Group Blog
 
All Blogs
 
The Dark Princess: Chapter 19 Seduction PART I

คุยกันก่อนอ่านนะคะ



ขอโทษค่ะที่หายไปเนิ่นนานมาก ๆ ไม่มีถ้อยคำอื่นใดมากบอกว่าขอโทษจริง ๆ ที่ไม่ได้อัพนานมาก เนื่องจากติดภารกิจทั้งเรื่องงาน เรื่องเรียน จนแทบจะไม่มีเวลาว่างเลยค่ะ แต่ยังไงเราก็ยังยืนยันความตั้งใจเดิมนะคะว่าเราอยากจะเขียนฟิคเรื่องนี้ให้จบ และก็ขอบคุณทุกท่านที่ยังติดตามกันอยู่นะคะ สำหรับตอนนี้ลงให้เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์สำหรับรีดเดอร์ที่น่ารักทุกคนค่ะ (เลทมา 2 วันก็หยวนๆ หน่อยนะคะ) สำหรับตอนนี้ แม้ ว่าจะไม่มีฉากหวานแบบน้ำตาลขึ้นคอมเหมือนช่วงแต่งงานแรก ๆ แต่ไรต์เตอร์รับประกันนะคะว่าจะมีฉากน่ารักของพระนางแทรกไว้ให้ได้ยิ้มกัน ประปราย (หลังจากผ่านดราม่ามาหลายตอนเกิน = =) เอาเป็นว่าไปอ่านกันดีกว่าค่ะ ตอนที่ 19 นี้มีความยาวถึง 41 หน้าเลยนะคะ รับรองว่ารีดทุกท่านอ่านกันตาแฉะคุ้มค่ากับที่รอคอยเลยค่ะ อ้อ สำหรับตอนใหม่นี้ พิกตรวจไปแค่รอบเดียวเท่านั้นนะคะ ตรวจไปตรวจมามึนตัวอักษรซะเองเลยเอามาลงเลยดีกว่า อีกไม่เกินวันสองวันจะแวะมาตรวจคำผิดให้อีกรอบนะคะ สุดท้ายนี้ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ แล้วถ้ารีดท่านใดมีความคิดเห็นใด ๆ ชอบหรือไม่ชอบอย่างไร ทิ้งคอมเม้นไว้พูดคุยกับไรต์เตอร์นะคะ เรายินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ ^^

ลืมบอกอีกครั้งค่ะ ภาพประกอบด้านล่างเราไม่ได้ทำเองนะคะ แต่เห็นว่าเข้ากับฟิคตอนนี้ก็เลยเอามาแปะให้ดูกันน่ะค่ะ






***Chapter 19 ถ่วงเวลา: Seduction***


‘ ฉันต้องการให้เธอจับตาดูลูเซียสเอาไว้ไม่ให้คลาดสายตา ไม่ใช่สิ เธอจะต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาในระหว่างที่ฉันออกไปตามหาเดรโกเพื่อลบความทรงจำของเขา และเมื่อฉันพูดว่าตลอดเวลาฉันหมายถึงเธอจะต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาจริง ๆ เกรนเจอร์ เพราะเธอเป็นคนเดียวเท่านั้นที่สามารถกันไม่ให้เดรโกและพ่อของเขาได้พบกันจนกว่าฉันจะทำงานของฉันเสร็จเรียบร้อยซึ่งฉันก็ไม่แน่ใจว่ามันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่ถ้าเราโชคดีฉันเชื่อว่าทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อยภายในคืนนี้ ’

เฮอร์ไมโอนี่จ้องมองข้อความที่อดีตอาจารย์วิชาปรุงยาของเธอส่งมาให้ด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสน และถึงแม้ว่าถ้อยคำดังกล่าวจะบอกเธออย่างละเอียดถี่ถ้วนในสิ่งที่เธอจำเป็นต้องทำต่อไปก็ตาม แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ไม่อาจจะห้ามตัวเองให้รู้สึกลำบากใจกับสิ่งที่เซเวอร์รัส สเนปกำลังขอร้องให้เธอทำได้เลย เพราะสิ่งที่อดีตอาจารย์วิชาปรุงยาผู้เป็นสายลับที่ซื่อสัตย์ที่สุดของดัมเบิลดอร์ต้องการให้เธอทำเพื่อช่วยเขาปกปิดความลับที่มีค่าต่อเขาอย่างยิ่งยวดนั้นก็คือการให้เธอเข้าไปอยู่กับลูเซียส มัลฟอยเพื่อถ่วงเวลาเขาเอาไว้จนกว่าสเนปจะตามหาและลบความทรงจำของเดรโก มัลฟอยสำเร็จ ซึ่งการทำตามที่ชายผมดำต้องการนี้มันแทบจะหมายความได้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะต้องเอาตัวไปใกล้ชิดกับนายลูเซียสซึ่งเป็นสามีของเธอและเป็นคนเดียวกับชายที่เคยใช้กำลังบังคับขืนใจเธอมาก่อนไปตลอดทั้งค่ำคืนนี้!
และถึงแม้ว่าจะลำบากใจกับสิ่งที่อดีตอาจารย์วิชาปรุงยาขอให้เธอทำมากเพียงใดก็ตาม แต่ถึงกระนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจจะออกปากปฏิเสธเขาได้ เนื่องจากการที่สเนปจำเป็นจะต้องออกไปตามหาเดรโกและลบความทรงจำของชายหนุ่มเสียในระหว่างที่เขาขอให้เธอช่วยกันนายลูเซียสไว้ไม่ให้เขาพบกับลูกชายนั้น ส่วนหนึ่งแล้วมันมีสาเหตุมาจากเธอด้วย เนื่องจากเดรโกไปเห็นเธอและสเนปออกมาจากห้องนอนของนางนาร์ซิสซาผู้เป็นแม่ของเขาพร้อม ๆ กัน อีกทั้งเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นของหญิงสาวเองด้วยที่ทำให้เธอต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการรักษาความลับที่มีค่ายิ่งชีวิตของสเนปแบบนี้ ดังนั้นในฐานะผู้ร่วมรับรู้ความลับที่อาจเป็นตัวตัดสินความเป็นความตายของชายผมดำได้หากมันตกไปอยู่ในมือของคนอื่นแบบนี้แล้ว เฮอร์ไมโอนี่จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะยอมช่วยเหลืออดีตอาจารย์ของเธอรักษาความลับนี้ไว้เท่านั้น ถึงแม้ว่าสิ่งที่เธอจำเป็นจะต้องทำเพื่อรักษาความลับนี้ไว้นั้นจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอต้องการจะทำก็ตาม
และเมื่อคิดได้เช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะขยับมือที่ถือปากกาค้างไว้เพื่อเตรียมจะเขียนตอบอีกฝ่ายออกไป แต่ก่อนที่ปลายปากกาในมือของหญิงสาวจะจรดลงบนหน้ากระดาษสีขาวนั้น เส้นหมึกสีดำอันเป็นข้อความที่ส่งมาจากฝ่ายตรงข้ามก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าเธอเสียก่อน
‘ ว่าอย่างไร เกรนเจอร์ เธอสามารถทำสิ่งที่ฉันพูดได้ไหม เธอสามารถกันลูเซียสไม่ให้เขาเจอกับเดรโกตลอดทั้งคืนได้หรือเปล่า ’ สเนปถามออกมา และถึงแม้ว่าหญิงสาวจะไม่ต้องการทำสิ่งที่ชายผมดำร้องขอเธอรวมทั้งเธอจะรู้สึกลำบากใจและต้องการจะเขียนปฏิเสธเขาไปมากเพียงใดก็ตาม เฮอร์ไมโอนี่ก็จรดปากกาขนนกลงไปบนพื้นที่ว่างด้านล่างของข้อความที่สเนปเพิ่งส่งมาใหม่ โดยข้อความใหม่ของหญิงสาวมีใจความว่า
‘ ได้ค่ะ ฉันจะพยายามรั้งตัวลูเซียสไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ’ เธอเขียนตอบออกไปเช่นนั้น หลังเขียนจบริมฝีปากอิ่มของเธอก็เม้มแน่นด้วยท่าทีครุ่นคิดก่อนที่เธอจะตัดสินใจเขียนประโยคต่อไปออกมา
‘ แล้วอาจารย์จะออกไปตามหาเดรโกในตอนนี้เลยหรือเปล่าคะ ‘ เธอถามออกไปเช่นนั้น และภายในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจอีกฝ่ายก็เขียนตอบกลับมา และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ได้อ่านถ้อยคำที่ปรากฎขึ้นบนกระดาษสีขาวตรงหน้าแล้วนั้นเธอก็รู้สึกราวกับสเนปมาพูดถ้อยคำนั้นที่ข้างหูของเธอ หญิงสาวสาบานว่าเธอสามารถจับความตึงเครียดและแววรำคาญใจในข้อความของเขาได้ไม่ต่างจากตอนที่เขาพูดกับเธอต่อหน้าเลยแม้แต่น้อย
‘ แน่นอน เธอก็น่าจะรู้ดีมากกว่าอะไรทั้งหมดว่าฉันไม่สามารถรอไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว ’ เขาตอบออกมาเช่นนั้น และถึงแม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยกับคำพูดประชดประชันที่เหมือนจะเป็นนิสัยประจำตัวของสเนปไปแล้วก็ตาม แต่หญิงสาวก็อดเห็นด้วยกับเขาในครั้งนี้ไม่ได้
‘ ฉันจะออกไปตามหาเดรโกเดี๋ยวนี้ ส่วนเธอก็ต้องรีบไปหาลูเซียสในตอนนี้เลย ถ้าได้เรื่องยังไงฉันจะติดต่อเธอไปอีกที แต่จำให้ดีล่ะเกรนเจอร์ เธอจะต้องไม่ปล่อยให้ลูเซียสคลาดสายตาเธอไปตลอดทั้งคืนนี้ ’ ชายผมดำทิ้งข้อความสุดท้ายของเขาไว้เพียงเท่านี้ และถึงแม้ว่าข้อความดังกล่าวจะเป็นเพียงตัวหนังสือสีดำบนกระดาษสมุดสีขาวเท่านั้นแต่เฮอร์ไมโอนี่กลับรู้สึกราวกับอดีตอาจารย์วิชาปรุงยาของเธอมาเน้นย้ำถ้อยคำนี้อยู่ที่ข้างหูเธอ เพราะหญิงสาวแทบจะรู้สึกได้ถึงความหนักแน่นของน้ำเสียงของชายผมดำยามที่เธออ่านข้อความนี้ ราวกับเขาต้องการเน้นย้ำกับเธอว่า มีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่เขาและเธอจะร่วมมือกันรักษาความลับอันสำคัญยิ่งชีวิตของเขาไว้ได้โดยการที่เธอจะต้องไปจับตาดูนายลูเซียสไว้เป็นอย่างดีขณะที่เขาออกไปตามหาเดรโกเพื่อลบความทรงจำของชายหนุ่ม
หลังจากที่ข้อความดังกล่าวของสเนปปรากฎขึ้นบนหน้ากระดาษสมุดที่ทั้งสองใช้ติดต่อกันแล้วนั้นก็ไม่มีข้อความใหม่ปรากฎขึ้นอีกเลย ซึ่งมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่าอดีตอาจารย์วิชาปรุงยาของเธอได้ออกไปทำหน้าที่ของเขาในการตามหาและลบความทรงจำของเดรโก มัลฟอยเสียแล้ว และเมื่อเห็นเช่นนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกลำบากใจรวมทั้งหวาดกลัวในการทำสิ่งที่ชายผมดำต้องการให้เธอทำมากเพียงใดก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามที่เธอตกลงไว้กับสเนปเท่านั้น เธอไม่มีทางเลือกอื่นที่จะช่วยรักษาความลับที่สำคัญยิ่งชีวิตของสายลับเพียงคนเดียวของดัมเบิลดอร์ได้เลยนอกเสียจากการที่เธอจะต้องเอาตัวเองไปใกล้ชิดกับนายลูเซียสในช่วงเวลาที่สเนปออกไปตามหาลูกชายของเขาซึ่งภารกิจดังกล่าวอาจจะกินเวลาตลอดทั้งค่ำคืนนี้เลยด้วยซ้ำ!
และถึงแม้ว่าภารกิจที่เธอจะต้องทำในครั้งนี้จะหนักหนาสาหัสเสียยิ่งกว่าบททดสอบการเป็นมือปราบมารของกระทรวงก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกเสียจากจะทำมันให้สำเร็จเท่านั้น!
เมื่อคิดได้เช่นนั้นหญิงสาวก็ปิดสมุดบันทึกตรงหน้าลงและเก็บมันใส่ไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน เธอเก็บรวบรวมเครื่องเขียนที่เพิ่งใช้งานให้เข้าที่เข้าทางของมันหลังจากที่เธอหยิบกระดาษสำหรับเขียนจดหมายขึ้นมาแผ่นหนึ่ง และแกล้งเขียนหัวจดหมายทิ้งไว้ให้ดูราวกับว่าเธอตั้งใจเขียนจดหมายหานายลูเซียสแต่เธอเขียนไม่จบ ก่อนที่เธอจะเก็บข้าวของทั้งหมดบนโต๊ะลงในลิ้นชักตามสมุดบันทึกของเธอไป และหลังจากจัดการโต๊ะเครื่องเขียนของเธอเรียบร้อยแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ยืนขึ้น หญิงสาวสูดลมหายใจลึก ๆ และพยายามปั้นสีหน้าให้ดูเป็นปกติมากที่สุดขณะที่เธอเดินไปยังประตูห้องนอนของเธอเพื่อไปทำหน้าที่ที่เธอจำเป็นจะต้องทำ


