Group Blog
 
All Blogs
 
The Dark Princess: Chapter 9 The Black Wedding Part I



คุยกันก่อนอ่านนะคะ
ตอนที่ 9 นี้เราเขียนไปถึง 20 หน้าเลยหวังว่าคงชอบกันนะคะ
อ้อ สำหรับฉากแต่งงานเราอาจจะเขียนไม่เหมือนงานแต่งงานในหนังฝรั่งทั่วไปนะคะ เพราะ 1) เราไม่เคยแต่งงานมาก่อนค่ะ ;) 2) งานแต่งงานครั้งนี้ดำเนินโดยโวลเดอมอร์ซึ่งเขาน่าจะไม่สนใจอะไรมากไปกว่าการได้อำนาจของเฮอร์ไมโอนี่มาครอบครองเขา เราจึงตัดคำปฏิญาณให้สั้นลง และกระชับมากที่สุดน่ะค่ะ เพราะงานแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้เน้นความรัก แต่เป็นการเน้นการครอบครองค่ะ ตามนั้น
ส่วนอันนี้เป็นชุดแต่งงานของนู๋เฮอร์ เอามาให้ดูกันค่ะ ตามลิ้งเลยค่า

//my.dek-d.com/piksi/gallery/show_picture.php?id=110384441



***Chapter 9 The Black Wedding: งานแต่งงานที่แสนมืดมน***


It was a black wedding, you could hear the organs not,
The violins or the words the pope was saying.
It was a black wedding, you could hear the organs but,
No drunken snoring or real hallelujahs.
And some people swore they saw the devil,
But most prayed they wouldn't last a winter
It was a black wedding,
Throw those blessings all around
Black Wedding – Meg and Dia


…………………………………………….


เฮอร์ไมโอนี่ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ลูเซียส มัลฟอยจูบเธอต่อหน้าผู้เสพความตายทั้งห้องซึ่งในความคิดของเด็กสาวเขาทำเช่นนั้นเพียงเพื่อต้องการดึงความสนใจของคนในห้องไปที่อื่นและเพื่อเป็นการปกปิดว่าเธอทำตัวอ่อนแอโดยการร้องไห้ออกมาต่อหน้าคนมากมายขนาดนั้น แต่สิ่งเดียวที่เฮอร์ไมโอนี่พอจะจำได้มีอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งอันที่จริงมันไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะจดจำแม้แต่น้อย เพราะสิ่งนั้นก็คือสายตาที่แสดงถึงความรังเกียจเดียดฉันท์ซึ่งเดรโกมองมาที่เธอก่อนเขาจะออกจากห้องไป และเมื่อเด็กสาวรู้สึกตัวอีกครั้งเธอก็กำลังเดินกลับไปที่ห้องนอนของเธอโดยมีนายลูเซียสอยู่ข้าง ๆ หลังจากที่ทั้งสองทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว

ทั้งเธอและเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยในระหว่างที่เดิน จนกระทั่งเมื่อทั้งสองมาถึงห้องของของเฮอร์ไมโอนี่ นายลูเซียสก็เปิดประตูให้เธอและถือวิสาสะเดินตามเธอเข้ามาในห้องด้วย

หลังจากประตูปิดลงและเด็กสาวกำลังจะถามชายผมบลอนด์ว่าเขาเข้ามาในห้องของเธอทำไม นายลูเซียสก็เป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นก่อน

“เธอทำได้ดีพอใช้ทีเดียวในวันนี้” เขาเริ่มบทสนทนาด้วยคำพูดที่ดูราบเรียบและสุภาพแต่น้ำเสียงที่เอ่ยมันขึ้นมาช่างเย็นชายิ่งนัก

“แต่มันคงดีกว่านี้ถ้าเธอสามารถควบคุมอารมณ์ต่าง ๆ ได้ดีมากกว่านี้” เขาพูดพลางเดินไปรอบ ๆ ห้อง ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ เขากล้าดียังไงมาตัดสินเธอน่ะ! เขาคิดว่ามันง่ายสำหรับเธอนักหรือที่จะต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับเขารวมทั้งเผชิญหน้ากับจอมมารและผู้เสพความตายทั้งหมดในแบบที่เธอเจอในวันนี้น่ะ!

แม้จะคิดว่าเธอสมควรจะตอบโต้ชายตรงหน้าด้วยคำพูดที่เผ็ดร้อนก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น ตรงกันข้ามเธอแค่เถียงเขาออกไปว่า “ฉันไม่ได้อ่อนแอ”

นายลูเซียสหันกลับมามองหน้าเพราประโยคนั้น สายตาของเขาที่มองมานั้นราวกับเขากำลังประเมินเธออยู่หรือในอีกแง่หนึ่งเขากำลังสมเพชเธอ เพราะเขามองเธอราวกับเธอเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ยังไม่ประสีประสา

“ฉันไม่ได้พูดว่าเธออ่อนแอ มิสซิลเวีย ฉันรู้ดีว่านักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์มีจุดแข็งอยู่ที่ความกล้าหาญเพียงแต่......” เขาก้าวเข้ามาใกล้เธออีกสองก้าว และเมื่อเห็นเช่นนั้นเด็กสาวจึงถอยหลังหนีเขาไปจนติดกำแพง ลูเซียสหัวเราะน้อย ๆ กับท่าทีนั้น

“เพียงแต่ถ้าหากเธอจะเป็นเจ้าหญิงแห่งความมืดจริง ๆ เธอจะต้องเข้มแข็งมากกว่านี้ ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ของเธอมากกว่านี้ และที่สำคัญเธอต้องรู้จักใช้ไหวพริบมากกว่านี้” เขาพูดราวกับเขากำลังสอนเธอในการโตเป็นผู้ใหญ่อยู่

“แต่ฉันไม่ใช่สลิธีรินอย่างพวกคุณ” เฮอร์ไมโอนี่เถียง แต่ชายผมบลอนด์หัวเราะเพราะคำพูดนั้น

“แน่นอนว่าเธอยังไม่ใช่ แต่เธอจะกลายเป็นอย่างพวกเราในไม่ช้า ชะตาของเธอได้กำหนดไว้แล้วให้เธอต้องมาอยู่ฝ่ายผู้เสพความตาย รวมทั้งต้องแต่งงานกับฉันด้วย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มดุลแพรไหม แต่ดวงตาสีเงินของเขากลับจ้องมองเธออย่างอันตราย แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะสรรหาคำพูดใดมาโต้เถียงเขาได้นายลูเซียสก็พูดต่อ

“ฉันยอมรับว่าฉันพอใจกับการวางตัวของเธอในวันนี้อยู่บ้าง หลังจากพิจารณาดูแล้วว่ามันเป็นครั้งแรกเธอที่ไปปรากฏตัวต่อหน้าผู้เสพความตายมากขนาดนั้น อันที่จริงฉันมีข่าวดีมาบอกเธอว่าฉันไม่มีธุระใด ๆ ที่จะต้องจะมารบกวนเธออีกก่อนที่จะถึงวันแต่งงานของเรา” เขาพูดอย่างราบเรียบราวกับเขากำลังตกลงธุรกิจกับเธออยู่

“ส่วนเธอต้องอยู่ในห้องนี้ตลอดเวลา ทิสซี่จะเป็นคนดูแลเธอรวมทั้งนำอาหารมาให้ เธอจะออกจากห้องนี้ได้ก็ต่อเมื่อฉันมารับเธอไปเท่านั้น บางทีเราอาจจะต้องไปทานอาหารเย็นกันที่ห้องอาหารบ้างถ้าฉันสะดวก นอกเหนือจากกรณีนี้แล้วเธอไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องนี้อย่างเด็ดขาด” นายลูเซียสกล่าว แม้เฮอร์ไมโอนี่จะไม่พอใจเท่าไหร่ที่จะต้องมาเป็นนักโทษของเขาแบบนี้ แต่เธอก็รู้ดีว่าการต่อปากต่อคำของเขาไม่เป็นประโยชน์กับเธอแต่อย่างใด

