Group Blog
 
All Blogs
 
The Dark Princess: Chapter 17 The Diary of Jane PART III




หลังจากเข้าไปภายในห้องสมุดแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็เรียกทิสซี่เข้ามาหาเธอในห้องสมุดทันที และยังไม่ทันที่เอลฟ์จะได้กล่าวคำพูดของมันที่มันมักพูดเป็นประจำว่า “นายหญิงมีอะไรให้ทิสซี่รับใช้เจ้าคะ” จบ สเนปก็ร่ายคาถาแปลงความทรงจำใส่มัน ดวงตาสีฟ้าสดใสของมันเหลือกลอยอยู่ครู่หนึ่งด้วยผลของคาถา และเอลฟ์ก็ยังคงมีท่าทีเหม่อลอยต่อแม้ว่าชายผมดำจะละไม้กายสิทธิ์ของเขาจากมันแล้วก็ตาม แน่นอนว่าหญิงสาวรู้ดีว่ามันเป็นผลจากการถูกร่ายคาถาปรับความทรงจำซึ่งเจ้าของความทรงจำจะดูมึนงงอยู่พักหนึ่งเพราะความทรงจำใหม่นั้นยังไม่สามารถปรับเข้ากับความทรงจำดั้งเดิมอื่น ๆ ของมันได้ในทันที และเมื่อเป็นเช่นนั้นสเนปเองก็อาศัยจังหวะนั้นเดินทางออกจากคฤหาสน์โดยใช้ผงฟลู เขากับเฮอร์ไมโอนี่ไม่มีเวลาจะพูดคุยอะไรกันมาก เนื่องจากเขาเองก็ไม่สามารถเสียเวลาไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว ซึ่งมันหมายถึงการเสี่ยงที่จะให้ทิสซี่ที่ฟื้นคืนเป็นปกติเห็นเขาเข้า ดังนั้นอดีตอาจารย์วิชาปรุงยาจึงตรงไปที่เตาผิงพร้อมกับที่มือหนึ่งของเขาล้วงไปยังกระเป๋าเพื่อหยิบถุงบรรจุผงฟลูออกมาในทันที และในไม่ช้าเขาก็เข้าไปยืนในเตาผิงพร้อมกับที่มือของเขาล้วงเข้าไปหยิบผงฟลูมากำหนึ่ง สเนปมองอดีตลูกศิษย์ที่มายืนส่งเขาหน้าเตาผิงด้วยสายตาที่เคร่งขรึมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาโยนผงฟลูในมือลงบนเตาผิงพร้อมกับตะโกนว่า “สุดตรอกช่างปั่นฝ้าย” ออกมาดัง ๆ และในวินาทีต่อมาร่างของเขาก็หายวับไปพร้อมกับเปลวไฟสีเขียวที่ลุกขึ้น



หลังจากที่สเนปออกไปจากคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าลึก ๆ แล้วเธอจะรู้สึกหนักใจไม่น้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้น เรื่องที่เขามาปรากฏตัวที่คฤหาสน์แห่งนี้เป็นครั้งที่สองเพราะถึงแม้ว่าแผนการที่เธอและชายผมดำนั้นร่วมมือกันดำเนินการในวันนี้จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แต่เฮอร์ไมโอนี่เองก็รู้สึกหวั่นใจไม่น้อยกับการที่เธอมีความลับที่จะต้องปกปิดสามีของเธอมากขึ้นทุกวันบวกกับความจริงที่ว่าหากความลับที่เธอพยายามปกปิดไว้นั้นรั่วไหลไปถึงหูของนายมัลฟอยแล้วล่ะก็ มันก็อาจจะนำความเดือดร้อนอย่างใหญ่หลวงมาสู่ทั้งตัวเธอเองและอดีตอาจารย์ของเธอผู้เป็นสายลับของดัมเบิลดอร์ท่ามกลางเหล่าผู้เสพความตายอย่างสเนปเป็นแน่ และเมื่อคิดเช่นนั้นหญิงสาวจึงอดไม่ได้ที่จะกระชับวงแขนของเธอที่กำลังกอดสมุดบันทึกที่สเนปทิ้งไว้ให้เธอแน่นขึ้นเมื่อเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าร่างเล็กของเธอสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวเมื่อเธอจินตนาการไปเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อนายลูเซียสค้นพบเรื่องราวที่เธอพยายามเก็บซ่อนไว้จากเขาเป็นอย่างดี และถึงแม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะไม่อาจจะบรรยายถึงความกลัวของเธอต่อชะตากรรมที่เธอกำลังเผชิญหน้าอยู่ได้นั้น แต่หญิงสาวก็สามารถรับรู้ได้ว่ามันมากมายแค่ไหน และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกได้ว่าเธอได้ถลำลึกลงไปเป็นมากกว่าผู้ร่วมรู้เห็นความลับที่แสนจะสำคัญของสเนป เพราะว่าในตอนนี้เธอได้กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการสร้างความลับใหม่ ๆ ระหว่างเธอกับเขาขึ้นมาเสียแล้ว และถ้าหากความลับที่เธอพยายามจะปกปิดไว้นั้นถูกเปิดเผยขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นความลับใดก็ตามผลที่ตามมานั้นจะเป็นเช่นไรเฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากจะนึกถึงมันเลย

แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้ปล่อยให้จินตนาการของเธอมาสร้างความหวาดกลัวให้ตัวเธอเองมากไปกว่านี้ เสียง ๆ หนึ่งก็ดังนั้นข้างกายของเธอ และเมื่อเธอหันไปดูเธอก็พบว่ามันเป็นเสียงของทิสซี่ที่เพิ่งฟื้นสติจากการถูกปรับความทรงจำ ดวงตาสีฟ้าของเอลฟ์มองดูเฮอร์ไมโอนี่อย่างงุนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนมันจะพูดขึ้นว่า

“นายหญิงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ” มันกล่าวพร้อมกับมองหญิงสาวด้วยสายตาที่แสดงถึงความแปลกใจอย่างที่สุด แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้เธอได้ตระเตรียมคำพูดที่จะมาพูดกับทิสซี่ไว้อย่างดีแล้ว เมื่อเอลฟ์ถามขึ้นเธอจึงตอบออกไปในทันที

“ก็ฉันเป็นคนเรียกให้เธอมาที่นี่เองไง ทิสซี่ จำไม่ได้หรือ” หญิงสาวพูดเพื่อทดสอบความทรงจำ ก่อนที่เอลฟ์จะทำหน้าสับสนราวกับมันพยายามนึกว่านายหญิงของมันเรียกมันมาที่นี่ด้วยเหตุใดกัน และเมื่อเห็นเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงพูดในสิ่งที่เธอตระเตรียมมากับสเนปไว้ว่าเป็นข้อมูลเดียวกับที่เขาใส่เข้าไปในความทรงจำของมันแทนที่ความทรงจำอันเก่าว่า

“ก็ฉันเรียกเธอมาบอกว่าฉันอยากทานอาหารกลางวันที่ห้องสมุดนี้ไงล่ะ จำไม่ได้หรือ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้ดูปกติ แม้ว่าในขณะนี้หัวใจของเธอจะเต้นรัวแรงราวกับเสียงกลองก็ตามเพราะหญิงสาวกำลังรอคอยคำตอบที่กำลังจะออกมาจากปากของเอลฟ์ร่างจ้อยตรงหน้าอยู่ คำตอบที่จะบ่งบอกว่าคาถาปรับความทรงจำที่สเนปได้ร่ายไว้กับมันนั้นสมบูรณ์หรือขาดตกบกพร่องประการใด

แต่ดูเหมือนกับว่าสเนปจะเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านคาถาเกี่ยวกับความทรงจำอย่างที่หญิงสาวคิดไว้จริง ๆ เพราะหลังจากเอลฟ์มีท่าทีครุ่นคิดระคนสับสนอยู่ชั่วครู่ มันก็ตอบออกมา

“ใช่ เจ้าค่ะ นายหญิงสั่งให้ทิสซี่จัดอาหารกลางวันมาให้นายหญิงทานที่ห้องสมุด! ถ้าอย่างนั้นทิสซี่จะไปเตรียมจัดสำรับอาหารมาให้นายหญิงทันทีเจ้าค่ะ!” เอลฟ์บอกอย่างกระตือรือร้น ขณะที่หญิงสาวตรงหน้ามันนั้นยิ้มให้มันบาง ๆ อย่างอ่อนโยนหรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเธอโล่งใจนั่นเองที่แผนการทั้งหมดผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่น ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะบอกว่ามันไม่ให้รีบร้อน แต่ค่อยรอให้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วค่อยยกสำรับมาให้เธอก็ได้ และเมื่อได้ยินเช่นนั้นทิสซี่ก็รับปากเจ้านายของมันเป็นอย่างดีเอลฟ์ก้มศีรษะลงต่ำในเชิงเคารพเธอและหายตัวไปจากห้องสมุดพร้อมกับเสียงดังป็อป