…………………………………………….


เฮอร์ไมโอนี่ใช้เวลาไม่นานนักเธอก็เดินมาถึงปีกทางด้านตะวันตก และถึงแม้ว่าหญิงสาวจะต้องการให้การเดินทางจากห้องนอนของเธอที่อยู่ทางปีกตะวันออกไปยังห้องนอนใหม่ของนายลูเซียสซึ่งตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งของคฤหาสน์นั้นยาวนานมากกว่านี้ก็ตาม แต่เธอก็ไม่อาจจะถ่วงเวลาในการเดินของเธอไปมากกว่านี้ได้เมื่อหญิงสาวได้เดินมาถึงปีกตะวันตกที่มีห้องหับเรียงรายอยู่ตามระเบียงทางเดิน และเมื่อเดินมาถึงตรงจุดนั้นเฮอร์ไมโอนี่ที่มัวแต่กังวลกับการเผชิญหน้ากันอีกครั้งระหว่างเธอกับนายมัลฟอยอยู่นั้นก็นึกขึ้นได้หลังจากที่เธอเห็นประตูจำนวนมากเรียงรายกันอยู่ตามทางเดินของปีกตะวันตกว่าเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายลูเซียสผู้เป็นสามีของเธอนั้นพักอยู่ที่ห้องนอนห้องไหนในปีกตะวันตกแห่งนี้
เมื่อเป็นเช่นนั้น เฮอร์ไมโอนี่จึงเงยหน้าขึ้นมองประตูขัดมันบานแล้วบานเล่าที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีสับสน หญิงสาวก็นึกโมโหตัวเองในใจที่เธอไม่ได้สอบถามสามีของเธอหรือแม้กระทั่งเอลฟ์ประจำบ้านก่อนหน้านี้ และในขณะที่กำลังคิดว่าเธอควรจะเรียกทิสซี่มาถามดีหรือไม่ว่าห้องนอนที่ชายผมบลอนด์ย้ายไปนอนนั้นเป็นห้องไหนกันแน่ เนื่องจากเฮอร์ไมโอนี่คิดว่ามันคงไม่เป็นการกระทำที่ฉลาดนักถ้าหากเธอจะเดินไปเคาะประตูห้องนอนทุกห้องที่ตั้งอยู่ที่ปีกตะวันตกแห่งนี้เพื่อค้นหาว่านายลูเซียสพักอยู่ห้องไหน ในขณะนั้นเองประตูบานที่อยู่ด้านในสุดของระเบียงทางเดินก็เปิดออกพร้อมกับการปรากฎตัวของเอลฟ์ประจำบ้านตัวจ้อยที่หญิงสาวไม่รู้จักชื่อ
เอลฟ์ตัวดังกล่าวสวมผ้าม่านขาด ๆ และมันกำลังเดินออกมาจากประตูห้องนอนด้านในสุดของทางเดิน เอลฟ์ไม่ได้สังเกตเห็นเฮอร์ไมโอนี่ในตอนแรกเพราะมันมัวแต่ปิดประตูใหญ่ที่อยู่ด้านหลังมัน แต่หลังจากที่มันหันกลับมาแล้ว ดวงตาของเอลฟ์ตัวดังกล่าวก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความแปลกใจก่อนที่มันจะเดินเตาะแตะเข้ามาหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ตามลำพังกลางระเบียงทางเดินขณะที่เธอพูดขึ้น
“สวัสดีจ้ะ เอ่อ…….” หญิงสาวพูดออกมาเพียงเท่านั้นก่อนจะมองไปยังร่างเล็กจ้อยที่บัดนี้ได้เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมันมาหยุดอยู่ห่างจากเธอไม่เกิน 3 ก้าว
“ฮ็อบบี้ขอรับ นายหญิง” เอลฟ์พูดพลางก้มศีรษะลงต่ำจนจมูกยาว ๆ ของมันแทบจะจรดพื้น “ฮ็อบบี้มีหน้าที่ดูแลในครัวและห้องโถงใหญ่ขอรับ” มันอธิบายหลังจากเงยหน้าขึ้นมาแล้ว และเพราะคำพูดนั้นของมันเองที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“อย่างนั้นหรือจ๊ะ ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะ” หญิงสาวถามออกไป และฮ็อบบี้ก็ตอบออกมาแทบจะในทันทีด้วยน้ำเสียงที่ฉะฉาน
“ฮ็อบบี้มาที่นี่เพื่อนำชาและของว่างมาเสิร์ฟนายท่านขอรับ” เอลฟ์กล่าว “ว่าแต่นายหญิงมาทำอะไรที่นี่หรือขอรับ” คำถามนั้นเป็นเพียงคำถามที่เกิดจากความสงสัยของเอลฟ์เท่านั้น แต่มันก็พอที่จะทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกลำบากใจได้ เมื่อหญิงสาวมีท่าทีอึกอักก่อนที่จะตัดสินใจตอบความจริงกับฮ็อบบี้ออกไป
“คือ ฉัน…….ฉันตั้งใจจะมาหานายท่านน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบออกไปโดยเธอเลือกใช้ถ้อยคำแทนตัวนายลูเซียสราวกับว่าเธอเป็นหนึ่งในเอลฟ์ประจำบ้านของเขา แต่ดูเหมือนว่าฮ็อบบี้จะไม่ได้ติดใจการใช้คำสรรพนามแทนตัวที่ผิดของหญิงสาว ตรงกันข้ามมันกลับดูดีใจมากกว่าอะไรทั้งหมดเมื่อได้ยินว่านายหญิงของมันลงทุนมาหานายท่านถึงห้องนอนใหม่ของเขาด้วยตัวเอง
“นายหญิงมาที่นี่เพื่อมาหานายท่านอย่างนั้นหรือขอรับ” ฮ็อบบี้ถามด้วยน้ำเสียงราวกับมันไม่เชื่อในเรื่องที่ได้ยิน ขณะที่นายหญิงของมันนั้นพยักหน้าให้มันเบา ๆ ก่อนที่เธอจะตอบออกไป
“จ้ะ ฉันตั้งใจมาหานายท่านของเธอ เพียงแต่ฉันไม่รู้เท่านั้นว่าเขาพักอยู่ห้องนอนไหน ห้องนอนใหม่ของเขามันใช่ห้องที่เธอเพิ่งเดินออกมาหรือเปล่าจ๊ะ ฮ็อบบี้” เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขณะที่เธอนั่งลงเพื่อที่เธอจะได้พูดคุยกับเอลฟ์ร่างจ้อยได้อย่างสะดวก ส่วนทางด้านฮ็อบบี้นั้นมีท่าทีดีใจเป็นอย่างมากเมื่อมันได้ยินถ้อยคำที่ยืนยันว่านายหญิงตั้งใจมาหานายท่านถึงห้องนอนใหม่จริง ๆ และเมื่อเป็นเช่นนั้นเอลฟ์จึงตอบออกไปว่า
“ใช่ ขอรับ! นายท่านอยู่ในห้องนอนห้องในสุดของทางเดินขอรับ ฮ็อบบี้เพิ่งเอาน้ำชาไปเสิร์ฟนายท่านเมื่อครู่เองขอรับ” เอลฟ์บอกอย่างกระตือรือร้น ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะขอบคุณมันเบา ๆ
“ขอบใจนะจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะ” หญิงสาวพูดกับเอลฟ์ด้วยท่าทีใจดีก่อนที่เธอจะสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วลุกขึ้นยืน แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะเดินไปยังประตูห้องนอนห้องในสุดของปีกตะวันตกนั้นเอลฟ์ตัวจ้อยก็พูดขึ้นก่อน
“นายหญิงอยากให้ฮ็อบบี้เดินไปส่งนายหญิงไหมขอรับ” เอลฟ์ถามขึ้นพลางมองเจ้านายของมันด้วยดวงตาสีฟ้าสดใสที่ดูซื่อตรงมากกว่าอะไรทั้งหมด และเมื่อเห็นเช่นนั้น แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดและกระอักกระอ่วนใจสำหรับเฮอร์ไมโอนี่มากก็ตาม แต่หญิงสาวก็อดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเธอได้สบดวงตาอันใสซื่อของมันก่อนที่เธอจะพูดขึ้น
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ฉันไปเองได้ เธอไปทำงานของเธอต่อเถอะ ฮ็อบบี้” เธอพูดพร้อมกับยิ้มให้มันอย่างอ่อนโยน แต่เมื่อเธอทำเช่นนั้นเอลฟ์ตัวจ้อยกลับมีท่าทีราวกับว่ามันต้องการจะพูดอะไรบางอย่างต่อขณะที่มันจ้องมองหญิงสาวด้วยดวงตากลมโตของมัน
“ฮ็อบบี้ไม่แน่ใจว่าฮ็อบบี้ควรจะพูดออกไปดีหรือไม่” เอลฟ์กล่าวด้วยท่าทีลังเล ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองมันด้วยท่าทีสงสัย “แต่ฮ็อบบี้อยากให้นายหญิงทราบว่า ฮ็อบบี้อยากให้นายหญิงคืนดีกับนายท่าน” มันพูดออกมาตามตรงขณะที่หญิงสาวตรงหน้าของมันแลดูแปลกใจไม่น้อยที่ได้ยินคำพูดแบบนั้นออกมาจากปากของเอลฟ์ที่เธอไม่เคยรู้จักหรือพูดคุยด้วยมาก่อนเลย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฮอร์ไมโอนี่จึงถามเอลฟ์ร่างจ้อยตรงหน้าออกไปด้วยคำถามแรกที่เธอคิดได้ “ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นล่ะ ฮ็อบบี้” เธอถามพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตของมัน และหญิงสาวก็พบว่าเอลฟ์จ้องตอบมาด้วยสีหน้าและแววตาที่ใสซื่ออย่างที่สุดจนมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่นึกถึงดวงตาของทิสซี่ยามมันพยายามจัดหาอุปกรณ์การเขียนจดหมายมาให้เธอเพราะมันเชื่อว่าการช่วยเหลือของมันอาจจะทำให้เธอและนายท่านของมันกลับมาคืนดีกันได้ขณะที่ฮ็อบบี้ตอบคำถามของเธอออกมา
“ฮ็อบบี้ก็ไม่รู้ว่าทำไมขอรับนายหญิง ฮ็อบบี้แค่อยากให้นายหญิงกับนายท่านคืนดีกันเท่านั้นขอรับ” มันตอบเธอออกมาพลางมองเธอด้วยดวงตาที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์มากกว่าอะไรทั้งหมด และเป็นเพราะคำพูดและสีหน้าแววตาของฮ็อบบี้นี้เองที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่เกือบจะคิดไปว่าการคืนดีกับนายลูเซียสเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย แม้ว่าเธอจะผ่านเรื่องเลวร้ายที่มาจากการกระทำของเขามาแล้วก็ตาม
หากแต่ความรู้สึกที่ว่าการคืนดีกับนายลูเซียสนั้นเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเพราะอย่างน้อย ๆ มันก็สามารถการันตีความปลอดภัยของเธอในอนาคตอันใกล้ได้นั้นก็จางหายไปในเวลาไม่นานเมื่อหญิงสาวนึกขึ้นได้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่เพราะอะไร และสิ่งที่เธอต้องทำนั้นคือสิ่งใด เพราะสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ต้องทำในตอนนี้นั้นไม่ใช่การพยายามหาทางคืนดีกับสามีของเธออย่างนายลูเซียส แต่เป็นการรั้งตัวเขาไว้กับเธอจนกว่าจะถึงเช้าวันพรุ่งนี้เท่านั้น ซึ่งหญิงสาวเองก็ไม่แน่ใจว่าการกลับไปคืนดีกับชายผมบลอนด์จะสามารถช่วยให้เธอรั้งตัวเขาไว้กับเธอจนถึงเวลาที่เธอต้องการได้หรือไม่ แต่ในขณะนี้เฮอร์ไมโอนี่รู้เพียงแค่ว่าเธอจะต้องทำทุกอย่างอย่างสุดความสามารถเพื่อรั้งตัวเขาไว้กับเธอให้จงได้ ส่วนเรื่องที่เธอจะกลับไปคืนดีกับเขาหรือไม่นั้น มันเป็นเรื่องของอนาคตที่หญิงสาวเองก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ เพราะสำหรับเธอในตอนนี้แล้ว สิ่งที่สำคัญเพียงหนึ่งเดียวสำหรับเธอในตอนนี้คือการที่เธอจะสามารถทำหน้าที่ที่เธอได้ตกลงไว้กับสเนปได้สำเร็จและผ่านคืนนี้ไปให้ได้เพียงเท่านั้น
เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว เฮอร์ไมโอนี่จึงยิ้มให้กับเอลฟ์ร่างจ้อยตรงหน้าที่ยังคงมองเธอด้วยแววตาใสซื่อของมันราวกับว่าความหวังสูงสุดของมันคือการให้เธอและนายลูเซียสกลับมาคืนดีกัน ก่อนที่หญิงสาวจะตัดสินใจพูดขึ้นว่า
“ฉันจะไปแล้ว เธอกลับไปทำงานของเธอเถอะนะ ฮ็อบบี้” เธอพูดเรียบ ๆ และยิ้มให้มันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะลุกขึ้นแล้วหันหลังให้เอลฟ์ตัวจ้อยที่จ้องมองมาทางเธออย่างเป็นห่วงขณะที่หญิงสาวเดินไปยังประตูบานสุดท้ายของทางเดินด้วยความรู้สึกว่าเธอกำลังเดินไปสู่บททดสอบที่หนักหนาสาหัสอีกครั้งหนึ่งในชีวิต