“เธอคงรู้แล้วว่ามีเสื้อผ้าที่จำเป็นอยู่ในตู้เสื้อผ้า” เขาใช้ไม้เท้าชี้ไปทางตู้เสื้อผ้าเพียงตู้เดียวในห้อง “ถ้าเธอขาดเหลืออะไรก็บอกทิสซี่ได้ ฉันจะสั่งให้มันหาหนังสือมาให้เธออ่านระหว่างอยู่ที่นี่ และฉันคงต้องบอกเธอว่าฉันอาจจะไม่ว่างมาพบเธออีกจนกว่าจะถึงวันก่อนพิธีแต่งงาน” เขาพูดราวกับเธอและเขาเป็นคู่รักหวานซึ้งที่อยู่ห่างกันไม่ได้แม้แต่เพียงวินาทีเดียว เขาจึงจำเป็นต้องขอโทษเธอเมื่อเขาอาจมาพบเธอไม่ได้เป็นเวลาหลายวัน

“ที่ฉันต้องการคือให้เธอทำตัวดี ๆ อยู่ในห้องนี้และทำทุกอย่างตามที่ฉันบอกเมื่อครู่จนกว่าจะถึงวันแต่งงาน เธอเข้าใจไหม” เขาพูดพลางมองลึกเข้าไปในดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่ แต่เด็กสาวกลับเลือกที่จะหันหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาของเขามากกว่าที่จะตอบคำถาม

และเมื่อเป็นเช่นนั้นชายผมบลอนด์จึงใช้มือใหญ่ของเขาเชยคางเด็กสาวเอาไว้และบังคับให้เธอกลับมาสบตาเขาก่อนจะถามขึ้นมาอีกครั้ง

“เธอเข้าใจที่ฉันพูดไหมมิสซิลเวีย” เขากล่าวพลางมองเธอด้วยสายตาคาดคั้น ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่จ้องตอบดวงตาสีเงินที่แสนจะเย็นชาของเขาก่อนจะพูดออกมาเบา ๆ ว่า “ฉันเข้าใจ”

“แล้วเธอจะทำตามที่ฉันบอกได้ไหม” เขาถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าเธอจะทำตามที่เขาต้องการจริง ๆ และการกระทำนี้มันช่างดูเป็นการบังคับขู่เข็ญเหลือเกินในความคิดของเด็กสาว

“ฉันเข้าใจที่คุณพูดดี แล้วฉันก็จะทำตามที่คุณต้องการ คุณพอใจหรือยัง” เธอประชด แต่นายลูเซียสกลับไม่สนใจเรื่องนั้น ตรงกันข้ามเขากลับดูพอใจในคำตอบที่ได้รับ

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะรบกวนเธออีกแล้ว” ลูเซียสกล่าวขณะที่มือใหญ่ของเขาคว้ามือเล็ก ๆ ที่ชื้นเหงื่อของเด็กสาวขึ้นมา เฮอร์ไมโอนี่แทบต้องกลั้นหายใจเมื่อริมฝีปากของนายมัลฟอยสัมผัสหลังมือของเธอขณะที่ดวงตาสีเงินของเขายังคงไม่ละไปจากเธอ เขากระซิบเบา ๆ ขึ้นมาหลังจากนั้น

“ยินดีต้อนรับสู่ด้านมืด เจ้าหญิง” เขาเอ่ย ขณะที่เธอรู้สึกเย็นวาบไปทั่วสันหลัง และวินาทีนี้เองเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้แล้วว่าเธอได้ก้าวเข้ามาสู่ด้านมืดอย่างแท้จริงแล้ว แม้ว่าเธอจะยังไม่ได้แต่งงานกับนายลูเซียสก็ตาม แต่เธอก็ไม่มีทางหนีพ้นชะตาชีวิตนี้ได้ราวกับว่าทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเธอจะต้องถูกชิงตัวไปอยู่ฝ่ายมืด และเมื่อเป็นเช่นนั้นเธอจะโทษอะไรได้เล่า โชคชะตาอย่างนั้นหรือ

“แล้วพบกันอีกครั้ง” นายลูเซียสกล่าวเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากปล่อยมือเธอก่อนจะหันหลังกลับและเดินออกจากห้องไป

และนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เฮอร์ไมโอนี่ได้พบเขาก่อนจะถึงคืนก่อนวันแต่งงาน


…………………………………………….



หลังจากลูเซียส มัลฟอยพาเธอมาส่งที่ห้องในวันนั้นแล้วเขาก็ไม่ได้มาพบเธอเลยตลอดเวลา 5 วันที่เหลือ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ใช้เวลาครึ่งหนึ่งของแต่ละวันหมดไปกับการอ่านหนังสือที่ทิสซี่นำมาให้ และอีกครึ่งหนึ่งหมดไปกับการคิดถึงพ่อแม่และเพื่อนรักของเธอ รวมทั้งกังวลกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตหลังจากที่เธอได้แต่งงานกับนายลูเซียสไปแล้ว และบางครั้งความคิดนั้นก็ทำให้น้ำตาปริ่มดวงตาคู่สวยของเด็กสาว แต่เธอก็ไม่คิดจะเช็ดมันออก ตรงกันข้ามเธอกลับปล่อยให้น้ำตาของเธอไหลต่อไปจนกว่ามันจะเหือดแห้งไปเอง

ยิ่งวันแต่งงานใกล้เข้ามาเท่าไหร่เฮอร์ไมโอนี่ก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น เธอรู้สึกราวกับตัวเองเป็นนักโทษประหารที่กำลังจะได้รับการลงโทษในไม่ช้า ทุก ๆ โมงยามที่เคลื่อนคล้อยทำให้หัวใจของเด็กสาวยิ่งเต้นแรง แต่มันไม่ได้เกิดจากความตื่นเต้นที่จะได้เข้าพิธีแต่งงานเหมือนกับว่าที่เจ้าสาวทั่วไป ตรงกันข้ามมันกลับเกิดจากความกลัวเสียมากกว่า ยิ่งวันเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่เฮอร์ไมโอนี่ก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น เธอกลัวเหลือเกินว่าวันแต่งงานจะมาถึงและเมื่อถึงตอนนั้น ตอนที่ลูเซียส มัลฟอยได้ครอบครองเธออย่างสมบูรณ์แล้วเขาจะใช้อำนาจที่ได้มาจากเธอทำร้ายเพื่อน ๆ และคนที่เธอรัก

แต่ถึงจะหวาดกลัวมากเพียงใดก็ตามเด็กสาวก็ไม่อาจหยุดเวลาไว้ได้เช่นเดียวกับที่เธอไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตของเธอได้ เพราะถ้าเธอทำเช่นนั้นได้จริง ถ้าเธอสามารถย้อนเวลากลับไปในช่วงเริ่มต้นการสอบคัดเลือกเป็นมือปราบมารรอบสุดท้ายได้ล่ะก็ แน่นนอนว่าเธอจะเลือกกลับไปที่สนามสอบทันทีที่เธอรู้ว่ามีอะไรผิดพลาด เพราะถ้าเธอเอะใจและถอยหลังกลับตั้งแต่ตอนนั้นเธอคงไม่ต้องมาเผชิญชะตาชีวิตที่เลวร้ายเช่นนี้
แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าเธอไม่มีทางทำเช่นนั้นได้พอ ๆ กับที่เธอไม่อาจปฏิเสธงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นได้เลย!