หลังจากที่ทิสซี่ออกไปจากห้องสมุดแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตรงโต๊ะที่ใช้เขียนหนังสือพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่เรื่องราวทั้งหมดผ่านไปได้ด้วยดี ก่อนที่เธอจะหยิบสมุดบันทึกที่เธอเพิ่งได้รับมาจากสเนปซึ่งภายนอกนั้นมีหน้าตาเหมือนกับตำราวิชาแปลงร่างไม่มีผิดเพี้ยนขึ้นมาพลิกดูเบา ๆ หลังจากใช้มือพลิกหน้ากระดาษที่ขาวโพลนและปราศจากรอยขีดเขียนของมันอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวก็คิดอะไรบางอย่างได้ เธอหันไปมองที่ประตูของห้องสมุดอย่างระแวดระวังและเมื่อแน่ใจว่าเธออยู่ในห้องเพียงลำพังโดยไม่มีใครเข้ามารบกวนแล้วเธอก็หยิบปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา เฮอร์ไมโอนี่เปิดขวดหมึก จุ่มปากกาลงไปก่อนจะจรดปากกาเพื่อเขียนข้อความลงในสมุดบันทึกที่เคยว่างเปล่าตรงหน้า ซึ่งข้อความเหล่านั้นมีใจความว่า



ทุกอย่างเรียบร้อยและผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ อาจารย์ เขายังไม่ได้กลับมาที่คฤหาสน์ในตอนนี้ ถ้าหากมีอะไรคืบหน้าฉันจะเขียนไปบอกนะคะ



เกรนเจอร์



หลังเขียนข้อความดังกล่าวเสร็จ เฮอร์ไมโอนี่ก็รีบเก็บปากกาและขวดหมึกให้เรียบร้อย หญิงสาวมองข้อความที่เธอเพิ่งเขียนใหม่ ๆ บนหน้ากระดาษที่ถูกร่ายเวทย์มนต์นั้นด้วยสายตาพึงพอใจพร้อมกับหวังว่าอดีตอาจารย์ของเธอจะได้อ่านข้อความที่เธอส่งไปให้ในเร็ว ๆ นี้





…………………………………………….





หลังจากส่งข้อความไปให้สเนปแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็อยู่อ่านหนังสือในห้องสมุดต่อ หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็พยายามที่จะศึกษาการสกัดใจให้ได้มากที่สุดในระหว่างที่เธอยังมีโอกาส แม้ว่าเธอจะสามารถศึกษาได้แค่เพียงในทางทฤษฎีก็ตาม ดังนั้นเธอจึงใช้เวลาเกือบตลอดทั้งวันหมกตัวอยู่แต่ในห้องสมุดเธอทานอาหารกลางวันที่ทิสซี่นำมาให้ รวมทั้งเธอยังสั่งให้เอลฟ์ยกน้ำชาและของว่างมาให้เธอที่ห้องสมุดในช่วงบ่ายเพราะเธอต้องการใช้เวลาทั้งวันอ่านหนังสืออยู่ที่นี่ และแน่นอนว่าเอลฟ์ก็รับคำสั่งของเธอก่อนจะไปปฏิบัติตามอย่างกระตือรือร้น

เฮอร์ไมโอนี่ได้ใช้เวลาและความสนใจของเธอเกือบทั้งหมดทุ่มไปยังการศึกษาการสกัดใจจากหนังสือที่เธอหาเจอในห้องสมุดตระกูลมัลฟอย จนกกระทั่งใกล้เวลาน้ำชาซึ่งหญิงสาวจำเป็นจะต้องเอาหนังสือเกี่ยวกับการสกัดใจไปเก็บก่อนที่ทิสซี่จะเข้ามาเสิร์ฟน้ำชาและของว่างให้เธอ เนื่องจากเธอไม่ต้องการให้ใครก็ตามล่วงรู้ว่าเธอกำลังศึกษการสกัดใจอยู่ เพราะมันอาจจะนำเอาความเดือดร้อนมาสู่เธอก็ได้หลังจากที่เธอต้องผ่านเรื่องราวที่เลวร้ายมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว

หลังจากเฮอร์ไมโอนี่จัดการเก็บหนังสือเกี่ยวกับการสกัดใจที่เธออ่านก่อนหน้านี้เรียบร้อยและหยิบหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เวทย์มนต์มาอ่านแทนได้ไม่นานนักทิสซี่ก็เข้ามาเสิร์ฟน้ำชาและของว่างให้เธอตอนเวลาสี่โมงตรงพอดี และจากการที่หญิงสาวสังเกตดูอากัปกิริยาของเอลฟ์แล้วนั้น เธอก็ไม่พบท่าทีผิดปกติใด ๆ ที่บ่งบอกว่ามันจะจำเรื่องที่เซเวอร์รัส สเนปมาหาเธอถึงที่คฤหาสน์ในวันนี้ได้เลย และเมื่อเป็นเช่นนั้นเธอก็รู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมากที่การพบกันในครั้งนี้ของเธอและอดีตอาจารย์วิชาปรุงยานั้นผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเป็นยังคงเป็นความลับอยู่ และถึงแม้ว่าการกระทำของสเนปในวันนี้จะเป็นเรื่องที่เสี่ยงอยู่มากก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกว่ามันมีประโยชน์ไม่น้อยเพราะว่าการที่ชายผมดำนำเอาสมุดบันทึกที่ร่ายคาถามาให้เธอนั้นทำให้เธอกับเขาสามารถติดต่อกันได้ด้วยวิธีที่ปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเท่าที่เธอพิจารณาดูแล้วถ้าหากเธอระวังตัวให้ดี ความลับที่ว่าเธอแอบติดต่อกับเซเวอร์รัส สเนป ผ่านสมุดบันทึกที่ภายนอกมีรูปร่างเหมือนตำราวิชาแปลงร่างเล่มนี้ก็ไม่น่าจะมีคนอื่นมาค้นพบเข้าได้โดยง่าย

แต่ถึงการพบกันระหว่างเธอกับสเนปในวันนี้นั้นจะยังคงเป็นความลับที่ไม่มีใครล่วงรู้ก็ตาม แต่ก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่หญิงสาวอดหวั่นใจไม่ได้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องอื่นนอกจากเรื่องของนายลูเซียส สามีของเธอเอง เพราะตั้งแต่ที่เขาออกไปจากห้องนอนหลังจากที่เขาได้ลงมือทำเรื่องที่เลวร้ายกับเธอลงไปแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็ยังไม่ได้พบเขาอีกเลย และแม้ว่าเธอจะพอทราบมาจากสเนปว่าเขาต้องไปทำภารกิจให้จอมมารในวันนี้ แต่หญิงสาวก็ไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าเขาจะกลับมาที่คฤหาสน์ตอนไหน รวมทั้งเธอเองก็ไม่รู้ด้วยว่าเธอควรจะทำอย่างไรเมื่อเธอต้องเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้งหนึ่ง

และเพราะความไม่แน่ใจและความกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับสามีของเธออีกครั้งนี้เองที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ตัดสินใจกลับไปที่ห้องนอนของเธอเองหลังจากที่ทานน้ำชาเสร็จแล้ว เนื่องจากหญิงสาวไม่ต้องการอยู่ที่ห้องสมุดหรือส่วนอื่นของคฤหาสน์ซึ่งเธออาจจะบังเอิญพบชายผมบลอนด์ได้โดยง่ายถ้าหากเขากลับมาที่คฤหาสน์แล้ว ดังนั้นหญิงสาวจึงตัดสินใจที่จะกลับไปยังห้องนอนของเธอเองเมื่อเวลาได้ล่วงเลยเข้าช่วงเย็นไปแล้ว เพราะถึงแม้ว่าห้องนอนของเธอนั้นจะเป็นสถานที่ ๆ เกิดเรื่องราวที่เลวร้ายขึ้นกับเธอก็ตาม แต่ห้องนอนห้องนั้นเปรียบเสมือนสถานที่ ๆ ปลอดภัยสำหรับเธอด้วยเช่นกัน เพราะจากคำบอกเล่าของทิสซี่ที่บอกเธอว่านายมัลฟอยนั้นได้ตัดสินใจย้ายไปนอนห้องนอนอื่นซึ่งเป็นห้องนอนสำหรับแขกแทน ดังนั้นเมื่อเขาไม่มีเจตนาที่จะนอนร่วมห้องกับเธออีกต่อไปแล้วชายผมบลอนด์ก็คงไม่ต้องการจะเข้าไปหาเธอถึงในห้องนอนด้วยเหมือนกันกระมัง เฮอร์ไมโอนี่คิดเช่นนั้น