…………………………………………….

เสียงเคาะประตูเล็ก ๆ ดังขึ้นขณะที่ลูเซียส มัลฟอยกำลังลงมือรินชาให้ตัวเอง และเมื่อได้ยินเช่นนั้นคิ้วของชายผมบลอนด์ก็เลิกขึ้นในเชิงสงสัยก่อนที่สายตาของเขาจะละจากถ้วยชาในมือไปยังประตูไม้ขัดมันที่อยู่ห่างจากโซฟาที่เขากำลังนั่งอยู่หลายเมตร ในตอนแรกนายลูเซียสคิดว่าผู้ที่มาเคาะประตูเป็นฮ็อบบี้ เอลฟ์ที่เพิ่งเข้ามาเสิร์ฟชาและของว่างให้เขาเมื่อครู่ และถึงแม้ว่านายมัลฟอยจะสงสัยไม่น้อยว่าเหตุใดฮ็อบบี้จึงมาเคาะประตูห้องนอนของเขาอีกครั้งหลังจากที่มันเพิ่งออกไปจากห้องของเขาเมื่อครู่เท่านั้นก็ตาม แต่ชายผมบลอนด์ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความรำคาญว่า
“เข้ามาได้” นายลูเซียสกล่าวพร้อมกับยกชาขึ้นมาจิบหลังจากที่เขาละสายตาไปจากประตูห้องอย่างไม่ใส่ใจ พลางคิดอย่างหงุดหงิดในใจว่าถ้าหากเอลฟ์ไม่มีเหตุผลดี ๆ ให้เขาในการที่มันมารบกวนเวลาดื่มน้ำชาของเขาในตอนนี้ล่ะก็ เขาจะลงโทษมันให้หลาบจำทีเดียว และบางทีเขาอาจจะเพิ่มโทษขึ้นเป็นสองสามเท่าก็เป็นได้โทษฐานที่มันมารบกวนเขาในเวลาที่เขากำลังอยากอยู่คนเดียวมากที่สุดอย่างในตอนนี้
ใช่แล้ว นายลูเซียสต้องการจะอยู่คนเดียวมากที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ หลังจากที่มันเพิ่งเกิดเรื่องราวที่เขาไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นมาก่อนได้ เมื่อเขากลับมาที่บ้านและเข้ามาเจอลูกชายแท้ ๆ ของเขากำลังล่วงเกินรวมถึงทำร้ายเฮอร์ไมโอนี่ผู้เป็นภรรยาใหม่ของเขาและแม่เลี้ยงของเดรโกเอง รวมทั้งการที่เขาได้ลงมือสั่งสอนเดรโกไปในแบบที่เขาเองก็ไม่คิดว่าเขาจะทำได้จนชายหนุ่มหนีออกไปจากคฤหาสน์แบบนี้แล้วนั้น ชายผมบลอนด์ก็คิดว่าหลังจากที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายทั้งหมดนี้ขึ้นนั้น เขาต้องการเวลาสำหรับอยู่คนเดียวเพื่อจะครุ่นคิดรวมถึงทนทวนเรื่องที่เกิดขึ้นรวมทั้งหาทางแก้ปัญหาเรื่องเดรโกมากกว่าอะไรทั้งหมด แต่ความสงบสุขในเวลาน้ำชาช่วงบ่ายของเขาในวันนี้ซึ่งมันควรจะเป็นช่วงเวลาที่เขาได้ใช้คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างเงียบ ๆ นั้นกลับถูกรบกวนด้วยเอลฟ์ที่ไม่รู้กาลเทศะตัวหนึ่ง
ในขณะที่กำลังคิดหงุดหงิดที่ความเป็นส่วนตัวของเขาถูกรบกวนอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งกำลังรอที่จะสอบถามและสั่งลงโทษเอลฟ์ร่างจ้อยที่กำลังจะก้าวผ่านธรณีประตูเข้ามาในห้องนอนใหม่ของเขาอยู่นั้น เมื่อประตูเปิดขึ้น นายมัลฟอยก็เงยหน้าจากถ้วยชาที่เขาเพิ่งจิบไปได้เพียงอึกเดียวและมองไปยังธรณีประตูที่เขาคิดในตอนแรกว่าเขาจะได้เห็นร่างเล็กจ้อยของฮ็อบบี้ยืนอยู่ตรงนั้น ชายผมบลอนด์กลับต้องแปลกใจเมื่อสิ่งที่เขาเห็นนั้นกลับไม่ใช่ร่างของเอลฟ์ประจำบ้านที่เขาเตรียมจะดุด่าและลงโทษมัน แต่กลับเป็นร่างบอบบางของหญิงสาวผู้เป็นภรรยาของเขาซึ่งกำลังยืนอยู่หน้าประตูที่เปิดแง้มไปจนทำให้เขาได้เห็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของใบหน้างามของเธอเท่านั้น เมื่อเฮอร์ไมโอนี่มองเขามาจากทางประตูห้องอย่างไม่แน่ใจหญิงสาวมีท่าทีราวกับเธอต้องการจะพูดบางอย่างขึ้นมา หากแต่คำพูดดังกล่าวก็ไม่สามารถเล็ดลอดผ่านลำคอระหงของเธอออกมาได้เมื่อเธอตัดสินใจกลืนมันลงไปพร้อมกับการกลืนน้ำลายซึ่งบ่งบอกถึงความประหม่าของเธอ ขณะที่นายลูเซียสยืนขึ้นจากโซฟาพลางมองร่างภรรยาสาวของเขา ซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่ชายผมบลอนด์คิดว่าจะมาหาเขาที่นี่ในสถานการณ์เช่นนี้ และในขณะที่นายมัลฟอยกำลังก้าวขาเพื่อเดินไปหาเธอนั้น เฮอร์ไมโอนี่ก็พูดขึ้นด้วยท่าทีที่ดูประหม่าไม่ต่างจากตอนที่เขาเห็นเธอในห้องโถงสำหรับจัดพิธีแต่งงานของทั้งคู่ขณะที่เธอต้องเดินผ่านผู้เสพความตายจำนวนมากมาหาเขาที่แท่นประกอบพิธีว่า
“ขอฉันเข้าไปหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวพูดเพียงเท่านั้นก่อนที่ชายผมบลอนด์จะพยักหน้าให้เธอเบา ๆ และในวินาทีต่อมาเฮอร์ไมโอนี่ก็ก้าวเท้าเล็ก ๆ ของเธอเข้ามาในห้องนอนใหม่ของสามีด้วยท่าทีประหม่ามากกว่าอะไรทั้งหมด ราวกับว่าเธอเพิ่งพบว่าตัวเองกำลังก้าวย่างเข้าไปในสถานที่สุดท้ายที่เธอต้องการจะมาอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากก้าวผ่านธรณีประตูไปได้สองสามก้าวหญิงสาวก็มีสีหน้าราวกับเธอเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้ ทำให้เธอหันกลับไปด้านหลังราวกับเธอนึกขึ้นได้ว่าเธอลืมที่จะปิดประตูห้อง แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่อยากจะให้ประตูไม้ขัดมันบานใหญ่นั้นต้องปิดลงเนื่องจากการปิดประตูบานดังกล่าวเท่ากับเป็นการที่เธอเอาตัวเข้ามาอยู่ในที่รโหฐานกับนายลูเซียส ชายผู้เคยลงมือทำร้ายและขืนใจเธอมาก่อนแม้ว่าเขาจะเป็นคน ๆ เดียวกับสามีของเธอก็ตาม แต่ถึงกระนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการจะเอาตัวเองมาอยู่ในห้องนอนของนายมัลฟอยเพียงลำพังกับเขาเพื่อทำภารกิจที่เธอได้รับมอบหมายมาจากอดีตอาจารย์ของเธอ และเธอก็ไม่อาจจะทำมันได้หากเธอไม่ได้อยู่ในห้องเดียวกับเขาเหมือนกับในเวลานี้ รวมไปถึงการดำเนินตามแผนการที่เธอกับสเนปได้ตกลงกันไว้นั้นซึ่งมันเป็นการที่เธอต้องเอาตัวเองเข้ามาใกล้ชิดกับนายมัลฟอยในระยะเวลาซึ่งหญิงสาวเองก็บอกไม่ได้ว่ามันจะเนิ่นนานเท่าไหร่ ดังนั้นการปิดประตูห้องเพื่อให้เธออยู่กับเขาเพียงสองต่อสองจึงเป็นสิ่งที่ควรทำหากเธอต้องการให้แผนการในการถ่วงเวลาชายผมบลอนด์ดำเนินไปได้ หากแต่การกระทำนี้มันก็ไม่ต่างจากแผนการทั้งหมดที่สเนปขอให้เธอทำแต่อย่างใด คือมันเป็นสิ่งที่แม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะรู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นเพียงทางเลือกเดียวสำหรับเธอเท่านั้น หากแต่การที่จะทำใจยอมรับมันให้ได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายสำหรับเธอเลย
แต่หลังจากเสียเวลาครุ่นคิดอยู่เพียงครู่เดียวเท่านั้น เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเป็นแม่มดที่ฉลาดที่สุดในรุ่นของเธอก็รู้ดีว่าเธอควรจะทำสิ่งใดบ้างเพื่อทำให้แผนการระหว่างเธอกับสเนปในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แม้มันจะนำความลำบากใจมาให้เธอไม่น้อยก็ตามในการที่จะต้องทำมันลงไป แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ต้องทำเรื่องที่ฝืนใจตัวเองมาหลายต่อหลายครั้งแล้วตั้งแต่เธอถูกผู้เสพความตายจับตัวมา ไม่ว่าจะเป็นการที่เธอต้องยอมแต่งงานกับนายลูเซียส รวมทั้งยอมเป็นภรรยาของเขาอย่างไม่มีข้อแม้ซึ่งมันน่าจะเป็นสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่ต้องการที่จะทำมากที่สุดเลยด้วยซ้ำ และเมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อเธอสามารถทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความต้องการของเธอโดยสิ้นเชิงเพื่อที่จะรักษาไว้ซึ่งชีวิตของคนที่เธอรักอย่างพ่อแม่ของเธอมาได้ครั้งหนึ่งแล้วนั้น ทำไมเธอจะยอมเสียสละโดยการทำสิ่งที่ฝืนใจตัวเองเพื่อที่จะช่วยอาจารย์ของเธอเก็บรักษาความลับของเขาให้ปลอดภัยอย่างในครั้งนี้ไม่ได้กันเล่า และเมื่อคิดได้เช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงตัดสินใจเอื้อมมือของเธอไปปิดประตูห้องนอนที่อยู่เบื้องหน้า และเมื่อเธอรับรู้ว่าประตูไม้ขัดมันบานใหญ่ที่กั้นห้อง ๆ นี้ออกจากส่วนอื่นของคฤหาสน์ได้ปิดลงแล้ว และเธอก็กำลังอยู่เพียงลำพังกับนายลูเซียสในห้องนอนใหม่ของเขาแล้วนั้น หญิงสาวก็สูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนที่จะหันไปเผชิญหน้าสามีของเธอ
ทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่หันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับนายลูเซียสนั้น สิ่งแรกที่หญิงสาวได้พบก็คือดวงตาสีเงินที่เคยดูเย็นชาของเขาซึ่งในบัดนี้กำลังมองมาทางเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ราวกับเธอเป็นสิ่งที่มาอยู่ผิดที่ผิดทางมากที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา และเพราะสายตาเช่นนั้นของชายผมบลอนด์เองสร้างความอึดอัดขึ้นระหว่างทั้งสองโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็เลือกที่จะทำลายความเงียบและบรรยากาศที่น่าอึดอัดภายในห้องลงโดยการพูดสิ่งแรกที่เธอคิดได้ออกมา