ในช่วงค่ำของคืนก่อนวันแต่งงาน หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่ทานอาหารที่ทิสซี่นำมาให้เสร็จไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เด็กสาวทำท่าจะลุกไปเปิดประตูเมื่อได้ยินเสียงนั้น แต่ทิสซี่ซึ่งเผอิญยืนอยู่แถวนั้นก็พูดขึ้นก่อน

“เดี๋ยวทิสซี่เปิดเองเจ้าค่ะ คุณผู้หญิงทานอาหารต่อเถอะค่ะ” เอลฟ์ร่างเล็กบอกพลางเดินเตาะแตะไปที่ประตูเพื่อเปิดมัน ทันทีที่ประตูเปิดออกเฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นร่างสูงใหญ่ของนายลูเซียสยืนอยู่ที่ธรณีประตู ในคราวนี้เขามาคนเดียว มือข้างหนึ่งของเขาถือไม้เท้าที่พกติดตัวอยู่เสมอ แต่อีกข้างหนึ่งเขากลับถืออะไรบางอย่างที่มันดูราวกับถุงสำหรับใส่ชุดราตรีไว้

ชายร่างสูงก้าวเข้ามาในห้องทันทีที่ประตูเปิด เขาเดินเฉียดร่างเล็ก ๆ ของทิสซี่ไปทางตู้เสื้อผ้า และแขวนของที่กำลังถือไว้ที่เสาสำหรับแขวนเสื้อ และเมื่อถึงตอนนั้นเด็กสาวก็พอจะเดาได้ว่าสิ่งที่นายลูเซียสถือมานั้นคืออะไร แต่เธอไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา

เมื่อแขวนชุดเสร็จแล้วชายผมบลอนด์ก็หันมาทางเฮอร์ไมโอนี่
“สวัสดีตอนเย็น มิสซิลเวีย” เขาพูดพลางก้าวเข้ามาใกล้ “ไม่ทราบว่าฉันมารบกวนเวลาอาหารของเธอหรือเปล่า” เขาถามอย่างสุภาพ ขณะที่เด็กสาววางมีดกับส้อมลงก่อนจะตอบออกมา

“ไม่ค่ะ ฉันอิ่มพอดี” เธอพูดพลางเช็ดปากด้วยผ้าสำหรับเช็ดปากและจิบน้ำเข้าไปอีกอึก และเมื่อเห็นว่าเธอทานอาหารเสร็จแล้วนายลูเซียสจึงยื่นมือมาให้เธอจับ

“ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ” เขาว่า เฮอร์ไมโอนี่ลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนจะวางมือเล็กของเธอลงบนมือใหญ่ของชายตรงหน้าและลุกขึ้นจากเก้าอี้
นายลูเซียสพาเฮอร์ไมโอนี่ไปยังเสาที่เขาแขวนชุดที่เพิ่งนำมาเมื่อครู่ไว้ก่อนจะหันไปพูดกับทิสซี่

“แกออกไปได้แล้ว แล้วก็เก็บสำรับออกไปด้วย” เขาพูดเสียงเข้ม โดยที่เด็กสาวแอบมองเขาอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นว่าทิสซี่เก็บสำรับอาหารออกไปจากห้องอย่างรีบเร่ง แต่ดูเหมือนนายมัลฟอยจะไม่ได้สังเกตุเห็นสายตาที่เด็กสาวใช้มองเขาแต่อย่างใด เพราะเมื่อเอลฟ์ออกจากห้องไปแล้วเขาก็หันมาพูดกับเธอด้วยท่าทีปกติว่า

“มันอาจจะช้าไปซักหน่อย แต่ที่ฉันมาหาเธอก็เพราะต้องการจะบอกเธอเรื่องกำหนดการงานแต่งงานของเรารวมทั้งนำเอาชุดแต่งงานมาให้เธอด้วย” เขาพูดด้วยท่าทีเรียบเฉยขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างมองเขาอย่างไม่สามารถเก็บอาการตกใจไว้ได้ แน่นอนว่าเด็กสาวรู้ดีว่าเธอจะต้องแต่งงานกับเขาในวันพรุ่งนี้ แต่ในใจลึก ๆ เฮอร์ไมโอนี่กลับแอบคิดอย่างสิ้นหวังว่าบางทีมันอาจจะมีอะไรผิดพลาด บางทีพวกเขาอาจจะเพิ่งมาค้นพบว่าตัวเองจับคนมาผิดและเธอไม่ใช่ทายาทของเรเวนคลอหรือเจ้าหญิงแห่งความมืดแต่อย่างใด หรือไม่ทางภาคีก็อาจจะล่วงรู้ถึงแผนการชั่วร้ายของผู้เสพความตายและส่งคนมาช่วยเธอได้ทันท่วงที

แต่ดูราวกับความหวังเล็ก ๆ ของเฮอร์ไมโอนี่ได้สูญสลายไปสิ้นเมื่อนายลูเซียสพูดประโยคต่อไป

“งานแต่งงานจะมีขึ้นในเวลาหกโมงตรง พรุ่งนี้เวลาสามโมงเบลลาทริกซ์จะมาช่วยเธอแต่งตัวและเธอจะต้องสวมชุดนี้” เขาพูดพลางโบกไม้กายสิทธิ์เบา ๆ และซิปของถุงนั้นก็รูดลงเองด้วยเวทย์มนต์เผยให้เห็นชุดประโปรงยาวสีดำที่มีการตกแต่งด้วยผ้าเนื้อบางสีเขียวเข้มอยู่

เฮอร์ไมโอนี่ตะลึงกับภาพที่เห็น แม้ว่าเธอจะไม่ได้หวังที่จะได้สวมชุดแต่งงานที่สวยที่สุดในวันพรุ่งนี้ก็ตาม แต่เธอก็ไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะต้องสวมชุดเจ้าสาวดำแบบนี้! ถ้าไม่นับผ้าสีเขียวนั้นแล้วชุดนี้ก็ดูไม่ต่างจากชุดของผู้เสพความตายที่ไม่มีส่วนไหนใกล้เคียงกับชุดเจ้าสาวเลยแม้แต่น้อย!
หลังจากสำรวจชุดอยู่ไม่นานเด็กสาวก็เงยหน้าขึ้นมองนายลูเซียสด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตกใจและแสดงออกถึงความไม่เข้าใจ จนชายผมบลอนด์ต้องทวนคำพูดของเขาอีกครั้ง

“เธอจะต้องใส่ชุดเจ้าสาวชุดนี้ในพิธีแต่งงานวันพรุ่งนี้” เขาย้ำอย่างราบเรียบและเฉยชา

“คุณเรียกมันว่าเป็นชุดเจ้าสาวอย่างนั้นหรือ” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

มีร่องรอยของความงุนงงอยู่ในแววตาของนายมัลฟอยเมื่อเธอพูดเช่นนั้นออกไป

“ฉันคิดว่าเธอจะไม่สนใจเสียอีกว่าเธอจะต้องใส่ชุดแบบไหนในงานแต่งงานวันพรุ่งนี้” เขาพูดดักคอและเด็กสาวก็รู้ว่าเธอพลาดเสียแล้ว เธอไม่ควรจะเรียกร้องอะไรในงานแต่งงานครั้งนี้เลยด้วยซ้ำเพราะเขารวมทั้งตัวเธอเองต่างรู้ดีว่าเธอไม่ได้ต้องการให้งานแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าแก้มของเธอร้อนผ่านเมื่อถูกนายลูเซียสมองด้วยท่าทีเป็นต่อขณะที่เขาพูดขึ้น

“ฉันไม่ยักรู้มาก่อนว่าเธอก็เป็นห่วงด้วยว่าชุดแต่งงานที่เธอจะต้องใส่นั้นถูกใจเธอหรือไม่” เขาพูดด้วยท่าทีที่เกือบจะเรียกว่ายียวน จนเด็กสาวอดไม่ได้ที่จะต้องเถียงออกมา

“ฉันไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นซักนิด ฉันก็แค่ไม่อยากใส่ชุดที่ดูเหมือนกับผู้เสพความตายเท่านั้นเอง” เธอเถียงออกไปเท่าที่จะคิดได้ แต่นายลูเซียสกลับยิ้มเพราะคำพูดนั้น เขาก้าวเข้ามาใกล้เธออีกก้าวพลางมองเธอด้วยแววตาที่บอกว่าเขาไม่ประสงค์ดีกับเธอ

“เธอคงไม่โง่พอที่จะคิดว่าตัวเธอเองต่างจากผู้เสพความตายใช่ไหม มิสซิลเวีย แน่นอนว่าเธอไม่ต่างจากพวกเราเลย ถึงจอมมารอาจจะยกย่องเธอให้เป็นเจ้าหญิงก็ตามแต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังคงเป็นหนึ่งในสมุนของท่านเหมือนกับพวกเราอยู่ดี” ชายผมบลอนด์พูดพร้อมกับยิ้มเย้ยหยัน

“แล้วเธอคงไม่ได้คิดจริง ๆ ใช่ไหมว่าเธอจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวในงานแต่งงานวันพรุ่งนี้น่ะ เพราะถ้าเธอคิดเช่นนั้นฉันขอบอกเธอเลยนะว่าเธอคิดผิดเพราะเธอจะต้องใส่ชุดนี้เข้าพิธีกับฉันอย่างไม่มีข้อแม้ อันที่จริงฉันว่าชุดนี้ก็เหมาะกับเธออยู่ไม่น้อยนะ เพราะถึงยังไงเธอก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ว่าเธอเป็นเจ้าหญิงแห่งความมืดได้อยู่แล้วนี่นา” เขาพูดแทงใจดำเด็กสาว และเพราะคำพูดของเขาทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าความอดทนของเธอได้หมดลงตรงนั้น

“คุณหยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ! คุณไม่มีวันมาเข้าใจอะไรหรอก! คุณก็รู้ว่าฉันไม่มีวันต้องการเป็นเจ้าหญิงบ้า ๆ อะไรนี่แม้แต่น้อย ฉัน.......” เด็กสาวแผดเสียงออกมาพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรู เธอยกมือขึ้นปิดหน้าราวกับเธอไม่สามารถพูดจนจบประโยคได้ และสิ่งต่อมาที่นายลูเซียสเห็นก็คือร่างเล็ก ๆ ที่สั่นเทาของเฮอร์ไมโอนี่กำลังร้องไห้อยู่ตรงหน้าเขา


…………………………………………….


