพราะเขาจูบเธอราวกับเขาต้องการจะขโมยวิญญาณของเธอ หรือไม่ก็ต้องการใช้การกระทำนี้ย้ำเตือนให้เธอรู้ว่า เขาเป็นเจ้าของของเธออย่างแท้จริง และเธอก็เป็นของเขาแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น!

และเมื่อนายลูเซียสจูบหญิงสาวในอ้อมแขนของเขาจนพอใจแล้วเขาจึงถอนใบหน้าออกมา และเมื่อเขาทำเช่นนั้นสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือหยาดน้ำตาที่คลอเอ่อดวงตาสีน้ำตาลของเฮอร์ไมโอนี่ขณะที่เธอกำลังมองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองระคนปวดร้าวพร้อม ๆ กับที่เธอพยายามยกมือขึ้นเพื่อเช็ดริมฝีปากของตัวเองราวกับมันเพิ่งไปสัมผัสกับสิ่งที่สกปรกมา!

และการกระทำดังกล่าวของหญิงสาวนั้นเองที่เป็นตัวกระตุ้นอารมณ์โกรธของชายผมบลอนด์ให้เพิ่มมากขึ้น เพราะในวินาทีต่อมาหลังจากที่นายลูเซียสมองภรรยาของเขาด้วยสายตาที่ดุดันแล้ว เขาก็พูดขึ้นว่า

“เธอเสียดายหรือไงที่ฉันเป็นคนจูบเธอแทนที่จะเป็นเซเวอร์รัสน่ะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัดพร้อมกับมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยดวงตาสีเงินที่ทิ่มแทง และเมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบสายตาของชายตรงหน้า เธอก็มองเห็นว่าร่างตรงหน้านั้นไม่ได้เป็นอะไรที่มากไปกว่าปีศาจร้ายที่ช่วงชิงทุกอย่างไปจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย ชีวิต หรือจิตวิญญาณของเธอ และเมื่อเห็นเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ที่คิดว่าเธอจะไม่ยอมให้เขามาควบคุมชีวิตของเธอไปในทิศทางที่เขาต้องการหรือพยายามจะทำเช่นนั้นอีกต่อไปจึงตัดสินใจพูดออกไปว่า

“ใช่ ฉันเสียดายมากที่คุณไม่ใช่เขา” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกไปด้วยท่าทีที่เด็ดเดี่ยว แต่เมื่อจบคำพูดของเธอ และหลังจากที่หญิงสาวได้เห็นปฏิกิริยาต่อคำพูดของเธอของร่างตรงหน้าแล้ว เธอก็กลับรู้สึกเสียใจในการกระทำของตัวเองขึ้นมาในทันที เพราะบัดนี้ใบหน้าของนายลูเซียสนั้นดูโกรธขึ้ง ดวงตาสีเงินของเขาที่จ้องมองมาทางเธออย่างราวโรจน์นั้นทำให้เธอรู้สึกว่ามันเป็นแววตาของคนที่พร้อมจะฆ่าคนได้ทุกเมื่อซึ่งมันบอกเฮอร์ไมโอนี่ว่าตอนนี้เธอกำลังตกที่นั่งลำบากเพราะความอวดดีของเธอเสียแล้ว!

แต่ถึงจะโกรธภรรยาของเขามากแค่ไหนก็ตาม นายลูเซียสก็ไม่อาจจะลงมือทำร้ายหญิงสาวตรงหน้าเขาลงไปได้ ตรงกันข้ามเขากับดันร่างเล็กของเฮอร์ไมโอนี่ไปที่เตียงขณะที่หญิงสาวที่รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอต่อไปนั้นพยายามจะดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ แต่ถึงอย่างไรก็ตามผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอก็ไม่อาจจะสู้แรงของผู้ชายอย่างนายลูเซียสได้ และสิ่งต่อมาที่หญิงสาวรู้สึกก็คือการที่แผ่นหลังของเธอกระทบเข้ากับที่นอนเมื่อสามีของเธอผลักร่างเล็กของเธอลงบนเตียงก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้เธอ