“ฉันมารบกวนคุณหรือเปล่าคะ” เธอถามขึ้นพลางเงยหน้าขึ้นสบตาชายตรงหน้า และถึงแม้ว่าการสบดวงตาสีเงินของนายมัลฟอยนั้นจะทำให้เธอประหม่ามากเพียงใดก็ตาม แต่หญิงสาวก็ไม่อาจจะละสายตาไปจากเขาได้ด้วยเหตุผลส่วนหนึ่งที่ว่าเธอต้องการจะสังเกตท่าทีและพฤติกรรมของอีกฝ่ายอย่างใกล้ชิดมากกว่าทุกครั้ง และสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่สังเกตเห็นในครั้งนี้ก็มีเพียงความแปลกใจที่ปรากฎขึ้นทั้งทางใบหน้าและแววตาของอีกฝ่ายเมื่อชายผมบลอนด์พูดขึ้น
“ไม่หรอก ฉันกำลังดื่มชาอยู่” เขากล่าวพลางพยักพเยิดไปทางโต๊ะกลางที่อยู่ติดกับโซฟาซึ่งมีชุดน้ำชาและของว่างที่ดูราวกับยังไม่ได้ถูกแตะต้องวางอยู่ และเมื่อเขาทำเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงมองตามมือของชายผมบลอนด์ไปโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าในระหว่างที่สายตาของเธอกำลังจับจ้องอยู่ที่โต๊ะน้ำชาอยู่นั้น นายลูเซียสก็ถือโอกาสนั้นก้าวเข้ามาใกล้หญิงสาวอีกสองสามก้าว จนเมื่อเธอหันหน้ากลับมาหาเขาอีกครั้งเขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าเธอเสียแล้ว
แม้จะตกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ นายลูเซียสก็เข้ามาประชิดตัวเธออย่างรวดเร็วแบบนี้ แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็พยายามรักษาท่าทีที่เรียบเฉยเอาไว้ให้มากที่สุด ถึงแม้ว่าความประหม่าของหญิงสาวจะแสดงออกมาทางแววตาของเธออย่างชัดเจนก็ตาม และเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเนื่องจากความใกล้ชิดอย่างกะทันหันของเธอและชายผมบลอนด์ที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ทำให้หญิงสาวจำเป็นต้องสรรหาคำพูดเพื่อทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้เสีย และสิ่งแรกที่เธอคิดรวมทั้งได้ทำลงไปในครั้งนี้ก็คือการเสมองไปรอบ ๆ ห้องนอนใหม่ของนายมัลฟอย ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“นี่ห้องนอนใหม่ของคุณหรือคะ” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกแปร่งซึ่งทำให้อีกฝ่ายรู้ในทันทีว่าเธอกำลังพูดเรื่องนี้เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกประหม่ารวมทั้งจุดประสงค์ที่แท้จริงที่เธอมาที่นี่เท่านั้น และเมื่อเห็นเช่นนั้นนายลูเซียสซึ่งอ่านท่าทีของหญิงสาวออกตั้งแต่ตอนที่เธอก้าวผ่านประตูห้องมาแล้วนั้นจึงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลที่แสดงออกถึงความไม่มั่นใจของภรรยาก่อนจะพูดขึ้น
“เธอมาหาฉันที่นี่ทำไมหรือ เฮอร์ไมโอนี่” ชายผมบลอนด์ถามขึ้น เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบและปราศจากการคาดคั้น แต่ถึงกระนั้นก็ตามคำถามนี้ของนายมัลฟอยก็สร้างความลำบากใจอย่างใหญ่หลวงให้กับหญิงสาวที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาอยู่ดี เมื่อเธอเริ่มนิ่งเงียบ ขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลของเธอที่จ้องมองชายตรงหน้าอยู่นั้นแลดูเคร่งเครียดขึ้น เฮอร์ไมโอนี่มีท่าทีลำบากใจไม่น้อยกับคำถามนั้นของสามี หากแต่หลังจากผ่านการครุ่นคิดและการลังเลอยู่ครู่หนึ่งไปแล้วนั้นเธอก็ตัดสินใจพูดออกมา
“ฉันอยากมาขอบคุณคุณ…..ในเรื่องที่เกิดขึ้นน่ะค่ะ” เธอกล่าวออกไปในที่สุด แม้ว่ามันจะไม่ใช่คำตอบที่ฉลาดและเหมาะสมกับเป็นคำพูดของแม่มดที่เฉลียวฉลาดที่สุดในรุ่นอย่างเธอก็ตาม หากแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าเธอไม่อาจจะตอบสิ่งอื่นออกไปโดยที่ชายผมบลอนด์ไม่สงสัยได้ เพราะนายมัลฟอยคงฉลาดพอที่จะรู้ว่าเธอคงโกหกแน่หากเธอพูดออกมาว่าเธอมาหาเขาที่นี่เพราะอยากเจอเขาหรือเพราะเธอคิดถึงสามีของเธอจนทนไม่ไหว
แต่ถึงหญิงสาวจะพยายามเลือกคำตอบที่เสี่ยงต่อการถูกสงสัยน้อยที่สุดไปแล้วก็ตาม แต่ถึงกระนั้นคำตอบดังกล่าวที่เธอเลือกมาอย่างดีแล้วนั้นก็ยังคงนำความแปลกใจมาให้กับชายผมบลอนด์ผู้เป็นสามีของเธอจนได้เมื่อคิ้วของนายลูเซียสขมวดเล็กน้อยด้วยท่าทีครุ่นคิดในสิ่งที่ภรรยาสาวของเขาพูดออกมา ที่ว่าเธอมาขอบคุณเขาเรื่องเมื่อครู่ ที่เขาได้ช่วยเธอไว้จากการล่วงเกินของลูกชายแท้ ๆ ของเขา และถึงแม้ว่าการกระทำดังกล่าวอาจจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมในการที่เฮอร์ไมโอนี่มาขอบคุณเขาหลังจากนั้นก็ตาม แต่มันก็มีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นซึ่งนายลูเซียสไม่ได้ลืมเลือนมันไปแต่อย่างใด รวมทั้งเขาคิดว่าหญิงสาวตรงหน้าของเขาก็ไม่มีทางจะลืมเลือนมันไปได้เป็นแน่ว่าเขาเองก็ได้เคยทำสิ่งเดียวกับที่ลูกชายของเขาทำกับเธอ แถมยังร้ายแรงกว่ามากนัก และถึงแม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะรู้สึกซาบซึ้งในการกระทำของเขาเมื่อครู่เพียงใดก็ตาม แต่ถ้าพิจารณาดูแล้วเธอก็คงไม่ลงทุนมาหาเขาซึ่งเป็นคนที่ใช้กำลังบังคับขืนใจเธอมาก่อนหน้านั้นถึงที่ห้องนอนใหม่ซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอรู้ดีว่าเธอจะต้องอยู่กับเขาเพียงลำพังอย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้เช่นนั้น รวมทั้งเขาเห็นท่าทีที่ดูราวกับมีบางอย่างแอบแฝงอยู่ของหญิงสาวแล้วนั้น นายลูเซียสจึงตัดสินใจพูดออกไป
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะมาหาฉันที่นี่เพราะแค่ต้องการขอบคุณฉันหรอกนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบหากแต่ปราศจากการคาดคั้น แต่ถึงกระนั้นคำพูดดังกล่าวกลับทำให้หญิงสาวตรงหน้าของเขาใจหายได้ไม่ยาก หัวใจของเฮอร์ไมโอนี่แกว่งวูบด้วยความหวาดกลัวเมื่อเธอรู้ว่าชายตรงหน้ารู้ทันการกระทำของเธอตั้งแต่เธอยังไม่ทันจะเอ่ยปากพูดอะไรออกไป แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ถึงหญิงสาวจะรู้สึกหวาดกลัวและประหม่ายามถูกดวงตาสีเงินของชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธอจ้องมองมากเพียงใดก็ตาม แต่เธอยังไม่ลดละความพยายามที่จะสรรหาถ้อยคำที่น่าจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวได้มาพูดออกไป
“ฉัน……..” แต่ถึงจะพยายามหาคำพูดที่ดูดีมีเหตุผลมาพูดออกไปเพียงใด เฮอร์ไมโอนี่ก็พูดได้เพียงเท่านั้นหลังจากที่เธอถูกจ้องมองด้วยดวงตาสีเงินล้ำลึกของนายมัลฟอย และถึงแม้ว่าเธอจะแต่งงานกับเขามาระยะหนึ่งแล้วก็ตาม แต่หญิงสาวไม่อาจจะทำใจให้คุ้นเคยและไม่รู้สึกประหม่ายามถูกดวงตาคู่นั้นจ้องมองได้เลย
ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังประหม่าและตกใจพยายามสรรหาถ้อยคำมาพูดออกไปนั้น ชายผมบลอนด์ที่เป็นฝ่ายสังเกตท่าทีของหญิงสาวตรงหน้าอยู่ตลอดเวลาก็ก้าวเข้ามาใกล้เธออีกก้าวหนึ่งพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เธอมีธุระอะไรกับฉันกันแน่ เฮอร์ไมโอนี่” เขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนกว่าเดิม รวมทั้งแววตาที่เขาใช้มองหญิงสาวนั้นมันเป็นแววตาที่แลดูอ่อนโยนและเห็นอกเห็นใจมากกว่าอะไรทั้งหมด และถึงแม้ว่านายลูเซียสจะไม่แน่ใจว่าเฮอร์ไมโอนี่จะสังเกตถึงน้ำเสียงและท่าทีของเขาที่เปลี่ยนไปเพราะเขาไม่ต้องการจะให้เธอรู้สึกกังวลหรือกลัวเขาไปมากกว่านี้ได้หรือไม่ก็ตาม แต่ในวินาทีต่อมา หลังจากที่เขาเห็นว่าดวงตาสีน้ำตาลของหญิงสาวตรงหน้าจ้องมองเขาอย่างสังเกตและพินิจพิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง นายลูเซียสก็พบว่าหญิงสาวตรงหน้าของเขาตัดสินใจพูดขึ้น โดยที่เธอมองลึกเข้าไปดวงตาสีเงินที่เคยดูเย็นชาของนายลูเซียสด้วยความรู้สึกไม่แน่ใจ แต่ถึงกระนั้นเธอก็เลือกที่จะพูดออกมา
“ฉันมาที่นี่เพื่อที่จะขอบคุณคุณ” เธอยืนยันความตั้งใจเดิมของเธอ ก่อนที่เธอจะสูดลมหายใจลึก ๆ และพูดออกมาว่า “และเพื่อคุยกับคุณในเรื่องที่เกิดขึ้นค่ะ” เธอกล่าวออกไปในที่สุดท่ามกลางสายตาที่มองมาทางเธออย่างแปลกใจของชายผมบลอนด์