แม้จะรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ เขาก็ได้เห็นเด็กสาวที่กำลังจะแต่งงานกับเขาตะโกนและร้องไห้ออกมาแบบนี้ แต่ชายผมบลอนด์กลับเลือกที่จะไม่แสดงท่าดีใด ๆ ออกไป แม้ในใจของเขาจะรู้สึกหงุดหงิดเสียเต็มประดาที่เห็นว่าที่เจ้าสาวของเขาทำตัวไม่ต่างจากเด็กตัวเล็ก ๆ ในตอนนี้ แต่นายลูเซียสก็ไม่ได้ต่อว่าเธอออกไปแต่อย่างใด รวมทั้งเขาก็ไม่ได้พยายามที่จะปลอบใจเธอด้วย เพราะสิ่งเดียวที่เขาทำก็คือมองเธอร้องไห้อยู่เงียบ ๆ เท่านั้น

เฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้อยู่ครู่หนึ่งก็เงียบลง หลังจากเธอสามารถควบคุมอารมณ์ได้แล้วเธอรีบเช็ดน้ำตาของตัวเองอย่างลวก ๆ พร้อมกับหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง นายลูเซียสมองภาพนั้นก่อนจะถอนหายใจ เด็กสาวคนนี้ไม่มีความสมดุลทางด้านอารมณ์เลย แน่นอนว่าเธอเป็นคนฉลาด มีความสามารถ และกล้าหาญ แต่ในบางครั้งเรื่องบางเรื่องก็สามารถทำให้เธอร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กเล็ก ๆ โดยไม่ใส่ใจว่าใครจะมองอยู่ก็ตาม ชายผมบลอนด์คิด
ถ้าหากว่าเธอรู้จักควบคุมอารมณ์มากกว่านี้มันจะเป็นผลดีทั้งกับเธอและเขามากกว่านี้ เพราะการจะทำให้ผู้เสพความตายทั้งหมดยอมรับเธอในฐานะของเจ้าหญิงแห่งความมืดได้นั้นต้องอาศัยอะไรที่มากกว่าความฉลาดหรือโชคชะตา ในบางครั้งมันก็ต้องอาศัยความโหดเหี้ยมที่จะทำให้ผู้อื่นเกรงกลัวซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอยังขาดสิ่งนี้ไป และจากการที่เธอช่วยชีวิตมาดามมัลกิ้นโดยยอมสัญญากับเขาว่าเธอจะยอมเชื่อฟังเขาทุกอย่างทั้ง ๆ ที่หญิงคนนั้นก็ไม่ได้สนิทสนมกับเธอเลยแม้แต่น้อยแสดงให้เห็นว่าเธอยังใจอ่อนอยู่มาก ซึ่งจุดนี้น่าจะกลายเป็นปัญหาของเธอรวมทั้งของเขาด้วยในอนาคต เพราะการเป็นเจ้าหญิงแห่งความมืดที่จะอยู่ในตำแหน่งมือขวาของจอมมารต้องโหดเหี้ยมกกว่านี้มาก อาจจะต้องถึงขั้นเห็นชีวิตคนเป็นมดปลวกเลยทีเดียวซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะสามารถไปถึงขั้นนั้นได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้นายลูเซียสเองก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมดัมเบิลดอร์ที่วางแผนซ่อนเธอไว้กับพวกมักเกิ้ลรวมทั้งซ้อนแผนโดยการให้หมวดคัดสรรส่งเธอไปอยู่กริฟฟินดอร์ด้วย เพราะที่สิ่งตาแก่ดัมเบิลดอร์ได้นั้นไม่ใช่แค่การซ่อนเจ้าหญิงจากจอมมารให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ยังเป็นการทำให้เธอเติบโตในสังคมของมักเกิ้ลและสังคมของเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ซึ่งทั้งโลกเวทย์มนต์ต่างรู้ดีว่ามันแตกต่างจากการถูกเลี้ยงดูจากครอบครัวของพ่อมดแม่มดเลือดบริสุทธิ์และการถูกคัดสรรไปอยู่บ้านสลิธีรินหรือแม้กระทั่งเรเวนคลอมากเพียงใด และด้วยเหตุนี้เธอจึงเติบโตขึ้นเป็นเด็กสาวในแบบที่นักเรียนกริฟฟินดอร์ควรจะเป็นคือกล้าหาญ หากแต่โง่เง่า

แต่เมื่อมองในอีกแง่มุมหนึ่งเฮอร์ไมโอนี่ยังคงเด็กอยู่มาก แม้ว่าเธอจะเป็นทายาทของเรเวนคลอและเจ้าหญิงแห่งความมืดก็ตามแต่เธอก็เป็นแค่แม่มดสาวที่อายุยังไม่ถึง 20 ปีเท่านั้น ซึ่งนายลูเซียสคิดว่าเวลาอาจจะทำให้เธอเปลี่ยนแปลงความคิดได้ หากเธอได้สัมผัสกับศาสตร์มืดมากเพียงพอเธออาจจะหลงใหลมันอย่างที่เขาเป็น รวมทั้งเธอคงเปลี่ยนความคิดมาเข้ากับฝ่ายผู้เสพความตายได้อย่างไม่ยาก มันแค่อาจจะต้องใช้เวลาบ้างเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรชะตาก็กำหนดให้เธอเป็นเจ้าหญิงแห่งความมืดนี่นา ในเมื่อชะตาของเธอกำหนดให้ชีวิตของเธอเข้ามาพัวพันกับสงครามและอำนาจเช่นนี้แล้วเธอจะไปภักดีกับใครได้เล่านอกจากเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ของเขา เธอเกิดมาเพื่อรับใช้ท่านเช่นเดียวกับเขา

และเมื่อคิดถึงตรงนี้นายลูเซียสก็เริ่มยอมรับว่าบางทีเธออาจจะถูกกำหนดให้มาแต่งงานกับเขา แต่นายลูเซียสไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ทำให้เธอต้องมาร่วมชีวิตกับเขานั้นเป็นพรหมลิขิตอย่างที่ชายหญิงทั่วไปเชื่อแบบนั้น แต่เขากลับมองว่าเป็นโชคของเขามากกว่าที่ได้ครอบครองเธอรวมไปถึงอำนาจของเธอด้วย และเมื่อถึงตอนที่เขาได้ครอบครองเธออย่างสมบูรณ์ อำนาจของเธอก็จะตกอยู่ในมือเขาซึ่งเขาจะสามารถใช้มันทำให้จอมมารชนะสงครามในเวลาต่อมา

หลังจากเงียบกันไปนาน นายลูเซียสก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ยังไม่ยอมมองหน้าเขา

“ฉันเข้าใจว่าเธอไม่ได้อยากแต่งงานกับฉัน” เขาเริ่มต้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมแต่ไร้ซึ่งแววเย้ยหยัน เด็กสาวหันมามองเขาเพราะคำพูดนั้น