“ฉันจะบอกเธอไว้เลยนะ ว่าถึงเธอจะต้องการจะแต่งงานกับมันมากแค่ไหนก็ตาม แต่ถึงยังไงเธอก็เป็นเมียของฉัน! และก็มีเพียงแค่ฉันเท่านั้นที่จะทำอย่างนี้กับเธอได้!” เขาพูดลอดไรฟันออกมาก่อนจะก้มลงไปจูบซอกคอของหญิงสาวอย่างรุนแรง ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่พยายามดิ้นรนขัดขืนการกระทำของชายผมบลอนด์อย่างสุดความสามารถ และเมื่อพบว่าไม่ว่าเธอจะดิ้นรนมากแค่ไหนเธอก็ไม่อาจจะขัดขืนการกระทำของร่างตรงหน้าได้ เฮอร์ไมโอนี่จึงทำได้แค่เบี่ยงตัวเพื่อหลบสัมผัสของสามีอย่างสุดความสามารถพร้อมกับหลับตาลงอย่างหวาดกลัวเมื่อริมฝีปากของชายผมบลอนด์สัมผัสผิวเนื้อของเธออย่างรุนแรง

และเมื่อนายลูเซียสเห็นท่าทีของภรรยาที่ทำราวกับว่าเขากำลังจะขืนใจเธออยู่นั้น เขาจึงตัดสินใจเลื่อนมือข้างหนึ่งไปกุมคางของหญิงสาวเอาไว้แล้วบังคับให้เธอหันกลับมาสบตาเขา และเมื่อดวงตาสีน้ำตาลที่เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะบังคับให้ดูเข้มแข็งมาสบเข้ากับดวงตาสีเงินที่ครุกรุ่นไปด้วยอารมณ์โกรธของชายผมบลอนด์แล้วนายลูเซียสก็พูดขึ้น

“ถ้าหากว่าเป็นมัน เธอคงไม่มีท่าทีรังเกียจเลยสินะ ฉันชักสงสัยแล้วสิว่าเธอเริ่มคบกับมันมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เขาแสร้งทำท่าทีครุ่นคิดก่อนจะพูดต่อ “เท่าที่ฉันเห็นฉันคิดว่าเธอน่าจะแอบคบกับเซเวอร์รัสมาตั้งแต่ตอนที่เธอเรียนอยู่ฮอกวอตส์แล้วใช่มั๊ย เพราะเดรโกเคยเล่าให้ฉันฟังว่าเธอได้คะแนนท็อปวิชาปรุงยาอยู่บ่อย ๆ แล้วฉันก็เพิ่งมาคิดได้ตอนนี้เองว่าที่เธอได้คะแนนดีก็เพราะเธอมีบริการพิเศษให้อาจารย์ของเธอมากกว่า” เขาพูดอย่างดูถูกจนเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนวูบวาบไปด้วยความโกรธ และก่อนที่หญิงสาวจะทันได้คิดหรือพูดอะไรออกไปฝ่ามือเล็กของเธอก็ฟาดเปรี้ยงไปที่ใบหน้าขาวซีดของนายลูเซียสเสียแล้ว!

หลังจากเสียงเพี๊ยะดังขึ้นห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน! และถึงแม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะเป็นคนตบชายผมบลอนด์ด้วยตัวเองก็ตาม แต่หญิงสาวกลับดูตกใจไม่น้อยเมื่อเธอรู้ว่าเธอได้ทำอะไรลงไป และสิ่งต่อมาที่เธอรู้สึกนอกจากความรู้สึกชาบริเวณฝ่ามือของเธอที่เพิ่งกระทบเข้ากับใบหน้าของนายลูเซียสนั้นก็คือดวงตาสีเงินของสามีที่มองมาทางเธอซึ่งมันดูราวโรจน์กว่าทุกครั้งที่เธอเคยเห็นขณะที่เขาชักไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา จนเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเขาคงจะเสกคาถากรีดแทงใส่เธอเป็นแน่! แต่เมื่อในตอนนี้หญิงสาวนั้นไม่มีทางขัดขืนหรือหนีไปจากการเกาะกุมของร่างตรงหน้าได้เธอจึงทำได้แค่เพียงอย่างเดียวซึ่งก็คือหลับตาลงเพื่อยอมรับชะตากรรมเท่านั้น!