…………………………………………….

เธอกล่าวออกไปในที่สุด แม้ว่ามันจะไม่ใช่คำตอบที่ฉลาดที่สุดก็ตาม หากแต่เหตุผลที่เฮอร์ไมโอนี่เลือกที่จะตอบนายลูเซียสออกไปเช่นนั้นก็เป็นเพราะเธอรู้ดีว่าเธอไม่อาจจะหาคำถามอื่นมาตอบเขาโดยที่ชายผมบลอนด์จะไม่สงสัยได้ เพราะนายมัลฟอยคงฉลาดพอที่จะรู้ว่าเธอคงโกหกแน่หากเธอพูดออกมาว่าเธอมาหาเขาที่นี่เพราะอยากเจอเขาหรือเพราะเธอคิดถึงสามีของเธอจนทนไม่ไหว
หลังจากหญิงสาวพูดถ้อยคำดังกล่าวของเธอออกมาแล้ว ชายผมบลอนด์ก็มองเธอด้วยสายตาที่แสดงถึงความแปลกใจกับประโยคที่เธอเอ่ยออกมาว่าเธอต้องการมาพูดกับเขาเรื่องที่เกิดขึ้น แต่สีหน้าและแววตาที่แสดงออกถึงความประหลาดใจและความสงสัยนั้นก็ปรากฎอยู่บนใบหน้าของนายลูเซียสได้ไม่นานนักเมื่อเขาตัดสินใจเอ่ยปากตอบคำพูดของเฮอร์ไมโอนี่ออกไป
“เรื่องไหนกันล่ะ” เขาถาม และเมื่อได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวก็กัดริมฝีปากอย่างลังเลก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา “เธอจะมาพูดกับฉันเรื่องที่เกิดขึ้นเรื่องไหนกัน เรื่องลูกชายของฉันหรือว่าเรื่องอาจารย์ของเธอ” เขากล่าวพลางมองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของหญิงสาวตรงหน้าด้วยท่าทีที่เรียบเฉย และเมื่อเขาทำเช่นนั้นสิ่งเดียวที่นายลูเซียสได้เห็นก็คือแววตาที่แสดงถึงความอึดอัดจนเกือบจะเรียกได้ว่าลำบากใจของภรรยาสาวของเขา!