“และฉันเองก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะแต่งงานกับเธอ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะเราก็ไม่สามารถปฏิเสธโชคชะตาได้จริงไหม “ แม้ว่ามันจะเป็นคำพูดปลอบใจที่ฟังดูแปลกมากก็ตามเมื่อมันออกมาจากปากของลูเซียส มัลฟอย แต่เพราะเหตุใดก็ไม่ทราบมันกลับทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกสงบลงอย่างประหลาด

“และสิ่งเดียวที่เธอต้องทำในตอนนี้ก็มีแค่เชื่อฟังฉันเท่านั้น แล้วทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น” เขาพูดแต่กลับไม่มีแววบังคับอยู่ในน้ำเสียงของเขา ราวกับเขาเพิ่งคิดได้ว่าการบังคับเธอนั้นจะยิ่งทำให้เธอต่อต้านมากกว่าเดิมเขาจึงเห็นว่าควรจะเปลี่ยนไปใช้วิธีโน้มน้าวเธอมากกว่า

“แล้วเธอก็ทำได้โดยเริ่มจากการลองชุดแต่งงานชุดนี้ให้ฉันดูก่อน” เขาพูด และก่อนที่เด็กสาวจะได้เถียงอะไรออกไปนายลูเซียสก็ส่งชุดที่อยู่บนไม้แขวนให้เฮอร์ไมโอนี่ เธอรับมาอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปเปลี่ยนมัน

นายลูเซียสมองภาพเด็กสาวที่ฉุนเฉียวเข้าห้องน้ำไปพลางยิ้มน้อย ๆ กับท่าทีนั้น ขณะที่เขานั่งลงบนโซฟาภายในห้อง เธอยังเด็กอยู่มากแม้ว่าเธอจะเป็นแม่มดที่ฉลาดที่สุดในรุ่นของเธอก็ตามแต่การแสดงออกทางอารมณ์ของเธอนั้นบอกได้เลยว่าวุฒิภาวะทางอารมณ์ของเธอยังไม่ได้เป็นผู้ใหญ่เท่ากับสติปัญญาของเธอเลย ตรงกันข้ามเธอเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่งที่ยังคงฉุนเฉียวง่าย และรักความถูกต้องจนเกินเหตุ และดูเหมือนว่าเขาคงจะต้องเหนื่อยมากกว่านี้แน่ ๆ หากเขาแต่งงานกับเธอไป แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะเขาก็เชื่อว่าเขาสามารถปราบพยศเด็กสาวคนนี้ได้อย่างแน่นอน

และเมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมจอมมารถึงได้ยกเจ้าหญิงให้แต่งงานกับเขาแทนที่จะเป็นเซเวอร์รัส ถ้าไม่นับเรื่องที่เขาเป็นคนพาตัวเธอมามอบให้จอมมารได้สำเร็จแม้จะต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้มากก็ตาม นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าจอมมารล่วงรู้ว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ใช่คนที่จะยินยอมภักดีต่อฝ่ายมืดได้อย่างง่าย ๆ แถมเธอยังเป็นเพื่อนรักของแฮร์รี่ พอตเตอร์อีกด้วย เพราะฉะนั้นการยกเธอให้แต่งงานกับเขาซึ่งเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตคู่มาก่อนคงจะดีกว่า เพราะเขาน่าจะรู้วิธีที่จะควบคุมเธอรวมทั้งโน้มน้าวให้เธอมาภักดีต่อจอมมารได้ดีว่าเซเวอร์รัส นี่ยังไม่นับเรื่องที่เขาเป็นเลือดบริสุทธิ์เช่นเดียวกับเธอด้วย

ริมฝีปากบางของนายลูเซียสยกขึ้นขณะที่เขากำลังคิดหาวิธีปราบพยศเด็กสาวในกรณีที่เธอเกิดมีปัญหาขึ้นมาก่อนเข้าพิธีแต่งงานกับเขาหรือว่าหลังจากนั้น ชายผมบลอนด์ประสานมือทั้งสองของเขาไว้ระดับอกขณะกำลังรอคอยการปรากฏตัวของคู่หมั้นของเขาอยู่

ไม่นานนักประตูห้องน้ำก็เปิดขึ้น และร่างเพรียวบางของเด็กสาวคนหนึ่งก็เดินออกมา ลูเซียส มัลฟอยแทบจะไม่สามารถละสายตาไปจากร่างงามของเฮอร์ไมโอนี่ได้เลยเมื่อเธอเดินออกมาจากห้องน้ำขณะที่สวมชุดแต่งงานที่เขานำมาให้อยู่ ดวงตาสีเงินของนายลูเซียสมองเธออย่างประทับใจระคนแปลกใจ เธอช่างสมบูรณ์แบบ ชุดสีเข้มขับผิวเนียนของเธอให้ดูเปล่งปลั่งขึ้น และนี่เป็นครั้งแรกที่ชายผมบลอนด์ได้เห็นเฮอร์ไมโอนี่ในชุดราตรี เพราะที่ผ่านมาเขามักจะเห็นเธอสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายอย่างมิดชิดอย่างเสื้อคลุมแม่มดหรือไม่ก็สวมชุดของมักเกิ้ลที่มีเสื้อคลุมทับอีกชั้นหนึ่ง และเขาก็เพิ่งสังเกตุเห็นในครั้งนี้เองว่าทรวดทรงองเอวของเด็กสาวนั้นงดงามเพียงใด

เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวมาใกล้กระจกอย่างประหม่า และเมื่อเห็นเช่นนั้นนายลูเซียสจึงเข้าไปจูงมือเธอเข้ามายืนตรงหน้ากระจกพลางสำรวจเงาสะท้อนของเด็กสาวอย่างพอใจก่อนที่เขาจะหยิบบางอย่างออกมาจากเสื้อคลุม มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีเข้มขนาดใหญ่ประมาณหนังสือทั่วไป เฮอร์ไมโอนี่มองมันอย่างสงสัยและเมื่อเห็นเช่นนั้นนายลูเซียสจึงเปิดกล่องกำมะหยี่นั้นออกและเด็กสาวก็พบว่ามันบรรจุเครื่องประดับครบชุดเอาไว้ซึ่งประกอบไปด้วยสร้อยคอที่ทำจากทองคำขาวประดับด้วยมรกต ต่างหูและสร้อยข้อมือที่เข้าชุดกัน ซึ่งเธอยอมรับว่าเครื่องประดับชุดนี้สวยมากถ้าไม่ติดที่ว่านายมัลฟอยต้องการให้เธอใส่มันในงานแต่งงานระหว่างเขากับเธอ

และเฮอร์ไมโอนี่ก็ต้องกระพริบตาอย่างแปลกใจเมื่อชายผมบลอนด์หยิบสร้อยคอออกมาจากกล่องและทำมือราวกับต้องการให้เธอรวบผมของเธอขึ้นก่อนที่เขาจะบรรจงสวมมันลงบนลำคอเรียวระหงส์ของเธอ เด็กสาวรู้สึกขนลุกเมื่อปลายนิ้วของนายลูเซียสสัมผัสเข้ากับลำคอของเธอแต่เธอก็ไม่เลือกที่จะแสดงท่าทีใด ๆ ออกไป ขณะที่เขามองภาพสะท้อนของเธอในกระจกและพึมพำคำชมที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจจับใจความได้ออกมา และเมื่อเธอมองตามเขาไปยังกระจกบ้างเด็กสาวก็ไม่อาจหาข้อโต้เถียงใด ๆ มาวิจารณ์ชุดรวมทั้งครื่องประดับที่เธอกำลังสวมอยู่ได้ แน่นอนว่าทั้งชุดและเครื่องประดับนั้นดูเข้ากันมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะเธอก็ทำใจให้รู้สึกชอบมันไม่ได้อยู่ดีเมื่อคิดว่าเธอจะต้องสวมมันเข้าพิธีแต่งงานกับเขาในวันพรุ่งนี้

เมื่อเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัวอีกครั้งนิ้วเย็นเฉียบของนายมัลฟอยก็แกะสร้อยเส้นนั้นออกจากคอของเธอและเก็บมันลงในกล่องอย่างเบามือ ก่อนจะบอกให้เธอช่วยไปเปลี่ยนชุดคืนให้เขา ซึ่งเด็กสาวก็ทำตามแต่โดยดี และหลังจากที่เธอเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วเขาก็จัดการแขวนชุดแต่งงานนั้นไว้บนเสาสำหรับแขวนชุดก่อนจะวางนำกล่องเครื่องประดับไปวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง และหันมาพูดกับเฮอร์ไมโอนี่