แต่แทนที่เฮอร์ไมโอนี่จะรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากคาถากรีดแทงหลังจากที่เธอได้ยินเสียงสามีของเธอพึมพำคาถาบทหนึ่งออกมา หญิงสาวกลับรู้สึกว่าแขนทั้งสองข้างของเธอถูกดึงขึ้นไปเหนือศีรษะ และในวินาทีต่อมาเธอก็รู้สึกราวกับมันถูกผูกไว้ด้วยผ้าหรือเชือกบางประเภท และเมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจึงพยายามดิ้นรนพร้อมกับลืมตาขึ้นเพื่อมองร่างตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองข้อมือของตัวเองที่ถูกมัดอยู่เหนือศีรษะ และสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่เห็นก็มีเพียงแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น เพราะเธอไม่เห็นเชือกหรือวัตถุใด ๆ ที่มัดข้อมือของเธอเข้าด้วยกันอยู่เลย แต่ถึงกระนั้นข้อมือบอบบางของหญิงสาวก็ยังคงถูกผูกอยู่ติดกันแบบนั้น และเมื่อเธอพยายามจะดิ้นรนเธอก็พบว่าบางสิ่งบางอย่างที่ผูกข้อมือของเธอติดเข้าด้วยกันอยู่นั้นเริ่มรัดข้อมือเล็กของเธอแน่นขึ้นแม้ว่าเธอจะไม่สามารถมองเห็นมันได้ก็ตาม และในวินาทีนั้นเองเฮอร์ไมโอนี่ก็เข้าใจในทันทีว่าสิ่งที่ผูกข้อมือของเธอให้ติดกันอยู่นี้นั้นคืออะไรขณะที่ชายร่างตรงหน้าของเธอพูดขึ้น

“เธอก็น่าจะรู้จักเวทย์มนต์ชนิดนี้ดีนี่นา ยิ่งเธอดิ้นมันก็จะยิ่งรัดเธอแน่นขึ้น” นายลูเซียสพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาพลางมองร่างเล็กภายใต้การควบคุมของเขาด้วยสายตาที่ปราศจากความปราณี จนทำให้ร่างที่อยู่ในเงื้อมมือของเขาอดไม่ได้ที่จะดิ้นรนเพื่อให้เธอหลุดพ้นจากพันธนาการของชายตรงหน้า แม้ว่าหญิงสาวจะรู้อยู่เต็มอกก็ตามว่าเธอไม่สามารถหนีไปจากเขาได้อีกต่อไป มิหนำซ้ำการดิ้นรนของเธอนั้นจะยิ่งนำความเดือดร้อนมาสู่ตัวเธอมากขึ้นเมื่อเฮอร์ไมโอนี่เริ่มรู้สึกเจ็บที่ข้อมือ ราวกับเชือกที่มองไม่เห็นนั้นเริ่มรัดข้อมือบอบบางของเธอแน่นขึ้นจนมันบาดเข้าไปในผิวเนื้อของเธอ ขณะที่สามีของเธอมองภาพเธอกำลังดิ้นรนด้วยแววตาที่เย็นชา ดวงตาสีเงินของชายผมบลอนด์มองดูหยาดน้ำตาของหญิงสาวที่ไหลรินจากดวงตาคู่สวยของเธอด้วยแววตาที่บอกว่าเขาไม่มีความปราณีหลงเหลือให้เธอเลยแม้แต่น้อย!

หลังจากปล่อยให้ร่างตรงหน้าดิ้นรนไปได้ครู่หนึ่งนายลูเซียสก็ก้มลงไปจูบแก้มภรรยาสาวของเขา ริมฝีปากบางจูบซับน้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่อย่างแผ่วเบา หากแต่มันกลับไม่มีความอ่อนโยนแฝงอยู่ในดวงตาสีเงินของนายมัลฟอยเลยยามที่เขาละใบหน้าของเขาขึ้นมาจากแก้มของหญิงสาวและจ้องมองเธอพร้อม ๆ กับที่มือใหญ่ของเขาสัมผัสแก้มเนียนที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของเธอเบา ๆ