หลังจากเฮอร์ไมโอนี่ตัดสินใจบอกนายลูเซียสไปว่าเหตุผลที่เธอมาหาเขาถึงที่ห้องนอนใหม่ของเขาแห่งนี้นั้นเป็นเพราะเธอต้องการจะพูดกับเขาในเรื่องที่เกิดขึ้นเนื่องจากมันเป็นข้ออ้างเพียงหนึ่งเดียวเท่าที่เฮอร์ไมโอนี่จะหาได้ในการใช้ถ่วงเวลาชายผมบลอนด์เอาไว้ เพราะหญิงสาวรู้ดีว่าเธอไม่อาจจะใช้ข้ออ้างอื่นที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างเช่น การที่เธอคิดถึงสามีของเธอจนทนไม่ไหว หรือการที่เธอไม่อาจจะอยู่คนเดียวโดยปราศจากเขาได้มารั้งตัวนายมัลฟอยไว้กับเธอได้นาน เพราะเขาฉลาดพอที่จะรู้ว่าข้ออ้างเหล่านั้นไม่เป็นความจริงและเฮอร์ไมโอนี่จะต้องมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงในการที่เธอเข้ามาหาเขาในครั้งนี้อย่างแน่นอน แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะพยายามเลือกข้ออ้างที่ดูเหมาะสมที่สุดมาใช้เพื่อบอกกล่าวชายตรงหน้าถึงสาเหตุในการมาหาเขาของเธอในครั้งนี้ว่าเธอต้องการจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาแล้วก็ตาม แต่เมื่อนายลูเซียสถามกลับว่าเธอต้องการจะพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งใดกันแน่ ในครั้งที่ชายผมบลอนด์เข้ามาเห็นเธออยู่ด้วยกันสองต่อสองกับเพื่อนสนิทของเขาซึ่งก็คือเซเวอร์รัส สเนป จนเขาบันดาลโทสะและลงมือขืนใจเธอไปเพราะเขาปักใจเชื่อว่าเฮอร์ไมโอนี่และเพื่อนผู้เสพความตายของเขามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกัน หรือจะเป็นเรื่องที่นายลูเซียสบังเอิญเข้ามาเห็นลูกชายแท้ ๆ ของเขาลงมือทำร้ายและข่มเหงแม่เลี้ยงของตัวเองผู้เป็นภรรยาของเขาลงไปนั้นจนเขาเกิดพลั้งมือสั่งสอนเดรโกเพื่อช่วยเฮอร์ไมโอนี่เอาไว้กันแน่ และเมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวก็ไม่อาจจะตอบคำถามของชายผู้เป็นสามีของเธอได้เลย และเหตุผลที่มันเป็นเช่นนั้นก็เพราะอันที่จริงแล้วเธอไม่ต้องการเอ่ยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็ตาม แต่ที่เฮอร์ไมโอนี่จำเป็นต้องบอกนายลูเซียสไปเช่นนั้นก็เพราะเธอไม่อาจจะคิดหาเหตุผลอื่นมาตอบเขาไปได้ต่างหากว่าเธอมาหาเขาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร แต่เมื่อชายผมบลอนด์มาย้อนเธอด้วยคำถามที่ว่าเธอต้องการจะพูดคุยกับเขาในเรื่องใด เรื่องอาจารย์ของเธอหรือเรื่องลูกชายของเขานั้น หญิงสาวก็ไม่อาจจะตอบเขาออกไปได้จริง ๆ ว่าเธอจะต้องการพูดคุยในเรื่องใดกับเขาเพราะอันที่จริงแล้ว เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นล้วนเต็มไปด้วยความทรงจำที่เลวร้ายที่ทำให้เธอไม่ต้องการจะพูดหรือแม้กระทั่งนึกถึงมันเลยแม้แต่เพียงเรื่องเดียว!
แต่ถึงเธอจะไม่ต้องการนึกหรือพูดถึงเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นเพียงใดก็ตาม แต่หญิงสาวก็รู้ดีว่าเธอไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ พอ ๆ กับที่เธอรู้ดีว่าเธอไม่อาจจะปิดปากเงียบและไม่ตอบคำถามของนายลูเซียสออกไปได้ และหลังจากผ่านการตัดสินใจที่เคร่งเครียดและกดดันไปแล้วครู่หนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่ก็เงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีเงินของนายมัลฟอยที่มันทำให้เธอรู้สึกราวกับเธอจมดิ่งลงไปในทะเลสาบช่วงฤดูหนาวทุกครั้งยามที่เธอจ้องมองมัน ริมฝีปากอิ่มของเธอเม้มเป็นเส้นตรงก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดขึ้น
“ฉันอยากคุยกับคุณทั้งสองเรื่องค่ะ ฉันอยากจะอธิบายกับคุณ” เธอพูดออกไปเช่นนั้นก่อนจะกลั้นใจรอฟังคำตอบจากอีกฝ่าย ขณะที่นายลูเซียสมีท่าทีแปลกใจในการกระทำของหญิงสาวตรงหน้า เขามองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของเฮอร์ไมโอนี่ด้วยท่าทีพินิจพิเคราะห์ราวกับเขารู้สึกประหลาดใจมากกว่าอะไรทั้งหมดในการที่เขาจะเชื่อว่าหญิงสาวตรงหน้าตั้งใจมาหาเขาที่นี่เพียงเพราะเธอต้องการอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง เรื่องที่เขาได้เป็นฝ่ายลงมือข่มเหงรวมทั้งขืนใจเธอลงไป! และเมื่อเป็นเช่นนั้น ในเมื่อเธอเป็นคนที่เขาได้ลงมือทำร้ายด้วยมือของเขาเองไปแล้วนั้น เธอจะต้องการมาอธิบายเรื่องใดกับเขาอีกกันเล่า มันควรที่จะเป็นเขามากกว่าที่ต้องเป็นฝ่ายอธิบายรวมทั้งขอโทษเธอในสิ่งที่เขาได้ทำลงไปกับเธอ เฮอร์ไมโอนี่ไม่จำเป็นจะต้องมาอธิบายอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อเขาเป็นคนที่ทำผิดต่อเธอ แต่การกระทำในครั้งนี้ของหญิงสาวนั้นช่างแปลกประหลาดและดูตรงกันข้ามกับสิ่งที่สมควรจะทำเสียเหลือเกิน ราวกับว่าเธอเป็นผู้ทำผิดเสียเองเธอจึงต้องการจะมาอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟัง

‘ ใช่แล้ว เธอจะมาอธิบายทำไมในเมื่อเธอไม่ได้เป็นผู้ที่ทำความผิด มีแต่เพียงคนที่ทำความผิดและต้องการแก้ตัวเท่านั้นที่ต้องการมาอธิบายเรื่องการกระทำของเขา ‘
ความคิดนั้นผุดขึ้นในหัวของนายลูเซียส ขณะที่ภรรยาสาวของเขากำลังรอคอยคำตอบจากเขาอยู่ และเมื่อคิดได้เช่นนั้นชายผมบลอนด์จึงจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าของเขาด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปก่อนที่เขาตัดสินใจพูดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นเธอต้องการอธิบายอะไรกับฉันล่ะ” เขากล่าวก่อนจะจ้องมองฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาประเมินที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับหัวใจของเธอได้ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มอีกครั้งเมื่อถูกจ้องมองด้วยแววตาคู่นั้น มันทำให้หญิงสาวรู้สึกประหม่ามากกว่าครั้งใดยามที่เธอพยายามนึกหาถ้อยคำมาเพื่อตอบนายลูเซียสออกไป
“อย่างเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เรื่องเดรโกน่ะค่ะ” เธอเริ่มด้วยการพูดถึงเหตุการณ์ที่เธอสามารถพูดออกมาได้ง่ายดายที่สุด เพราะถึงแม้ว่าหญิงสาวจะไม่ต้องการพูดถึงเรื่องของลูกชายเพียงคนเดียวของนายลูเซียสรวมถึงเรื่องที่ชายหนุ่มได้ลงมือทำร้ายเธอไปก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่มันก็เป็นเรื่องที่เธอต้องการจะเอ่ยถึงมากกว่าเรื่องที่เธอและสเนปมาลักลอบพบกันในคฤหาสน์ขณะที่สามีของเธอไม่อยู่อย่างแน่นอน และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่พูดประโยคแรกของเธอออกไป ชายผมบลอนด์ก็หันมามองเธอด้วยท่าทีราวกับเขาตั้งใจฟังสิ่งที่เธอกำลังจะพูดออกมามากกว่าอะไรทั้งหมด ซึ่งการกระทำของเขามันกลับยิ่งทำให้เฮอร์ไมโอนี่มีท่าทีประหม่ามากขึ้นยามที่เธอตัดสินใจพูดประโยคต่อไปออกมา
“ในตอนนั้นฉันกำลังจะเดินออกไปที่ห้องสมุด ฉันไม่เห็นว่าเขามายืนอยู่ตรงระเบียงทางเดินหน้าห้องนอนของฉัน อยู่ ๆ เขาก็เข้ามาตะคอกฉันแล้วก็ต่อว่าฉัน…….” หญิงสาวเริ่มเล่าตั้งแต่แรก หากแต่เธอไม่มีโอกาสจะเล่าจนจบเมื่อนายมัลฟอยขัดขึ้นมาก่อน
“เธอเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฉันฟังทำไมกัน” ชายผมบลอนด์ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ที่ถูกตัดบทเสียก่อนที่เธอจะได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจบจนนั้นก็มีท่าทีลำบากใจมากกว่าอะไรทั้งหมด หญิงสาวแลดูลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบออกมา
“ฉันก็แค่อยากให้คุณรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเท่านั้น ฉัน……” เธอพยายามพูดแต่นายลูเซียสก็ขัดเธอขึ้นอีกครั้งพร้อมกับที่เขาก้าวเข้ามาประชิดตัวหญิงสาวมากขึ้นจนในตอนนี้เธอสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา
“เธอต้องการให้ฉันรู้ว่าลูกชายของฉันทำร้ายและข่มเหงภรรยาของฉันยังไงอย่างนั้นหรือ” เสียงของเขาอ่อนลงยามที่เขาเอ่ยคำว่า ‘ ภรรยาของฉัน ’ ออกมาจนเฮอร์ไมโอนี่สังเกตได้ อีกทั้งเธอยังสามารถมองเห็นแววตาที่แสดงออกถึงความเสียใจและความอึดอัดฉายชัดอยู่ในดวงตาสีเงินที่ปกติจะดูเย็นชาของเขาอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน และเมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงกลืนน้ำลายก่อนที่จะพูดออกไป
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้ต้องการอย่างนั้นค่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลพลางมองเขาด้วยแววตาอ้อนวอนอย่างที่ชายผมบลอนด์ไม่ค่อยจะได้เห็นมันบ่อยนักเมื่อเธอเริ่มพูดต่อ
“ฉันแค่อยากจะให้คุณรู้ไว้ว่าฉันไม่ได้เต็มใจในเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันไม่ได้ต้องการให้มันเกิดขึ้นเลยซักนิด”เธอพูดออกไป และสิ่งที่เธอได้รับกลับมาก็คือสายตาที่เต็มไปด้วยความฉงนสนเท่ห์ของฝ่ายตรงข้ามราวกับเขาเพิ่งได้ยินถ้อยคำที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินมาก่อน ก่อนที่นายมัลฟอยจะพูดขึ้น
“ฉันรู้ว่าเธอไม่เต็มใจในสิ่งที่เดรโกทำกับเธอ” เขาพูด ริมฝีปากบางของนายลูเซียสกระตุกเมื่อเขาเอ่ย คำว่า ‘ เดรโก ’ ขึ้นมาราวกับว่าคำ ๆ นี้เป็นคำต้องห้ามสำหรับเขา
“แต่ฉันไม่เข้าใจว่าเธอต้องการมาอธิบายกับฉันในเรื่องนี้ทำไม เธอคิดว่าฉันจะเชื่อว่าเธอยินยอมในสิ่งที่ลูกชายของฉันทำลงไปกับเธออย่างนั้นหรือ” เขาพูดพลางมองเธอด้วยแววตาไม่เข้าใจ แต่ลึกลงไปกว่านั้นเฮอร์ไมโอนี่สามารถสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดและผิดหวังที่แฝงอยู่ในแววตาของชายตรงหน้า ราวกับเขาเสียใจในสิ่งที่หญิงสาวคิด ซึ่งก็คือการที่เขาเชื่อว่าภรรยาของเขายินยอมพร้อมใจกับการล่วงเกินของเดรโกผู้เป็นลูกชายของนายมัลฟอย จนเธอต้องลงทุนมาอธิบายเรื่องนี้กับเขาด้วยตัวของเธอเอง