“ฉันขอย้ำกับเธออีกครั้งนะว่างานแต่งงานจะมีขึ้นในเวลาหกโมงเย็น และเบลลาทริกซ์จะมาหาเธอเพื่อช่วยเธอแต่งตัวตั้งแต่สามโมง ฉันเกรงว่าเราคงจะไม่ได้เจอกันอีกจนกว่าจะถึงเวลางาน” เขาอธิบายอีกครั้ง

“ใครจะมาร่วมงานบ้างคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามคำถามที่ทำให้นายลูเซียสหรือแม้กระทั่งตัวเธอเองแปลกใจออกมาได้อย่างไรเธอก็ไม่อาจตอบได้เหมือนกัน แต่เท่าที่เด็กสาวรับรู้ก็คือชายผมบลอนด์มีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยกับคำถามนั้นแต่เขาก็ยอมตอบคำถามของเธอแต่โดยดี

“จอมมารและผู้เสพความตายทุกคนจะมาร่วมงานนี้ รวมทั้งเซเวอร์รัสและเดรโกด้วย” เขาพูด “พวกเขาจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานวันพรุ่งนี้” เมื่อนายลูเซียสพูดจบเฮอร์ไมโอนี่ก็มีสีหน้าตกใจ นี่เขายังสติดีอยู่รึเปล่าที่ให้ลูกชายของตัวเองมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานแต่งงานครั้งใหม่ของเขาแบบนี้น่ะ! แต่เมื่อสังเกตุเห็นสีหน้าอึดอัดใจของชายตรงหน้าเด็กสาวก็พอจะเดาได้ว่าบางทีเขาอาจจะไม่มีทางเลือกพอ ๆ กับเธอก็ได้

“ส่วนเพื่อนเจ้าสาวของเธอก็คือเบลลาทริกซ์กับอะมีเลีย อะมีเลียเป็นผู้เสพความตายที่เธอยังไม่เคยพบน่ะ”

เขาพูดต่อขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ทรุดตัวลงนั่งบนเตียง เยี่ยม! ยอดเยี่ยมจริง ๆ! งานแต่งงานที่เธอต้องใส่ชุดเจ้าสาวสีดำและต้องเข้าพิธีแต่งงานกับผู้เสพความตายที่เป็นพ่อของเดรโก มัลฟอย แถมเพื่อนเจ้าบ่าวก็ยังไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเดรโก มัลฟอยเองกับผู้เสพความตายที่คนเป็นคนสังหารดัมเบิลดอร์อย่างสเนป! ส่วนเพื่อนเจ้าสาวของเธอก็เป็นผู้เสพความตายทั้งสองคน และหนึ่งในนั้นเป็นเบลลทริกซ์ เลสแตรงค์เสียด้วย การแต่งงานครั้งนี้มันช่างยอดเยี่ยมเสียจริง ๆ ทำไมพวกนั้นไม่เอาโวลเดอมอร์มาทำพิธีแต่งงานให้พวกเขาเสียเลยล่ะ!

แต่เมื่อคิดถึงตรงนั้นเด็กสาวก็อ้าปากค้าง เธอเงยหน้าขึ้นมองคู่หมั้นของเธอพลางถามขึ้น

“ใครจะเป็นคนทำพิธีในวันพรุ่งนี้” เสียงที่ดังออกมาจากปากของเฮอร์ไมโอนี่ช่างแผ่วเบานัก ขณะที่นายลูเซียสเดินเข้ามาใกล้เธอที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงอีกสองก้าวจนเด็กสาวต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตาเขา

“เธอรู้ไหมมิสซิลเวียว่าเธอได้รับเกียรติมากแค่ไหนจากจอมมาร” เขาพูดขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับน้ำเสียงนั้นแทงทะลุหัวใจของเธอ นี่พวกเขาล้อเล่นใช่ไหม

“ไม่จริง!” เธอพึมพำออกมาอย่างหมดหวัง ดวงตาสีน้ำตาลดูสับสนยิ่งนัก แม้ว่าเธอจะไม่ยินดีกับการแต่งงานครั้งนี้แม้แต่น้อยก็ตามแต่เฮอร์ไมโอนี่ยังคงคิดว่าการแต่งงานเป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดในชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง และเธอคงต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ถ้าเธอจะต้องเดินเข้าพิธีไปแต่งงานกับลูเซียส มัลฟอยโดยมีโวลเดอมอร์เป็นผู้ประกอบพิธีให้น่ะ!

น้ำตาเริ่มรื้นขอบตาของเด็กสาวอีกครั้ง แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ยกมือขึ้นเช็ดมันออกนายลูเซียสก็ยื่นมือขึ้นไปเชยคางของเธอขึ้นมาเสียก่อน ชายผมบลอนด์จ้องเธอด้วยแววตาสีเงินที่เย็นเยียบก่อนจะพูดขึ้นว่า

“เธอควรจะดีใจนะที่เธอได้รับเกียรตินี้ เธอไม่รู้หรือยังไงว่าเธอเป็นแม่มดที่พิเศษขนาดไหนน่ะมิสซิลเวีย…...” เขาพูดด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้มแต่มันกลับทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกจะเป็นไข้มากกว่าเมื่อเธอตะโกนออกมา

“หยุดซะที หยุดเรียกฉันด้วยชื่อนั้นซะที!” เธอตะโกนออกมาทั้งน้ำตา นายลูเซียสชะงักไปครู่หนึ่งกับท่าทีก้าวร้าวของเธอแต่เขาก็ปรับสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว

“ถ้าอย่างนั้นเธอจะให้ฉันเรียกเธอว่าอะไรดีล่ะ” เขาพูดเสียงนุ่ม
“อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ชื่อนี้” เด็กสาวพูดพลางหลบสายตาเขา
แม้จะรู้ดีว่าพ่อแม้แท้ ๆ ของเธอไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอก็ตาม แต่เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากเธอไม่ได้นามสกุลซิลเวียเธอก็คงจะไม่ต้องมาเผชิญชะตากรรมที่เลวร้ายแบบนี้ ถ้าเธอไม่ใช่ทายาทของเรเวนคลอและเจ้าหญิงแห่งความมืดเธอก็คงมีโอกาสที่จะใช้ชีวิตที่มีความสุขมากกว่านี้

ลูเซียสยิ้มกับท่าทีของเด็กสาว แม้ว่าเธอจะเป็นนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์ก็ตามแต่ในบางครั้งเธอก็มีมุมที่อ่อนแอซึ่งไม่ได้แสดงออกมาให้ใครเห็นบ่อยนัก แล้วชายผมบลอนด์ก็พอใจเหลือเกินที่ได้เห็นเธอในมุมนี้ เพราะมันบอกให้เขารู้ว่าการครอบงำเธอนั้นไม่ได้ยากไปกว่าที่เขาคิดเลย

“เธอไม่สามารถฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองเป็นได้หรอก มิสเกรนเจอร์” เขาเปลี่ยนมาเรียกนามสกุลของพ่อแม่อุปถัมด์ของเธอแทน “ไม่ว่าเธอจะพยายามปฏิเสธมันเพียงใดก็ตาม” เขาพูดพลางมองดูเด็กสาวที่บัดนี้กำลังนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงเงียบ ๆ และเมื่อช่วงเวลาที่น่าอึดอัดผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ดูเหมือนจะทำใจได้และสงบลงแล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้า เด็กสาวมีท่าทีลังเลเล็กน้อยก่อนจะถามออกไป

“ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อแม่ของฉัน ฉันหมายถึงพ่อแม่แท้ ๆ ของฉัน”


…………………………………………….