และเมื่อเป็นเช่นนั้นหลังจากทานน้ำชาเสร็จแล้ว หญิงสาวจึงเลือกหนังสือสองสามเล่มที่เธอต้องการจะอ่านต่อในวันนี้ รวมทั้งหยิบสมุดบันทึกที่สเนปให้เธอมาและออกจากห้องสมุดเพื่อจะตรงไปยังห้องนอนของเธอตั้งแต่ก่อนเวลาเย็น เนื่องจากเธอไม่ต้องการจะพบหน้านายลูเซียสเมื่อเขากลับมาที่คฤหาสน์ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเวลาเมื่อไหร่ ดังนั้นเธอจึงคิดว่าเธอควรจะรีบกลับไปที่ห้องนอนในตอนนี้ดีกว่า รวมทั้งเธอยังบอกให้เอลฟ์ไปเสิร์ฟอาหารเย็นในห้องนอนของเธอด้วยเนื่องจากเฮอร์ไมโอนี่ต้องการจะใช้เวลาที่เหลือตลอดทั้งวันหมกตัวอยู่ในห้องนอนของเธอเอง เพราะหญิงสาวไม่ต้องการที่จะออกมาข้างนอกซึ่งเป็นการเสี่ยงที่เธอจะเจอเข้ากับสามีของเธอเข้าเมื่อเขากลับมาที่คฤหาสน์ในขณะที่เธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้าเขาแบบนี้ รวมทั้งเธอก็ยังไม่รู้เลยว่าการเจอหน้ากันครั้งต่อไปของเขาและนายมัลฟอยนั้นจะส่งผลให้เกิดเรื่องที่ร้ายแรงอะไรขึ้นอีกหรือเปล่า และเมื่อเป็นแบบนั้นหญิงสาวจึงขอเลือกหนทางที่ปลอดภัยและเลือกที่จะเว้นระยะห่างไว้ให้ตัวเธอเองได้ทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างสงบ ๆ มากกว่า



แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธอคาดหวังไว้นั้นไม่อาจจะเป็นจริงได้เลย เพราะหลังจากที่เธอออกจากห้องสมุดเพื่อกลับไปยังห้องนอนของเธอแล้ว เมื่อเธอนั่งลงบนโซฟาภายในห้องแล้วกำลังจะเอาหนังสือที่หยิบติดมือมาด้วยมาอ่านหนังสือต่อ เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอลืมหยิบปากกาขนนกและหมึกมาจากห้องสมุดด้วย ซึ่งเธออาจจะใช้จำเป็นต้องใช้มันเพื่อเขียนโต้ตอบกับเซเวอร์รัส สเนปผ่านทางสมุดบันทึกที่เขาทิ้งไว้ให้เธอ ดังนั้นหญิงสาวจึงตัดสินใจเดินกลับไปที่ห้องสมุดอีกครั้งเพื่อหยิบปากกาและขวดหมึก และเหตุผลที่เธอไม่ยอมใช้ให้เอลฟ์ไปหยิบมันมาให้เธอเนื่องจากเธอไม่ต้องการจะตอบคำถามเอลฟ์ว่าจะใช้ปากกเขียนอะไร รวมทั้งเธอก็กลัวว่าเอลฟ์จะไปรายงานนายมัลฟอยว่าเธอพยายามจะนำปากกามาใช้เพื่อเขียนจดหมายหรืออะไรก็ตาม ดังนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงตัดสินใจเดินออกจากห้องนอนไปยังห้องสมุดที่อยู่ที่บนชั้นสาม หากแต่หญิงสาวก็ต้องแปลกใจไม่น้อยเพราะทันทีที่เธอเดินออกมาจากห้องนอนเธอก็พบว่ามีร่าง ๆ หนึ่งยืนรอเธออยู่บริเวณระเบียงทางเดินหน้าห้องนอนของเธอ และถึงแม้ว่าร่าง ๆ นั้นจะดูคล้ายนายลูเซียสผู้เป็นสามีของเฮอร์ไมโอนี่มากจนแทบจะเรียกได้ว่าถอดแบบกันออกมาก็ตาม แต่ร่าง ๆ นั้นก็ไม่ใช่นายมัลฟอยแต่อย่างใด ตรงกันข้ามมันกลับเป็นร่างของชายหนุ่มผมบลอนด์ผู้เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเขาซึ่งในตอนนี้อยู่ในฐานะลูกเลี้ยงของหญิงสาวอย่าง เดรโก มัลฟอยนั่นเอง!