ใช่แล้ว นายลูเซียสผิดหวังในตัวเฮอร์ไมโอนี่จนเกือบจะพูดได้ว่าเขาเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น หากแต่สิ่งที่ทำให้ชายผมบลอนด์รู้สึกเสียใจนั้นไม่ใช่การกระทำอันโหดร้ายที่ลูกชายของเขาได้ลงมือทำร้ายภรรยาของเขาเองลงไป หากแต่เป็นการที่เฮอร์ไมโอนี่เข้ามาอธิบายกับเขาต่างหากว่าเธอไม่ได้ยินยอมพร้อมใจในการกระทำของเดรโก ราวกับเธอได้ปักใจเชื่อไปแล้วว่าเขาจะคิดว่าเธอเต็มใจยอมให้ลูกชายของเขาทำเรื่องน่ารังเกียจอย่างนั้นกับเธอ ราวกับเธอเชื่อไปก่อนแล้วว่าในวินาทีแรกที่เขาเห็นภาพเดรโกกำลังล่วงเกินเฮอร์ไมโอนี่อยู่นั้น ชายผมบลอนด์จะคิดไปก่อนแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่การบังคับขืนใจหากแต่เป็นการสมยอมของหญิงสาวเอง
และเพราะความคิดเช่นนั้นของเฮอร์ไมโอนี่เองที่ทำให้นายมัลฟอยรู้สึกผิดหวังในตัวเธอมากที่เธอมองเขาไปในแง่ร้ายถึงเพียงนั้น จริงอยู่ที่ว่านายลูเซียสยอมรับว่าตัวเขาเองไม่ใช่คนดี การเป็นผู้เสพความตายของเขาก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกอย่างชัดเจนอยู่แล้วในเรื่องนี้ รวมทั้งความจริงที่เขาเคยทำเรื่องที่เลวร้ายมามากมายจนแทบจะนับไม่ถ้วน แต่ถึงกระนั้นก็ตามสิ่งที่เรียกได้ว่าเลวร้ายซึ่งเขาได้ทำลงไปทั้งหมดตลอดทั้งชีวิตของเขานั้นก็คงไม่อาจจะเลวร้ายมากไปกว่าการที่เขาลงมือขืนใจผู้หญิงคนหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อผู้หญิงคนนั้นมีฐานะเป็นภรรยาของเขาเองอย่างที่เขาเคยได้ทำลงไปก่อนหน้านี้ หากแต่การกระทำที่เลวร้ายของเขาในครั้งนั้นก็ยังไม่อาจทำให้เขารู้สึกผิดได้มากเท่ากับการได้รับรู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่ผู้เป็นภรรยาของเขาหวาดระแวงในตัวเขาจนปักใจเชื่อว่าเขาจะเข้าใจเธอผิดในเรื่องที่เกิดขึ้นจนเธอต้องมาอธิบายด้วยตัวเองว่าเธอไม่ได้ยินยอมพร้อมใจในการข่มเหงของเดรโกแบบนี้!
ส่วนทางด้านเฮอร์ไมโอนี่ที่เป็นผู้ตั้งใจมาพูดคุยและอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในตอนแรกนั้น เมื่อเธอได้เห็นสีหน้ารวมทั้งแววตาที่แสดงออกถึงความผิดหวังของอีกฝ่ายอย่างที่เธอไม่เคยได้เห็นมาก่อนแล้วนั้นหญิงสาวก็รู้สึกว่าเธอพูดอะไรบางอย่างที่ไม่สมควรพูดออกไปเสียแล้ว แต่ถึงแม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะไม่เข้าใจแจ่มแจ้งถึงสิ่งที่อยู่ในใจของชายผมบลอนด์ที่เขาแสดงออกผ่านสีหน้าและแววตาของเขาออกมาก็ตาม แต่เมื่อเห็นท่าทีของฝ่ายตรงข้ามที่เปลี่ยนแปลงไปแบบนี้แล้วหญิงสาวจึงตัดสินใจปรับเปลี่ยนคำพูดของเธอที่กำลังจะพูดออกไปเสียใหม่ก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดออกไปด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่นุ่มนวลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ว่า
“ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นนะคะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกไปพลางมองชายตรงหน้าด้วยแววตาราวกับเธอพยายามจะบอกเขาว่าเธอหมายความตามที่พูดจริง ๆ
“ฉันแค่อยากจะให้คุณรู้ว่า……..มันไม่ใช่ความผิดของคุณในเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น มันไม่ใช่ความผิดของใครเลย” หญิงสาวพยายามจะอธิบายให้เขาเข้าใจว่า สำหรับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นเธอไม่ได้คิดว่าเขาจะระแวงเธอไปจนถึงขั้นที่เธอต้องมาแก้ตัวกับเขาว่าเดรโกเป็นฝ่ายมาข่มเหงเธอเองอย่างที่เขาเข้าใจ แต่มันกลับกลายเป็นว่าเธอได้พูดสิ่งที่ไม่สมควรจะพูดออกมาอีกครั้ง มันอาจจะเป็นเพราะว่าทั้งเธอและนายลูเซียสต่างมีมุมมองที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น หรืออาจจะพูดได้ว่าทั้งสองมีมุมมองที่แตกต่างกันในทุก ๆ เรื่องก็เป็นได้ ซึ่งทำให้ไม่ว่าเธอหรือเขาจะพยายามพูดหรืออธิบายในสิ่งที่ตัวเองคิดออกไปมากเพียงใด แต่ก็ดูราวกับว่าอีกฝ่ายนั้นไม่อาจจะเข้าใจหรือรับรู้ถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงซึ่งเขาหรือเธอต้องการสื่อออกมาเลย เพราะหลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยถ้อยคำดังกล่าวออกไปแล้วนั้น นายลูเซียสก็หันกลับมามองหญิงสาวด้วยแววตาดุดัน คิ้วทั้งสองข้างของเขาขมวดอย่างตึงเครียดก่อนที่เขาจะถามขึ้น
“เธอไม่คิดว่ามีใครเป็นฝ่ายผิดในเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ รวมทั้งเดรโกด้วยอย่างนั้นหรือ” เขาถามเธอออกมา และเป็นเพราะคำพูดนั้นเองที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้ว่าสามีของเธอได้ตีความถ้อยคำที่เธอพูดออกไปผิดจากสิ่งที่เธอต้องการจะบอกเขาไปมากทีเดียว และเมื่อเห็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงรีบพูดขึ้นทันที
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นค่ะ” เธอรีบออกตัว หากแต่ดูเหมือนว่ามันจะสายเกินไปเสียแล้วเพราะว่าเฮอร์ไมโอนี่ได้มองเห็นแววโกรธเกรี้ยวที่ฉายอยู่ในดวงตาสีเงินของนายมัลฟอยยามที่เขาพูดประโยคต่อไปออกมาเสียแล้ว
“แล้วเธอหมายความว่ายังไงล่ะ เฮอร์ไมโอนี่ เธอจะช่วยบอกฉันทีได้ไหมว่าที่เธอพูดมาทั้งหมดนี้นั้น มันหมายความว่ายังไงกันแน่” ชายผมบลอนด์พูดออกมาด้วยโทสะ แม้ในใจลึก ๆ ของเขาจะมีเสียงเล็ก ๆ ที่เตือนเอาไว้ว่าเขาไม่ควรจะเกรี้ยวกราดหรือแม้กระทั่งพูดจาทำร้ายจิตใจของหญิงสาวตรงหน้าอีก หลังจากเรื่องราวทั้งหมดที่เขารวมทั้งลูกชายของเขาได้ทำลงไปกับเธอแล้ว เขาไม่สมควรที่จะบันดาลโทสะหรือแม้กระทั่งพูดจาให้เธอเสียน้ำใจอีกเลย แต่ถึงกระนั้นนายลูเซียสก็ไม่อาจจะห้ามตัวเองได้ยามที่เขาพูดประโยคดังกล่าวออกไป อาจจะเป็นเพราะคำพูดของหญิงสาวที่เธอบอกว่าเธอไม่โทษว่าใครเป็นคนผิดในเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ แม้กระทั่งเดรโกที่เป็นคนลงมือทำร้ายเธอที่อยู่ในฐานะแม่เลี้ยงของเขาอย่างที่น่าให้อภัยลงไปนั้นเธอก็กลับไม่รู้สึกว่าเขาเป็นฝ่ายผิด ซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอทำหลังจากที่เขาลงมือทำร้ายเธอเหลือเกิน เพราะหลังจากที่นายลูเซียสได้ลงมือขืนใจภรรยาของเขาเองลงไปแล้วนั้น เฮอร์ไมโอนี่ก็มีท่าทีหวาดกลัวเขามาโดยตลอด หญิงสาวสะดุ้งทุกครั้งที่เขาแตะต้องตัวเธอรวมทั้งเธอยังร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับจะขาดใจหลังจากเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น แต่ในตอนนี้เธอกลับเข้ามาหาเขาที่ห้องนอนใหม่นี้และบอกเขาว่าสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เธอไม่คิดว่าเป็นความผิดของใคร ทั้ง ๆ ที่เดรโกเองก็ลงมือทำร้ายร่างกายของเธอในแบบเดียวกับที่เขาทำกับเธอ หรืออาจจะรุนแรงกว่าด้วยซ้ำในความคิดของเขา! ดังนั้นการที่เธอมาพูดประโยคที่ว่าเธอไม่โทษว่าเป็นความผิดของชายหนุ่มออกมานั้นทำให้นายลูเซียสไม่อาจจะทำราวกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เธอพูดได้
และในขณะที่ชายผมบลอนด์รู้สึกไม่พอใจรวมทั้งไม่เข้าใจคำพูดของหญิงสาวตรงหน้าอยู่นั้น เฮอร์ไมโอนี่ที่เป็นผู้เข้ามาหานายลูเซียสเพื่อจุดประสงค์ในการปรับความเข้าใจกับเขาเพื่อถ่วงเวลาเขาไว้ในตอนแรก กลับรู้สึกว่าเรื่องราวนั้นได้บานปลายไปเกินกว่าที่เธอคาดคิดไว้เสียแล้ว เมื่อนายมัลฟอยเข้าใจผิดเธอครั้งแล้วครั้งเล่าในทุก ๆ เรื่องที่เธอพยายามจะอธิบาย ซึ่งถ้าเป็นในสถานการณ์ปกติหญิงสาวคงยุติการพูดคุยระหว่างเขากับเธอ รวมทั้งเธออาจจะเดินออกจากห้องนอนของเขาไปโดยที่ไม่กลับมาที่นี่อีกก็เป็นได้ แต่ในตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะทำเช่นนั้นได้เมื่อเธอจำเป็นที่จะต้องถ่วงเวลาสามีของเธอไว้ให้นานที่สุดตามที่เธอได้ตกลงกับเซเวอร์รัส สเนปไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นถึงแม้ว่าถ้อยคำที่นายลูเซียสพูดออกมานั้นจะฟังดูรุนแรงรวมทั้งทำร้ายจิตใจของเธอมากเพียงใดก็ตาม แต่หญิงสาวก็ไม่อาจจะทำสิ่งใดได้นอกจากอดทนและอธิบายให้เขาเข้าใจเท่านั้น
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงเริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง
“ฉันไม่รู้ว่าคุณจะคิดยังไงนะคะ แต่สิ่งที่ฉันพยายามจะพูดก็คือฉันไม่ได้โทษว่าเรื่องในวันนี้เป็นความผิดของคุณ ที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อต้องการจะอธิบายให้คุณฟังถึงเรื่องทั้งหมดเท่านั้น ฉันไม่ได้มาแก้ตัวหรือมากล่าวหาใคร รวมทั้งฉันก็ไม่ได้คิดด้วยว่าคุณจะคิดว่าฉันยินยอมในการกระทำที่ลูกชายของคุณทำหรือเปล่า” หญิงสาวพยายามสะกดกลั้นโทสะของตัวเองไว้และพูดออกมา
“ส่วนเรื่องของเดรโก…….แน่นอนว่าเขาผิดในเรื่องนี้ แต่ฉันไม่ได้แค้นเคืองเขา เพราะฉันเข้าใจว่าเขาโกรธที่เห็นฉันมาแทนที่แม่ของเขา และถ้าเป็นไปได้เขาก็คงไม่อยากต้องทนอยู่ร่วมบ้านเดียวกับฉัน ที่เขาทำลงไปเป็นเพราะเขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ก็เท่านั้น” เธอพยายามพูดอย่างใจเย็น ขณะที่ดวงตาสีเงินของนายมัลฟอยจับจ้องเธออยู่ในทุกอิริยาบทจนกระทั่งเธอพูดจบ และหลังจากที่หญิงสาวพูดจนจบแล้ว ดวงตาสีเงินที่ดูยากจะอ่านของชายผมบลอนด์ก็เลื่อนมาจับจ้องใบหน้างามของหญิงสาวตรงหน้า เขามองเธอด้วยแววตาประเมินอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่นายลูเซียสจะขยับมือใหญ่ของเขาขึ้นราวกับว่าเขาต้องการยกมันขึ้นมาสัมผัสแก้มเนียนของภรรยาหากแต่เขาเปลี่ยนใจเสียก่อน นายมัลฟอยจ้องมองเฮอร์ไมโอนี่ผู้เป็นภรรยาใหม่ของเขาอยู่ครู่หนึ่งราวกับว่าเขากำลังไตร่ตรองบางอย่างอยู่ก่อนที่เขาจะพูดออกมา
“เธอบอกว่าเธอเข้าใจในสิ่งที่เดรโกทำลงไปกับเธอ” เขากล่าวพลางมองเธอด้วยแววตาที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถอ่านได้ “แล้วเธอสามารถเข้าใจในสิ่งที่ฉันทำลงไปกับเธอได้หรือเปล่า” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดามากที่สุด ราวกับพวกเขากำลังพูดคุยเรื่องลมฟ้าอากาศหรือไม่ก็เรื่องเมนูอาหารเย็นในวันนี้กันอยู่ไม่ใช่เรื่องที่นายลูเซียสบันดาลโทสะจนใช้กำลังขืนใจภรรยาของเขาเองอย่างเฮอร์ไมโอนี่เลยแม้แต่น้อย!