นายลูเซียสดูแปลกใจไม่น้อยกับคำถามนั้นของเด็กสาว และในวินาทีต่อมาเขาก็นั่งลงบนเตียงถัดจากเฮอร์ไมโอนี่ และยิ้มให้กับท่าทีของเธอเมื่อเธอพยายามเขยิบหนีเขาก่อนจะพูดออกมา

“ฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อของเธอจากความทรงจำของฉันแล้ว” เขาพูดเรียบ ๆ แต่กลับไม่มีแววแสดงอำนาจอยู่ในน้ำเสียงของเขาเลย มันฟังดูนุ่มนวลดุจแพรไหม

เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า

“ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของฉัน ฉันรู้ว่าท่านเสียชีวิตหลังจากพ่อไม่นาน” เธอพูดออกมา

นายลูเซียสมีท่าทีหนักใจกับคำถามของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงชายผมบลอนด์ขยับตัวอย่างอึดอัดใจก่อนจะตอบออกมา

“ชาร์ล็อตต์ ซิลเวียโชคร้ายเพราะความงามของเธอเอง” เขาพูดพลางใช้สายตาสำรวจใบหน้าของเด็กสาวราวกับเขาต้องการหาเค้า ‘ ความงาม ’ ซึ่งเธอได้รับมรดกมาจากแม่มดที่งามที่สุดในฝรั่งเศส

“เธอตายหลังจากถูกฟรองซัวร์ โกริยาร์ดจับตัวไปได้ไม่นาน เธอกระโดดลงมาจากห้องนอนของเขาในวันรุ่งขึ้น ทางกระทรวงเวทย์มนต์ฝรั่งเศสเชื่อว่าชาร์ล็อตต์ถูกฟรองซัวร์ โกริยาร์ด.......รังแก ประกอบกับเธอรู้ข่าวการเสียชีวิตของสามีรวมทั้งการหายตัวไปของลูกสาว เธอก็เลยไม่เหลือเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่”

เฮอร์ไมโอหายใจกระตุกเพราะคำพูดนั้น ดวงหน้างามดูเศร้าหมองขึ้นมาทันทีเมื่อได้รู้ว่าชาร์ล็อตต์ ซิลเวียฆ่าตัวตายเพราะถูกขืนใจ แม้ว่าเด็กสาวจะจำแม่แท้ ๆ ของเธอไม่ได้รวมทั้งเธอไม่ได้มีโอกาสรับรู้เรื่องราวของท่านก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่เมื่อได้มารู้ถึงชะตากรรมอันโหดร้ายที่ท่านต้องเผชิญแล้วเธอก็อดเจ็บปวดแทนไม่ได้ ขณะที่นายลูเซียสมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างเห็นใจแต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป

“แล้วตอนนี้พวกท่านอยู่ที่ไหน ฉันหมายถึงหลุมฝังศพของท่านน่ะค่ะ” เธอถามขึ้นมาหลังจากเงียบไปได้พักหนึ่ง

“ถ้าข้อมูลที่ฉันได้มาไม่ผิดพวกเขาน่าจะถูกฝังอยู่คู่กันในสุสานประจำตระกูลซิลเวียที่ฝรั่งเศส” เขาตอบกลับมาเรียบ ๆ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าอย่างรับรู้พลางคิดในใจว่ามันคงจะดีถ้าหากเธอมีโอกาสไปเยี่ยมหลุมศพของพ่อแม่แท้ ๆ ของเธอซักครั้ง แม้เด็กสาวจะรู้ว่าเธอหวังมากไปก็ตามแต่เธอก็คิดว่าเธอต้องการพบพวกท่านซักครั้งหลังจากที่เธอรู้ความจริงทั้งหมด
และดูเหมือนว่านายลูเซียสจะล่วงรู้ถึงสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่คิดเพราะหลังนั้นไม่นานเขาก็พูดขึ้นมา

“บางทีเธออาจจะไปเยี่ยมหลุมศพของพ่อแม่เธอที่ฝรั่งเศสได้ แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เร็ว ๆ นี้” ชายผมบลอนด์พูดพลางลุกขึ้นจากเตียง ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองตามเขาอย่างสงสัยราวกับเธอไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เธอได้ยินนั้นถูกต้องรึเปล่า คนอย่างลูเซียส มัลฟอยน่ะรึจะใจดีกับเธอถึงขนาดนี้

แต่ก่อนที่เด็กสาวจะสามารถหาคำตอบได้นายลูเซียสก็พูดขึ้นก่อน
“นี่ก็ดึกแล้ว ฉันควรจะปล่อยให้เธอพักผ่อน” เขากล่าว แต่กลับยื่นมือหนึ่งมาดึงร่างของเธอขึ้นมาจากเตียง “แล้วพบกันพรุ่งนี้ในพิธี มิสเกรนเจอร์” นายมัลฟอยพูดพลางจูบเธอที่แก้มเบา ๆ ก่อนจะละจากร่างบาง แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไปเขาก็หันกลับมาพูดกับเด็กสาวอีกครั้ง

“แล้วฉันขอบอกเธอไว้เลยนะว่าการทำลายชุดเจ้าสาวชุดนี้จะไม่ช่วยให้การแต่งงานถูกเลื่อนออกไปเลย เพราะว่าฉันสั่งให้มาดามมัลกิ้นตัดชุดสำรองไว้อีกชุดหนึ่งแล้ว แล้วพบกัน” เขาพูดอย่างรู้ทัน ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่จ้องมองชายตรงหน้าด้วยสายตาที่บอกไม่ได้ว่าเธอโกรธหรือทึ่งมากกว่ากันที่เขารู้ทันเธอขนาดนี้ และภาพที่เธอเห็นต่อมาก็คือแผ่นหลังของนายลูเซียสที่หายลับไปจากประตูซึ่งเป็นภาพสุดท้ายของเขาที่เธอได้เห็นก่อนจะถึงพิธีแต่งงาน
หลังจากนายมัลฟอยออกจากห้องนอนไปแล้ว เด็กสาวก็ทรุดตัวลงกับเตียงพลางกอดเข่าตัวเองไว้ เฮอร์ไมโอนี่รู้ได้เลยว่าเธอจะไม่อาจข่มตาหลับได้เลยในตลอดทั้งค่ำคืนที่เหลืออยู่นี้


…………………………………………….


และก็เป็นอย่างที่เธอคาดไว้จริง ๆ เพราะเฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถนอนหลับได้ในตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาเลย แม้ว่าเด็กสาวจะพยายามจะนอนหลับหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ถึงกระนั้นเธอไม่อาจข่มตาหลับได้เลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเธอกลับพบว่าตัวเองเดินไปเดินมาภายในห้องหรือไม่ก็นั่งกอดเข่าไปจนกระทั่งเช้า และทุกครั้งที่เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะล้มตัวลงนอนภาพชุดแต่งงานที่แขวนอยู่บนผนังก็หลอกหลอนเธอราวกับวิญญาณร้ายมันจึงทำให้เด็กสาวไม่อาจข่มตาหลับได้เลย แม้จะรู้ดีว่าในวันพรุ่งนี้เธอจะต้องใช้เรี่ยวแรงอย่างมหาศาลเพื่อเผชิญเหตุการณ์ที่แสนจะหนักหนาและเลวร้ายที่สุดในชีวิตของเธอก็ตาม

เฮอร์ไมโอนี่นั่งอยู่ในห้องจนถึงเวลาอาหารเช้า ทิสซี่ที่นำอาหารมาให้เธอตามปกตินั้นดูตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอ และมันดูตกใจมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าเธอไม่ได้นอนหลับตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา

“คุณผู้หญิงคงตื่นเต้นมากสินะเจ้าคะ เพราะวันนี้เป็นวันแต่งงานของคุณผู้หญิงกับนายท่าน!” เอลฟ์ร้องเสียงแหลม เด็กสาวแทบจะลำลักอาหารเพราะคำพูดของมันแต่เธอก็เหนื่อยอ่อนเกินที่จะไปอธิบายอะไรออกไปได้

“คุณผู้หญิงรู้ไหมคะว่าทิสซี่ดีใจแค่ไหนตอนที่รู้ว่าคุณผู้หญิงจะมาเป็นนายหญิงมัลฟอยคนต่อไปน่ะเจ้าค่ะ” ทิสซี่พูดเสียงเจื้อยแจ้วพลางขยับตัวเข้ามาใกล้