“เธอคงเสียใจมากสินะที่ต้องมาแต่งงานกับฉัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบหากแต่แฝงไว้ด้วยความปวดร้าวและโกรธเคือง ขณะที่หญิงสาวพยายามจะส่งสายตาอ้อนวอนไปยังร่างตรงหน้า

“แต่ถึงอย่างไรก็ตามเธอก็เป็นของฉันแล้ว แล้วฉันก็จะทำให้เธอรู้ว่าเธอเป็นของฉันแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น!” สิ้นคำพูดของชายผมบลอนด์เขาก็โน้มกายไปจูบร่างตรงหน้าอย่างหนักหน่วงและรวดเร็วเกินกว่าที่เฮอร์ไมโอนี่จะทำได้แม้กระทั่งเบนหน้าหนีเขา แต่ถึงเธอจะตกอยู่ในสภาวะที่ยากต่อการขัดขืนการกระทำของร่างตรงหน้าก็ตามแต่หญิงสาวก็ไม่อาจจะยอมให้เขามารังแกข่มเหงเธอได้ตามใจชอบอีกต่อไป

“!!!!!” นายลูเซียสอุทานขึ้นพร้อมกับถอนใบหน้าของเขาออกมาจากเฮอร์ไมโอนี่เมื่อเธอกัดลิ้นของเขาเข้า! ชายผมบลอนด์ยกมือขึ้นสัมผัสริมฝีปากของตนเองเบา ๆ เมื่อเขารับรู้ถึงรสเลือดในปากของตนเอง ดวงตาสีเงินมีแววตกใจอยู่เพียงครู่เดียวก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนไปเป็นแววตาที่ราวโรจน์มากกว่าเดิมเมื่อเขาเคลื่อนกายเข้าไปในหาหญิงสาวอีกครั้งพร้อมกับพูดขึ้น

“เธอก็ฤทธิ์มากเหมือนกันนะ ที่รัก” เขาพูดราวกับเขาไม่ยี่หระที่เธอกัดลิ้นของเขา แต่เมื่อเฮอร์ไมโอนี่มองสบดวงตาสีเงินของร่างตรงหน้าแล้วหญิงสาวก็รู้ดีว่าเขาโกรธมากแค่ไหนกับการกระทำของเธอ “แต่ฉันเกรงว่าเธอจะเสียใจกับการกระทำของเธอภายหลังอย่างแน่นอน” สิ้นคำพูดของเขา ชายผมบลอนด์ก็ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นและตวัดมันพร้อม ๆ กับร่ายคาถาอยู่เหนือร่างของเฮอร์ไมโอนี่

ในตอนแรกหญิงสาวที่คิดว่าเขาจะร่ายคาถากรีดแทงใส่เธอก็รีบหลับตาลงพร้อมกับซบใบหน้าลงกับหมอนเพื่อหลีกหนีความเจ็บปวด หากแต่ความเจ็บปวดที่เธอรอคอยนั้นก็ไม่ได้มาถึงแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับเกิดเสียงราวกับแส้ฟาดอากาศดังขึ้นเหนือร่างของเธอ และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นมาอีกทีเธอก็พบว่าเสื้อผ้าของเธอนั้นขาดรุ่งริ่งราวกับมันถูกกรีดด้วยของมีคม

ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อรู้ว่าบัดนี้เธอตกอยู่ในสภาพใดรวมทั้งร่างตรงหน้านั้นต้องการจะลงโทษเธอด้วยวิธีเช่นใดเมื่อมือใหญ่ของนายลูเซียสเริ่มเคลื่อนเข้ามาแกะเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นออกจากร่างของเธอ!