เบื้องหน้าของเฮอร์ไมโอนี่นั้น เดรโก มัลฟอยยืนกอดอกพิงกำแพงภายนอกห้องของหญิงสาวอยู่ไม่ไกลจากประตูห้องที่เธอเพิ่งเดินออกมาเท่าไหร่นัก และเมื่อเห็นเช่นนั้น แม้ว่าเธอจะรู้ดีว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เดรโกจะมาหาเธอถึงหน้าห้องนอนแบบนี้ก็ตาม แต่การที่เขามายืนอยู่หน้าห้องของเธอในลักษณะแบบนี้มันทำให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจจะตีเจตนาของชายหนุ่มผมบลอนด์เป็นอื่นไปได้นอกจากคิดว่าเขาตั้งใจจะมาพบเธอ

และเมื่อเห็นเช่นนั้น แม้ว่าจะรู้สึกแปลกใจรวมทั้งหวาดกลัวอยู่ไม่น้อยก็ตาม เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งในตอนนี้ได้มาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มห่างจากเขาประมาณสองสามก้าวก็พูดออกไป

“เดรโก เธอ.......” ไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบร่างตรงหน้าก็สวนขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดุดันว่า

“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่างบังอาจมาเรียกชื่อฉันด้วยริมฝีปากโสโครกของเธออีก” เขาตะโกนออกมาด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย และเมื่อได้ยินเช่นนั้นแม้ว่าจะรู้สึกหวาดกลัวในจุดประสงค์ที่ชายหนุ่มมารอเธออยู่หน้าห้องนอนก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่หญิงสาวก็รู้สึกได้ถึงความร้อนที่แก้มของตนเองเมื่อได้ยินคำพูดนั้นของเขา ความโกรธซึ่งเป็นอารมณ์ที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้สัมผัสมาในช่วงเวลาก่อนหน้านี้เริ่มประทุขึ้นมา

“ถ้าเธอจะมาหาเรื่องฉัน ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดกับเธอ” หญิงสาวกล่าวก่อนจะเดินเลี่ยงชายหนุ่มไปอีกทาง แต่ก่อนที่เธอจะเดินผ่านร่างของชายหนุ่มผมบลอนด์ไปได้แขนแข็งแรงของเดรโกก็คว้าแขนแล็ก ๆ ของเฮอร์ไมโอนี่ไว้อย่างแน่นหนาก่อนจะเหวี่ยงร่างเธอไปทางกำแพงที่เขาใช้พิงเมื่อครู่

“นี่จะทำอะไรน่ะ!” หญิงสาวตะโกนออกมา ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากการกระทำของชายหนุ่มก็ตามแต่สิ่งที่เขาทำนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายคนไหนควรจะทำกับผู้หญิงโดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นภรรยาของพ่อของเขาแบบเธอ

แต่ดูเหมือนว่าเดรโกจะไม่ได้รู้สึกเลยว่าสิ่งที่เขาเพิ่งทำลงไปกับเฮอร์ไมโอนี่นั้นเป็นการกระทำที่รุนแรง เมื่อชายหนุ่มเคลื่อนกายเข้ามาใกล้หญิงสาวมากขึ้นจนเธอต้องถอยหลังไปติดกำแพง ดวงตาสีเงินแบบเดียวกับพ่อของเขาจ้องมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างเกรี้ยวกราดระคนเดียดฉันท์

“ฉันทำแบบนี้กับเธอยังน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับสิ่งที่เธอทำลงไปกับพ่อของฉัน!” เขาพูดออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตาอย่างงุนงงในตอนแรกกับคำพูดของชายหนุ่ม สิ่งที่เธอทำลงไปกับนายลูเซียสอย่างนั้นหรือ เธอน่ะหรือทำอะไรลงไปกับนายลูเซียส ในเมื่อที่ผ่านมามีแต่เขาเท่านั้นที่ทำร้ายเธอมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งทั้งทางร่างกายและจิตใจแบบนี้! แต่เมื่อหญิงสาวจ้องมองเข้าไปในแววตาที่แทบจะลุกเป็นไฟของเดรโกซึ่งตอนนี้อยู่ห่างจากใบหน้าของเธอไม่ถึงคืบเท่านั้นเธอก็เข้าใจทันทีถึงสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการจะสื่อถึง เพราะแท้ที่จริงแล้วคำพูดที่ว่า ‘ สิ่งที่เธอได้ทำลงไปกับพ่อของเขา ’ นั้นอาจจะหมายถึงสิ่งอื่นมากกว่า สิ่งที่เธอไม่คิดมาก่อนว่ามีใครจะล่วงรู้นอกจากเธอและสเนป!