ทางด้านเฮอร์ไมโอนี่นั้นเธอต้องใช้เวลาชั่วครู่กว่าที่สมองของเธอจะซึมซับถ้อยคำที่ชายผมบลอนด์ได้กล่าวออกมา และหลังจากที่หญิงสาวรับรู้รวมถึงเข้าใจความหมายของมันแล้วนั้น ในวินาทีต่อมาภาพเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่นายมัลฟอยได้เคยทำไว้กับเธอก็แวบเข้ามาในหัวสมองของเธอ ภาพการกระทำที่โหดร้าย ทั้งความเกรี้ยวกราด โทสะและการกระทำอันรุนแรงที่ไม่อาจจะเรียกเป็นอย่างอื่นได้นอกจากการบังคับขืนใจที่ชายผมบลอนด์ได้ทำไว้กับเธอนั้นพรั่งพรูเข้ามาในหัวสมองของหญิงสาวราวกับหนังที่ฉายซ้ำ! และเป็นเพราะการนึกถึงภาพเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นกับเธอก่อนหน้านี้นั้นเองที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกขนลุกขึ้นมาในทันที หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย สองแขนของเธอยกขึ้นราวกับเธอต้องการจะใช้มันกอดร่างเล็กของตัวเองในเชิงปกป้อง หากแต่ดูราวกับว่าเฮอร์ไมโอนี่จะรู้ตัวเสียก่อนว่าการกระทำของเธอตกอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของนายมัลฟอยที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้ และเมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงลดมือเล็กของเธอลงก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลของเธอจะเงยขึ้นสบดวงตาสีเงินของนายลูเซียสที่กำลังจ้องมองเธออยู่ขณะที่เธอกำลังตัดสินใจว่าเธอควรจะตอบคำถามของชายผมบลอนด์ออกไปอย่างไรดี
และถึงแม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะต้องการตอบชายตรงหน้าออกไปในสิ่งที่เขาต้องการจะได้ยินมากเพียงใดก็ตาม และถึงแม้เธอจะรู้ดีว่าการตอบคำถามออกไปในทิศทางนั้นจะเป็นผลดีโดยตรงกับทั้งตัวเธอและแผนการของเธอด้วย เนื่องจากหากเธอตอบนายลูเซียสออกไปว่าเธอสามารถเข้าใจในสิ่งที่เขาได้ทำลงไปกับเธอและเธอสามารถให้อภัยเขาได้ ประโยคดังกล่าวจะเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ที่ร้าวฉานของทั้งสองให้ดีขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่อาจจะไม่สามารถกลับมาเหมือนดังเดิมได้ก็ตาม แต่ถ้าหากเธอตอบคำถามชายผมบลอนด์ออกไปเช่นนั้นว่าเธอเข้าใจและพร้อมที่จะให้อภัยในสิ่งที่เขาได้ทำลงไปกับเธอ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงคำโกหกคำหนึ่งก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ว่าหลังจากที่เธอพูดประโยคดังกล่าวออกไปแล้ว มันจะเป็นการประสานความสัมพันธ์ที่แทบจะแตกร้าวของเธอและนายลูเซียสขึ้นมา รวมทั้งเธอสามารถใช้โอกาสนี้ในการปรับความเข้าใจกับเขาเพื่อถ่วงเวลาเขาให้อยู่กับเธอไปตลอดทั้งคืนนี้ได้อีกด้วย
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ถึงแม้เฮอร์ไมโอนี่จะรู้ดีว่าการโกหกเพียงครั้งเดียวของเธอจะสามารถนำผลประโยชน์อย่างใหญ่หลวงมาสู่ทั้งตัวเธอและอดีตอาจารย์ของเธอซึ่งความปลอดภัยของเขาอยู่ในกำมือของเธอในเวลานี้ก็ตาม แต่หญิงสาวก็ไม่อาจจะบังคับให้ตัวเองพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับจิตใจของเธอโดยสิ้นเชิงออกไปได้ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้ภารกิจของเธอในการช่วยเหลือเซเวอร์รัส สเนปนั้นสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้เลย เธอไม่อาจจะโกหกออกไปโต้ง ๆ ได้ว่าเธอเข้าใจและยอมให้อภัยการกระทำของนายมัลฟอยพอ ๆ กับที่หญิงสาวรู้ดีว่าเธอไม่มีวันเข้าใจและลืมเลือนในสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย และเมื่อเป็นเช่นนั้น ถึงแม้จะตระหนักถึงผลเสียที่อาจจะตามมากับการพูดสิ่งที่ตรงกับใจของเธอออกไปในครั้งนี้ก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ที่ไม่อาจจะโกหกชายตรงหน้ารวมทั้งตัวเธอเองได้ก็ได้ตัดสินใจพูดสิ่งที่อยู่ในใจของเธอออกไปตามตรงเมื่อเธอมองลึกเข้าไปในดวงตาสีเงินของฝ่ายตรงข้ามก่อนจะพูดขึ้น
“ฉันไม่มีวันเข้าใจในสิ่งที่คุณทำลงไปได้หรอกค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกไปตามตรง และทันทีที่หญิงสาวพูดออกไปเช่นนั้น สิ่งที่เธอเห็นต่อมานอกจากท่าทีผิดหวังที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนของชายตรงหน้าแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ยังสาบานว่าเธอเห็นแววปวดร้าวฉายชัดอยู่ในดวงตาของนายมัลฟอยอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน!


…………………………………………….


มีต่อ PART II และ PART III ค่ะ





Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2558 1:43:56 น. 1 comments
Counter : 1328 Pageviews.

 
สนุกมากค่ะ ติดตามทุกตอนเลย แม้บางครั้งอาจมีประโยคที่ซ้ำกันอยู่บ้าง เหมือนเขียนซ้ำๆให้มันยาวขึ้น (ขอโทษนะคะ ถ้ามันเป็นการพูดที่ทำให้ไม่พอใจ) โดยรวมแล้วเนื้อเรื่องสนุกค่ะ รอติดตามอยู่นะคะ หวังว่าคงอัพให้จนจบ


โดย: p IP: 1.46.137.149 วันที่: 6 กรกฎาคม 2558 เวลา:3:44:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.