“อย่าค่ะ ได้โปรด!” เฮอร์ไมโอนี่อ้อนวอนออกมา หากแต่ดูเหมือนว่ามันจะสายไปเสียแล้วสำหรับการร้องขอความเมตตาจากชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอเอง เพราะในตอนนี้นายลูเซียสนั้นไม่มีท่าทีว่าจะสนใจคำขอร้องของร่างเล็กตรงหน้าแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเขากลับค่อย ๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของหญิงสาวออกโดยไม่คำนึงถึงคำอ้อนวอนหรือน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเธอเลย และเมื่อเศษอาภรณ์แต่ละชิ้นหลุดจากร่างกายของเฮอร์ไมโอนี่ตามที่นายลูเซียสต้องการจนเผยให้เห็นผิวขาวผ่องของเธอภายใต้แสงสว่างภายในห้องแล้ว ชายผมบลอนด์ก็ก้มลงจูบผิวเนื้อบริเวณซอกคอของหญิงสาวอย่างหนักหน่วงราวกับเขาต้องการจะประทับร่องรอยที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของของเขาลงบนตัวของเธอ

และเมื่อเขาจูบผิวเนื้อบริเวณคอของหญิงสาวจนเขาพอใจแล้ว เขาก็ไล่จูบของเขาต่ำลงมาเรื่อย ๆ พร้อม ๆ กับที่อีกมือหนึ่งของเขานั้นค่อย ๆ ปลดเศษเสื้อผ้าของเธอออกจากร่างขาวผ่องตรงหน้าเขาออกไปในขณะเดียวกัน

“ได้โปรด หยุดเถอะค่ะ!” เธอร้องออกมาเมื่อรู้สึกว่าริมฝีปากเย็นเฉียบของนายมัลฟอยสัมผัสทรวงอกที่บัดนี้เกือบจะเปลือยเปล่าของเธอ แต่ถึงหญิงสาวจะอ้อนวอนหรือร้องขอเพียงใดนายลูเซียสก็รู้ดีว่าเขาไม่อาจจะหยุดการกระทำของเขาได้! พอ ๆ กับที่ไม่ว่าเธออ้อนวอนเขามากแค่ไหนก็ตามเขาก็จะไม่มีวันเชื่อคำพูดของเธออีกต่อไปแล้ว! ตรงกันข้ามเขาจะต้องทำให้เธอรู้ว่าเธอเป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นเมื่อเขาดำเนินบทรักของเขาต่ออย่างไร้ความปราณีต่อร่างเล็กภายใต้การควบคุมของเขาในตอนนี้!

ในขณะที่รู้สึกว่าสามีของเธอกำลังไล้ริมฝีปากของเขาไปตามร่างกายของเธอพร้อม ๆ กับที่มือหนึ่งของเขาก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าน้อยชิ้นที่เหลือติดร่างกายของเธอออกไปพร้อม ๆ กันนั้น เฮอร์ไมโอนี่ก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว และแม้ว่าเธอจะตกเป็นภรรยาของนายลูเซียสแล้วก็ตาม แต่หญิงสาวก็รู้ดีว่าบทรักของชายผมบลอนด์ในครั้งนี้นั้นแตกต่างจากครั้งอื่น ๆ ของพวกเขาโดยสิ้นเชิง เพราะเท่าที่ผ่านมาแม้ว่านายลูเซียสจะบังคับรวมทั้งเร่งรัดเธอมากเกินไปในคืนแต่งงานของพวกเขา แต่มันก็ยังมีความอ่อนโยนแฝงอยู่ในสัมผัสของเขาต่างจากครั้งนี้ซึ่งดูเหมือนว่าความอ่อนโยนที่ชายผมบลอนด์มีต่อหญิงสาวนั้นจะหายไปตั้งแต่ตอนที่เขาค้นพบว่าเธอแอบติดต่อกับเพื่อนผู้เสพความตายของเขาแล้ว รวมทั้งความปราณีที่เขาเคยมีให้เธอนั้นก็น่าจะเลือนหายไปตั้งแต่ตอนที่เธอตบเขาเมื่อครู่นี้แล้ว ดังนั้นเมื่อปราศจากทั้งสองสิ่งที่กล่าวมานี้ ชายตรงหน้าจึงไม่เหลือสิ่งใดที่จะหยิบยื่นให้เธอนอกจากการกระทำที่รุนแรงเพื่อเป็นการสั่งสอนหญิงสาวเท่านั้น!