และเมื่อคิดได้เช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ หัวใจของหญิงสาวนั้นแกว่งวูบด้วยความหวาดกลัวเมื่อเธอคิดได้ว่าบางทีสิ่งที่ชายหนุ่มผมบลอนด์พูดถึงนั้นอาจจะหมายถึงการที่สเนปมาพบเธอที่นี่ก็เป็นได้ หากแต่เดรโกล่วงรู้เรื่องการลักลอบพบกันระหว่างเธอกับอาจารย์วิชาปรุงยาของเธออย่างนั้นน่ะหรือ! เธอคิดขณะที่หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความหวาดกลัวระคนตกใจ และแล้วคำพูดต่อไปของชายหนุ่มก็มาตอบเฮอร์ไมโอนี่ในสิ่งที่เธอต้องการจะรู้อยู่พอดีเมื่อเดรโกพูดต่อว่า

“เธอคิดว่าฉันไม่รู้อย่างนั้นสิว่าเธอทรยศพ่อฉันโดยการไปเป็นชู้กับสเนปน่ะ เธออาจจะหลอกพ่อของฉันได้ เกรนเจอร์ แล้วเธอก็คงคิดว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องของเธอกับมัน แต่ฉันรู้! เพราะฉันเป็นคนเห็นเธอกับมันเดินออกมาจากห้องนอนของแม่ฉันพร้อมกัน!” เดรโกพูดออกมา ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าหัวใจของเธอได้ตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวรู้สึกราวกับจะเป็นลมเมื่อได้ยินถ้อยคำนั้นออกจากปากของชายหนุ่มซึ่งกำลังมองเธอมาด้วยดวงตาสีเงินที่ไม่มีสิ่งใดแฝงอยู่เลยนอกจากความโกรธและความเกลียดชัง!









*************************************************





คุยกันหลังอ่านนะคะ



อ่านจบแล้วนักอ่านทั้งหลายอย่างเพิ่งขว้างปาข้าวของหรือร้องหาตอนต่อไปนะคะ เพราะพิกกะลังจะบอกค่ะว่าตอนต่อไปใช้เวลาประมาณ 2 - 3 วีค ขึ้นอยู่กับสถานการณ์นะคะ ส่วนเรื่องต่อไปที่จะอัพคือทาสหัวใจค่ะ (อัพฟิคพ่อมาหลายตอนแระ แต่ฟิคลูกชายพิกยังใส่ไหดองเค็มอยู่เรย - -“) เอาเป็นว่าเจอกันตอนต่อไปนะคะ ช่วงนี้นักอ่านก็ลองไปจิ้นกันเล่นๆ ก่อนนะคะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนู๋เฮอร์ต่อไป ^^






Create Date : 06 พฤษภาคม 2556
Last Update : 7 พฤษภาคม 2556 17:23:20 น. 3 comments
Counter : 1351 Pageviews.

 
เย่ๆ สนุกมากเลย รอติดตามอยู่นะคะ ~~


โดย: anonymous IP: 14.207.96.30 วันที่: 9 พฤษภาคม 2556 เวลา:11:11:25 น.  

 
พิกซี่รู้มั๊ย เค้ามารอพิกซี่อัพฟิคที่หน้าคอม ทุกวันเลยนะ
พิกซี่บอก3 อาทิด (ไหนละเนี่ย)


โดย: Chonly IP: 27.55.171.93 วันที่: 1 มิถุนายน 2556 เวลา:15:06:56 น.  

 

ขอโทษทีค่ะที่อัพไม่ได้ตามกำหนด ตอนนี้เราเพิ่งปั่นเรื่องทาสหัวใจเสร็จค่ะ แต่จะปั่นเจ้าหญิงแห่งความมืดต่อแล้วจะพยายมลงให้เร็ว ๆ นะคะ


โดย: piksi วันที่: 14 มิถุนายน 2556 เวลา:22:23:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.