“บอกตามตรงนะเจ้าคะ คุณผู้หญิงเป็นเจ้านายที่ดีที่สุดเลยค่ะ ทิสซี่ต้องการให้คุณผู้หญิงมาเป็นนายหญิงของทิสซี่ค่ะ! แล้วความฝันของเธอก็เป็นจริงเมื่อนายท่านบอกทิสซี่ให้เธอดูแลคุณผู้หญิงอย่างดีที่สุดเพราะคุณผู้หญิงกำลังจะแต่งงานกับนายท่านและจะมาเป็นนายหญิงคนใหม่ของทิสซี่!” มันพูด และเมื่อเห็นใบหน้าที่เปล่งปลั่งไปด้วยความสุขของเอลฟ์แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจพูดความจริงซึ่งอาจจะเป็นการทำร้ายจิตใจของมันออกไปได้ว่าเธอไม่ได้ต้องการเป็นนายหญิงมัลฟอยเลยแม้แต่น้อย อันที่จริงเธอยอมแต่งงานกับมักเกิ้ลธรรมดา ๆ เสียยังดีกว่าที่จะต้องมาแต่งงานกับลูเซียส มัลฟอยแบนี้ แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ว่าเธอไม่อาจทำอย่างนั้นได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้นเด็กสาวจึงได้แต่พยักหน้าอย่างฝืน ๆ เท่านั้น

“คุณผู้หญิงไม่สบายหรือเปล่าเจ้าคะ หน้าของคุณผู้หญิงดูซีดมากเลยเจ้าค่ะ” เอลฟ์ถามอย่างกังวลเมื่อมันสังเกตุเห็นว่าหน้าของเฮอร์ไมโอนี่นั้นซีดเพียงใด

“ฉันแค่เพลียน่ะ” เด็กสาวตอบอย่างไม่ใส่ใจก่อนที่เอลฟ์จะร้องเสียงแหลม

“อ้อ จริงสิเจ้าคะ ทิสซี่เกือบลืมไปเลย! นายท่านสั่งทิสซี่ไว้เจ้าค่ะว่าให้เอาเครื่องดื่มนี่ให้คุณผู้หญิงดื่ม ถ้าหากคุณผู้หญิงมีท่าทางอ่อนเพลีย” เอลฟ์กล่าวพลางยื่นแก้วสีเงินที่บรรจุอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนน้ำผลไม้เอาไว้

“มันคืออะไรน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้นอย่างระแวงทันทีเมื่อรู้ว่านายลูเซียสเป็นคนสั่งให้เอลฟ์นำสิ่งนี้มาให้เธอ

“เป็นแค่น้ำผลไม้ผสมยาบำรุงและยานอนหลับอ่อน ๆ เจ้าค่ะ” ทิสซี่ตอบเสียงเจื้อยแจ้ว “นายท่านบอกทิสซี่ว่าคุณผู้หญิงอาจจะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ นายท่านเลยสั่งให้ทิสซี่ผสมเครื่องดื่มนี้ให้คุณผู้หญิงดื่มเจ้าค่ะ พอดื่มแล้วเธอจะได้พักผ่อนไปจนกว่าจะถึงพิธีแต่งงาน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฮอร์ไมอนี่ก็รู้สึกโมโหนายลูเซียสขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล อันที่จริงเมื่อลองนึกดูแล้วเธอไม่ได้ไม่พอใจที่เขาเข้ามายุ่งในเรื่องส่วนตัวของเธอแทบจะทุกเรื่องแบบนี้ แต่ในทางกลับกันสิ่งที่ทำให้เธอไม่พอใจก็คือการที่เขารู้ทันเธอไปเสียทุกเรื่องราวกับเขาสามารถอ่านใจเธอได้ ซึ่งมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเป็นแม่มดที่ฉลาดที่สุดในรุ่นและไม่เคยมีใครเอาชนะหรือรู้ทันเธอแบบนี้มาก่อนหงุดหงิดมากกว่าอะไรทั้งหมด บวกกับความจริงที่ว่าเธอกำลังจะแต่งงานกับเขาด้วยแล้วมันยิ่งทำให้เด็กสาวเกรงกลัวว่าเขาจะเป็นคนที่มากำราบเธอได้!

และแล้วจู่ ๆ คำพูดของชายผมบลอนด์ก็ดังขึ้นในหัวของเด็กสาว

‘ และสิ่งเดียวที่เธอต้องทำในตอนนี้ก็มีแค่เชื่อฟังฉันเท่านั้น แล้วทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น ’

แน่นอนว่าการเชื่อฟังเขาเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธออยากจะทำ เพียงแต่ว่าบางครั้งเธอก็ไม่อาจหาเหตุผลมาโต้เถียงในสิ่งที่เขาสั่งได้ เช่นเดียวกับในครั้งนี้ และเมื่อเป็นเช่นนั้นเฮอร์โอนี่จึงตัดสินใจยื่นมือไปรับแก้วสีเงินจากทิสซี่แต่โดยดี เด็กสาวดื่มมันหลังจากทานอาหารเสร็จ [เธอทานน้อยเสียจนเอลฟ์กังวล] หลังจากนั้นเฮอร์โอนี่กล่าวขอบคุณเอลฟ์ที่นำอาหารมาให้เธอขณะมันกำลังเก็บสำรับ พร้อมกับเสริมว่าเธอต้องการการพักผ่อนมากกว่าอะไรทั้งหมด

และเมื่อทิสซี่ออกจากห้องไปแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ขณะที่กำลังรอให้ตัวเองหลับอยู่นั้นสายตาของเด็กสาวก็ทอดไปยังเพดานพร้อมกับครุ่นคิดเรื่องการแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นรวมทั้งเรื่องของลูเซียส มัลฟอย เจ้าบ่าวของเธอ

หลังจากใช้ความคิดอยู่ไม่นานเฮอร์ไมโอนี่ก็สามารถหาเหตุผลที่ชายคนนี้รู้ทันความคิดของเธอทุก ๆ เรื่องแบบนี้ได้ ซึ่งเด็กสาวคิดว่ามันน่าจะเป็นเพราะประสบการณ์ที่มากกว่าของเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอายุที่มากกว่าเธอมากรวมทั้งเรื่องที่เขาเคยแต่งงานมาแล้วและการที่เขาเป็นผู้เสพความตายด้วยนั้นพอจะอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงเดาใจเธอออกโดยไม่ต้องอาศัยการพินิจใจแบบนี้ และเมื่อคิดถึงตรงนี้เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ตัวว่าเธอคงจะต้องลำบากไม่น้อยเป็นแน่หลังจากแต่งงานกับเขาไป เพราะแน่นอนว่าหลังจากแต่งงานไปแล้วนายลูเซียสคงต้องพยายามทำทุกวิถีทางให้ชีวิตของเธออยู่ภายใต้การควบคุมของเขา และที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือการที่ได้รับรู้ความจริงที่ว่า เธอคงจะต้องลำบากมากอย่างแน่นอนที่จะต่อกรกับคนที่อยู่เหนือเธอทุกอย่าง รวมทั้งสามารถอ่านใจเธอออกได้อย่างง่ายดายแบบนี้

ใช่ เธอคงต้องลำบากมากอย่างแน่นอน เด็กสาวคิดได้เพียงเท่านั้นก่อนจะรู้สึกถึงความง่วงงุนที่เข้าจู่โจมเธอเป็นครั้งแรกในเวลาสิบชั่วโมงที่ผ่านมา และก่อนที่เธอจะคิดหาวิธีต่อต้านนายลูเซียสได้เฮอร์ไมโอนี่ก็จมดิ่งสู่ห่วงนิทราอย่างที่เธอไม่สามารถจะต้านทานได้



*************************************************


มีต่อ PART II นะคะ




Create Date : 23 พฤษภาคม 2555
Last Update : 23 สิงหาคม 2555 9:04:16 น. 0 comments
Counter : 1322 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

piksi
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 95 คน [?]




สวัสดีค่ะ เรา piksi นะคะ เรียกสั้น ๆ ว่าพิกก็ได้ค่ะ เราเป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์คนหนึ่งที่ชื่นชอบคู่ D/Hr มากเลยค่ะ รวมทั้งรัก Tom Felton สุดหัวใจ >-< ใครที่ชอบคู่นี้และชื่นชอบทอมเหมือนกัน เค้ามาคุยกันนะคะ
Friends' blogs
[Add piksi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.