และเพราะเหตุผลที่ว่าชายผมบลอนด์ต้องการครอบครองร่างกายของเธอเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของรวมทั้งสั่งสอนเธอในสิ่งที่เธอได้ทำลงไปกับเขานั้นเอง ทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าเธอไม่ต้องการความสัมพันธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในครั้งนี้มากกว่าครั้งไหน ๆ ที่ผ่านมา และเธอก็อาจจะไม่ต้องการมันมากกว่าในคืนแต่งงานของเธอเสียด้วยซ้ำ! เพราะหญิงสาวรู้สึกราวกับเธอกำลังจะถูกขืนใจ แม้ว่าผู้ชายที่กำลังรุกรานร่างกายของเธออยู่นั้นจะเป็นคนเดียวกับคนที่เป็นสามีที่ได้เข้าพิธีแต่งงานกับเธออย่างถูกต้องแล้วก็ตาม! และความรู้สึกนั้นของเธอก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นหลังจากที่ร่างใหญ่ตรงหน้าละจากร่างบางของเธอราวกับเขาได้สัมผัสร่างเนียนนุ่มของเธอจนเต็มอิ่มแล้ว ซึ่งในตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่ที่รู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับการกระทำของสามีก็แอบหวังลึก ๆ ว่าเขาอาจจะเปลี่ยนใจหรือเกิดปราณีเธอขึ้นมา แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีเงินอันเย็นชาของเขาพร้อม ๆ กับที่เธอสังเกตเห็นว่ามือใหญ่ของนายลูเซียสนั้นเลื่อนไปแกะเสื้อคลุมตัวนอกของเขาออกทำให้หญิงสาวรู้ทันทีว่าเธอคิดผิดโดยสิ้นเชิง!



เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก! และเหตุผลที่มันเป็นเช่นนั้นก็เป็นเพราะความหวาดกลัวที่บัดนี้กำลังท่วมท้นหัวใจของเธอจนหญิงสาวรู้สึกว่าความหวาดกลัวที่เต็มเปี่ยมนี้ได้ล้นเอ่อออกมาในรูปของน้ำตาที่เริ่มไหลอาบแก้มเนียนของเธออีกครั้ง เมื่อเธอรู้แล้วว่ามันกำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอพอ ๆ กับที่เธอรู้ดีว่าไม่ว่าเธอจะไม่ต้องการมันมากเพียงใดก็ตาม เธอก็ไม่อาจจะขัดขืนหรือปฏิเสธสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้เลยแม้แต่น้อย และสิ่งที่เธอทำได้เพียงอย่างเดียวในตอนนี้ก็คือยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเธอเท่านั้นเมื่อสามีของเธอโน้มกายเข้ามาหาเธออีกครั้งก่อนจะเริ่มดำเนินบทรักของเขาต่อโดยไม่สนใจเลยว่าเธอจะต้องการมันหรือไม่ รวมทั้งเธอจะเจ็บปวดมากแค่ไหนกับการกระทำที่ไม่ต่างจากการข่มเหงจิตใจของเธอแบบนี้!



…………………………………………….



สิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกต่อมาก็คือร่างใหญ่ที่โน้มเข้ามาใกล้ร่างของเธอหลังจากที่เธอได้ยินเสียงเสื้อคลุมของเขาที่ถูกโยนลงพื้นไปในระยะไม่ไกลนัก และเมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงซบใบหน้าของเธอลงกับหมอนเพราะเธอไม่ต้องการจะรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเธอ พอ ๆ กับที่เธอไม่ต้องการจะรับรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเธอต่อไปด้วย แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเธอรู้สึกถึงมือใหญ่ของนายลูเซียสบนร่างของเธออีกครั้งเมื่อมันเลื่อนมาดึงอาภรณ์ที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดบนร่างกายเธอออก และถึงแม้เธอจะพยายามดิ้นรนมากเพียงใดก็ตาม แต่หญิงสาวก็รู้ดีว่าเธอไม่สามารถจะสู้แรงชายอกสามศอกเช่นเขาได้แม้ในตอนที่เธอไม่ได้ถูกพันธนาการไว้กับเตียงนอนด้วยเวทย์มนตร์ของเขาแบบนี้ ดังนั้นมันจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะสามารถขัดขืนเขาได้ในสภาวะเช่นนี้!

เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลงเพื่อหลีกหนีความจริงตรงหน้าเมื่อเธอรู้สึกว่าเสื้อผ้าของเธอนั้นหลุดออกจากร่างกายทีละชิ้น ๆ จนกระทั่งเธอเปลือยเปล่าอยู่ภายใต้สายตาของชายผมบลอนด์ที่จ้องมาทางเธอจนเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับร่างกายของเธอนั้นถูกแผดเผาด้วยสายตาของเขาผสมผสานกับความอับอายของตัวเธอเอง หญิงสาวรู้สึกว่าแก้มของเธอนั้นร้อนผ่าวราวกับถูกแดดยามเที่ยงวันแผดเผา และสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้นก็คือการที่ได้รับรู้ว่าเธอกำลังเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าเขาในเวลากลางวันแสก ๆ ซึ่งมันทำให้เขาสามารถมองเห็นร่างกายของเธอได้อย่างชัดเจนแบบนี้!

ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าเธอกำลังจะเป็นลมไปเพราะความอับอายนี้เอง เธอก็รู้สึกถึงร่างใหญ่ที่ทาบทับลงมาบนร่างของเธอ หญิงสาวสะดุ้งเพราะสัมผัสนั้น และเธอก็รีบหลับตาลงทันทีเมื่อเธอรู้ว่าร่างดังกล่าวก็เปลือยเปล่าไม่ต่างจากเธอในตอนนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่สามารถหลับตาเพื่อหลีกหนีความจริงที่เกิดขึ้นตรงหน้าของเธอได้นานนักเมื่อร่างหญ่ของนายลูเซียสนั้นเคลื่อนกายเข้ามาครอบครองเธอ

หญิงสาวแทบจะกรีดร้องออกมาเพราะสัมผัสที่รุนแรงของเขา และถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอตกเป็นของเขาก็ตาม ซึ่งอันที่จริงแล้วถ้าหากให้เธอเปรียบเทียบสัมผัสของชายผมบลอนด์ในครั้งนี้กับครั้งแรกที่เธอตกเป็นภรรยาของเขาแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็คงสามารถบอกได้ทันทีว่าบทรักของเขาในครั้งนี้นั้นไม่มีความอ่อนโยนหรือความเห็นอกเห็นใจต่อเธอเหมือนอย่างที่มันเกิดขึ้นในคืนแต่งงานของเขาและเธอแต่อย่างใด เพราะถึงแม้ว่าในคืนแรกที่เธอตกเป็นของเขานั้นนายลูเซียสจะเร่งรัดเธอมากก็ตาม แต่เขาก็ยังอ่อนโยนพอที่จะปลุกเร้าอารมณ์ของเธอให้คล้อยตามเขาซึ่งแตกต่างจากการกระทำของเขาในครั้งนี้เหลือเกิน!

และเพราะความเจ็บปวดจากสัมผัสของร่างตรงหน้านี้เองที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้น และเมื่อเธอทำเช่นนั้นดวงตาของหญิงสาวก็สบเข้ากับดวงตาสีเงินที่กำลังลุกโชนไปด้วยไฟปรารถนาของสามีซึ่งมันไม่มีที่เหลือให้แสดงออกถึงความอ่อนโยนหรือความห่วงใยในร่างเล็กที่กำลังอยู่ใต้ร่างของเขาอย่างเช่นในคืนแต่งงานของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่นั้นมองสบดวงตาสีเงินของนายลูเซียสด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดของเธอ แต่ดูราวกับสามีของเธอนั้นจะไม่สนใจความรู้สึกของหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาอีกต่อไปเมื่อเขาเริ่มบทรักที่หนักหน่วงขึ้นโดยไม่สนใจเลยว่าร่างเล็กเบื้องล่างนั้นจะเต็มใจกับการกระทำของเขารวมถึงจะสามารถปรับอารมณ์ของเธอให้คล้อยตามเขาได้หรือไม่!

หลังจากที่รู้ดีว่าเธอไม่มีโอกาสจะหนีจากสภาพที่เป็นอยู่ได้ รวมทั้งร่างตรงหน้าก็ไม่มีความปราณีใด ๆ หลงเหลือให้เธออีกต่อไปแล้วแม้ว่าเธอจะพยายามร้องขอมันมากเพียงใดก็ตาม เฮอร์ไมโอนี่ก็หลับตาลงอีกครั้งพร้อม ๆ กับที่น้ำตาใสของเธอไหลอาบแก้มเนียนอีกรอบซึ่งในคราวนี้หญิงสาวก็ไม่อาจจะบอกได้ว่าเธอร้องไห้เพราะว่าความเจ็บปวดทางร่างกายหรือทางจิตใจกันแน่!

ทางด้านนายมัลฟอยนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นว่าร่างเล็กตรงหน้านั้นไม่เต็มใจกับการกระทำของเขา รวมทั้งเธออาจเจ็บปวดเพราะเขาทั้งทางร่างกายและจิตใจก็ตาม แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อาจจะหยุดการกระทำของตัวเองได้เลย เขาไม่อาจจะหยุดยั้งอารมณ์ต่าง ๆ ที่บัดนี้ได้ท่วมท้นจิตใจและร่างกายของเขาจนมันสามารถเอาชนะสติสัมปชัญญะและความยับยั้งชั่งใจของเขาได้อีกต่อไปแล้ว นายลูเซียสไม่สามารถหยุดยั้งความโกรธเกรี้ยวที่เขามีต่อภรรยาสาวของเขาได้พอ ๆ กับที่เขาไม่สามารถหยุดยั้งความปรารถนาที่เขามีต่อร่างกายขาวผ่องของเธอได้เลย และแม้ว่าในส่วนลึกของจิตใจของเขาจะเตือนเขาว่าการกระทำของเขานั้นเป็นการทำร้ายหญิงสาวตรงหน้าให้เจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจก็ตาม แต่เสียงเตือนดังกล่าวก็กลับฟังดูคล้ายเสียงกระซิบที่แผ่วเบาท่ามกลางลมพายุ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่อาจจะสู้เสียงพายุแห่งความปรารถนาที่กำลังโหมกระหน่ำของเขาได้เลย! แม้กระทั่งตอนที่ชายผมบลอนด์ก้มลงไปจูบหญิงสาวในอ้อมแขนของเขาที่ริมฝีปากและสัมผัสได้ถึงน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเธอก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้หยุดการกระทำของเขาแต่อย่างใด เขาเพียงแค่ชะงักการกระทำของเขาลงครู่หนึ่งเนื่องจากสิ่งที่เขาเพิ่งค้นพบเท่านั้น ซึ่งก็คือภาพภรรยาของเขาที่มีน้ำตาไหลอาบแก้มและกำลังสะอึกสะอื้นอยู่ภายใต้ร่างใหญ่ของเขานั่นเอง และถึงแม้ว่าดวงตาสีเงินของชายผมบลอนด์จะดูอ่อนลงเมื่อเขาเห็นภาพดังกล่าวก็ตาม แต่ในไม่ช้ามันก็เปลี่ยนกลับไปเป็นดวงตาที่ดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งเหมือนเดิมเมื่อภาพหญิงสาวที่อยู่ในห้องทำงานของเขากับเซเวอร์รัสผุดขึ้นมาในสมองพร้อม ๆ กับคำพูดของเธอที่ได้กล่าวไว้ว่าเธอต้องการแต่งงานกับเซเวอร์รัส สเนปมากกว่าเขา!

.และเพราะเหตุนั้นเองใบหน้าของนายลูเซียสจึงแปรเปลี่ยนไปเป็นโกรธขึ้งอีกครั้ง ราวกับว่าการได้เห็นน้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่ในคราวนี้กลับทำให้เขาหงุดหงิดยิ่งกว่าเก่าเมื่อเขาก้มลงไปกระซิบกับริมฝีปากบางที่สั่นระริกของหญิงสาวว่า

“เธอเป็นของฉัน! เป็นของฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น!!!” เขากล่าวอย่างหนักแน่นก่อนจะเริ่มบทรักของเขาต่อโดยไม่สนใจเลยว่าร่างเบื้องล่างจะเจ็บปวดเพราะการกระทำของเขามากเพียงใด!



…………………………………………….


มีต่อ Part 2 ค่ะ




Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2556 22:21:25 น. 0 comments
Counter : 3273 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.